วันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2564

เรียนรู้ความแตกต่างจากผู้คนสิ่งนี้จะทำให้เราเข้าใจตัวเราเองมากขึ้น



การเข้าใจความแตกต่างระหว่างคนที่มีความคิดระหว่าง สมองซีกซ้ายและสมองซีกขวานั้น เพื่อให้เราได้เข้าใจและทำความแตกต่างระหว่างบุคคลเพื่อให้ง่ายในการเข้าใจในความแตกต่างในบุคคลนั้น ๆ

รวมทั้งตัวของเราด้วย การเข้าใจธรรมชาติของตัวเราเองนั้นมันจะทำให้เราง่ายต่อการปรับตัวและเรียนรู้ในรูปแบบที่เป็นตัวเรา และสามารถแก้ไขปัญหาของตัวเราเองได้อย่างชัดเจน มีคำกล่าวโดยสรุป
ของศาสตราจารย์ Roger Sperry จากมหาวิทยาลัย Caltech เคยได้รับรางวัลสาขาการแพทย์ พอสรุปได้ดังนี้

คนที่มีสมองซีกซ้าย จะมองเห็นเหตุผลตามลำดับ ทำการวิเคราะห์รายละเอียด และมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์แบบตรงไปตรงมา นักคิดในกลุ่มนี้เป็นนักคิดแบบเส้นตรง โดยมากมักจะเป็นที่มีความเฉลียดฉลาด

คนที่มีสมองซีกขวา จะเป็นพวกที่คิดคลองคลุมในหลาย ๆ เรื่อง จดจำและประกอบขึ้นมาเป็นภาพใหญ่ ๆ นักคิดในกลุ่มนี้คือพวกที่ชอบคิดนอกกรอบ มีความเก่งรอบด้านโดยมากมักจะเป็นคนที่มีความหัวแหลม

ความแตกต่างระหว่างคนสมองซีกซ้ายและซีกขวานั้น พวกเขาจะมีความเข้าใจในความแตกต่างนั้นในการรับคำสั่งจากด้านที่อยู่ตรงกันข้าม โดยมากแล้วกลุ่มสมองคนซีกซ้ายนั้นมักจะมองคนที่มีสมองซีกขวานั้นว่าเป็นคนที่ สับสน และ เข้าใจยาก ในขณะคนที่สมองซีกขวามักจะมองคนที่มีสมองซีกซ้ายว่าเป็นพวก พูดตรง หรือ ใจแคบ นี่แหละว่าทำไมมนุษย์จึงมีความแตกต่างกันอย่างมาก สาเหตุก็มาจากปัจจัยและการเลี้ยงดูที่แตกต่างกัน แต่ไม่ว่าจะด้วยวิธีการไหน ๆ มนุษย์ทุกคนล้วนมีศักยภาพในตัวของตัวเองอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าเราเข้าใจในตัวเองมากแค่ไหน และสามารถดึงศักยภาพของตัวเองออกมาใช้ได้ดีขนาดไหน


คนบางคนประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว อาจเพราะเขามีเป้าหมายที่ชัดเจน

คนบางคนประสบความสำเร็จ อาจต้องใช้เวลาเรียนรู้ ลองผิด ลองถูกเป็นสิบ ๆ กว่าจะเข้าใจทุกอย่าง
คนบางคนประสบความสำเร็จ ด้วยเพราะมีบุคคลอื่นให้การช่วยเหลือ อาจมาจากต้นทุนทางสังคมที่ดีกว่า ครอบครัวที่มีพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว
คนบางคนประสบความสำเร็จ ด้วยเพราะความุ่งมั่น และความขยันหมั่นเพียร ถึงแม้จะล้มเหลวกี่ครั้ง แต่ก็ไม่ยอมล้มเลิก

ความสำเร็จจึงไม่มีสูตรที่ตายตัวนะครับ เพราะแะนั้นอย่าได้ไปอิจฉาความสำเร็จของคนอื่นเลย เพราะเราไม่รู้หรอกว่าเส้นทางของเขานั้น กว่าเขาจะผ่านมาจนถึงจุดนี้มันต้องแลกด้วยอะไรบ้าง ใครที่โชคดีก็ดีไป แต่ใครที่ยังไม่สำเร็จก็ขออย่าได้ท้อแท้ใจไปนะครับ เพราะเส้นทางความสำเร็จมักจะไม่ซ้ำรอยเดิม เราอาจเรียนรู้จากคนที่เขาประสบความสำเร็จได้ แต่ในท้ายที่สุดเราก็ต้องมีเส้นทางของตัวเราเองครับ ไม่มีใครจะเดินตามเส้นทางของคนอื่นไปได้ตลอด เพราะต่างคนต่างวิถึ มีความคิดความฝัน และประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างกันออกไป ความสุข ความทุกข์ ความเจ็บปวด ความล้มเหลวในชีวิต ต่างก็เป็นบทเรียนที่มีค่าสำหรับทุกคน ในแบบที่แตกต่างกันออกไป จงยอมรับความแตกต่าง และเรียนรู้ในแบบที่เป็นตัวเราจริง ๆ เพราะชีวิตเรานั้นสามารถออกแบบได้อย่างแน่นอนครับ..

 

วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2564

เคล็ดลับสร้างความสุขได้ง่าย ๆ



หลายคนวิ่งตามหาความสุข  แต่ก็ไม่มีทางได้เจอเลยเพราะอะไรนั้นหรือครับ  เพราะความสุขนั้นมันอยู่รอบตัวเรานั้นเอง  เพียงแค่เรามองหาเราก็จะมองเห็นมันครับ  สำหรับเคล็บลับการสร้างความสุขฉบับง่าย ๆ ลองมาดูกันครับ

1.ก็คือการอยู่กับปัจจุบัน โดยที่ตัวเราไม่ต้องไปคิดปรุงแต่งอะไรมากมายกับชีวิต นี่คือเคล็ดลับความสุขที่แท้จริง
2.อย่าพยายามให้ใครเข้ามาควบคุมชีวิตของเรา เพราะเราคือเจ้าชีวิตเรามีสิทธิ์ที่จะให้ใครเข้ามา และไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาในชีวิตเราก็ได้ใครที่เข้ามาล้อเล่นกับชีวิตของเราก็อย่าอนุญาตให้เขาเข้ามา
3.เป้นตัวของตัวเอง สร้างเสน่ห์โดยไม่ต้องไปสนใจนะครับว่าตัวเรานั้นแตกต่างแค่ไหน ความแตกต่างบางทีมันก็น่าสนใจไม่น้อยเลยครับ
4.อย่าพยายามเป็นคนอื่น เพราะอะไรที่มันไม่ใช่ ไม่ใช่ไลน์สไตส์ของเรานั้นในที่สุดเราก็จะเกิดความทุกข์ เมื่อจิตใจเต็มไปด้วยความทุกข์ไปที่ไหนก็ไม่ดีหรอกครับ ทุกอย่างมันจะค่อย ๆ พังลงทีละน้อย
5.รู้จักการวางแผน การไม่วางแผนนั่นแหละทำให้เราเคลียดและวุ่นวายกับชีวิต แต่ถ้าเรามีการวางแผนไว้แล้ว กล้ายอมรับความจริงตรงหน้า ค่อย ๆ แก้ไขปัญหานั่นแหละคือสิ่งวิเศษที่ทำให้ตัวเรามีความสุข


จะเห็นได้ว่าทุกอย่างเริ่มต้นที่ใจครับ ถ้าใจเราสุขทุกสิ่งทุกอย่างก็สุขได้ ถ้าใจเราไม่สุขอยู่ที่ไหนก็ไม่สุขครับ การรักษาระดับของจิตใจตัวเองนั้นสำคัญที่สุด จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว ถ้าควบคุมจิตได้ ควบคุมสติอารมณ์ของตัวเองได้ ไปอยู่ที่ไหนก็มีโอกาสสูงครับที่คุณจะประสบความสำเร็จในชีวิต บางทีมนุษย์เรานั้นเอาแต่กังวลกับเรื่องทางโลก เป็นต้นว่า หนี้สิ้น การวิ่งตามหาความสุข การวิ่งตามหาเงินทอง/ความร่ำรวย ทั้งที่ในความเป็นจริงเราลืมสนใจไปว่า ยังมีสิ่งที่สำคัญกว่านั้น เพราะชีวิตเราอยู่ไม่ถึง 100 ปีนะครับ เพราะฉะนั้น การจะทำอะไรต้องตั้งใจ และวางแผนชีวิตให้ดีเลย 1 ทางเลือกของชีวิต ย่อมเปลี่ยนแปลงชีวิตเรานั้นไปตลอดกาลเลย เลือกและคิดให้ดีก่อน แต่ทุกการเลือกควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของความสุขนะครับ ลองใช้ความสุขเป็นตัวนำทาง

ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีหนทางของมัน ความสำเร็จของคนเรานั้นมันไม่เท่ากัน มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณพอใจกับมันในระดับไหน เมื่อเรารู้จักรักษาระดับความพึงพอใจ รู้จักควบคุมอารมณ์และยึดมั่นในเส้นทางที่เราได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ โดยที่เรานั้นไม่ต้องไปเปรียบเทียบตัวเราเองกับใคร เพียงแค่นี้มั่นใจได้เลยครับว่าคุณสำเร็จอย่างแน่นอน สำเร็จในแบบที่เป็นเรานะครับ ไม่ใช่สำเร็จตามแบบฉบับของคนอื่นที่เขาวัดความสำเร็จกัน จงมั่นใจในตัวตนของคุณ มองให้เห็นโอกาสในทุกปัญหาเพียงแค่นี้ ตัวคุณนั้นก็สำเร็จไปครึ่งทางแล้วครับ

วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2564

เสน่ห์ของการเป็นตัวของตัวเอง


การเป็นตัวของเราเอง  และกล้ายืนหยัดที่จะเป็นเรานั้นมันดีที่สุดแล้ว   อย่าเอามาตรฐานคนอื่นมาเป็นมาตรฐานของเราเลย  เราต้องมีจุดยืนของตัวเองมีมาตรฐานในแบบที่ตัวเราต้องการ  การเป็นตัวของตัวเองนั้นแหละคือคุณสมบัติพิเศษที่สุด  บางทีการที่คุณรู้สึกเหนื่อย นั่นเพราะตัวคุณเอาแต่คิดไปเรื่อย  ไม่อยู่กับปัจจุบัน แล้วเอาตัวเองไปยึดติดกับคนอื่นสิ่งอื่นทั้งหลายให้วุ่นวายไปหมด  เลือกแคร์คนอื่นน้อยลงบ้าง เป็นเราในแบบที่เราต้องการ  ผมเชื่อว่าโลกใบนี้  พรสวรรค์สร้างให้มนุษย์นั้นแตกต่างกัน  ตามแต่วาระของกรรมที่เราสะสมไว้  คนบางคนฉลาดมาก คนบางคนมีเสน่ห์มาก คนบางคนดูร้ายมาก  นั่นก็เพราะกรรมที่ต่างก็จัดสรรมาทั้งสิ้น

ข้อสำคัญคือ ศีล  ถ้าคุณเป็นคนมีศีล สิ่งที่ออกมาจากภายในจะสะท้อนสิ่งที่ผู้คนมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของคุณ   เราจะเป็นคนมีเสน่ห์น่าหลงใหล  เราแทบไม่ต้องไปทำอะไรเลย  เพราะผู้คนจะเข้าหาเราเอง มีแต่คนอยากที่จะคบค้าสมาคมกับเรา  นั่นเพราะกรรมดีที่เราสร้างไว้  เหมือนได้บุญกุศลจากตัวเราไปด้วย  นั่นเพราะเรารักษาศีล ศีลก็รักษาเรานั้นเอง  ไม่มีของดีวิเศษอะไรในโลกจริงหรอก มีแต่บุญกุศลที่เราสะสมไว้นั่นแหละจะสร้างเสน่ห์ให้เราเอง

เวลาที่จิตใจคุณสับสน คิดลบ  ให้พยายามดึงสติกลับมา  นั่นเพราะเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ครับ  ย่อมประสบพบเจอสิ่งต่าง ๆ เป็นเรื่องธรรมดา มีสุขมีทุกข์ปะปนกันไป  อย่าให้ใครมาบ่งการชีวิตเรานะครับ  ใครที่ไม่ชอบเรา อิจฉาเราก็ปล่อยเขาไปครับ  ชีวิตใครชีวิตมัน  ยิ่งเราไปผูกโกรธก็ยิ่งเป็นการสร้างกรรมให้ตัวเอง  ตัวเขาก็ทุกข์ใจอยู่แล้วจากความอิจฉาเราหรืออยากเป็นแบบที่เราเป็นแต่เป็นไม่ได้  ในท้ายที่สุดมันก็จะกลายเป็นฝืนตัวเอง  แล้วในท้ายที่สุดมันจะพังทลายลงมา

ผลลัพธ์ของการที่เราเป็นตัวของตัวเองนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจัดการความคิดให้หัวของเรานั้นไว้อย่างไร ถ้าเราสามารถจัดการกับมันได้เราก็สามารถมีความสุขในแบบที่คนอื่นเขาได้เหมือนกัน  เพราะว่าเส้นทางความสุขนั้นไม่ได้มีเส้นทางเดียว เราสามารถออกแบบมันได้  ไม่ว่าสถานการณ์จะพาคุรไปทิศทางไหนมันก็จะมีแนวทางที่จะประสบความสำเร็จและพบความสุขได้  หากเรารับผิดชอบต่อความคิดและการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆของเราเองพร้อมรับมือกับมันได้อย่างดี โดยไม่ไปบ่นเรื่องต่าง ๆ ที่อยุ่นอกเหนือการควบคุมของเรา เราต้องฝึกควบคุมสิ่งภายในของเราให้ได้  จงจำไว้ว่าอย่าไปกังวลว่าคุณจะชอบสถานการร์นั้นหรือไม่  ชีวิตไม่ได้เป็นไปอย่างที่คุณชอบ  แต่มันขึ้นอยู่กับว่าตัวคุณจะเชื่อมโยงสิ่งที่คุณต้องการกับสิ่งที่คุณต้องทำเพื่อให้คุณได้รับสิ่งที่คุณต้องการอย่างไร  แล้วรวบรวมความกล้าที่จะทำมันให้สำเร็จ

เพราะฉะนั้นก่อนที่จะให้ใครมารักเรา  เราต้องรักตัวเองแบบจริงใจให้ได้ก่อน  เมื่อเราจริงใจกับตัวเราเองจากนั้นค่อยไปจริงใจกับผู้อื่น  ทำแบบนี้ให้สม่ำเสมอแล้วจะมีคนรักและชอบในแบบที่คุณเป็นจริง ๆ  มนุษย์เรานั้นมีสิ่งที่ดีที่สุดรอเราอยู่เสมอ  อย่าพยายามเป็นในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนของเราเลย  มันทั้งเจ็บและเหนื่อยใจ  เมื่อคุณเข้าถึงความสุขในชีวิตได้  คุณก็จะสามารถแบ่งปันความสุขให้ผู้อื่นได้ด้วย  ยิ่งให้ยิ่งได้ครับ  ไม่เชื่อก็ลองทำตามดูนะครับ...

วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2564

เข็มทิศแห่งปัญญา


การจะออกเดินทางไปที่ไหนสักแห่งนั้น ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องมีเป้าหมายในการเดินทางที่ชัดเจน ชีวิตที่ขาดทิศทางที่เเน่นอนนั้นก็เปรียบเหมือนพาหนะบางอย่างที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะพาคุณนั้นไปในทิศทางไหนกันแน่บางสิ่งบางอย่างมันสับสนไปหมด ยิ่งยามใดที่จิตใจคุณไม่สงบนิ่งยิ่งพาให้คุณหลงทิศหลงทางไปหมด ทำให้จิตใจของคุณนั้นตกอยู่ในความทุกข์ทรมานใจแบบที่ตัวคุณไม่รู้ตัวเลย มีสิ่งหนึ่งนะครับที่ผมอยากจะแนะนำว่า  ใครก็ตามแต่ที่กำลังเจอสถานการณ์แบบนี้อยู่นั้น ขอให้คุณรีบเคลียร์ตัวเองนะครับก่อนที่ตัวคุณนั้นจะจมอยู่ในความทุกข์ถาวร เพราะอะไรรู้ไหมครับ เพราะว่าถ้าสิ่งหนึ่งมันผิดพลาดมันก็จะลุกลามไปอีกจุดหนึ่งนั้นเอง   เป็นแบบนี้ไปไม่มีที่สิ้นสุด ยากที่จะกลับมาได้มารู้ตัวอีกที คุณอาจกลายเป็นอีกคนที่จมอยู่กับกองทุกข์ แล้วทั้งชีวิตของคุณละครับ คุณอยู่ไปเพื่ออะไรกันแน่

การกลับเข้ามาทบทวนตัวเอง เพื่อค้นหาบางอย่างที่ขาดหายไปจากตัวคุณ เรียกตัวคุณกลับมาให้ได้นึกถึงเป้าหมายในชีวิตของคุณ ลองหาอะไรใหม่ ๆ ทำ ลองไปเจออะไรใหม่ ๆ ดูครับแล้วคุณจะพบว่า ความหมายที่แท้จริง  ในชีวิตของคุณนั้นคืออะไรกันแน่ การที่คุณกลับมารักตัวเอง กลับมาเห็นคุณค่าของตัวเราเอง ดึงสติของตัวเองกลับมาลองวางแผนชีวิตของตัวเองให้ชัดเจน วางแผนตัวเองอย่างมีวินัย การที่ตัวคุณนั้นมีวินัยย่อมทำให้  อะไร ๆ ก็ง่ายในการดำเนินชีวิต ยิ่งอายุคุณมากขึ้น คุณต้องเข้าใจตัวเองมากขึ้น อย่ามัวไปเสียเวลากับเรื่องที่มันไม่จำเป็นเลยครับ

ลองฝึกที่จะเป็นคนนิ่ง ๆ อยู่กับตัวเองบ้าง คิดก่อนพูด คิดก่อนทำอะไรนั่นแหละคือสิ่งที่ดีที่สุด ใครจะทำอะไรก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของเขา อย่าเอาเวลาไปเพ่งโทษคนอื่น หรือตัดสินคนอื่นเลยครับ ให้กลับมาพิจารณาที่ตัวเราเองนั้นแหละว่า มีอะไรบ้างที่ตัวเรานั้นต้องพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเมื่อวาน เพราะชีวิตจะพาคุณไปหาสิ่งที่คู่ควรกับคุณเท่านั้น การวางตัวเองให้เหมาะสมนั้นเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งตัวคุณดูมีพลังอำนาจ มีบารมีที่สะสม มีคุณธรรมที่คู่ควรแล้ว ผู้คนจะเกิดความเกรงใจตัวคุณเอง ที่สำคัญคือตัวคุณต้องเรียนรู้ และพัฒนาตัวคุณเองให้ไปอยู่ในจุดที่คู่ควรด้วย มองทุกอย่างให้เป็นเรื่องง่าย อย่าไปคิดหรือกังวลอะไรให้มาก เพราะชีวิตมันสั้นนัก  สั้นเกินกว่าจะมานั่งทุกข์ เพราะฉะนั้นทำจิตใจตัวเองให้สุขเข้าไว้ ดวงจิตที่ตั้งมั่นย่อมทำให้ตัวเรามั่นคง ทำอะไรก็ดีไปหมด ไม่เชื่อก็ลองทำดูครับ ฝึกฝนสติ เพราะปัญญาบารมีนั่นมีค่ายิ่ง เพราะมีปัญญาคุณก็จะสามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตได้  มาฝึกปัญญากันเถอะครับ

วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

อะไรคือพื้นฐานความสำเร็จของคุณ



บางทีเราต้องลองเปลี่ยนความคิดและมุมมองดูบ้างครับ แล้วคุณจะทราบว่าอะไรเป็นอะไร บางทีเราก็ยึดตัวเองมากจนเกินไป วิธีคิดของเราบางทีมันอาจติดกรอบก็เป็นไปได้ การได้เปิดใจพูดคุยกับใครสักคน คนที่บางเราก็ไม่อาจคาดได้ว่าเขาจะมาให้คำแนะนำกับเราได้ มันก็วิเศษไปเลยนะครับ ลองไปทำดู

มาพูดถึงเรื่องของความสำเร็จกัน หลายคนมองความสำเร็จในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ซึ่งอันที่จริงผมว่ามันก็ไม่ผิดหรอกครับ คนเรามีสิทธิ์ที่จะคิดในรูปแบบที่ตัวเราเองนั้นต้องการ แต่สิ่งที่อยู่ภายในจิตใจหรือสิ่งที่ขับเคลื่อนเราต่างหาก ว่ามีอะไรกันแน่ที่ขับเคลื่อนเราอยู่ ส่วนผมมองว่าสิ่งเเรก ควรเป็นความสุข สุขที่ได้ทำสิ่งนั้น สุขที่ได้ตื่นมาทำสิ่งนั้นบ่อย ๆ แบบไม่น่าเบื่อ แบบที่ผมนั่งเขียนบทความ มันทำให้ผมรู้สึกมีพลังขับเคลื่อนตลอดเวลา

บางทีการที่เราไปวิ่งตามความฝัน ซึ่งในปัจจุบันเราก็มักจะทำตาม ๆ กัน หรือที่เรียกว่าอุปทานหมู่ มันเป็นความฝันสำเร็จรูปที่คนเราชอบที่จะเป็น แล้วทำตาม ๆ กันในรุปแบบที่ตัวเรานั้นไม่ได้ต้องการมัน และยิ่งนับวันเราก็ยิ่งเกลียดตัวเราเองมากยิ่งขึ้น ผมอยากให้คุณลองมองเข้ามาที่ตัวเอง อย่าไปวัดความสำเร็จจากสิ่งภายนอกเลยครับ เพราะความสำเร็จในชีวิตเรานั้น มันมีหลากหลายรูปแบบทุกอย่างมันต้องเริ่มจากที่จิตใจของเราก่อน  เมื่อใจเราสำเร็จ จิตใจเราจะมั่นคงและหนักแน่น เมื่อจิตใจคุณหนักแน่นไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรมากระทบก็ตาม นั่นย่อมทำให้อะไรก็ตามแต่ไม่สามารถทำอะไรตัวคุณได้

อย่าไปรีบตัดสินใจเพียงเพราะคุณเห็นในด้านเดียวของเขา มนุษย์เรามีหลากหลายมุมมากเกินกว่าเราจะเข้าใจได้ทั้งหมดนะครับ บางทีความสำเร็จของเขานั้นมันก็แลกมาด้วยอะไรบางอย่าง ความทุ่มเทอย่างหนักความอดทน และประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาของพวกเขา สิ่งเหล่านี้แหละครับที่ทำให้เขาไปถึงจุดนั้น นั่นเพราะเขามีเป้าหมายที่ชัดเจนนั้นเอง เป้าหมายต้องมากับความสุข แล้วคุณละครับหาความสุขของตัวเองเจอหรือยัง  บางทีความสุขอาจอยู่ใกล้ตัวคุณก็ได้ เพียงแค่ต้องเปิดใจแล้วมองหามัน เพราะชีวิตนี้มันสั้นนักเกินกว่าที่คุณจะมานั่งจมอยู่กับความสุข พอคุณอายุมากขึ้นคุณจะพบว่าความสุขนั้นมันมีค่ามากแค่ไหน

 

วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

กล้าที่จะเป็นตัวเอง มันเทห์ดีออก


กล้าที่จะยืนหยัดในตัวตนของเราเอง คุณเชือ่ไหมละครับว่าคนเรานั้นต่างก็มีความโกรธ ความอิจฉาริษยาเป็นที่ตั้ง มนุษย์เรานั้นต่างพาตัวเองให้ไปสู่ที่ต่ำเมื่อจิตใจคุณตกต่ำ คุณก็มีโอกาสที่จะทำในสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร การจะนำพาตัวเองออกจากจุดนั้นยาก ในทางศาสนาพระพุทธองค์ท่านแนะนำให้เราอยู่ ศึกษาเรื่องภาวะจิตใจของเรานั้นแหละครับ ว่าถ้ามีอะไรมากระทบเราแล้ว เราสามารถที่จะจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้หรือไม่ และมีแนวทางอย่างไร่ที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้

การฝึกสติและนิ่งเงียบดุจพญามังกร สง่างามดูนิ่งและเคลื่ยนไหวแบบไม่ไหวติง แลดูสง่างามสมกับเป็นพญามังกร บางทีเราต้องทำความเข้าใจก่อนนะครับว่าการมองตัวเองนั้นยากยิ่ง แต่ถ้าเราหมั่นศึกษาเข้าไปถึงจิตใจ จิตวิญญานของตัวเราแล้วเราจะพบกับอะไรบางอย่าง แท้ที่จริงสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง ความกลัว ความวิตกกังวล หรืออะไรก็ตามแต่ที่ทำให้จิตมนุษย์เรานั้นเกิดความทุกข์ขึ้น นั่นก็เพราะว่าจิตใจของเรานั้นกำลังไหลลงสู่ที่ต่ำนั่นเอง การที่จิตใจไหลลงสู่ที่ต่ำนั้นย่อมทำให้ความคิดเราว้าวุ่น กังวลและไม่ยอมอยู่กับปัจจุบันนั่นเอง

เคล็ดลับให้เราอยู่กับปัจจุบัน


1.ตื่นรู้ เมื่อรู้ว่าตัวเองคิดฟุ้งซ่าน ก็ต้องรีบออกมาจากสิ่งนั้น พยายามหากิจกรรมทำเพื่อผ่อนคลายหรือคลายความฟุ้งซ่าน


2.ก่อนที่จะรู้สึกโกรธหรือไม่พอใจอะไร ให้ตั้งสติให้ดี นับ 1- 10 ก่อนแล้วค่อยพูดหรือตัดสินใจทำอะไรลงไป คนเราพลาดก็เพราะสิ่งนี้แหละครับ


3.ให้เวลาอยู่กับตัวเองบ้าง อาจเป็นกิจกรรมอะไรก็ได้ครับที่คุณสนใจ เช่น การวิ่งออกกำลังกาย การอ่านหนังสือ การฝึกสมาธิตามแต่ความชอบและถนัด ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีถุก ไม่มีผิดนะครับ


4.เลือกคบแต่คนที่จะนำพาชีวิตเราไปข้างหน้า การเลือกคบเพื่อนหรือกัลยานิมิตรนั้นสำคัญมาก คุณจะเป็นอย่างไรมันก็ขึ้นอยู่กับตัวตัวคุณนั้นใช้เวลาทำอะไร พูด หรือคิดเรื่องอะไร ดังในมงคลชีวิต 38 ประการ พระพุทธองค์ กล่าวว่า 2 ข้อแรกนั้นสำคัญที่สุด คือ 1.ไม่คบคนพาล 2.ให้คบบัณฑิต แล้วชีวิตของคุณนั้นจะเจริญก้าวหน้าเอง


5.วางแผนชีวิต ฟังแล้วดูเครียดแต่เป็นเรื่องที่คุณต้องวางแผนครับ ไม่ว่าจะเป็น การวางแผนการเงิน การวางแผนรายรับ-รายจ่าย การวางแผนอนาคต ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีเหตุมีผลของมันคนที่ขาดการวางแผน รับรองได้เลยว่าชีวิตคุณมีโอกาสยากมากที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต

มองหาชีวิตที่เรียบง่าย เลือกใช้ชีวิตตามความต้องการของตัวเอง ทำความฝันของตัวเองและฟังเสียงหัวใจของคุณที่มันเรียกร้องหาอยู่ตลอดชีวิต เวลาที่มีใครมาบอกคุณว่าคุณทำไม่ได้หรอก เป็นไปไม่ได้หรอก ขออย่าได้เชื่อไปนะครับ นั่นมันคือเสียงที่อยู่ในหัวเขา ไม่ใช่เสียงในหัวของเรา เราจะเป็นอย่างที่เราคิดและทำ เพราะฉะนั้นลงมือทำครับ ถึงแม้วันนี้ยังไม่เห็นผลลัพธ์แต่การเริ่มต้นนั้นดีเสมอ ขอให้คุณเจอในสิ่งที่ใช่แล้วคุณจะไม่ต้องเสียใจไปตลอดชีวิตเลยครับ

วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

หลักการง่ายสำหรับการทำให้ตัวเองมีเสน่ห์และเป็นคนสำคัญ




การศึกษาเรื่องจิตวิทยาเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากนะครับ ใครบอกว่าไม่สำคัญละครับ มันสำคัญต่อการสร้างชีวิตของเรามาก ๆ เลยครับ เพราะอะไรนะหรือครับ เพราะคนเรานั้นจะได้รับความสำคัญ ตัวเรานั้นต้องรู้จักให้เกียรติคนอื่นก่อน เป็นตัวของตัวเองเมื่อมีคนมาชอบคุณก็จะทำให้ตัวคุณดูมีเสน่ห์  และผู้คนอยากที่จะเข้าหาคุณเอง ที่สำคัญโอกาสจะวิ่งเข้าหาคุณ โดยที่ตัวคุณนั้นไม่ต้องไปทำอะไรเลย คุณจะได้รับการเชื้อเชิญในทุกที่และทุกโอกาสอย่างเเน่นอน

หลักการง่ายสำหรับการทำให้ตัวเองมีเสน่ห์และเป็นคนสำคัญ


1.จงอย่าวิ่งตามใคร

ก่อนจะให้ใครมารักนั้น เราต้องรู้คุณค่าของตัวเราก่อน อย่าทำตัวเองให้น่าสงสัยเพื่อให้ใครมาเห็นใจเรา แต่เราต้องยืนหยัดด้วยตัวของเราเอง อย่าไปอ้อนวอนใครเพราะมันคือการลดคุณค่าในตัวของเรา พร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างมีสติ การนับถือตัวเองนั้นถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการดำรงชีวิตอยู่ใครที่ทำให้ชีวิตเราทุกข์ ก็ออกห่างจากเขาไว้ครับอย่าไปให้คุณค่ากับเขา จงเคารพในตัวตนของคุณและรักตัวเองแบบสุดหัวใจก่อน ก่อนที่จะให้ใครมาหลงรักคุณ


2.รู้จักการนิ่งเงียบวางเฉย
เราไม่จำเป็นที่จะต้องโต้ตอบอะไรกับใคร การไม่โต้ตอบไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นคนที่อ่อนเเอ หรือขลาดกลัวใคร แต่คือคนที่เข็มแข็งและกล้าหาญพอที่จะไม่ไปทำอะไรตามอำนาจที่ใฝ่ต่ำของตัวเรานั้นเอง


3.ยิ้มด้วยความจริงใจ
รอยยิ้มและความจริงใจ คือพื้นฐานและสิ่งที่สำคัญที่ทำให้คุณนั้นกลายเป็นคนสำคัญอย่างไม่รู้ตัว ดังนั้นการวางตัวสุขุมนุ่มลึกและระมัดระวัง เพื่อให้คุณนั้นดูมีเสน่ห์ จงเก็บรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ของคุณไว้ ยิ้มให้กับคนที่คุณรู้สึกว่าเขาพิเศษจริง ๆ วิธีนี้รับรองว่าคุณจะกลายเป็นคนที่น่าดึงดูดสุด ๆ ไปเลย


4.ทักษะในการสื่อสารสำคัญมาในการสร้างเสน่ห์
ไม่ว่าจะเป็นทักษะในการฟัง หรือการพูดนั้น มีความสำคัญมาก วันนี้ผมมีเทคนิคในการพูดคุยเพื่อสร้างเสน่ห์ให้กับคุณนั่นก็คือ นั่นก็คือ
-การยิ้มทักทายนั้น ๆ เท่าที่จำเป็นจากนั้นก็ขอตัวไปทำธุระของตัวเอง
-ทำตัวให้เหมือนว่าตัวเองนั้นมีงานยุ่งอยู่ตลอดเวลามันดูมีเสน่ห์น่าค้นหาครับ
-พยายามอย่าคุยเรื่องที่มันไร้สาระ พูดคุยแลกเปลี่ยนในเรื่องที่ให้เห็นมุมมองหรือประเด็นที่น่าสนใจ เวลามีค่า หากคุณเอาแต่คุณเรื่องไร้สาระคุณจะกลายเป็นคนไร้เสน่ห์ทันที หลีกหลีกกลุ่มสนทนาที่คุยเรื่องไร้สาระ และการนินทาผู้อื่นซึ่งมันทำให้คุณดูแย่ในสายตาคนอื่นแน่นอน
-อย่าเปิดเผยตัวเองมากเกินไป คนเรานั้นพูดเรื่องตัวเองได้เฉพาะบางมุมนะครับ แต่อย่าไปหงายไพ่ให้คนอื่นดู จงทำงานให้หนักแล้วปล่อยให้ความสำเร็จนั้นพูดแทน อย่าไปคุยเรื่องส่วนตัวของตัวเองมากไปเพราะตราบใดที่ทุกคนยังไม่รู้จักตัวตนของคุณในทุก ๆ เรื่องตราบนั้นคุณก็ยังเป็นคนมีเสน่ห์และสำคัญอยู่



บางทีเราก็ต้องทำตัวให้เหมือนเด็ก ประคับประคองให้ตัวเองนั้นลอยอยู่ในนั้นให้ได้ ถึงแม้จะเหนื่อยบ้าง ล้าบ้างก็หยุดไม่ได้ก็อาจจะจมลง รักษาความสงบเสงี่ยมภายนอกเอาไว้ไม่ตีโพยตีพายให้ใครเห็น ชีวิตก็เหมือนกับการเดินทางเราไม่อาจรู้ได้หรอกว่าสิ่งที่เราทำนั้นเราเดินมาถูกทางหรือไม่ แต่สิ่งที่สำคัญคือ ตัวเรานั้น ตั้งอยู่ในคุณธรรมและความดีหรือไม่ การเป็นคนดี ซื่อสัตย์สุจริตนั้น ย่อมนำมาซึ่งสิ่งที่ดีงามให้กับเรา โอกาสจะมาพร้อมกับการสร้างตัวตนของเรานั่นเอง เทคนิคง่าย ๆ แค่นี้แหละครับที่สร้างความสำเร็จให้กับคุณได้ สำหรับใครที่พลาดไปแล้วก็สร้างใหม่ได้ครับ อย่าคิดว่าทุกอย่างมันจะสายไป  เพราะทุกวันคือการเริ่มต้นใหม่ครับ ตราบใดที่ชีวิตเรานั้นยังมีลมหายใจอยู่ก็ควรสู้กันต่อไป

 

วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

อย่าเอาชีวิตไปฝากกับใครเลย


อาจมีสักครั้งในชีวิตคุณแหระครับ  ที่คน ๆ หนึ่งเข้ามามีอิทธิพลกับตัวของคุณมาก  จนสามารถให้คุณเปลี่ยนแปลงตัวคุณเองได้โดยที่คุณนั้นไม่ตะขิดตะควงใจเลย  การคบเพื่อนหรือมิตรดีนั้น  เป็นสิ่งที่สร้างสรรค์และปรับเปลี่ยนชีวิตเราได้จริง ๆ  เมื่อถึงเวลาที่ชีวิตคุณต้องหาทางเลือกให้กับชีวิต  คุณอาจสับสน  เมื่อคุณสับสนหรือลังเล

ใจกับบางเรื่อง นั่นเป็นที่ดีนะครับ  เพราะมันคือการเติบโต  เพื่อให้ตัวคุณก้าวข้ามบางเรื่อง บางเรื่องที่สำคัญที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณให้เป็นบันไดไปอีกขั้น การมองหาชีวิตในแบบที่เป็นเราจริง ๆ มองมุมที่ต่างออกไป  ลองหาคนที่มีความคิดต่างกับคุณแล้ว  มองความแตกต่างนั้นว่าความแตกต่างนั้นสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงคุณ

ไปในทิศทางที่ดีขึ้นไหม  ชีวิตเรานั้นมันสั้นเกินกว่าจะมานั่งคิดว่าคนอื่นนั้นจะสนใจเราอย่างไร  ในความเป็นจริงแล้วการรู้จักตัวเอง  การมีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจน  มีการคิดและวางแผนให้ชัดเจน  การคิดวางแผนกับชีวิตไว้ทุกเรื่องนั้นย่อมดีกว่า  ที่ตัวเรานั้นไม่มีแผนอะไรเลย  การไร้ทิศทางนั้นย่อมส่งผลให้เราหลงทางกับชีวิตได้

การลดอัตตรา หรืออีโก้ของตัวเองลงบ้าง  บางทีมันอาจทำให้ชีวิตของเรานั้นง่ายขึ้น  ฝึกให้ตัวเองเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนบ้าง เข้าหาผู้คนด้วยความจริงใจ ใช้ความจริงใจเป็นเครื่องมือ  ในการพิสูจน์ทุกอย่างแบบจริงใจ  การรักษาสัจจะและวาจานั้นย่อมสร้างคุณค่าให้กับตัวเองมากกว่าทุกอย่างในชีวิต  เป็นผู้ฟังที่ดีบ้าง  การเป็นผู้ฟังที่ดีทำให้เราได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง

ในความหลากหลายย่อมมีจุดเชื่อมบางอย่าง  ที่จะทำให้ภาพในหัวเรานั้นชัดเจนยิ่งขึ้น  เมื่อภาพในหัวชัดเจนมันก็ยิ่งง่ายในการที่จะทำอะไรในชีวิต  เพราะทุกอย่างได้มีการวาดภาพไว้ในหัวไว้แล้ว  ทราบทิศทางที่แน่ชัดแล้ว 

ท้ายที่สุดนี้นะครับ  ขอฝากไว้เป็นข้อเตือนใจนะครับ  อย่าไปวิ่งตามใคร  อย่าคิดไปฝากชีวิตไว้กับใครเลย  ไม่มีใครจะมาเป็นที่พึ่งให้กับเราได้หรอกครับ  ตนนั้นเป็นที่พึ่งแห่งตนและดีที่สุด  การฝากชีวิตไว้กับผู้อื่น  เมื่อเขาไม่สามารถเป็นดังที่เราหวังเอาไว้  ในท้ายที่สุดแล้วเราก็จะผิดหวังทั้งตัวเขาและตัวเรา  นั่นย่อมไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดหรอกนะครับ การไม่ตัดสินใครนั่นแหละครับ คือสิ่งที่ดีที่สุดเพราะเรา  ไม่อาจรู้ได้เลยครับว่า  ในใจของคน ๆ นั้น เขาเป็นยังไงกันแน่  คิดยังไง หรือมีอะไรอยู่ในใจกันแน่  ยังไงก็ขอให้ทุกคนโชคดีนะครับ

วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

สมดุลสร้างได้ด้วยตัวเอง


การสร้างสมดุลให้กับตัวเอง คุณเคยรู้สึกไหมครับว่าจุดที่คุณอยู่นั้น มันทำให้คุณรู้สึกหมดพลังและหมดไฟ คิดแต่ว่าอยากออกจากจุดนี้ให้ได้ เราเฝ้าพยายามคิดต่าง ๆ นา ๆ

เพื่อให้ตัวเราเองนั้นพ้นจากความเป็นอยู่แบบนี้ สิ่งที่ดีที่สุดคือ คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอะไรทั้งนั้นแหระครับ ขอให้คุณยอมรับและเป็นตัวของตัวเอง คุยเท่าที่จำเป็นเรื่องไหนที่คิด
ว่ามันไร้สาระก็อย่าเอาเวลาไปคุยเลย คุยเรื่องที่คิดว่าสามารถคุยได้และรับได้ โลกใบนี้ก็อย่างนี้แหระครับ เราไม่สามารถกำหนดทุกอย่างได้ เพียงแค่เราต้องรู้จัก ปิดหู ปิดตา ปิดปาก
และเปิดใจบ้างครับ เพียงแค่นี้เราก็มีความสุขแล้ว

คนเรานะครับ ถ้าเราคบกับคนแบบไหน เราก็จะเป็นแบบนั้นเพราะฉะนั้นการเลือกคบจึงส่งผลต่ออนาคตเรามาก แรงดึงดูดหรือแรงผลักอะไรบางอย่าง ที่ทำให้เรานั้นเป็นอย่างที่เราคิด
และเติบโตไปในแบบที่เราอยากให้เป็น ผมเข้าใจนะครับว่ามันยากหากเราต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย แต่ถ้าเรารู้จักการวางตัวและมีการเตรียมตัวและการวางแผนอย่างดีแล้ว
ทุกอย่างย่อมดีอย่างแน่นอน ดังคำกล่าวที่ว่า

"อยู่ในที่ที่ดีนั้นดีแน่ อยู่ในที่ที่แย่ก็ดีได้ อยู่ในที่ที่ดีแล้วแย่มีถมไป อยู่ที่ไหนก็ดีได้ถ้าไผ่ดี"

เพราะฉะนั้นจงคิดดี พูดดี และทำดีครับ แล้วสิ่งดี ๆ จะเข้ามาหาคุณเอง ต้องรู้จักการวางตัวให้ดี อ่อนน้อมถ่อมตนไว้ ความอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นมหาเสน่ห์และอาวุธที่ร้ายกาจมากครับ บาง
เรื่องที่เราทำผิดพลาดไปแล้วก็ต้องปล่อยมันไปนะครับ อย่าเอามาคิดเล็กคิดน้อยเลย ผิดไปแล้วก็แล้วไปแล้วตั้งหน้าตั้งตาใหม่ ทุกอย่างเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ การไม่ยึดติดพร้อมที่จะเรียนรู้นั่นแหละ
คนแบบนี้แหระที่จะสร้างความแตกต่าง แล้วประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน ข้อสำคัญคือ วินัย การฝึกวินัยจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ยิ่งเรามีวินัยความสำเร็จก็จะเข้าใกล้เราเสมอ ดังคำกล่าว
ที่ว่า ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจนั่นเอง

วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

เทคนิคการสร้างเสน่ห์ และความประทับใจให้กับผู้คน



ผมว่าหลายท่านก็คงมีเคล็ดลับที่น่าสนใจหลายอย่างอยู่แล้วนะครับ ซึ่งแต่ละคนก็มีไม่เมือนกัน ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลวันนี้ผมจะพูดในแง่ของการเป็นตัวของตัวเองดีกว่าครับ

ก่อนที่คุณจะให้ใครมารัก มาชอบคุณ ตัวคุณนั้นต้องรู้จักรักตัวเองให้ได้ก่อน สร้างเสน่ห์โดยการชื่นชอบตัวเองแบบจริงใจ ฝึกพูด ยิ้มหน้ากระจกให้กับตัวเองทุกวัน ไม่มีใคร
จะรักเราได้ดีไปกว่าตัวเราเองหรอกครับ

เสน่ห์สร้างได้ด้วยการที่เรายอมรับในตัวตนของตัวเองครับ เพราะสิ่งนี้คือที่สิ่งตัวเรานั้นมีอยู่แล้ว เพียงแต่ตัวเรานั้นต้องสร้างมันขึ้นมาในแบบที่เป็นตัวตนของเรา ไม่ใช่เพราะใคร แต่เพราะตัวคุณเอง เพราะไม่ว่าตัวคุณจะเจอสถานการณ์ใด ๆ ก็ตามแต่ จะดีหรือร้าย คุณจะผ่านมันไปได้ดี นั่นเพราะตัวคุณ เป็นตัวตนที่แท้จริง เป็นของแท้ที่ใคร ๆ พบเห็นก็สามารถบอกได้ว่าคุณมีเสน่ห์น่าค้นหา   สิ่งที่ไม่ควรลืมทำเพื่อให้คุณมีเสน่ห์มากขึ้น นั่นก็คือ การแสดงความจริงใจกับผู้คน มองผู้อื่นในแง่ดี และคิดบวก สิ่งเหล่านี้สามารถสร้างภาพลักษณ์ของคุณได้ดีมาก ผู้คนจะพูดถึงคุณและมีคนอยากจะเข้าหาคุณเอง รู้จักเสียสละเวลาเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นบ้าง การช่วยเหลือผู้อื่น คือทักษะที่ดียิ่งที่จะทำให้เรารู้จักเห็นใจผู้อื่นได้ดีมากขึ้น


เมื่อไม่มีเงินก็ให้ความรู้ เมื่อไม่มีความรู้ก็ให้กำลังใจกับคนรอบข้างก็ยังดี และสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ คุณต้องฝึกสมาธิอย่างสม่ำเสมอ การรักษาศึลให้บริสุทธิ์ จะทำให้จิตใจคุณสะอาดผ่องใส ความผ่องใส

จากภายในจะสะท้อนออกมาภายนอกให้ผู้คนได้พบเห็น และนอกจากนี้อาจหาอาจอดิเรกทำบ้าง เช่น การปลูกต้นไม้ อ่านหนังสือประดับความรู้ หรือไม่ก็การไปทำกิจกรรมนอกบ้าน เพื่อพบปะผู้คนใหม่ ๆ
สิ่งเหล่านี้สำคัญต่อการสร้างเสน่ห์มาก การดึงดูดผู้คนนั้นมักจะสร้างความสำเร็จให้กับเราได้

นอกเหนือจากนั้นคุณก็ต้องฝึกให้ตัวเองเป็นคนที่นิ่งให้เป็น นิ่งให้ดูสง่างามมาก ไม่จำเป็นต้องพูดทุกเรื่องที่คิด พูดเท่าที่จำเป็นเพื่อให้คุณดูลึกลับและมีเสน่ห์ต่อผู้คน เคล็ดลับง่าย ที่ใคร ๆ ก็สามารถนำไปทำได้
ทันทีครับ ข้อสำคัญต้องทำมันจริง ๆ อย่าพยายามแสแสร้งเป็นคนอื่น เพราะอะไรที่ไม่จริง คนเขาสามารถดูออกได้ อย่าอายที่จะเป็นตัวเอง มันอาจดูไม่สวยหรูมาก แต่มันมาจากภายในของคุณ ของแท้ย่อม
สร้างทุกอย่างด้วยตัวของมันเอง ไม่ใช่ให้ใครมานิยมชมชอบเราก่อน ต้องเริ่มที่ตัวเองก่อนเลยครับ คิดดี พูดดี และแต่สิ่งที่ดีครับ เริ่มตอนนี้เลยนะครับ แล้วมาดูผลลัพธ์กัน

วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

กลับมารักตัวเองให้ได้


การตัดสินใจกับอะไรบางอย่างในชีวิต  ในวันที่เรารู้สึกลังเลกับอะไรบ้างอย่าง  และแอบคิดอยู่เสมอว่าตัวเองนั้นยังมีหวังอยู่  ทั้งที่ในความเป็นจริงเเล้ว  เราต้องยอมรับความจริงแล้วเดินหน้าต่อไปต่างหาก  นี่แหละคือความหวังที่แท้จริง  การไม่ยึดติดหรือเอาชีวิตของเรานั่นไปผูกมัดกับใครนั้น  ย่อมเป็นเรื่องที่ดีที่สุดนะครับ  คิดดูซิครับ  ถ้าเขาไม่คิด หรือเป็นอย่างที่เราต้องการได้  เรานั่นจะผิดหวังแค่ไหน  เพราะเราเอาความคาดหวังไปไว้ที่คนอื่น ๆ  เพราะฉะนั้น จงกลับมาที่ตัวเอง  กลับมารักตัวเองให้มาก ๆ  

เริ่มจาก  การกลับมารักตัวเอง  กลับมาดูแลตัวเองนั่นแหละครับ  คือสิ่งที่ดีที่สุดเลย  บางสิ่งบางอย่างเราต้องยอมรับความเป็นจริงให้ได้นะครับ  อยู่กับปัจจุบัน  ไม่ใช่การคาดหวังหรือการคาดเดาไปต่าง ๆ นา ๆ  เพราะสิ่งเหล่านั้น  ไม่ได้ทำให้ชีวิตของเรานั้นดีขึ้นจริง  การเห็นคุณค่าในตัวเองต่างหาก  คือสิ่งที่จะพาเราไปข้างหน้าได้ดีที่สุด   อย่าไปลดคุณค่าตัวเองให้กับใครเลย

นึกถึงความฝัน  นึกถึงเป้าหมายที่เราเคยตั้งเอาไว้ให้มาก ๆ  แล้วเดินหน้าตามความฝันของเราดีกว่า  มันจะดีแค่ไหนที่ความสำเร็จที่เราตั้งไว้อยู่ตรงหน้า  แล้วคนที่อยู่รอบตัวเรา ที่รักและหวังดีกับเราจริง ๆ นั้น ต่างร่วมยินดีกับความสำเร็จของเรา  โฟกัสให้ถูกจุดแล้วชีวิตของคุณจะดีขึ้น  กลับมาเป็นตัวของตัวเองดีกว่า  เสน่ห์สร้างได้นะครับ  ด้วยการเคารพในตัวเองให้ได้ก่อน  

แค่ไม่ทุกข์ชีวิตก็สุขแล้วครับ  มาเริ่มสร้างความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับตัวเราเองดีกว่า  อย่าไปหวังพึ่งพาความสุขจากภายนอกเลย  ความสุขต้องมาจากภายในตัวเรานั่นแหละ  อย่าไปหวังพึ่งพาคนอื่นเลย  ท้ายที่สุดอยากจะฝากไว้นะครับว่า เพราะชีวิตมันสั้นนัก  อย่าไปเสียเวลากับสิ่งที่มันไม่ใช่  ปล่อยให้เวลาเป็นสิ่งที่เยี่ยวยาทุกสิ่งเองครับ  แล้วคุณจะขอบคุณทุกอย่างเอง  ที่เราตัดสินใจถูกแล้วละครับ  ที่ไม่ไปเสียเวลากับเรื่องนี้  เพื่อรอรับสิ่งที่ดีกว่านั้นเอง  



วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

รักษาความภูมิใจในตัวเอง


การลดคุณค่าตัวเอง  โดยการที่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเราเองจนตัวเรารู้สึกว่าเรานั้นสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไปแล้วนั้น ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างแน่แท้  ใครที่บอกว่ามีทางแห่งความสำเร็จให้เรา  บอกเราว่าทำอย่างนั้น  ทำอย่างนี่ดีแน่นอน  แท้ที่จริงแล้วไม่มีอย่างแน่นอน  ความสำเร็จนั้นไม่มีขา  เราอยากทำอะไรเราต้องฝึกฝนเอาเอง  ทำบ่อย ๆ ทำเรื่อย ๆ  เพราะชีวิตไม่มีสูตรหรือรูปแบบความสำเร็จที่ตายตัวหรอกครับ  ต่างคนต่างมีเส้นทางและทางเดินของตัวเราเอง เรื่องบางเรื่องสำหรับคนหนึ่งอาจดูง่ายดาย  แต่สำหรับบางคนอาจไม่ได้ง่ายเลย  ทุกอย่างมันก็ล้วนแล้วแต่การสั่งสมประสบการณ์ที่ชีวิตของแต่ละคน  

ไม่มีอะไรมาการันตีได้หรอกครับว่า  คนที่สำเร็จก่อนนั้นจะยั่งยืน  บางทีมันก็มีจังหวะเวลาที่เหมาะสมของมัน  เราก็แค่อย่าทิ้งความฝันและเดินตามเส้นทางความฝันที่เราได้ตั้งใจเอาไว้  การวิ่งตามคนอื่นนั้น  เช่น เห็นว่าคนอื่นเล่นหุ้นรวย  เล่นคริปโตเคอเรนซี่รวย  นั่นก็เป็นจังหวะของเขา  บางทีอาจไม่ใช่ทางของเรา  หรือยังไม่ถึงเวลาของเราก็ได้  การก้าวเดินอย่างช้า ๆ แต่มั่นคง มันก็ไม่ได้เลวอะไรมากมายนะครับ  แค่มีเส้นทางที่กำหนดไว้ให้ตัวเองแล้ว  การไม่จับจดเที่ยววิ่งวุ่นไปทำอะไรต่ออะไรมากมาย  จนค้นหาตัวเองไม่เจอ  เป็นเพียงการทำตามคนอื่น ๆ เท่านั้น  ในท้ายที่สุดคุณแทบจะไม่เหลืออะไรเลย  ไม่ต่างจากการที่เราวิ่งตามฝุ่น  

เกิดเป็นคนนะครับ  เราต้องฝึกฝนตัวเอง  เลือกทำในสิ่งที่ถูกที่ควร  รักษาความดีงามเข้าไว้  นั่นแหละคือคุณค่าที่ยิ่งใหญ่สำหรับการเป็นมนุษย์  อย่าได้เที่ยวเอาตัวเรานั้นไปเปรียบเทียบกับใครต่อใครเลยครับ  มีแต่ทุกข์ใจเปล่า ๆ  ความสำเร็จของเขา  เราอาจไม่รู้หรอกว่ามันแลกมาด้วยอะไรบ้าง  เราก็แค่ต้องภูมิใจในตัวเราเอง  และตั้งใจทำสิ่งที่เรามองว่ามันคือการวางแผนอนาคตของเรา  โดยเริ่มต้นที่ตัวเราก่อน เริ่มจากจุดเล็ก ๆ  ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป  จนในที่สุดแล้ว  ความสำเร็จจะค่อย ๆ สร้างด้วยตัวมันเอง  อย่าไปคาดหวังว่าใครจะมาโยนโชคหรือความสำเร็จให้เรามาแบบง่ายดาย  ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้ง่ายขนาดนั้น  ถ้าคุณไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง  

การสร้างความน่าเชื่อถือ  การช่วยเหลือผู้คนนั่นแหละครับ  คิดให้มาก ๆ แล้วเมื่อคุณอยู่กับมัน  ใช้ความคิดกับมันบ่อย ๆ  มันจะค่อย ๆ  มองเห็นหนทางได้เอง  ใครที่กำลังรู้สึกหมดหวัง  รู้สึกว่าไม่มีใครรัก รู้สึกหมดกำลังใจ  ขอให้คุณอดทนอีกสักนิด  ชีวิตก็แบบนี้แหระครับ  สักวันคุณจะพบเจอหนทางที่ใช่สำหรับคุณเอง  มุ่งมั่นกับมันนะครับ  แล้วความสำเร็จจะวิ่งตามหาคุณเอง

วันพุธที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

อย่าวิ่งตามคนที่ไม่รักเลยมันเหนื่อย


ความรักก็เหมือนเงา บางทีเราพยายามจะตะครุบมันก็จะวิ่งหนีเราอยู่ตลอดเวลา  ถ้าการรักใครสักคนแล้วชีวิตเราต้องเป็นทุกข์  ก็หันกลับมารักตัวเองจะดีกว่า  เราไม่สามารถให้ใครมารักเราได้หรอกครับ  มันก็ต้องเริ่มจากการที่เราต้องหันกลับมารักตัวเราเองให้ได้ก่อนนะครับ การกลับมาเป็นตัวเอง โฟกัสว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเรากันแน่ครอบครัว เพื่อน สังคมความเป็นอยู่ของเรา ถ้าเรามีสิ่งพวกนี้ที่มันดีอยู่แล้ว ก็รักษามันไว้ดีกว่าครับ การที่เราจะรักใครสักคนแล้วต้องทำให้เราสูญเสียความเป็นตัวเองนั้น ก็อย่าเลยครับ เอาเวลามาพัฒนาตัวเอง ทำตัวเองให้ดูดีแล้วให้โอกาสกับคนดี ๆ เข้ามาในชีวิตเราดีกว่า การวิ่งตามนั้นยิ่งวิ่ง ยิ่งเหนื่อย

บางทีการไปโฟกัสกับสิ่งที่เขาไม่ให้คุณค่ากับเรา ในท้ายที่สุดตัวเรานั้นแหละที่ได้รับความเจ็บปวด ใจแข็งนิดหนึ่งแล้วเดินออกมาจะดีกว่าครับ ไม่ใช่เพื่อใคร
เพื่อตัวคุณนั้นเอง

ลองออกไปพบเจอผู้คนใหม่ ๆ ใช้ชีวิตในแบบที่เราอยากลองออกไปใช้ชีวิตดู คิดถึงตอนที่เราเป็นเด็ก เป็นวัยรุ่น เรามีความสุขมากแค่ไหน กับการไม่คาดหวังอะไรกับคนอื่น สำหรับผมแล้ว ชีวิตนี้ผม่คงมอบให้กับพระธรรมะ ธรรมะโอสถนี้แหละครับที่ถือเป็นยาดีที่ช่วยให้ชีวิตมีแรงผลักดัน แล้วก้าวไปข้างหน้าได้ อยู่กับปัจจุบันให้ความรักและเมตตากับทุกคน บางทีก็ต้องรู้จักการนิ่งสงบ ทั้งทางกาย วาจา และใจ เพื่อรักษาสมดุลให้กับชีวิตของเรา


ชีวิตสมดุลดีอย่างไร เมื่อจิตเราสงบ จะทำให้เกิดสมาธิ เมื่อมีสมาธิก็จะเกิดปัญญาในการแก้ไข้ปัญหาต่าง ๆ ในชีวิต ไม่ว่าจะทุกเรื่อง ธรรมชาติของจิต ถ้าคุณไม่ฝึกฝนมันจะพาจิตใจคุณไปในทางที่ต่ำ และอาจทำให้เราหลงอยู่ในวงวนของความ โลภ โกรธ หลง สิ่งเหล่านี้ล้วนนำความทุกข์มาสู่ใจของมนุษย์เรา ถ้าเรามีสติอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะนั่่ง นอน หรือทำกิจกรรมใด ๆ เราย่อมพบกับความสุขที่แท้จริง ทำอะไรก็ดีไปหมด ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจครับ

เขาไม่รักเราก็ออกมาเถอะครับ เป็นตัวของตัวเอง รักตัวเองเพราะชีวิตเรานั้นมีชีวิตเดียวอย่าปล่อยให้ตัวเองทุกข์ใจนานเลย ให้โอกาสกับตัวเองแล้วจะมีคนยื่นโอกาสให้กับเราเอง เมื่อไม่มีโอกาสก็สร้างมันขึ้นมาครับ โอกาสสร้างได้เสมอ ข้อสำคัญคือ คุณต้องเป็นผู้รู้จักให้ พลังอำนาจของการให้นั้นยิ่งใหญ่มากครับ ยิ่งให้ ยิ่งได้ ไม่เชื่อ ก็ลองให้ดูนะครับ

วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2564

shaper (นักปั้น)


บุคคลที่มีชื่อเสียงในระดับโลกส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่มีความเป็น Shaper เขาเหล่านั้นเป็นทั้งนักคิด นักสร้างสรรค์ และมีความพยายามเป็นอย่างมาก  พวกเขามีความต้องการเป็นอย่างสูงที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตในสิ่งที่พวกเขาคิด  โดยไม่สนใจถึงความผิดหวัง ความล้มเหลวเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมา 

คุณสมบัติของ Shaper ที่มีคล้าย ๆ กันได้แก่

1.มีวิสัยทัศน์ที่กว้างกว่าคนทั่วไป ไม่ว่าจะมาด้วยตนเองหรือเรียนรู้วิธีการหาวิสัยทัศน์จากผู้อื่นที่กว้างกว่าตน

2.เห็นภาพใหญ่และสามารถมองรายละเอียดเล็ก ๆ ผสมรวมกันทุกขั้นตอนเพื่อสร้างระบบให้เป็นจริง โดยอาศัยความคิดสร้างสรรค์อย่างแน่ว บวกกับความมีใจกว้าง

3.ไม่ทนกับคนที่ไม่สามารถทำงานได้ดีเท่ากับตนเอง และต้องการสร้างความแตกต่างที่ใหญ่หลวงบนโลกใบนี้


ตัวอย่างของคนที่เป็น Shaper  ได้แก่ อิลอน มัสก์

ในตอนที่เริ่มสร้าง Space x  จุดเริ่มต้นของเขาก็คือ  การเข้าไปศึกษาค้นคว้าในเวปของนาซ่า เกี่ยวกับการเดินทางไปดาวอังคาร (ผลคือไม่มี) สิ่งที่เขาทำก็คือ "การเริ่มอ่านหนังสือศึกษาอย่างจริงจังเกี่ยวกับมันเพื่อจะเดินทางไปดาวอังคาร"  นี่คือวิธีคิดแบบ Shaper

อิลอน มัสก์  นิสัยเป็นคนที่พยายามอย่างสุดโต่ง  ในการบรรลุเป้าหมาย หัวรุนแรง ก้าวร้าวหรือไม่สนโลก  รหว่างช่องว่างของสิ่งที่เป็นไปได้ และสิ่งที่เป็นไปไม่ได้  ในอารมณ์เศร้า ๆ ประกอบกับแรงผลักดันลึก ๆ

การเลือกระหว่างประสบความสำเร็จในเป้าหมายที่ตั้งไว้  หรือการเอาอกเอาใจผู้อื่น Shaper จะเลือกการบรรลุเป้าหมาย แบบนักประดิษฐ์  เป็นคนมีวิสัยทัศน์ที่ดีที่สุด กล่าวคือ คนที่มีความกว้างไกลระหว่างที่ร่วมงานกับคนเก่งอื่น ๆ ที่มีวิสัยทัศน์ที่แตกต่างกันออกไป

จะเห็นได้ว่าคนที่มีความสามารถนั้นคือผู้ที่นั่งกังวลเกี่ยวกับอนาคต  คนโง่เป็นคนที่ไม่กังวลอะไรเลย  นี่แหละครับความแตกต่างที่ฟังดูแปลก  แต่คือเรื่องจริงของงคนที่ประสบความสำเร็จ


กองทุน SSF และ RMF


เวลาคือ เพื่อนแท้ ของนักลงทุน  แต่  การจัดพอร์ตคือ คู่แท้ ของนักลงทุน

โลกของการลงทุน  หากใครที่รู้ตัวเองว่าไม่เหมาะกับการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง  หรือความผันผวนที่สูงมาก และมีผู้จัดการกองทุนที่ดี คอยจัดการให้  ทางเลือกของกองทุน SSF และ RMF คือไม่เลวทีเดียว


SSF และ RMF เหมาะกับใครและช่วงไหน

ช่วงอายุ 25+   SSF  ดูจะเป็นตัวเบือกที่เหมาะกว่า เพราะจำนวนปีที่ต้องถือสั้นกว่า RMF สามารถขายเพื่อทำตามเป้าหมายได้โยไม่ต้องรอนานเกินไป

ช่วงอายุ 35+   SSF หรือ RMF ก็ได้ มีระยะเวลาในการลงทุนพอสมควรก่อนที่จะเกษียณ เกิน 10 ปี ขึ้นไปไม่ว่าจะเลือกลงทุนผ่าน RMF หรือ SSF  ก็ไม่น่าจะมีปัญหาใด ๆ

ช่วงอายุ 45+    SSF หรือ RMF ก็ได้ มีระยะเวลาไล่เลี่ยกันมาก ๆ คือ 10 ปี จึงซื้อ SSF หรือ RMF ก็ได้

ช่วงอายุ 50+     RMF เป็นหลัก ที่หลือค่อยซื้อ SSF  เพราะถือแค่ 5 ปีก็สามารถขายคืนได้เเล้ว  แต่ถ้ามีเงินเหลืออยากลดหย่อนเพิ่ม ค่อยซื้อ SSF

ช่วงอายุ 55+   RMF ไว้ลดหย่อนไปเลยเพราะถือแค่ 5 ปี เท่านั้น

 

หลักในการคัดเลือกกองทุน

การจะลงทุนในกองไหน จำเป็นจะต้องเข้าใจกองทุนนั้นให้ดีซะก่อน ถ้าไม่รู้จักก็ยิ่งมีความเสี่ยงสูงมากที่จะไม่ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน หรือขาดทุนได้  วันนี้มีหลัก 3 ข้อ ดังนี้

1.ประเภทและนโยบายการลงทุนต้องเป็นกองทุน (สินทรัพย์) เติบโตในระยะยาว

2.มีกำหนดผลตอบแทนที่ชัดเจน และผู้จัดการกองทุนต้องมีฝีมือดี  มีความรู้ความสามารถในการจัดการกองทุนนั้น ๆ

3.ค่าธรรมเนียมไม่แพง

หนังสือชี้ชวนการลงทุนบอกอะไรบ้าง มี 7 ข้อ

1 คุณกำลังลงทุนอะไร ?  บอกถึงนโยบายการลงทุนและกลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุนของกองทุน เช่น แบบเชิงรุกหรือเชิงรับ

2.กองทุนรวมนี้เหมาะกับใคร ? บอกถึงผู้ที่เหมาะสมไม่เหมาะสมกับการลงทุนในกองทุนนี้เพื่อให้นักลงทุนได้ประเมินตัวเองก่อนตัดสินใจลงทุน 

3.คุณต้องระวังอะไรเป็นพิเศษ ?  บอกถึงคำเตือนที่สำคัญ แผนภาพแสดงตำแหน่งความเสี่ยงของกองทุน (ระดับ 1-8) และปัจจัยความเสี่ยงที่สำคัญ

4.สัดส่วนของประเภททรัพย์สินที่ลงทุน  บอกถึงสัดส่วนการลงทุนและทรัพย์สินที่ลงทุนสูงสุด 5 อันดัยแรก

5.ค่าธรรมเนียม  บอกถึงค่าธรรมเนียมที่สำคัญของกองทุนที่คิดรวมภาษีแล้วทั้งค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากกองทุน  และที่เรียกเก็บจากผู้ถือหน่วย

6.ผลการดำเนินงาน  บอกถึงผลการดำเนินงานย้อนหลังที่ผ่านมาของกองทุนเทียบกับดัชนีชี้วัด และค่าความผันผวนของผลการดำเนินงาน

7.ข้อมูลอื่น ๆ บอกถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจลงทุน เช่น นโยบายการจ่ายเงินปันผล จำนวนขั้นต่ำในการซื้อขาย เวลาเปิดปิดทำการ และชื่อผู้จัดการกองทุน เป็นต้น

และนอกจากนี้คุณต้องรู้จักวิธีการบริหารพอร์ตการลงทุนให้ดี  ปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม ดูเเนวโน้มการเติบโตทรัพย์สิน พิจารณาในเรื่องราคา การกระตุ้นเศรษฐกิจและแนวโน้มของตลาดหุ้น ศึกษาให้มาก อย่าทำตามคนอื่นและหาแนวทางตัวเองให้เจอ เคล็ดลับความสำเร็จ ก็คือ การมีเส้นทางของตัวเราเองครับ 


ขอบคุณที่มา SET




วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2564

ความคิดกำหนดดวงชะตาชีวิต


ผู้คนรอบตัวมีผลต่อความสำเร็จขอเราเป็นอย่างมาก  อยู่กับคนแบบไหน  เราก็จะกลายเป็นคนแบบนั้น  แล้วถ้าเราต้องอยู่ในองค์กรที่เหล่าผู้คนเต็มไปด้วยคนหมดไฟ  คิดแต่เรื่องที่่ไม่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับตัวเอง  ถ้าชีวิตแบบนี้ไม่เกิน 5 ปี รับรองว่าชีวิตเราคงถอยหลังลงคลองกันแน่

การหมดไฟ ไม่ใช่เรื่องที่ดี  เพราะนั้นหมายถึงคุณเริ่มหมดพลังงานในร่างกาย  และยากที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต  วิธีที่ดีที่สุดคือ ปล่อยวางครับ  แต่ในความปล่อยวางคุณก็ต้องติดต่อกับพวกเขาเฉพาะเรื่องงานเท่านั้น  ติดต่อเท่าที่จำเป็น  ถ้าไม่ก็เลือกที่จะนิ่ง ๆ ดีกว่า


เทคนิคที่ดีที่สุดคือ

1.ชัดเจนกับเป้าหมายของเรา  พยายามค้นหาผู้คนที่มีความคิดเห็นที่ตรงกับคุณ  ทำตัวเองให้มีไฟ  มีพลังงานอยู่ตลอดเวลาเพื่อขับเคลื่อนเราไปสู่เป้าหมาย

2.พัฒนาทักษะใหม่ ๆ อยู่เสมอ การเรียนรู้ทักษะใหม่ก็เป็นการเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับตัวเอง ศึกษาแบบจริงจังและทุ่มเท ทำจนตัวเองเป็นคนประเภท Expert geralists ลงลึกไปในทุกศาสตร์  เเล้วนำข้อมูลเหล่านี้มาเชื่อมต่อกันเพื่อสร้างเป็นศาสตร์ใหม่ 

3.ลองคิดแบบเด็กแล้วทำแบบผู้ใหญ่ดูครับ  ความคิดเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมและคำพูดต่าง ๆ  การยึดติดย่อมทำให้เราไปไม่ถึงทางที่ฝันไว้  เพราะฉะนั้นทลายกำแพงที่อยู่ตรงหน้า  ลองคิดในมุมที่ต่างออกไป จินตการจะพาคุณไปได้ทุกที่ครับ  ลองคิดนอกกรอบดูนะครับ

4.เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในกลุ่มคนที่มีความคิดในเชิงบวก  แล้วมีความคิดในเรื่องของการพัฒนาตัวเองและการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ อยู่เสมอ ถ้าหากยังไม่เจอก็หาหนังสือดี ๆ มาอ่าน  การอ่านคือการเปิดโลกทัศน์  ทำให้คุณมีความรู้ที่หลากหลาย และก้าวหน้าอยูตลอดเวลา อย่าคิดว่าจมอยู่แค่นี้  แค่เปลี่ยนความคิด  ชีวิตก็เปลี่ยนได้ครับ

5.ฝึกทักษะการเป็นผู้ฟังทีดีบ้าง  การเป็นผู้ฟังที่ดีย่อมจะทำให้เราได้ความรู้มากมายจากการฟัง  ที่สำคัญคือต้องฟังเรื่องที่มีประโยชน์แล้วสามารถนำไปคิดต่อยอด หรือเชื่อมโยงได้  หากไม่สามารถเชื่อมโยงได้ ก็ต้องหาเส้นทางใหม่  ฝึกคิดที่จะต่อยอดและพัฒนาสิ่งใหม่  ไม่ใช่การย้อนหลัง

6.ถอยห่างจากคนที่หมดไฟ คนที่ไม่สนับสนุนคุณ หรือคนที่ขี้อิจฉา  การจะเล่าความฝันอะไรให้ใครฟังคุณต้องดูก่อนนะครับว่า นิสัยใจคอของคน ๆ นั้นเป็นแบบไหน  คบกับคนแบบไหนเราจะกลายเป็นแบบนั้น  การรู้จักวางตัวเองให้ดี  มีสัมมาคารวะ มีความอ่อนน้อมถ่อมตน และที่สำคัญคือ ต้องมีความมั่นใจในตัวเองด้วย

โลกที่พร้อมจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา  จนเราไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าอีก 5 ปี 10 ปี  โลกจะเปลี่ยนไปในทิศทางไหน  แต่ยังผู้คนก็ยังต้องใช้ชีวิตแล้วดำเนินต่อไปให้ได้  ถ้าถามตัวผมเอง  ผมในฐานะคนที่นับถือพุทธศานาก็คงจะตอบว่า  ทุกอย่างเป็นสิ่งไม่จีรังยั่งยืน  มีได้ก็เสื่อมได้  บนพื้นฐานของอนัตตา ความไม่เที่ยงทั้งหลายแม้กระทั่งตัวเราเอง การไม่ยึดมั่นเพื่อทำให้ตัวเองเป็นทุกข์  จึงดีที่สุด  อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด และเป็นไปตามเหตุและปัจจัยอย่างนั้น  อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด  การเห็นและเข้าใจตัวเองนั่นแหละคือสิ่งที่มนุษย์พึ่งมีและกระทำ  อย่าไปวิ่งตามทุกอย่างจนเราหาทางให้กับชีวิตของเราไม่เจอ ท้ายที่สุดเราอาจกลายเป็นคนหลงทางได้  ฝากไว้เป็นข้อคิดเตือนใจนะครับ


วันอังคารที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2564

สุดยอดที่ปรึกษา


เชื่อว่าหลายคนมีความฝันที่อยากจะประสบความเร็จ  อยากจะพบเจอใครสักคนที่เข้ามาช่วยให้การเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวคุณนั้นดีขึ้นแบบที่  ไม่สามารถจำตัวเองได้เลย  เรียกได้ว่าดีแบบพลิกชีวิต วันนี้ผมก็มีหลักการพื้นฐานง่าย  เพื่อให้คุณเลือกที่ปรึกษาในแบบที่ตัวคุณไม่ต้องโดยหลอกมาฝากกันครับ

การให้คำปรึกษานั้นเป็นเรื่องของการใช้สติปัญญาที่บริสุทธิ์  วิเคราะห์สถานการณ์นั้น ๆ แล้วพิจารณาเหตุการณ์ตามความเป็นจริงแบบถูกต้อง  โดยไม่เอาความรู้สึกส่วนตัวมาปะปน  ผู้ที่จะเป็นที่ปรึกษาที่ดีนั้น ต้องมีคุณสมบัติที่นิ่งสงบ  และให้คำปรึกษาอย่างมีเมตตาและมั่นใจในความถูกต้องของคำปรึกษา


มีคำกล่าวหนึ่งของพระพุทธองค์ว่า "พระพุทธองค์ไม่สอนบัวใต้น้ำ"


มีหลักการ 2 ข้อ สำหรับที่ปรึกษาควรมี 

1 หลักกาลามสูตร  กล่าวคือ  การไม่หลงเชื่อเพียงเพราะว่า เขาว่า...../ก็เห็นเขาทำกันแบบนั้น  หรือข่าวลือต่าง ๆ /หรือบ้าทฤษฎี ยึดในหลักการทั้งที่ไม่มองว่าโลกปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน  ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน  อย่าเดาหรือใช้ความรู้สึก มีฐิฑิ หรือชอบคนพูด อย่าเชื่อเพราะเขาเป็นครูบาอาจารย์ของเรา  สิ่งเหล่านี้แหละจงจำไว้ให้ดี

จงเชื่อในปัญญาของตัวเอง  เชื่อในปัญญาของตัวเอง แล้วตัวคุณจะกลายเป็นคนพิเศษที่ไม่ธรรมดา

2.ธรรมของสัตตบุรุษ  กล่าวคือ ต้องเป็นคนรู้จักเหตุ รู้จักผล  รู้จักตน รู้ว่าเรานั้นไม่ถนัดอะไร แล้วจะทำให้ตัวเองเก่งมาได้อย่างไร  นานวันเข้าเราจะเก่งขึ้น  และต้องรู้จักประมาณตนเอง  เลือกเดินทางสายกลาง  รู้จักกาลเวลาที่เหมาะสม  รู้จักบริษัท  รู้จักบุคคล

มันก็คือหลักการง่าย ๆ ที่คนเรามักหลงลืม  หากคนเป็นที่ปรึกษาไร้ซึ่งคุณสม่บัติเหล่านี้ก็ยาก  ที่จะเป็นสุดยอดที่ปรึกษาที่ดีได้  เพราะไม่ว่าจะอาชีพอะไรทุกอย่างมีจุดเริ่มต้นเหมือนกัน ก็คือ รักในอาชีพนั้น และที่สำคัญคือ ต้องมีความซื่อสัตย์และเคารพในวิชาชีพของเราเอง

ท้ายที่สุดผมอยากฝากข้อคิดนี้ไว้ครับ

เมื่อคนพยายามจะสร้างชีวิตให้เต็มไปด้วยความร่ำรวยคน ๆ นั้นจะไม่รวย ด้วยเหตุผลเพราะจดจำทุกการกระทำไม่ได้  ไม่ได้กระทำได้ด้วยสติปัญญา แต่ทำไปด้วยความโลภ การเร่งอะไรให้สำเร็จเร็วเกินไป  ความสำเร็จที่ได้จะไม่ยั่งยืน

ความเก่งจะไม่มีความหมายใด ๆ ทั้งสิ้น  ความเข้าใจต่างหากที่มีความหมายยิ่งใหญ่กว่า คนที่เข้าใจอะไร ๆ ได้ ก็คือ คนที่ใช้ชีวิตตัวเองเดินไปในเส้นทางที่ถูกต้อง ไม่ใช่เดินไปเพียงเพราะหวังว่า "ฉันต้องรวย"  โดยไม่สนใจวิธีการที่ถูกต้อง

ลองคิดภาพของตัวเองเมื่อต้องใช้ชีวิตในปั้นปลายดูนะครับว่า  ตัวเองต้องการชีวิตแบบไหนกันแน่  แล้วให้นึกทบทวนตัวเองเลยว่า ถ้าย้อนเวลากลับมาได้ถึงตอนนี้อะไรบ้างที่ตัวเราเองนั้นจะไม่ทำมันเด็ดขาด  อะไรบ้างที่เราจะไม่ไปเสียเวลากับมัน  กำหนดทิศทางให้ชัดเจน  แบบนี้รับรองว่าคุณจะได้ในสิ่งที่คุณต้องการอย่างแน่นอน





วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2564

การเป็นคน Expert geralists


โลกนี้มีคนอยู่หลายประเภท  แต่ประเภทที่เป็นสุดยอดจริงจะเเบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ได้แก่ พวก Specialist (พวกที่มีความสามารถในด้านนั้น ๆ แบบโดดเด่น) กับประเภท Expert geralists  วันนี้ผมของพูดถึงคนประเภทที่ 2 นี้นะครับ

 Expert geralists  จะเป็นพวกที่เรียนรู้ในหลาย ๆ ด้านให้ลึกถึงแก่นของหลาย ๆ เรื่อง เพื่อหาแก่นแท้ที่สามารถเชื่อมโยงให้ด้วยกัน  หรือที่เรียกว่า Connecting the dots  สาเหตุที่พวก  Expert geralists   มีเหนือกว่าคนอื่น ๆ เพราะเขาได้ศึกษาลึกลงไปในหลาย ๆ เรื่องที่จะทำให้ตัวเขามีข้อมูลที่มากและนำไปสู่การสร้างสรรค์สิ่งใหม่

ยกตัวอย่างบุคคลที่เห็นได้ชัด ได้แก่  Elon Musk เขาเป็นบุคคลต้นแบบที่หาคนเปรียบเทียบได้ยากเลยในยุคปัจจุบัน  ถ้าหากเราไปแกะรอยความสำเร็จของเขาตั้งแต่เริ่มต้น ปัจจัยหลัก ๆ มาจากหนังสือที่เขาอ่านครับ

เขาใช้เวลาอ่านหนังสือเฉลี่ยวันละ 2 เล่มต่อวัน

ในช่วงเริ่มต้น         เขาศึกษาเกี่ยวกับหนังสือวิทยาศาสตร์,ศาสนา,ปรัชญา,Programming

ในช่วงตอนโตขึ้น   ฟิสิกส์ ,วิศวกรรม,โปรดักส์ดีไซน์,ธุรกิจ,พลังงาน, เทคโนโลยี

เมื่อเขาศึกษาจะเข้าใจถึงแก่นแท้ของเรื่องนั้น ๆ แล้ว  Elon musk ก็ได้นำศาสตร์เหล่านี้มาประยุกต์ใช้กับธุรกิจ จากธุรกิจหนึ่งไปสู่ธุรกิจหนึ่ง (Learning transfer) ประกอบด้วย 2 ขั้นตอน ดังนี้

1.การศึกษาเข้าไปให้ลึกซึ้งถึงแก่นแท้ หรือเรารู้จักในงานวิจัยในชื่อ Contrasting cases คือการศึกษาแบบเปรียบเทียบ  ได้แก่การศึกษาโครงสร้างของสิ่งนั้น ๆ เพื่อให้เรารู้ว่าอะไรคือ แก่น  อะไรคือ โครงสร้างที่สำคัญ ของแต่ละเรื่อง  จากนั้นมาดูว่าสามารถปรับใช้กับชีวิตกับเราได้หรือไม่

ข้อสำคัญ  อย่าไปศึกษาวิธีที่ดีที่สุด แต่ควรศึกษาหลาย ๆ วิธีแล้วนำมาเปรียบเทียบแต่ละวิธี เพื่อที่จะทำให้เราเข้าใจเนื้อหาแก่นแท้ในเรื่องน้้น ๆ

2.การประกอบ Fundamental principles นั้นขึ้นมาใหม่  เช่น การศึกษาเรื่องเทคโนโลยี  นาโนเทคโนโลยี วิศวกรรมการเงิน เพื่อสร้างศาสตร์ใหม่ ๆ ขึ้นมา เป็นอีกหนึ่งองค์ความรู้ที่เราได้สร้างขึ้นด้วยตัวเราเอง

จะเห็นได้ว่าโลกใบนี้ความรู้ไม่ได้อยู่ที่ตำราเรียนอย่างเดียวนะครับ  โลกปัจจุบันทุกอย่างสามารถเรียนรู้ได้ จากทุกที่และทุกเวลา  หากเราศึกษาความหลากหลายในด้านต่าง ๆ เราอาจจะพบแก่นแท้ของเรื่องนั้น ๆ ในแบบฉบับของตัวเราเองก็ได้  เพราะความสำเร็จนั้นไม่ใช่การลอกเลียนแบบ  แต่มันคือการทุ่มเท และลงมือทำครับ

การเข้าใจในศาสตร์นั้น ๆ อย่างแท้จริง การศึกษาเรื่อง First principle จะทำให้เรารู้ว่าอะไรสำคัญกับเราจริง ๆ เราอาจสร้างเส้นทางใหม่ ๆ ขึ้นมาเพื่อวัดคุณภาพมาตรฐานในแบบฉบับของเราเอง  แทนที่จะไปทำตามตำราเรียนในแบบที่เหมือน ๆ กัน  ไม่มีสิ่งใดจะสำคัญไปกว่ากระบวนการเรียนรู้  นี่แหละครับคือเคล็ดลับความสำเร็จ






บัญญัติ 10 ประการของวิชาเศรษฐศาสตร์


เรื่องของเศรษฐศาสตร์ไม่มีอะไรซับซ้อน เศรษฐกิจก็เป็นแค่เรื่องของคนกลุ่มหนึ่งที่ทำข้อข้อตกลงกับกับอีกกลุ่มหนึ่งในเรื่องทั่ว ๆ ไปของพวกเขา  ศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์กันด้วยบัญญัติ 4 ประการ ที่เกี่ยวกับการตัดสินใจของแต่ละบุคคล

คนเราตัดสินใจอย่างไร (How people make decisions)

1.บัญญัติข้อที่ 1 ผู้คนต้องเผชิญกับการได้อย่างเสียอย่าง

2.บัญญัติข้อที่ 2 ต้นทุนของสิ่งหนึ่งคือสิ่งที่ต้องเสียไปเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมา

3.บัญญัติข้อที่ 3 คนที่มีเหตุผลจะคิดแบบส่วนเพิ่ม

4.บัญญัติข้อที่ 4 ผู้คนตอบสนองต่อสิ่งจูงใจ

คนเรามีปฎิสัมพันธ์ต่อกันอย่างไร (How people Interact)

5.บัญญัติข้อที่ 5 การค้าทำให้ทุกฝ่ายดีขึ้น

6.บัญญัติข้อที่ 6 โดยทั่วไปแล้วตลาดเป็นหนทางที่ดีในการบริหารจัดการกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

7.บัญญัติข้อที่ 7 บางครั้งรัฐบาลก็ช่วยทำให้ผลลัพธ์ของตลาดดีขึ้นกว่าเดิมได้

ระบบเศรษฐกิจโดยรวมทำงานอย่างไร (How the economy as whole works)

8.บัญญัติข้อที่ 8 มาตรฐานการครองชีพของประเทศขึ้นอยู่กับฝีมือ ความสามารถในการผลิตสินค้าและบริการ

9.บัญญัติข้อที่ 9 ราคาสินค้าจะสูงขึ้น เมื่อรัฐบาลเพิ่มปริมาณเงินตราเข้าสู่ระบบมากเกินไป

10.บัญญัติข้อที่ 10 สังคมเผชิญภาวะได้อย่างเสียอย่างในระยะสั้นระหว่างภาวะเงินเฟ้อกับภาวะการว่างงาน

สรุป (Summary)

.        หลักการพื้นฐานเกี่ยวการตัดสินใจ คือ ผู้คนเผชิญกับภาวะได้อย่างเสียวอย่างระหว่างเป้าหมายหลายแบบ ต้นทุนของการกระทำใด ๆ วัดได้จากมูลค่าของทางเลือกใด ๆ  ที่ละทิ้งไป ผู้คนที่มีเหตุผลจะตัดสินใจโดยการเปรียบเทียบต้นทุุนส่วนเพิ่มกับผลประโยชน์ส่วนเพิ่ม และผู้คนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตัวเองเพื่อตอบสนองต่อสิ่งจูงใจที่ตนได้เผชิญ

        หลักการพื้นฐานเกี่ยวกับปฎิสัมพันธ์ระหว่างผู้คน คือ การค้าและการพึ่งพาอาศัยกันก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันได้ ตลาดโดยทั่วไปแล้วเป็นหนทางที่ดีต่อการทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจร่วมกันของผู้คน และรัฐบาลช่วยทำให้ผลลัพธ์ของตลาดดีขี้นกว่าเดิมได้ด้วยการเยี่ยวยาแก้ไขความล้มเหลวของตลาด หรือส่งเสริมความเสมอภาคของเศรษฐกิจให้สูงขึ้น

        หลักการพื้นฐานเกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจโดยรวม คือผลิตภาพเป็นสิ่งที่นำไปสู่มาตรฐานการครองชีพที่สำคัญที่สุด  การเติบโตของปริมาณเงินตราเป็นสิ่งที่นำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อที่สำคัญที่สุด และสังคมเผชิญกับภาวะการได้อย่างเสียอย่างระหว่างภาวะเงินเฟ้อกับภาวะการว่างงานระยะสั้น










วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2564

เทคนิคการเริ่มต้น เทรดหุ้น RAY DALIO

วันนี้ผมขอเล่าเทคนิคง่าย ๆ สำหรับการเริ่มต้นเทรดของ RAY DALIO นะครับ  ผมมองวิธีการของเขานั้นน่าสนใจยิ่ง  เลยอยากเอามาเล่าต่อให้เพื่อน ๆ ได้ลองฟังกันดูครับ

RAY DALIO  พูดไว้ว่า  เมื่อผมจะเริ่มเทรด  ผมจะใช้เกณฑ์ในการตัดสินใจจากนั้นผมจะปิดสถานะ  ผมสามารถบอกตัวเองได้ว่า ผมทำได้ดีเพียงใด  จากนั้นผมได้เขียนเกณฑ์ในรูปแบบคำนวณสูตรการคำนวณ "อัลกอริทึม"  แล้วประมวลจากข้อมูลนั้นย้อนหลัง

สูตร

สัญชาตญาน ---- ตรรกะในการตัดสินใจ ---- การคิดระบบสร้างแผนความคิดเพื่อรับมือสิ่งต่าง ๆ (ตามแต่สถานการณ์) ----  จากนั้นประมวลผลด้วยระบบที่สร้างขึ้นมา ----  ถ้าไม่ดีพอ (ปรับการตัดสินใจให้เหมาะสมมากขึ้น)  

*อาศัยข้อมูลย้อนหลัง 1 ศรรตวรรษ ในประเทศที่เรามีข้อมูล*

จากนั้นนำระบบข้อมูลย้อนหลัง  เปรียบเทียบ  สิ่งที่มีอยู่จริงของเรา

ความจริงที่ควรรู้ไว้ก็คือ การพยากรณ์ไม่ใช่สิ่งที่คุ้มค่ามากนัก และส่วนใหญ่ที่ทำมักจะไม่ได้เป็นคนที่หาเงินจากตลาด เนื่องจากไม่มีอะไรที่แน่นอน ดังนั้น หากปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่ออนาคต  มันจะมีความเป็นไปได้หลาย ๆ ทางด้วยความน่าจะเป็นที่แตกต่างกัน ไม่ได้มีผลลัพธ์ที่น่าจะเกิดขึ้นมากที่สุดเท่านั้น

การเคลื่อนไหวของตลาดสะท้อนถึงการเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจ การเคลี่ยนไหวทางเศรษฐกิจสะท้อนอยู่ในสถิตทางเศรษฐกิจ  และการเคลื่อนไหวของตลาด เราได้พัฒนากฎที่แม่นยำสำหรับการตรวจสอบเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจสภาวะตลาด  และทิศทางการเทรดของเรา  กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ แทนที่จะเป็นการคาดการณ์การเปลี่ยนในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ  และปรับปรับแผนการเทรดให้สอดคล้องกับข้อมูลที่ได้   เราเลือกที่จะยอมรับการแปลงที่กำลังเกิดขึ้น และย้ายเงินของเราไปในที่ที่เหมาะสมที่่สุด ในสภาพแวดล้อมแบบนั้น


เข้าไปคลุกคลีในธุรกิจจนกว่าผมจะอยู่ในจุดที่รู้สึกว่ากลยุทธุ์ที่ผมใช้นั้น สามารถนำมาดำเนินธุรกิจนั้น ๆ ได้ด้วยตัวเอง  บางอย่างถ้าเราไม่สะดวกใจกับสิ่งที่ต้องทำ เพื่อที่จะลงทุนกับมัน  ผมได้เรียนรู้ว่าถ้าคุณทำงานหนักและสร้างสรรค์  คุณสามารถมีทุกอย่างที่คุณต้องการได้  แต่สิ่งที่คุณได้จะไม่ใช่ทุกอย่างที่คุณต้องการ  ความเป็นผู้ใหญ่คือ ความสามารถในการปฎิเสธทางเลือที่ดีเพื่อที่จะทำในสิ่งที่ดีกว่า

หลักการงานสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที  เพราะชีวิตคุณเองก็เลือกได้  ถ้าเราจดจ่อกับอะไรเราก็ย่อมได้สิ่งนั้นครับ  ไม่มีใครเก่งตั้งแต่เกิด  เพราะฉะนั้นจงค่อย ๆ ฝึกฝนไปทีละนิด  เรียนรู้ไปแล้วคุณจะพบคำตอบที่คุณต้องการ



ผู้ที่หวังพึ่งพาดวงชะตา ท้ายที่สุดก็ต้องพบกับความล้มเหลว


การดูดวงชะตาโดยคาดหวังว่าจะทำให้ชีวิตเรานั้นดีขึ้น  ผมว่าไม่มีอยู่จริงหรอกครับ  สิ่งที่จะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นนั้น  ก็คือ  การคิดดี พูดดี และก็ทำดี  สิ่งเหล่านี้คือของจริง และสามารถเห็นผลได้ทันที  หลายคนทำผิดพลาดไปคาดหวังว่าชีวิตนั้นเราสามารถพึ่งพาดวงชะตา  พอเราไปแก้ไขดวงชะตาก็จะทำให้ชีวิตเปลี่ยน  แต่สิ่งที่เราไม่ยอมเปลี่ยนคือ นิสัยของเราเอง พฤติกรรมของเราเอง  ทั้งที่่สิ่งเหล่านี้  นี้แหละครับคือตัวกำหนดดวงชะตาของเรา  

จากประสบการณ์ของผมก่อนหน้าผมก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบการดูดวงมาก  เชื่อว่าดวงชะตานั้นสามารถกำหนดความเป็นไปในชีวิตของเราได้จริง  แท้ที่จริงแล้วไม่ใช่เลย ยิ่งเราดูดวงมากขึ้น ก็ทำให้เรารู้ได้ว่า  การไม่รู้อนาคตของตัวเองนั้นย่อมเป็นเรื่องที่ดีที่สุด  มันสามารถทำให้เราสามารถแยกแยะและวิเคราะห์   สถานการณ์ตามความเป็นจริง   โดยอาศัยข้อมูลที่มีอยู่ในช่วงเวลานั้น ๆ  เพื่อใช้ในการตัดสินใจในบางเรื่องที่สำคัญในชีวิต  เมื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับเรา  ไม่ว่าจะดี หรือไม่ดี  เราก็จะสามารถรับมือกับสถานการณ์นั้น ๆ ได้

ในความเป็นจริงแล้วบุคคลจะร่ำรวย หรือยากจน  ความยิ่งใหญ่หรือความน่าเกรงขามของมนุษย์นั้นไม่ได้สัมพันธ์กับความมั่งคั่ง หรือมาตรวัดความสำเร็จอื่น ๆ การจะไปตัดสินผู้คนก่อนที่เราจะได้เห็นสิ่งต่าง ๆ ผ่านความคิดเห็นของพวกเขา หรือก่อนที่จะเข้าใจในสถานการณ์ของพวกเขานั้น  มันเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดนัก  ผมขอให้คุณลองศึกษาให้มากขึ้น  จนเข้าใจถึงความต้องการว่า คนที่มองเห็นสิ่งที่แตกต่างจากตัวเรานั้น เขามองกันอย่างไร ?  

แล้วคุณจะพบว่าสิ่งนี้น่าสนใจ และมีคุณค่ามาก มีมุมมองที่กว้างขึ้น  ที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าคุณต้องทำอย่างไร  บางทีถ้าคุณต้องพบเจอกับคนแบบนี้ตลอดเวลา  เราก็แค่ไม่ต้องไปอะไรมากมายกับเขาหรอก  ปล่อยไป  การอยู่ตัวคนเดียวนั้นย่อมจะดีที่สุด  ขอจงทำใจให้สบายนะครับว่าคุณนั้นได้เดินมาถูกทางแล้ว  การที่คุณรู้สึกทุกข์  นั้นเท่ากับว่าสิ่งที่คุณเป็นอยู่นั้น  คุณต้องฝึกฝนและพยายามให้มากขึ้น  โลกจะดึงดูดคนที่คู่ควรกับคุณเข้ามาเองในเวลาอันใกล้  อดทนอีกสักนิด  ข้อสำคัญคือ  อย่าไปเล่าความฝันของตัวเองให้กับคนที่คุณไม่สนิทใจฟังเด็ดขาด  เพราะเขาพร้อมจะนำเรื่องของคุณไปเปิดและเป็นอันตรายกับคุณมาก  จงฝึกให้ตัวเองเป็นคนนิ่งให้เป็น  พูดให้น้อยหรือเท่าที่จำเป็นสิ่งนี้ดีที่สุด  ใครจะว่าอะไรยังไงอย่าไปสนใจเขาครับ  เราทำดีเป็นพอ  

อะไรที่มันดีอยู่แล้วก็ต้องทำต่อไป  อะไรที่ไม่ดีก็ต้องเลิกไป ลดฐิฑิในใจของตัวเอง  ทำตัวให้สงบนิ่งดุจพญาราชสีห์  มีสติอยู่เสมออย่าประมาณกับชีวิตให้มาก รู้จักการปล่อยวางแล้วชีวิตคุณจะมีความสุข  เพียงแค่นี้แหระครับชีวิตของคณก็จะพบแต่ความสุข  ไม่ต้องพึ่งพาดวงชะตาเลย


วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2564

เทคนิคสำหรับการเป็นนักพูดที่ดี


มีเคล็ดลับอย่างหนึ่งในการประสบความสำเร็จในชีวิตที่ผมอยากให้คุณได้รับรู้นะครับ  นั่นก็คือ  การเป็นผู้ฟังที่ดีครับ  ทำไมเป็นงั้นละครับ  นั่นก็เพราะว่าการจะเป็นนักพูดที่ดีเราต้องเป็นนักฟังที่ดีก่อนครับ อย่างที่ทุกท่านทราบดีครับว่าธรรมชาติของมนุษย์นั้นสร้างให้มนุษย์มี สองหู หนึ่งปาก  ซึ่งก็แสดงให้เห็นได้ชัดเจนเลยครับว่า  การพูดนั้นสำคัญก็ต่อเมื่อ เรื่องที่เราพูดนั้นมีประโยชน์หรือไม่   ถ้าไม่ก่อให้เกิดประโยชน์นั่นก็หมายความว่าเป็นเรื่องไร้สาระ  พูดไปก็ไม่มีอะไรดี  มีแต่จะทำให้เราได้รับความเสียหาย  หรือไม่ก่อประโยชน์ให้กับเราและผู้อื่น  

ผมมีเทคนิคสำหรับคนที่ช่างพูด  แล้วจะฝึกอย่างไรให้ตัวเองเป็นผู้ฟังที่ดีและเป็นนักพูดที่มีความสร้างสรรค์ด้วย

1.ต้องดูผู้ฟังก่อนครับว่า  เรากำลังคุยเรื่องอะไรและตัวเขานั้นมีความสนใจในเรื่องนั้นมากน้อยแค่ไหน  

2.ต้องวางแผนการพูด (คิดก่อนพูด)  คำนึงถึงผู้ฟังด้วยว่าเขารู้สึกนึกคิดอย่างไรด้วย หากพูดไม่คิดอาจพาความเดือนร้อนมาสู่เราได้

3.ฝึกรับฟังความคิดเห็นต่าง  ลองหาเพื่อนที่เขามีความสนใจแตกต่างจากเรา  เรียนรู้วิธีคิดจากเขา ว่าทำไมเขาคิดอย่างไร?  มีเหตุผลอะไรที่เขาคิดแบบนั้น ?

4.ต้องวิเคราะห์และแยกให้ออกครับว่า  การพูดเก่งและพูดมากนั้นต่างกันอย่างไร  ศึกษาดูให้ดีนะครับ  พูดดีก็จะนำพาประโยชน์มาสู่เรา


ยิ่งเตรียมตัวนะครับ  ความเสียหายก็ยิ่งจะเสียหายน้อยลง  คิดก่อนพูด  บางอย่างต้องรู้จักเก็บความลับให้เป็น  เพราะเราไม่อาจรู้ได้ว่ามีคนอิจฉาเราหรือเปล่า  การใช้ชีวิตให้ธรรมดาแบบไม่ธรรมดา  มุ่งมั่นทุ่มเทกับมันให้มาก ๆ ความสำเร็จไม่ได้มีแบบแผนชัดเจน  มันอยู่ที่การฝึกฝนทักษะนั้น ๆ อย่างสม่ำเสมอจนชำนาญ  เราต้องฝึกโฟกัส  อย่าไปวิ่งตามคนอื่นการเป็นคนชัดเจนกับเป้าหมาย  ย่อมทำให้เราเข้าถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น  สิ่งนั้นที่เราไม่ถนัดก็พยายามศึกษาและใช้วิธีอื่นที่เหมาะสมกับเรา  เช่น  การเข้าไปร่วมทุนหรือซื้อหุ้นในกิจการนั้น ๆ  ย่อมจะดีกว่า  

ลองฝึกให้ตัวเองเป็นคนคิดอะไรง่าย ๆ  อย่าให้มีความซับซ้อนให้มาก  เราไม่สามารถเก่งไปทุกด้าน  จงทำตัวเองให้เป็นคนที่ศึกษาให้ลึกในเรื่องที่เราถนัด  แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องรู้กว้างในทุกเรื่อง  โลกในยุคใหม่เราจำเป็นต้องฝึกฝนทักษะใหม่ๆ  เพื่อความอยู่รอดในอนาคต เราต้องเปลี่ยนถ้าคุณไม่เปลี่ยนเราต้องมีความเสี่ยงเป็นอย่างมาก ลมเปลี่ยนทิศได้เสมอ  มองภาพอนาคตให้ออกถ้าคุณมองออก  จะสามารถทำให้คุณได้เปรียบ  โลกในศตรววษที่ 21  เป็นยุคแห่งข้อมูลข่าวสาร  ใครมีข้อมูลที่แม่นยำและเรียลไทม์คนนั้นย่อมได้เปรียบ  เมื่อระบบ AI สามารถเข้ามาทำงานกับมนุษย์ได้เต็มร้อย  การปรับปรุงที่เกิดขึ้นจะทำให้มนุษย์เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก  มากจนคุณไม่อาจคาดเดาได้เลย  ขอให้จำไว้ครับว่า จินตนาการ+ความรู้+ทักษะใหม่+เทคโนยี  ทุกอย่างต้องไปพร้อม ๆ กันครับ

วันพุธที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2564

การจดจ่อกับเป้าหมายชีวิต


เชื่อว่าหลายคนคงมีสักครั้งในชีวิต  ที่ชีวิตต้องมีทางเลือกบางอย่างในการต้องตัดสินใจกับอะไรบางอย่าง  บางอย่างที่อาจเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราไปตลอดกาลเลย  หากเราเพียงแค่ตัดสินใจผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย  ก็อาจทำให้เราเปลี่ยนไปทั้งชีวิต  อย่างที่เคยกล่าวไปแล้วก่อนหน้า  คนที่ไม่มีแบบแผนในชีวิตนั้น  ย่อมทำให้ชีวิตคุณนั้นหลงทาง  และหาทางออกบางอย่างให้กับชีวิตสักที  อารมณ์เหมือนชีวิตที่ยังคงวนเวียนอยู่ในวงจรเดิม ๆ  ที่พยายามจะหาทางออกให้กับชีวิตยังไงก็ยังรู้สึกว่าลังเล  และก็ไม่กล้าที่จะตัดสินใจทำอะไรทันที

เพราะชีวิตเป็นของเรานะครับ  เพราะฉะนั้นจงเลือกและวางแผนมันให้ดี  ถ้าวางแผนผิดชีวิตมันก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทันที  เวลาที่คุณกำลังลังเลกับอะไรบางอย่าง วันนี้ผมมีเทคนิค 3 ข้อง่าย ๆ เพื่อให้คุณง่ายกับการตัดสินใจกับเรื่องบางเรื่องในชีวิต ดังนี้ 

1.ขั้นตอนที่ 1 ให้วิเคราะห์ดูให้ดีกว่าเรื่องที่เราสนใจนั้นมันสามารถสร้างรายได้ หรือหาเงินให้เราได้จริง ๆ หรือไม่  เพราะแค่ความชอบอย่างเดียวมันก็ไม่ก่อประโยชน์  ต้องสามารถหาเลี้ยงปากท้องให้เราได้ด้วย

2.ขั้นตอนที่ 2 ต้องมานั่งดูว่าเราสามารถจดจ่อกับมันได้นาน ๆ หรือไม่  ถ้าใช่แล้วเราหมกหมุ่นอยู่กับมันตลอดเวลานั้นก็เท่ากับว่าเรามาถูกทางแล้ว  จากนั้นมุ่งหน้าต่อไป  อย่าได้ล้มเลิกไปซะก่อนนะครับ

3.ขั้นตอนที่ 3  เราสามารถต่อยอดหรือพัฒนาอะไรต่อได้หรือไม่  มีความเป็นไปได้มากน้อยขนาดไหนที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิตได้ ศึกษาวิเคราะห์ประเมินความเสี่ยงที่เกิดขึ้น  มองหาทุกวิกฤตแล้วคุณจะเห็นโอกาสที่อยู่ตรงหน้า  และที่สำคัญคือต้องมีศรัทธาต่อตัวเองอย่างแรงกล้า  อย่าท้อคำคน  แล้วมุ่งหน้าพัฒนาตัวเองต่อไปอย่างไม่ลดละ


การที่เรารู้จักตัวเอง  และสามารถบอกตัวเองได้นั้น  รู้ว่าอะไรคือความต้องการในชีวิตของเรากันแน่ จะทำให้เราง่ายสำหรับการใช้ชีวิต  นั่นเพราะเราได้เห็นภาพที่ชัดเจน  และรู้ว่าอะไรคือความต้องการที่แท้จริง  ข้อสำคัญคือ เราต้องมานั่งวิเคราะห์ก่อนว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต  รู้ว่ามันเหมาะสมกับชีวิตของเราจริง ๆ หรือไม่  อย่าไปเสียเวลากับเรื่องที่ไร้สาระ  หรือไม่จำเป็นมากนัก เพราะในท้ายที่สุดสิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณห่างไกลจากความสำเร็จมากยิ่งขึ้น  อดทนสักนิด มองภาพถึงสิ่งที่เราต้องการจะไปข้างหน้า  นึกภาพมันให้ออก ตลอดเวลา และชัดเจนอยู่กับมัน  ภาพจะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น แล้วทุกอย่างจะเป็นจริงขึ้นมา.

มีแผนสำรองดีที่สุด


ชีวิตนั้นหากไม่มีแผนการที่แน่นอนเราย่อมทำอะไรไม่อยู่กับร่องกับรอย  ไม่มีเป้าหมายในชีวิต  ก็จะทำให้ชีวิตเราวนอยู่กับที่มีคำกล่าวหนึ่งที่ว่า  ถ้าเรายืนผิดแม้แต่องศาเดียวนั้น  เมื่อเวลาผ่านไป 7 ปีทุกอย่างจะวนกลับมาที่เดิม  ผมว่าเรื่องนี้มีส่วนจริงนะครับ  บางทีการที่เราปล่อยชีวิตให้ไม่มีแก่นสาร  หรือไม่รู้คุณค่าของการใช้ชีวิต  ไม่กล้าตัดสินใจอะไรให้มันแน่นอน  นั้นย่อมส่งผลต่ออนาคตของเรา  ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีความเสี่ยง  บนพื้นฐานของความเสี่ยงนั้น  คุณรับมันได้มากน้อยขนาดไหน  การไม่เสี่ยงนั้นแหละจึงเป็นความเสี่ยงที่น่ากลัวที่สุด

แผนการสำคัญอย่างไร ?   สำคัญมากครับ มันก็เหมือนกับการที่เราได้วางแผนการเดินทาง  เพื่อที่จะเดินทางไปที่ไหนสักแห่งเราจำเป็นต้องมีการวางแผน  และกำหนดแผนการไว้อย่างชัดเจน  ศึกษาเส้นทางและเลือกเส้นทางให้เหมาะสม  เพื่อง่ายและกำหนดแผนการเดินทางที่จะไปอย่างชัดเจน

ถ้าหากคุณไม่มีแผนละจะเป็นอย่างไร ?   คุณก็ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะไปไหน  และต้องใช้เวลากับมันนานแค่ไหน  บางทีคุณอาจหลงทางและเสียเวลาไปกับมัน  เห็นหรือยังครับว่าการวางแผนนั้นสำคัญอย่างไร




ในการวางแผนชีวิตก็ไม่แตกต่างกัน  คุณคุณจะมีแผนที่ 1 2 3  เพื่อรองรับและหาลู่ทางใหม่ ๆ สำหรับตัวคุณเองด้วย  มีคำกล่าวหนึ่งของ Jemie Dimon  พูดไว้ว่า  ถ้าความฝันแรกของคุณยังไม่เป็นจริง  ให้หาอีกความฝันหนึ่งและไล่ล่าตามความฝันด้วยความมุ่งมั่นเหมือนกัน   ไม่สำคัญหรอกครับว่าตอนนี้คุณเป็นอะไรและทำอะไรอยู่  สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นคือคุณมองเห็นตัวเองเป็นใคร  และอะไรคือสิ่งที่คุณต้องการในชีวิต  ทุ่มเทกับมันให้หนัก  อย่าลดละ  อย่าทิ้งความฝันของตัวเอง  วันนี้อาจมองไม่เห็นทางแต่ถ้าคุณมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละ  มันจะค่อย ๆ มองหาหนทางของชีวิตคุณออกมาให้เอง  ลองวิเคราะห์ง่าย ๆ ดูครับว่า  อะไรที่เป็นขีดจำกัดของตัวคุณเอง  อะไรที่คุณกำลังรู้สึกกลัวและไม่กล้าตัดสินใจไปกับมัน  วิเคราะห์มันออกมาแล้วศึกษาความเป็นไปได้  แล้วมุ่งหน้าอย่างไม่ลดละ  ก้าวแรกยากเสมอ  แต่ถ้าคุณก้าวข้ามมันไปได้  ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองได้  ย่อมทำให้คุณเติบโตอย่างมั่นคง  และประสบความเร็จตามที่คุณต้องการ  มองตัวเองให้ออก  บอกตัวเองให้ได้  อะไรคือสิ่งที่เรียกร้องอยู่ในหัวใจ ฟังเสียงตัวเองให้ดี  ทำตามเสียงหัวใจของตัวเอง  การฟังคนอื่นมากไปก็ไม่ได้ช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครับ เพราะฉะนั้นจงเริ่มที่ตัวเราเอง

 


วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2564

ปัญหาการลงทุนที่ยากลำบากฉบับ RAY DALIO


โลกในระบบทุนนิยม  ผู้คนต่างมองหาช่องทางการทำเงินในรูปแบบใหม่ ๆ กันมากขึ้น  เรามองระบบการทำงานในรูปแบบเดิม ๆ ที่สร้างรายได้ที่แน่นอนนั้น  อาจไม่สามารถอยู่รอดในยุคที่เงินเฟ้อมีอัตตราที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ  ดูเหมือนว่ายิ่งยากมากที่จะประสบความสำเร็จทางด้านการเงินในปัจจุบัน

การมองหาทางเลือกจึงเป็นเรื่องที่ดี  และเรื่องที่สำคัญมาก  เพื่อให้เรามีช่องทางในการหารายได้ที่มากขึ้น  ตามแต่ความถนัดของคนเราแต่ละคนนั้นเอง แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าผู้คนต่างก็คิดอะไรเหมือน ๆ และทำอะไรเหมือน ๆ กันเข้าไปอีก  แล้วอย่างนี้จะทำอย่างไรดีละ วันนี้ผมลองเอาเทคนิคเกี่ยวกับการลงทุน ของ Bernard Baruch เขาพูดไว้ว่า

"ถ้าคุณพร้อมที่จะละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง  จงศึกษาภูมิหลังของตลาดทั้งหมดและหลักการต่าง ๆ  ของบริษัทที่มีหุ้นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์  ด้วยความละเอียดรอบคอบเหมือนนักศึกษาแพทย์ศึกษากายวิภาคศาสตร์ หากคุณทำได้ทั้งหมดและมีความนิ่งสุขุมของนักเสี่ยงโชค  มีสัมผัสที่ 6 ของหมอดู และความกล้าหาญของสิงโต  คุณจะประสบความสำเร็จ"

นี่จึงเป็นเทคนิคหนึ่งที่ท่านผู้อ่านสามารถนำเอาไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ ทีนี้ถ้าว่าด้วยเรื่องการลงทุนต่างก็มีความยากลำบากไม่น้อย  ทั้งในแง่ของมือใหม่  และคนที่คุ้นเคยกับตลาดทุกคนล้วนอยู่บนสนามการแข่งขันเดียวกันที่ตัวเราไม่มีทางรู้เลยว่า  เราจะสามารถชนะการแข่งขันในตลาดนี้ได้หรือไม่ วันนี้ผมจึงได้ขอนำเอาข้อผิดพลาดนำไปสู่ความล้มเหลวของ RAY DALIO เพื่อมาเล่าสู่ท่านผู้อ่านไว้ 3 ข้อ มีดังนี้

1.อย่ามั่นใจตัวเองเกินไป อย่าใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล  

2.ศึกษาประวัติศาสตร์อีกครั้ง พยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเคลี่ยนไหวในตลาดทั้งหมดในระบบเศรษฐกิจและตลาดที่สำคัญย้อนหลังไปนับร้อย ๆ ปี  เพื่อพิจารณาในการตัดสินใจอย่างรอบคอบ ที่เป็นอมตะและเป็นสากล

3.เปิดใจกว้างอย่างมาก  มีความอ่อนน้อมถ่อมตน  พยายามรักษาสมดุลของความก้าวร้าวต่อตัวเอง  รู้ซึ้งในความกลัวที่จะคิดผิด  จนเปลี่ยนความคิดจากเดิมที่จะเชื่อว่า "เรานั้นถูก" ให้กลายเป็น "ตัวเราจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเราถูก" 


สำหรับการแนะนำของ RAY DALIO เขาได้พูดเอาไว้ว่า  วิธีการทีดี่ที่สุด คือ หาคนที่มีความแตกต่างจากเราและมีส่วนรวมในสิ่งที่เห็นไม่ตรงกัน  ด้วยเหตุผลที่จะทำให้เราเข้าใจเหตุผลของพวกเขาเพื่อทดสอบแนวคิดของเรา  ดั้งนั้นเราทุกคนสามารถเพิ่มความน่าจะเป็นของความถูกต้องได้  เป็นคนใจกว้างเพื่อให้ผู้อื่นชี้แนะให้เห็นในสิ่งทีตัวเราเห็น

แนวทางประสบความสำเร็จ

1.หาคนฉลาดที่สุดที่ไม่เห็นด้วยกับเรา เช่นนั้นจึงจะเข้าใจเหตุผลของเขาได้

2.รู้ว่าเมื่อไหร่ที่จะไม่เเสดงความเห็น

3.พัฒนา ทดสอบและจัดระเบียบหลักการที่ยั่งยืนและเป็นสากล

4.ปรับปรุงความเสี่ยงด้วยวิธีที่ช่วยให้มีข้อดีเพิ่มขึ้นและลดข้อเสียลง

ความล้มเหลวจึงเป็นยาดีนะครับ  ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย  ใครที่พูดว่าไม่ดีนั้น  เขายังไม่รู้ถึงพลังอำนาจของความล้มเหลวที่กำลังจะเป็นบันได  ให้เราก้าวข้ามไปสู่ความสำเร็จ  ข้อสำคัญคือเราต้องก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวคุณเองให้ได้ก่อน  ความล้มเหลวจะเป็นจริงถ้าคุณนั้นล้มเลิก  แต่ถ้าคุณไม่ล้มเลิกและเดินหน้าต่อไป  คุณจะพบกับเส้นทางใหม่ ๆ  และพบกับโอกาสอื่น ๆ มากมาย ที่รอคุณอยู่ข้างหน้า ถึงแม้ว่าเวลานี้เราอาจจะยังไม่พบเห็นก็ตาม  เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่สู้ชีวิตนะครับ  ท้อได้แต่อย่าหยุด อย่ายอมแพ้กับโชคชะตาของชีวิต

วันพฤหัสบดีที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2564

ความล้มเหลวเป็นยาดี สูตรแห่งความสำเร็จที่หาซื้อไม่ได้


ความล้มเหลวเป็นยาดี  ความล้มเหลวเป็นสิ่งวิเศษที่ทำให้เราสร้างรูปแบบความสำเร็จในแบบที่เราต้องการให้เป็น  แท้ที่จริงความสำเร็จนั้นไม่มีสูตรตายตัว  มันขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละคน  ไม่มีใครจะมาการันตีให้เราได้หรอกครับว่า  ถ้าเราทำสิ่งนี้แล้วตัวเรานั้นจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน  เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วก็คงมีคนรวยเต็มบ้านไปหมดแล้วครับ

ในโลกวิชาความรู้ทางการเงินนั้น  ทุกอย่างไม่ได้ง่ายอย่างที่เราคิดไว้  ถ้าทุกคนทำตามแบบที่ตำราบอกเอาไว้  มันก็ไม่ต่างกับการวิ่งอยู่ในสนามที่ดุเดือน  การแข่งขันที่ดุเดือนย่อมหาทางเอาชนะได้ยาก  เราต้องแตกต่าง  เราต้องมีความโดดเด่ดในแบบที่เราเป็น  และมีจุดยืนที่ชัดเจนในตัวเอง

ความสำเร็จในวันนี้อาจไม่ได้การันตีความสำเร็จในอนาคตได้อีกต่อไป  ทุกอย่างต้องปรับปรุง  และยอมรับกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น  โลกในยุคใหม่ความรู้เกี่ยวกับ DATA  เป็นสิ่งที่ทำจำเป็นมาก  คุณจำเป็นต้องมีทักษะมากยิ่งขึ้น  เช่น  ด้านเทคโนโลยี  วิศวกรรมทางการเงิน วิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์  ศาสตร์เหล่านี้อาจเป็นตัวเเปรที่สำคัญที่จะทำให้เราอยู่รอดได้ในสังคมที่การเปลี่ยนแปลงน่ากลัวขึ้น  


การศึกษาค้นคว้าใหม่ ๆ  การวิจัยและพัฒนาจะเข้ามามีบททาทสำคัญแทนที่เรื่องเก่า ๆ ในอดีต  หรือไม่แม้กระทั่งการใช้ระบบ AI เข้ามาเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ  ให้สามารถวิเคราะห์ความเป็นไปได้ต่าง ๆ  ได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ  มนุษย์จำเป็นต้องมีความรู้แบบครบเครื่อง  มีความสามารถทั้งในด้าน IQ และ EQ ไปพร้อม ๆ กัน  สิ่งนี้คือสิ่งที่คุณจะสามารถอยู่รอดได้

ประกอบกับการใช้ชีวิตบนพื้นฐานของความไม่ประมาท  มีเป้าหมายที่ชัดเจน  และมองถึงความเป็นไปได้  มองหาโอกาสในทุก ๆ ปัญหา  อย่าคิดจะเป็นผู้ตาม  คุณต้องเป็นผู้นำ  แล้วสร้างรูปแบบความสำเร็จที่เราต้องการในสิ่งที่เราสามารถทำได้  ล้มเหลวกี่ครั้งไม่เป็นไร  ขอให้ทำต่อไปมันคือบทเรียน  มันคือประสบการณ์ที่ดี  คนเราถ้าไม่ล้มเลิกบางทีการที่เราไม่ลดละและทำต่อไปอีกสักนิด  อาจทำให้ความสำเร็จแค่ครั้งเดียวนั้น  อาจเปลี่ยนแปลงชีวิตเราไปได้ตลอดกาลเลยครับ  มันขึ้นอยู่กับว่าวันนี้คุณเริ่มมันหรือยัง

วันอังคารที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2564

กำจัดความคิดลบออกจากหัว


วิธีกำจัดความคิดลบในหัวเราได้ดีที่สุดก็คือ สมาธิ  การฝึกสมาธิจึงเป็นขั้นพื้นฐานในการต่อยอดในการทำกิจกรรมต่าง ๆ  ฝึกให้เราอยู่กับปัจจุบัน  ถ้าจิตเรานิ่งเป็นปัจจุบันก็สามารถทำอะไรก็คล่องสะดวกไปหมด  คนที่ไม่อยู่กับปัจจุบัน  ไม่อยู่กับเหตุกับผล  คนนั้นยากที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต  และที่สำคัญคือเราต้องหลีกหนีให้ไกล

แล้วถ้าต้องอยู่กับคนจำพวกนี้เราต้องวางตัวอย่างไร  สิ่งที่ผมแนะนำก็คือต้องปล่อยวางครับ  เราคุยได้เท่าที่จำเป็น  เราไม่สามารถไปเปลี่ยนความคิดใครได้  ไม้แก่ดัดยาก  มันก็จะยากแบบนั้น  ข้อสำคัญคือ เราต้องทำตัวให้เป็นนกอินทรย์ที่บินสูง  ยิ่งเราบินสูงและเก็บชั่วโมงบินไว้มากเท่าไหร่  เราก็ยิ่งจะแตกต่างมากขึ้นเท่านั้น  

การไปเห็นโลกกว้าง  การได้พบเจอกับประสบการณ์ใหม่ ๆ  นำมาซึ่งความตื่นเต้นมาสู่ตัวเองอย่างไม่ยิ่งหย่อน  สนุกกับสิ่งใหม่ ๆ  หลีกหนี้ความวุ่นวายไปบ้าง  ลองทำอะไรใหม่ ๆ  เพื่อให้ตัวเองได้กระชุ่มกระชวย  การเป็นต้นแบบที่ดีนั้น  ย่อมทำให้เราเป็นที่เคารพน่าเชื่อถือต่อผู้ที่พบเห็น   และสร้างความประทับใจได้ไม่อยาก

ลองหากิจกรรมใหม่ ๆ ทำ  ลองทำอะไรในสิ่งใหม่เพื่อให้สมองปลอดโปร่ง  แล้วชีวิตของคุณจะรู้สึกดีขึ้น  ความอดทนถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการพัฒนาศักยภาพของตัวเราเอง  ความอิจฉาริษยาก็จะนำพามาซึ่งไฟร้อนที่เผาอยู่ในจิตใจของคุณ  คุณต้องฝึกให้ตัวเองเป็นคนใจกว้าง  คนใจกว้างก็มักจะเป็นคนที่รู้จักเห็นอกเห็นใจคนอื่นเสมอ

บางทีเราไม่อาจเปลี่ยนความคิดของใครได้  เราก็ทำได้แค่ปล่อยวาง และก็แผ่เมตตาให้กับเขา  ขอให้เขาได้เจอสิ่งที่ดีงาม  พบเจอแต่เรื่องที่จะทำให้เขาสมหวังในสิ่งที่เขาต้องการถึงแม้ว่าจะยังไงก็ตาม  ยิ่งไปห้ามก็เหมือนยิ่งยุ  และจะผิดใจกันเปล่า ๆ  ปล่อยให้เขาได้รับบทเรียนในแบบที่เขาสมควรได้รับ  แล้วเติบโตขึ้นในแบบที่เขาควรจะเป็น  เรื่องบางเรื่องเราสอนเป็นคำพูดไม่ได้ครับ  ต้องให้เขาพบเจอด้วยตัวเขาเอง  

เลือกคบคนแบบไหนชีวิตเราก็จะเป็นแบบนั้น  คบค้าสมาคมกับคนที่เขาชอบทำมาหากิน  เราก็จะเป็นคนชอบทำมาหากิน  คบคนที่คิดบวกเราก็จะเป็นคนคิดบวก  พลังงานที่ส่งต่อนั้นส่งผลอย่างแรงกล้า  เพราะฉะนั้นจงเลือกคนรอบตัวของคุณให้ดี  แล้วชีวิตของคุณก็จะเป็นไปตามที่คุณได้คิดไว้  ไม่ต้องดีที่สุด  แต่เราก็สามารถเป็นเราในแบบดีที่สุดได้  สนุกกับชีวิต ใช้ชีวิตแบบมีวินัยและแบบแผนที่ชัดเจน  วางแผนให้ชัดเจนไปเลย ว่าอีก 5 ปี  10 ปีเราต้องการอยู่ตรงไหน  จากนั้นรออะไรละครับ  ก็ลุยไปเลย


วันเสาร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2564

ของฟรีไม่มีในโลก



โลกทุนนิยม  ถ้าเรามองกันให้ดีไม่ว่าจะแพลตฟอร์มต่าง ๆ แล้วล้วนสร้างระบบมาเพื่อหารายได้ให้กับตัวเอง  ถึงแม้ว่าจะมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นช่องหาในการหารายได้ก็ตาม  แต่ธุรกิจก็ย่อมเป็นธุรกิจ  ทุกคนล้วนแล้วต่างต้องการได้รับผลตอบแทนด้วยกันทั้งนั้น  เราจึงเห็นได้ว่าของฟรีไม่มีในโลก

บุคคลที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มีพื้นฐานในด้านความกล้า  มากกว่าความรู้ด้วยซ้ำ  ปัจจุบันธุรกิจขายความรู้จึงเป็นที่นิยมในสังคมของเรา  แต่ก็น้อยรายนักที่จะสอนเรื่องการเงินการลงทุนแบบตรงไปตรงมา  เพราะถ้าทุกอย่างมันง่ายแบบนั้น  คนทุกคนก็คงรวยกันไปหมดแล้ว

ที่ผมต้องการจะบอกท่านผู้อ่านก็คือว่า  อยากให้เน้นไปที่การลงมือทำนะครับ  ศึกษาได้แต่ก็อย่าไปทำตามจนลืมหูลืมตา  จนไม่แยกแยะอะไรถูก อะไรผิด  อย่าปล่อยให้ความโลภ เข้ามาครอบงำจิตใจของเราให้มาก  สิ่งนี้เป็นเหมือนไฟ  ในท้ายที่สุดพวกที่หวังจะกอบโกยจะเข้ามากอบโกยเงินเรา  พอมารู้ตัวอีกทีก็เงินหมดแล้ว

โลกความทุกอย่างไม่ได้อะไรมาฟรี ๆ ครับ  มันก็ต้องแลกเปลี่ยนและมีการลงทุนบางอย่างทั้งนั้น  ใครที่บอกคุณว่ามีสูตรความสำเร็จ  สูตรตายตัว  ผมว่าไม่มีอยู่จริงหรอก  มีแต่คุณต้องลงมือและทุ่มเทด้วยตัวของคุณเอง  ถ้าเขารวยจริง  เขาคงไม่มานั่งบอกวิธีของเขาหรอก ถึงจะบอกจริงยังไม่รู้เลยว่าเขาจะมีเวลาจริง ๆ หรือเปล่า   เขาไม่เอาเวลาไปหาเงินเพิ่มจะง่ายกว่าไหม

นี่คือความจริงอีกด้านของสังคมเรา  ที่บางทีเราก็หลับหูหลับตา  ไม่ยอมเปิดใจที่จะเรียนรู้กัน ถ้าเปิดหู เปิดตาเปิดใจแล้ว  ผมว่าโลกนี้คงดีขึ้นไม่น้อย  อย่าน้อยก็ไม่โดยพวกมิจฉาชีพหลอกลวงไปได้ง่าย ๆ  ฟังเเล้วเจ็บปวดใจครับ  

อยากรวย อยากประสบความสำเร็จจริง ต้องมุ่งมั่น ลงมือทำ มีวินัยและทำอย่างไม่ลดละ  ทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดครับ  อย่าไปทำอะไรที่ตัวเองไม่รู้จัก ไม่ถนัด  หรือบริหารความเสี่ยงไม่ได้   จำไว้ครับว่าไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ ทุกอย่างมันมีเวลาของมัน  การทำตามคนอื่น ท้ายที่สุดคุณก็ไม่ต่างจากวิ่งตามเงาของใครไม่รู้  จนในที่สุดก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นหลงทาง  หาตัวเองไม่เจอ  และก็ไม่พบหนทางที่ใช่ต้องมาเสียเวลาอีก  ในท้ายที่สุดก็ล้มเลิก และหยุดไปในทันที  รักษาพลังงานดี ๆ ไว้ครับ  ค่อย ๆ ทำ ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป  นี่คือพื้นฐานความมั่นคง ยั่งยืนนั่นเองครับ 

กล้าที่จะแตกต่างและเป็นตัวเอง

เรียกว่าห่างหายกันไปนานมากเลยครับ  ช่วงที่ไปพักกายพักจิตใจ  ทำให้เราสามารถแยกแยะได้ว่า  อะไรที่จำเป็นและสำคัญกับชีวิตของเรากันแน่   คนบางคนผ...