วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2563

ความกลัวไม่เคยหายไปไหน จงอยู่กับมันอย่างมีสติ


บางทีเราก็รู้สึกกังวลกับอนาคตที่มองไม่เห็น  กังวลถึงวันพรุ่งนี้ที่ยังมาไม่ถึง  กังวลเรื่องปัญหาชีวิต เงินทอง  เเละเรื่องทางโลก  อะไรที่ทำให้เราเป็นอย่างนั้น  ก็เพราะเราคือมนุษย์โลก  เรายังต้องใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ไงละ  คนที่มีมากก็ทุกข์มาก  คนที่มีน้อยก็ทุกข์เพราะไม่มี  ชีวิตถ้าเราหาความพอดีไม่เจอ  ชีวิตเราก็จะวนเวียนไปอย่างนี้ 

โดยไม่อาจรู้เลยว่าอะไรคือเป้าหมายที่แท้จริงในชีวิต  

เราควรจะเดินไปในทิศทางไหน  แล้วจะทำอย่างไรให้เรามีความสุขกับเส้นทางที่เราเลือกเดิน  บางทีคนเราก็จะกลับมาตั้งคำถามว่า  สิ่งที่เราได้ทำลงไปนั้นมันดีหรือไม่  อะไรคือสาเหตุทำให้เราไม่แน่ใจในสิ่งที่เราทำ  นั่นก็เพราะเราไม่มีการวางแผน  เราไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการที่จะลงมือทำอะไร  บางทีเราเอาแต่มองคนอื่นว่าเป็นความโชคดี  แต่อันที่จริงมันคือการที่เขาชัดเจนกับสิ่งที่ทำ  เขาอาจไม่ใช่คนที่เก่งที่สุด  แต่ทำไปอย่างไม่ลดละ  จนในที่สุดมันก็เห็นผลลัพธ์ออกมาอย่างชัดเจน

หลายคนกลัวกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น  ความกลัวไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้น  สิ่งที่ดีที่สุดก็คือการทำปัจจุบันของเรานั่นแหละให้มันดีที่สุด  ถ้าเราทำปัจจุบันดีอนาคตของเราก็ย่อมดีแน่นอน  หรือบางทีเรื่องที่มันพลาดไปแล้วก็อย่าเก็บเอามาคิดให้เจ็บใจไปเลย  อย่ามาขุดหลุมฝั่งตัวเองเลย  ก้าวใหม่และเดินไปข้างหน้า  ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนต้องดำเนินต่อไป  เพื่อให้เราก้าวข้ามปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่ผ่านพ้นเข้ามาในชีวิตได้  แท้ที่จริงปัญหาคือยาดี  ที่ทำให้เราเกิดภูมิคุ้มกันตัวเรา

ในช่วงชีวิตที่เรารู้สึกว่าตัวเราลำบาก ก็ขอให้คิดซะว่ามันคือบททดสอบ  ถ้าเราสอบผ่านก็สามารถให้กราฟชีวิตเราพุ่งทะยานขึ้นสูงได้  แต่ก็อย่างที่ทุกคนทราบ  เพราะชีวิคคือความแน่นอน  ความไม่ประมาท จึงเป็นสิ่งที่เราควรทบทวนพิจารณาอย่างเสมอ  ตอนเป็นเด็กเราก็มีความกังวลแบบเด็ก   พอเราโตขึ้น  เรารู้อะไรมากขึ้น  ความกลัวเราก็มากขึ้นตามไปด้วย  นั่นทำให้เห็นว่าความกลัวไม่เคยหายไปไหน  มันยังมีอยู่กับเราเสมอ  เพียงแต่ว่าเราจะมีวิธีจัดการกับมันอย่างไรต่างหาก 

สติเป็นเรื่องที่อยู่กับเรามาอย่างยาวนั้น  มันช่วยให้คุณต่อสู้กับความกลัวต่าง ๆ ที่เข้ามาหาคุณในชีวิตได้  เพราะฉะนั้น จงฝึกสติ  ฝึกจิตคุณให้นิ่งตลอดเวลา  เพราะจิตที่นิ่งมักจะแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ดีกว่า  ภาวะจิตที่วุ่นวาย  สับสน หรือกังวลกับอะไรบางอย่าง

- เวลาที่เหนื่อย ๆ ก็พักก่อนอย่างเพิ่งรีบด่วนตัดสินใจอะไร
- เวลาที่คุณโกรธ  ก็รอให้หายโกรธก่อนค่อยมาคุยกันใหม่
- เวลาที่คุณเศร้า ท้อใจ หมดกำลังใจ  ลองหาอะไรใหม่ ๆทำ หรือไม่ก็ลองออกท่องเที่ยว เดินทาง
- เวลาที่รู้สึกหมดหวัง ล้มเหลวกับชีวิต  ขอให้หยุดทบทวนตัวเองก่อนสักนิด

สิ่งเหล่านี้มันคือเรื่องธรรมชาติ   มันเป็นธรรมดาของมนุษย์ที่คุณเกิดมา  และต้องมีโอกาสพบเจอมันสักครั้งหนึ่ง  ไม่แปลกอะไรเลย  แค่เข้าใจมัน  และอย่าได้ถอดใจ มีปัญหาก็ค่อย ๆ แก้ไปทีละนิด ๆ  อย่าเราแต่มานั่งทุกข์ใจเพราะไม่ได้ช่วยอะไร  ปัญหาก็ไม่ได้ลด  ไม่มีใครเก่งไปหมดทุกเรื่อง ทุกอย่างมันต้องอาศัยการฝึกฝน และใช้เวลาของมัน  คุณทำได้ถ้าเชื่อว่าคุณทำได้ครับ..

เวลาที่เกิดปัญหา อย่าแสดงความเห็นแก่ตัวออกมา


ดูข่าวช่วงนี้มีแต่เรื่องที่ทำให้เราจิตตก  ธรรมชาติกำลังให้บทเรียนที่สำคัญกับมนุษย์เราอยู่  ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้น  ก็ด้วยน้ำมือของมนุษย์  สิ่งที่จะแก้ปัญหาได้ดีที่สุดก็คงไม่พ้นตัวมนุษย์นั้นแหละครับ  ผมเคยคิดนะครับว่า  ยิ่งโลกเราพัฒนามากขึ้นเท่าไหร่  สิ่งดีๆก็จะเกิดกับโลกมากขึ้น  ในทางกลับกันปัญหากลับมากขึ้นกว่าเดิมไปซะอีก  แล้วเทคโนโลยีคือสิ่งที่จำเป็นกับมนุษย์จริงหรือ

เทคโนโลยีก็คือสิ่งที่มนุษย์เราสร้างขึ้น  เรามองเห็นแต่ข้อดีของสิ่งต่าง ๆ  แต่สิ่งที่เราหลงลืมไปนั่นก็คือ ผลกระทบที่ตามมากับเทคโนโลยี  รวมถึงสิ่งแวดล้อมต่อสังคม  ถ้าหากจะพูดไม่ผิดก็คือ มนุษย์ในยุคนี้  ความรับผิดชอบต่อสังคมน้อยลงไปทุกที  นั่นเพราะเรามองเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว  ทั้งที่จริงแล้วมนุษย์เรา  อาศัยกันบนโลกใบนี้เป็นสังคม  ทุกฝ่ายจะต้องอยู่ร่วมกันและสร้างความสวยงาม  ความดีงามให้กับโลกใบนี้  แต่นี่ทุกคนกำลังจะทำลายโลก  ในทุกๆด้าน  ไม่ว่าจะ

-ปัญหาโลกร้อน
-ปัญหาไวรัสระบาด
-ปัญหากลไกลของราคาสินค้าและค่าเงิน

สิ่งเหล่านี้ก็เกิดขึ้นจากน้ำมือของมนุษย์ด้วยกันทั้งนั้น  มันไม่มีประโยชน์เลยว่าจะมาโทษว่า ใครผิด ใครถูก  พอปัญหาขึ้นทุกคนในสังคมก็ต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาอยู่ดี  ถ้าหากคิดว่าเรื่องเหล่านี้ไม่เกี่ยวกับตัวเอง  ในที่สุดพอปัญหาลุกลามมันก็จะมาเกี่ยวข้องกับคุณอยู่ดี  ไม่ว่าจะด้วยทางตรงหรือทางอ้อม  พอถึงวันมนุษย์ก็ต่างออกมาเรียกร้อง  ถึงความเป็นธรรม สิทธิ์ เสรีภาพต่าง ๆ  เห็นไหมละครับว่า เรื่องบางอย่างสังคมถูกออกแบบมาให้มนุษย์เราอยู่ร่วมกัน  ปัญหาส่วนรวมจึงสำคัญมากกว่าปัญหาส่วนตัว

เราต้องแยกให้ออกว่า  สิ่งที่เราทำนั้นทำเพื่อส่วนรวม หรือเพื่อตัวเราเองกันแน่  ถ้าสิ่งนั้นเป็นการทำเพื่อตัวเอง  ก็หันมาทบทวนหน่อยว่า  มันจะสร้างความเดือนร้อนไปถึงส่วนรวมหรือไม่  ถ้าไม่ค่อยตัดสินใจทำ  แต่ถ้าใช่แน่นอนผลกระทบต่อส่วนรวม  คุณก็ต้องมาทบทวนและหาทางออกให้กับปัญหาเหล่านี้  ทุกคนต่างก็รักตัว  กลัวตายกันทั้งนั้น  ไม่มีใครไม่เห็นเเก่ตัว  แต่คุณก็ไม่ควรไปเอาเปรียบใคร หรือเอาเปรียบส่วนรวม

ในยามนี้ผมอยากให้ทุกคนรักกันให้มากขึ้น  เห็นอกเห็นใจเพื่อมนุษย์ด้วยกัน  อย่าได้แบ่งแยก ชนชาติ ศาสนากันเลย  เราคือเพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตายกัน  เพราะฉะนั้น ในเวลานี้สิ่งที่ดีที่สุดก็คือ ความรัก การแบ่งปัน ซึ่งกันและกัน อย่าแสดงความเห็นแก่ตัวออกมาในยามที่เกิดปัญหา  เพราะวันนี้เมื่อปัญหาหมดไป  คุณจะไม่เหลือใคร  ไม่มีใครอยากคบหา  หรือติดต่อกับคุณอย่างแน่นอน  อยากให้คนรักก็จงมอบความรักให้คนอื่นก่อน  เราไม่ชอบอะไรก็อย่าไปทำสิ่งนั้นกับคนอื่น  เพียงเท่านี้ชีวิตเราก็ถือว่าเราเดินสายกลางได้แล้ว  ยังไงผมก็ขอให้ทุกคนปลอดภัย จากโรคร้ายในช่วงนี้นะครับ   .......


วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2563

ทบทวนและใช้ชีวิตอย่างมีสติทุกเวลา




หลายปีมานี้ชาวต่างชาติหันมานับถือศาสนาพุทธกันมากขึ้น  แตกต่างกันกับคนไทยที่มักจะหลงลืม  ไม่ยึดแก่นแท้  แต่ไปสนใจแต่ตัวพิธีการมากเกินความจำเป็น  ที่ผมกล่าวมานี้ไม่ได้เจตนาจะตำหนิติเตียนใครนะครับ  แค่อยากเตือนสติพี่น้องครับ

ศาสนามีมาคู่กับประเทศไทยเรามาอย่างยาวนาน  เราจะเห็นได้ว่าวัฒนธรรมต่าง ๆ ล้วนมีผลมาจากความเชื่อทางด้านศาสนา  ผสมผสานเข้ากับวิถีชุมชนในแต่ละท้องที่  ประเทศเราโชคดีมาก  เรามีวัฒนธรรมที่หลากหลายและมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น  และควรอนุรักษ์รักษาเอาไว้  หลายคนหลงลืมรากเหงาของตัวเอง  ไปสนใจวัฒนธรรมต่างชาติ  ต่างภาษา จนไม่รู้ว่าของตัวเองมีดีขนาดไหน  ที่ผมกล่าวมานี้ไม่ใช่วัฒนธรรมต่างชาติไม่ดีนะครับ  ทุกชาติมีความสวยงามในตัวของมันอยู่แล้ว

หากจะกล่าวว่าของใครดีกว่าใครหาควรทำไม่  แต่สิ่งที่สำคัญคือจะทำอย่างไรให้วัฒนธรรมประเพณีของเราคงอยู่ยาวนานไป ชั่วลูก ชั่วหลาน  ไม่ใช่เพียงเพื่อเพยแพร่วัฒนธรรม  โดยไปเน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศเท่านั้น  ผมอยากให้คนไทยตระหนักกันมากขึ้น  จะเห็นได้จากข่าวล่าสุดเกี่ยวกับโคโรน่าไวรัส  ส่งผลกระทบอย่างมากในวงกว้างของประเทศเรา  นั่นก็คือ ธุรกิจการโรงแรมและการท่องเที่ยว  เราพึ่งพาธุรกิจนี้มากเกินไป  พอกระทบทีกระทบเป็นห่วงโซ่เลย  ผมว่า..เราควรหันกลับมาทบทวนตัวเองได้แล้วว่า  นอกจากภาคการท่องเที่ยวแล้ว  เรายังมีอะไรดีอยู่อีก  แล้วสนับสนุนมันไปพร้อม ๆ กัน  การพึ่งพาแต่ธุรกิจเดียว  พอกระทบมาที จะมาคาดหวังให้รัฐบาลเข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้ทั้งหมดนั้น  ย่อมเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมาก

ตามหลักคำสอนของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ได้พูดไว้เสมอในเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง  ซึ่งเราคนไทยทุกคนก็รู้เรื่องนี้ดีเสมอมา  มันไม่เคยเก่า ยิ่งนับว่าระบบเศรษฐกิจก็ยิ่งมีความซับซ้อนมากขึ้น  จนบางทีนักเศรษฐศาสตร์ยังไม่อาจเข้าใจได้ทั้งหมด  นั้นเพราะมนุษย์นั่นแหละไม่ทำตามกลไกของระบบ  แต่ไปปรับปรุงเปลี่ยนวิธีการของมันจนมันผิดเพี้ยนไปหมด  การหันมาพึ่งพาตนเอง  พออยู่ พอกิน รู้จักประมาณตนเอง และการใช้จ่ายให้พอดี  แค่นี้คุณก็สามารถรอดพ้นจากยุคเศรษฐกิจแบบนี้ได้แล้ว ตนเป็นที่พึ่งที่ดีที่สุดในสถานการณ์ตอนนี้ครับ

พ่อหลวงของเราไม่เคยบอกว่าทุกคนต้องรวย  แต่ท่านเน้นเรื่องความอยู่ดี กินดี  เหลือก็ขาย  แค่นี้ชีวิตก็รวยแล้ว  การมีทรัพย์สินเงินทองล้นฟ้า  แต่คุณก็ไม่สามารถเอาอะไรไปได้  เพราะมันคือสัจธรรม  สิ่งเหล่านี้มันใช้ได้แค่ในโลกมนุษย์เท่านั้น  โลกหลังความตาย  ความดี-ความชั่ว เท่านั้นที่จะตัดสินคุณทุกอย่าง  ในสถานที่เเย่ ๆ  เราควรทำความดีให้มาก ๆ คิด ทำ พูด แต่สิ่งที่ดี ๆ  อย่าเป็นคนคิดลบ  ใครจะดี จะชั่ว  ก็ปล่อยเขาไป  ตัวเราต้องระมัดระวังตัวเอง  ตั้งตนให้อยู่ในแนวทางที่ดี ผมยังเชื่อมั่นตามหลักพ่อหลวงว่า..คนเราทำดี  ก็ต้องได้รับผลตอบแทนดี ๆ ครับ
ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่มีโอกาสได้เกิดมาพบศาสนาพุทธ  ศาสนาที่อธิบายเรื่องธรรมชาติและความเป็นไปของธรรมชาติ  ได้อย่างสมเหตุผล  สามารถพิสูจน์ได้ไม่ได้ใช่คาดเรา  หรือเชื่อแบบไม่มีเหตุผล คนดีเท่านั้นที่จะรอดพ้นจากสถานการณ์แย่ ๆ ได้  อย่างสุภาษิตที่ว่า  "คนดี ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม" 

กล้าที่จะแตกต่างและเป็นตัวเอง

เรียกว่าห่างหายกันไปนานมากเลยครับ  ช่วงที่ไปพักกายพักจิตใจ  ทำให้เราสามารถแยกแยะได้ว่า  อะไรที่จำเป็นและสำคัญกับชีวิตของเรากันแน่   คนบางคนผ...