นักเล่าเรื่อง

ถ้าคุณลองกลับมาทบทวนตัวเองดีๆ  ในทุกช่วงชีวิตของคุณมันคือบทเรียน  ที่จะให้คุณได้ก้าวไปหาจุดที่คุณคาดหวังเอาไว้

คนบางคน  ทำอะไรก็ประสบความสำเร็จไปหมด  นั่นเพียงเพราะ ยังไม่ถึงเวลาตกต่ำของเขาแค่นั้นเอง

คนบางคน  ทำอะไรก็ดูแย่ดูล้มเหลวไปหมด  นั่นเพียงเพราะ ยังไม่ถึงเวลาของเขาแค่นั้นเอง

ชีวิตคนเราเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน  มันมีทั้งจุดขึ้น - จุดลง  นั่นเป็นของธรรมดาที่เราจะต้องเจออยู่แล้ว  แต่สิ่งที่ทำให้บางทีคนๆหนึ่งประสบความสำเร็จหรือไม่  มันอาจไม่ใช่แค่ว่าเขาเก่งกว่า  หรือฉลาดกว่า  แต่เพราะเขากล้าที่จะทำ  และลงมือทำอย่างตั้งใจ  ซึ่งนั้นมันก็คือความฝันของเขานั่นเอง  โลกเราก็แบบนี้แหละครับ  ทุกสิ่งทุกอย่างมันมีกฏเกณฑ์ของมันอยู่  การที่เราเข้าไปล้ำเส้นมากๆ มันก็อาจจะสร้างความเสียหายให้คุณในภายหลังได้

ยิ่งช่วงตอนที่เราเป็นวัยรุ่น  เราใจร้อนเราต้องการที่จะประสบความสำเร็จให้มากๆ  มากจนวิ่งตามคนอื่น  โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทางข้าง  จะพาเราไปที่ไหน  ใช่จุดหมายที่เราต้องการมันจริงๆหรือ  ก็อย่างว่าแหละทุกคนต้องเคยล้มมาก่อน  ไม่งั้นก็ยากที่จะประสบความสำเร็จได้  ทุกจังหวะเวลามันมีช่วงเวลาของมันอยู่  การที่เราพยายามไปทำอะไรที่จะลัดขั้นตอนมันมากๆ  ในท้ายที่สุดผลลัพธ์ที่ออกมามันย่อมแตกต่างกันแน่นอน

ใช่นะครับว่าภายนอกอาจเหมือนกัน  แต่รายละเอียดและความเอาใจใส่ในทุกกระบวนการ  สิ่งนั้นคือสิ่งที่จะทำให้เราแตกต่างจากคนอื่น  ไม่มีความสำเร็จอะไรที่ยั่งยืน  ในขณะเดียวกันไม่มีใครจะล้มไปทุกครั้งหรอกครับ  แค่คุณต้องรู้จังหวะ  ถูกที่ ถูกเวลา เท่านั้นเอง  พยายามลบความกลัวออกไปจากใจคุณให้มากที่สุด  ผมเชื่อครับทุกคนมีความกลัว  และมีกำแพงบางอย่างกั้นไม่อยากให้เราออกไปทำอะไรตามที่เราฝันไว้  แต่บางทีการทำตัวเป็นคนหูหนวก ตาบอดบ้างก็ดีนะครับ 

โลกใบนี้ถ้ามองโลกจากความเป็นจริง  มองในแบบที่มันควรจะเป็น  ไม่ว่ามันจะพัฒนาไปมากแค่ไหน  พื้นฐานหรือรากฐานของแต่ละชุมชน สังคม  มันก็ยังฝังรากอยู่ในสถานที่นั้นๆอยู่  จงจำไว้ว่า  อย่าลืมตัวตน หรือรากเหง้าของคุณเป็นอันขาด  เพราะสิ่งนี้จะทำให้คุณประสบความสำเร็จได้ยั่งยืนที่สุด ตลอดที่คุณยังมีลมหายใจอยู่  วันนี้สวัสดีครับ

สิ่งท้าทายในชีวิต

บางที่การที่เราไม่ตัดสินใจทำอะไรให้กับตัวเองซะที  เอาแต่มานั่งทำงานไปวันๆ  โดยหาเป้าหมาและจุดสิ้นสุดไม่ได้สักที  ในท้ายที่สุดคุณก็จะถูกฆ่าด้วยข้อจำกัดของเวลา  เวลาในที่นี้ทุกคนมีค่าเท่ากัน  ต่างกันตรงที่การนำไปใช้คนรวยยิ่งรวย  ก็เพราะว่าเขารู้จักบริหารเวลาเป็น  การอยู่ถูกที่ ถูกเวลาจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้คนเราก้าวหน้าได้  เพราะฉะนั้นอย่ากลัวถ้าหาชีวิตต้องเผชิญหน้ากับความเสี่ยงหรือเรื่องอะไรใหม่ๆ  ให้ต้องทำหรือเรื่องท้าทายในชีวิต  จงทำมันครับผมชอบกลอนหนึ่งของสุนทรภู่  กวีเอกที่กล่าวไว้ ซึ่งพูดไว้ดีมาก

อันข้าไทยได้พึ่งเขาจึงรัก  

แม้นถอยศักดิ์สิ้นอำนาจวาสนา  

เขาหน่ายหนีมิได้อยู่คู่ชีวา  

แต่วิชาช่วยตนจนวายปราน  

นี้แหละครับความจริงของชีวิต  เพราะยังมนุษย์ต่างต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน  และในหลายๆเรื่องก็คือ  คนหนึ่งคือคนที่ได้รับผลประโยชน์  อีกคนคือคนที่ต้องเสียผลประโยชน์  หรือไม่ก็ต่างฝ่ายต่างได้รับผลประโยชน์กัน  สังคมก็จะเป็นในรูปแบบนี้แหละครับ  ถ้าเราเข้าใจโลก  เราก็จะมีความสุขได้ในแบบที่เราต้องการให้มันเป็น

บางทีการไปเรียกร้องหาความยุติธรรม  มันก็ไม่ได้อะไรมากมายหรอกครับ  มีแต่ผู้คนจะมองว่าเราคือตัวสร้างปัญหา  สู้ตั้งใจทำในสิ่งที่มันอยู่ตรงหน้าให้ดี  ถ้าในท้ายทีสุดเขาไม่เห็นความสำคัญ  เราก็แค่ต้องเดินออกมาก็เท่านั้นเอง  เพราะเราไม่ได้ผิดแค่เขามองไม่เห็นคุณค่าของเราแค่นั่นเอง  โลกนี้เต็มไปด้วยโอกาสมากมาย  อีกอย่างไม่จำเป็นต้องไปรอโอกาส  แต่คุณต้องฝึกที่จะสร้างโอกาสให้กับตัวเองอยู่เสมอ  ขอให้เชื่อมั่นในพลังของตัวเองให้มากๆ  เดินไปข้างหน้าอย่าได้หยุด  เพราะคุณจะพบแสงสว่างที่ปลายทางอย่างแน่นอน  อย่ายอมให้ใครมาบงการชีวิตคุณได้  คิดดี ทำดี และพูดดีเข้าไว้ครับ  คุณจะได้รับแต่พลังงานดีๆ  เข้ามาในชีวิตอย่าแน่นอน  สวัสดีวันอังคารครับ

ความไม่สมบูรณ์แบบที่สวยงาม

สัปดาห์ที่ผ่านมาผมได้นั่งทบทวนตัวเองเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ  ชีวิตแท้ที่จริงแล้วเราต้องการอะไรกันแน่  ความสำเร็จและความคาดหวังอะไรที่จะทำให้เรามีความสุขจริงๆหรือ

บางทีเราไปคาดหวังการตัดสินจากสังคมมากไป  เช่นว่า  ถึงเวลานั้นนะคุณต้องทำงาน  ต้องแต่งงาน  ต้องมีลูก  หรืออะไรก็ตามแต่  พอเราทำไม่ได้  ไม่เป็นไปตามที่สังคมคาดหวัง  กลับกลายเป็นว่าเราเป็นทุกข์  ไม่มีความสุขและไม่เป็นตัวของตัวเอง  บางที....  เราควรหันกลับมาที่ตัวเอง  เลิกที่จะไปคาดหวังจากสังคม  จากคนภายนอก  หันมามองที่ตัวเองจริงๆว่า  เราต้องการอะไรกันแน่ในชีวิต...

คนบางคนประมาทในชีวิตทำงานเเบบเอาเป็นเอาตาย  ชนิดที่ว่าเราจะไม่จากโลกนี้ไป  บทเรียนในชีวิตบางทีมันมีให้ดูนะครับ  ชีวิตที่มีความสุขอาจไม่ใช่ชีวิตที่สมบูรณ์แบบก็ได้  มันอาจเป็นชีวิตในความไม่สมบูรณ์และสวยงามในแบบฉบับของมัน  ในช่วงที่เราเป็นวัยรุ่นเราใจร้อน  เราต้องการที่จะประสบความสำเร็จให้มากในเรื่องต่างๆ  กลายเป็นว่าทุกอย่างดูเร่งรีบไปหมด  จนเราทิ้งความสุขระหว่างวัยเอาไว้  พอมันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคาดหวังเอาไว้  จิตใจเรากลับเป็นทุกข์เพราะสิ่งเหล่านั้น

คนเรานะครับ บางทีก็ต้องฝึกมองโลกตามความเป็นจริงบ้าง  ไม่ใช่การมองโลกในทางบวกอย่างเดียว  ชีวิตคุณต่อให้คุณไม่ได้ไปต่อถึงดาวอังคารตามที่คุณได้คาดหวังเอาไว้  คุณก็ยังต้องเดินต่ออยู่ดี  เดินไปข้างหน้าด้วยใจที่มุ่งมั่น  อย่าท้อใจเป็นอันขาด  บางทีเราหันมองรอบตัว  เพื่อนคนนั้นคนนี่ประสบความสำเร็จแล้วทำไมเรายังย่ำอยู่กับที่  นั่นก็เพราะเราไม่รู้จักประมาณตนเอง  เราเอาความสุขของเราไปวัดกับคนอื่น  ต้องมี ต้องเป็น เหมือนคนอื่นเลยทำให้ชีวิตคุณขาดสมดุล

ทีนี้ชีวิตที่สมดุลคืออะไร  งาน+เงิน+เวลา = ความสุข  สมการชีวิตคนเราก็มีหลายแบบแตกต่างกันไป แต่สำหรับผมมันเป็นแบบนี้จริง  การที่เราตึงกับอะไรมากไปก็ทำให้เราทุกข์  หย่อนไปก็ไม่ดีนะครับ  ความใช้ชีวิตให้พอดี  และตั้งอยู่บนความไม่ประมาท  ทำทุกเวลาให้มีค่าและให้ความสำคัญกับเวลาในชีวิตของเรา  อย่าใช้มันเป็นของเล่น  เราไม่ได้อยู่บนโลกนี้นาน  ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราจะจากโลกนี้ไปเมื่อไหร่  ขอให้จำไว้ว่าบนเส้นทางที่มันอาจดูยาวไกล  จริงๆมันก็แค่ช่วงเวลาสั้นๆบนโลกใบนี้เท่านั้น  ถ้าเทียบกับภพชาติในหลายๆชาติของเราที่ผ่านมา  

เอาละครับวันนี้ก็เล่ามาเยอะพอสมควร  เพราะผมแค่อยากให้คุณใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาทเท่านั้นเอง  และเลือกใช้ชีวิตให้มีความสุขที่สุด  ขอบคุณครับ

ให้เวลากับตัวเอง

หลายคนคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จำเป็น พอเป็นหนุ่มสาวเริ่มต้นการทำงานก็เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน  จนพอเข้าวัยผู้ใหญ่เราก็กลายเป็นคนที่ชำนาญในงานนั้นๆ  จนลืมไปว่าคุณแทบไม่มีเวลาให้กับตัวเองเลย  ยังไงละลองคิดดูนะครับ  ตอนช่วงที่คุณยังเป็นวัยรุ่นคุณมีความฝัน  มีจินตนาการมากมายที่จะออกไปใช้ชีวิตและเดินทางในโลกกว้าง  หรืออะไรก็ตามแต่พอเข้าสู่โลกของการทำงาน  คุณมีเงินมากขึ้น  แต่คุณก็ยังหาข้ออ้างว่าไม่มีเวลา  ตอนมีเวลามากๆก็อ้างว่าเงินยังไม่พอ  นี่แหละครับกับดักชีวิตของมนุษย์จนในที่สุด... คุณก็ไม่สามารถทำอะไรได้

งานคือสิ่งสำคัญที่มันหล่อเลี้ยงชีวิตครับ   แต่งานบางอย่างไม่ได้หล่อเลี้ยงจิตใจเรา  เราทำงานไปเพื่อหวังที่จะก้าวหน้าในสายงานนั้น  และก็เป็นไปตามที่คุณคาดว่า แต่...สุดท้ายอายุก็ยังเป็นข้อจำกัดในการทำงานอยู่ดีครับ  ต่อให้คุณจะเก่งขนาดนั้น  ร่างกายคุณมันก็มีลิมิตของมันอยู่ดี  เวลาจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมันขึ้นอยู่กับว่าคุณให้ความสำคัญกับเรื่องอะไร  ฝึกที่จะเรียงลำดับความสำคัญในชีวิต  เลือกไลฟ์สไตส์ชีวิตในแบบที่เราต้องการจะเป็น  และทำจุดนั้นให้มันดีที่สุด

ลองให้เวลากับตัวเองบ้าง  ในของช่วงแต่ละวัน  ช่วงเช้าตอนตื่นนอน  ช่วงเย็น หรือก่อนนอน  พักสมองวางทุกเรื่องแล้วปล่อยให้สมองมันว่างอยู่ครับ  คุณจะพบใครบางคนอยู่ในนั้น  ใครบางคนที่เขากำลังรอคำตอบอะไรบางอย่างจากตัวคุณอยู่  โลกเรามันกว้างใหญ่มากแต่มีไม่มีกี่คนหรอกครับ  ที่จะเข้าใจความรู้สึกเรา  และพร้อมที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต  ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไปพอมารู้ตัวอีกที  อ่าวกลายเป็นเข้าวัยชราไปแล้ว  ช่างน่าเสียดายนะครับแบบนี้   พอมาคิดได้ตอนแก่....รู้อย่างนี้ฉันทำไปนานแล้ว  แล้วก็มานั่งพร่ำบ่นกับชีวิตต่างๆ  นา ๆ  แบบนึกเสียไม่ได้   ไม่มีใครที่จะย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีต  เราต้องทำปัจจุบันให้ดี 

วางแผนว่าจะเป็นอะในอนาคต  ก็ทำปัจจุบันให้ใกล้เคียงไปก่อนเลยครับ  พื้นฐานที่คุณปูให้กับตัวเองเป็นอย่างไรมันก็จะมีพลังดึงดูดให้คุณเข้าหาสิ่งนั้นอย่างแน่นอน  ก่อนจะคิดทำอะไรให้ถามตัวเองจริงๆว่า  นั่นคือสิ่งที่เราต้องการจริงๆ หรือไม่ แบบนี้มันดีกว่าที่ไปหาข้อจำกัด  หรือข้ออ้างสนับสนุนในการที่เราจะไม่ลงมือทำอะไรดีกว่า  ใครจะทำอะไรหรือไม่ทำนั่นมันเป็นเรื่องของเขานะครับ  ส่วนเราก็คือต้องตั้งใจและตั้งหน้าตั้งตาทำมันออกมาให้ดีที่สุด  ในทุกเรื่องที่คุณทำอยู่ในขณะนั้น  แล้วคุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นต่อตัวคุณอย่างแน่นอนครับ  สวัสดีเช้าวันอังคารครับ

น้อยแต่มาก

เมื่อก่อนผมเคยคิดว่า  คนเรานะครับเวลาทำอะไรต้องตั้งใจให้มันสุดๆ ไปเลย ทำให้ดี ทำให้เยอะๆ  แต่แท้ที่จริงแล้วโลกใบนี้มันมีกฎของมันของครับ  กฎของความสำเร็จ  สังเกตไหมครับคนบางคนไม่ได้ทำอะไรมากมาย  แต่ทำไมโลกกลับให้ผลตอบแทนที่มากกว่าคนที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำซะอีก  คนเหล่านั้นเป็นคนเก่งเหรอ  ก็ไม่นะครับถ้ามองกันจริงๆ  เขาก็ไม่ได้เก่งหรือแตกต่างจากมนุษย์คนอื่นๆมากนั้น  แต่....เพราะเขาเข้าใจกฎแห่งความสำเร็จนั่นเองแหละครับ

แล้วมันดียังไง  คนที่เข้าใจอะไรได้ง่ายก็มักจะทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายได้  มองปัญหาใหญ่เป็นเรื่องเล็กได้นั่นเอง  เพราะเขามีความคิดและทัศนคติในเชิงบวก  และมีจิตใจที่กว้างยังไงละครับ  จึงทำให้เวลาเขาทำอะไรก็ง่ายไปหมด  ต่างจากบางคนพอเริ่มเข้าสู่ชีวิตการทำงาน  เรากลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าง  เราพยายามเรียนรู้ทุกอย่าง  ทำงานให้หนักขึ้นเพื่อคิดว่าในปลายทางเราจะสบาย  แต่แท้ที่จริงอะไรที่มันหนักขึ้นกับสร้างความเครียดและภาระที่มากขึ้นตามไปด้วย  ช่างน่าตลกนะครับแต่คือเรื่องจริง   บางทีนะผมชวนเพื่อนๆ สมัยเรียนเพื่อหาเวลาคุยกันบ้าง  พักผ่อนบ้างพวกเขากลับตอบผมว่าไม่ว่าง  งานยุ่งมาก ไม่มีเวลาเลย  ผมก็งงในคำตอบเหล่านั้น  ทั้งที่ผมก็ทำงานนะอาจจะหนักและยากกว่าด้วยซ้ำในบางเรื่อง  แต่ผมก็สามารถบริหารจัดการเวลาได้  และมีเวลาไปคิดและทำประโยชน์กับเรื่องอื่นๆในชีวิตได้อีกมากมาย

บางทีผมว่าคนเราต้องเปลี่ยนความคิดอะไรใหม่ๆนะครับ  การที่เราจมอยู่กับเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ  โดยหวังผลลัพธ์ที่มันจะเปลี่ยนแปลงไปมหาศาลนั้นเป็นเรื่องตลกสิ้นดี  ผมไม่ได้ต้องการสอนให้คุณเป็นคนขึ้เกียจนะ  เพียงแต่...... คุณต้องเข้าใจกฎของความสำเร็จ  "น้อยแต่มาก" ซะก่อน  หากคุณสังเกตดีในชีวิตประจำวันของคุณในแต่ละวัน  มีเรื่องที่จะให้ทำเป็นร้อยเป็นพันอย่าง  แต่มันมีแค่ไม่กี่เรื่องเท่านั้นแหละครับ  ที่มันสำคัญจริงๆกับชีวิตคุณ  ผมอยากให้คุณลองจัดสรรเวลาเหล่านี้  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้ชีวิต  งาน  และเรื่องทั่วไป  เขียนมันออกและบันทึกรายการและแยกแยะมันให้ได้  ชีวิตคุณจะง่ายขึ้น  และไม่ต้องกลัวนะครับว่าแล้วฉันจะโดดเด่นและมีผลงานได้อย่างไร  ได้ซิครับ  ก็ในเมื่อสิ่งที่คุณทำมันสร้างการเปลี่ยนแปลงและความสำเร็จต่อตัวคุณและผู้อื่น ต่อบริษัท หรือหน่วยงานของคุณจริงๆ  ทำไมมันจะไม่ได้ละครับ  อย่าไปสนใจความคิดของคนที่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องจุ๊กจิ๊กให้มาก  มันเสียเวลาและไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรมากนัก

ฝึกทำและสร้างกฎ "น้อยแต่มาก" นี้ให้ชินจนเป็นนิสัยนะครับ  แล้วคุณจะพบกับผลลัพธ์อย่างที่คิดไว้อย่างแน่นอน  คนเรามีเวลาเท่ากัน  มันต่างกันแค่คุณเอาเวลาที่เท่ากันไปทำเรื่องอะไรนั้นแหละครับคือเคล็ดลับของคนที่สำเร็จในชีวิตจริงๆ   บางทีนะทุกวันนี้มีคนว่าผมนะครับว่า  ทำไมต้องทำให้เขาฟรีๆด้วย  ทำไมไม่คิดเงิน  ก็เพราะคุณคิดแบบนั้นไงละครับ  คุณถึงไม่สำเร็จสักทีแต่จริงสำหรับคนที่พูดอาจไม่ผิดนะครับ  เพราะเขาคิดแบบนั้น  แต่สำหรับผม ผมคิดใหญ่และไกลกว่านั้น  ผลลัพธ์และความต้องการมันก็ใหญ่ตาม มันก็เท่านั้นเองครับ  บอกไปก็ไม่รู้หรอกเอาเป็นว่ารอดูกันต่อไปดีกว่าครับ  ขอบคุณพ่อแม่ และโลกใบนี้ครับ  ทุกอย่างมันช่างสวยงามเหลือเกิน  และก็ขอให้ทุกคนจงมีแต่โชคดีนะครับ

ความเหงา

พอพูดถึงหัวข้อนี้  มันเป็นเรื่องที่แปลกมากนะครับ  มนุษย์เราเกิดมาแล้วนอกจากความรัก โลภ โกรธ และก็หลง บวกกับความกลัวในเรื่องต่างที่เกิดเข้ามาในชีวิตของเรา  ล้วนแล้วแต่แตกต่างกันตามประสบการณ์ของชีวิตในแต่ละครับ  นั่นก็คืออีกเรื่องหนึ่ง "ความเหงา"  มันมาได้ยังไงนะ  บนโลกนี้มีคนมากมายเป็นร้อยเป็นพัน  ที่เราได้ประสบพบเจอแต่คนเหล่านั้นก็ไม่ได้ทำให้เราหายเหงาไปได้

เรากลับแค่ต้องการใครสักคนหนึ่งเท่านั้นเอง  ใครสักคนที่เข้าใจและพร้อมที่จะเป็นเพื่อนเดินทางไปด้วยกันกับเรา  โลกใบนี้มันกว้างเกินกว่าที่เราจะเดินไปได้คนเดียว  ถ้าหากเรามาวิเคราะห์หาสาเหตุจริงๆแล้ว  ผมว่า  "อาจเป็นเพราะธรรมชาติล้วนแล้วแต่สร้างให้มนุษย์ต้องอยู่ด้วยกันเป็นคู่"  นี่แหละจึงเป็นที่มาของความเหงา  แท้ที่จริงคำว่าคู่  ไม่ได้หมายรวมถึงเพศสภาพนะครับผมว่า  ขอแค่ใครสักคนหนึ่งที่มีความคิดเห็นอะไรที่ไปด้วยกันได้  ในการใช้ชีวิตประจำวันร่วมกัน

คนบางคนไม่ได้อยากเป็นโสด  แต่การที่เขาเลือกที่จะเป็นโสด เหตุผลหลักก็เพราะว่า "เขารู้สึกสบายใจในการที่จะใช้ชีวิตแบบตัวคนเดียวหรืออิสระบ้าง  ถามว่าเหงาไหมมันเกิดขึ้นอยู่แล้วครับ  ไม่ว่าคุณจะมีคู่หรือไม่มีคู่  ความเหงามันก็เกิดขึ้นเพราะมันคือสภาวะจิตของมนุษย์นั่นเอง

ถ้าเรามองเรื่องเหล่าแบบคนที่เข้าใจโลกได้จริงๆ  ถึงแม้ความเหงามันเกิดขึ้น  มันก็ทำอะไรเราไม่ได้หรอกครับ  บางคนอาจหาวิธีการต่างๆเพื่อที่จะคลายความเหงา  นอกเหนือจากปัจจัยสี่แล้วก็ยังเป็นเรื่องที่มนุษย์ยังต้องทำก็คือ ประโยชน์ท่านนั้นเอง  การออกไปทำประโยชน์ให้กับโลกใบนี้ให้กับผู้คนได้ย่อมเป็นเรื่องทีดี  บางคนกล่าวว่าการเป็นคนรวยจะช่วยผู้คนได้มากกว่า  ยอมรับครับว่าเป็นเรื่องจริง  แต่ทำไมต้องรอให้รวยก่อนละครับ  ผมว่าการที่เราอยากที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน  ไม่จำเป็นต้องรอให้รวยก่อน  เราช่วยได้อยู่แล้วเท่าที่ความสามารถเราจะทำได้  นั่นมันเป็นการฝึกฝนจิตใจเบื้องต้น  ต่อไปภายหน้าถ้าคุณรวย  มันก็เป็นการต่อฐานที่ดีให้กับชีวิตคุณได้  คนที่รวยก็เริ่มจากจุดเล็กๆเท่านั้นแหละครับ

ความต้องการของมนุษย์มันมีแตกต่างกัน  บางคนก็มีเหตุผลในแบบของเขา  เราเอาเรื่องอุดมคติเหตุผลมาพูดกัน  ย่อมไม่จบและพาลจะทะเลาะกันเปล่าๆ  เพราะฉะนั้นจงเลือกพูดคุยในเรื่องที่ม้ันจะสร้างสรรค์และหาทางที่จะสร้างประโยชน์ร่วมกันดีกว่าครับ  บางคนถามว่าแล้วตัวฉันจะทำประโยชน์อะไรได้ละ  ในเมื่อทุกวันนี้ยังไม่สามารถให้ชีวิตตัวเองดีขึ้นมาได้เลย  แท้ที่จริงคิดแบบนี้ก็ไม่ถูกเสมอไปนะครับ  ยกตัวอย่างผมเองก็ไม่ได้ว่าประสบความสำเร็จถึงขั้นมหาเศรษฐีแต่ผมก็เลือกมีความสุขในแบบที่ผมกำลังทำในปัจจุบันได้  การที่ผมมาเขียนเเชร์เล่าประสบการณ์ต่างๆ  แบ่งปันความสุขและวิธหาทางออกให้กับปัญหาต่างๆ  ผมเชื่อว่ามันก็สร้างประโยชน์ให้ไม่มากก็น้อย  ผมไม่ได้ต้องการเป็นคนดัง  แต่ผมอยากสร้างเครือข่ายที่ผู้คนต้องการทำความดี  และแบ่งปัน ร้อยยิ้ม ความสุข และสิ่งต่างๆให้กับโลกใบนี้

โลกทุกวันนี้มันก็เต็มไปด้วยความวุ่นวายมากพออยู่แล้ว  เราอย่ามาทะเลาะกันเพื่อแย่งชิงสิ่งที่ไม่จีรังเลยครับ  เพราะสุดท้ายเราก็ต้องจากโลกใบนี้อยู่ดี  ไม่ใช่ว่าผมไม่สนับสนุนให้คุณเป็นคนรวย  หรือประสบความสำเร็จนะครับ นั่นคือสิ่งที่คุณควรจะทำอยู่แล้ว  นอกเหนือจากสิ่งที่ผมได้กล่าวถึง   ความสุขที่แท้จริงต้องเริ่มจากตัวเรา  จากจิตใจของเรา ทำมันให้พร้อมให้เต็ม  ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานะอะไรยังไงในตอนนี้  หยุดเอาตัวเราเองไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น  และสร้างเส้นทางของเราเองในแบบที่มันอยู่ในอุดมคติเราจริง  หยุดวิ่งตามคนอื่นเพียงเพราะว่าเขาว่ามันดีสำหรับเราหรือใครต่อใคร  การจะเป็นผู้ให้หรือบุคคลที่ประสบความสำเร็จ  ไม่ใช่จากเสียงของคนอื่น  มันอยู่ที่ตัวคุณนั่นแหละครับ  ว่าคุณพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่มากน้อยแค่นั้น  บนเส้นทางแห่งความสำเร็จบางทีมันอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เราคาดหวังเอา  หรือที่ใครต่อใครคาดหวังเอาไว้  แต่เรามีความสุขที่สุดนั่นแหละคือ ความเป็นมนุษย์ที่แท้จริง

อะไรคือความสำเร็จ แล้วทำไมคนเราถึงสำเร็จต่างกัน

คุณเคยสังเกตไหมครับ  เพื่อนบางคนสมัยเรียนกับเรา  ตอนเรียนก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรมาก  แต่พอเข้าสู่โลกของการทำงานเท่านั้นแหละ  กลับไปได้สวยในสาขาอาชีพที่ทำ  ทั้งที่ก็ไม่ได้เก่งอะไรมากมาย  เคล็ดลับตรงนี้ก็อยู่ที่ Mid set นั่นเองครับ  การที่คนเราจะแตกต่างกันมากน้อยขนาดไหน  ก็ขึ้นอยู่กับใจของเราถ้าใจเราใหญ่กว่าปัญหา  ปัญหาต่างๆก็จะดูเล็กลงทันที  แล้วทำไมคนเรารู้ปัญหาอยู่แต่ไม่รู้วิธีแก้  หรือใช้วิธีแก้ที่แตกต่างกันละครับ   นั่นก็เพราะประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างกัน  และที่สำคัญก็คือความคิดนั่นเอง  ที่เป็นจุดให้คนคิดต่างและแก้ปัญหาต่าง

ตัวผมก็คนหนึ่งที่มีความเชื่อว่า  มนุษย์ไม่ได้เกิดเพื่อทำงานอย่างเดียวแล้วก็แก่ตายไป  โลกเรายังมีเรื่องราวต่างๆมากมายที่ยังต้องค้นหา ศึกษาและทำประโยชน์ให้กับโลกใบนี้อีกมากมาย  การที่เรายึดติดอยู่กับกรอบมองอะไรในมุมมองเดิม  ในสิ่งที่คิดว่ามันปลอดภัยและดีที่สุดสำหรับเราแล้ว  บางที...มันอาจกลายเป็นฝันร้ายที่ทำลายตัวเราอยู่ก็ได้   การใช้ชีวิตที่หลอกตัวเองไปวันๆ  หวังแต่เพียงว่าพรุ่งนี้มันต้องดีกว่านั้น  เป็นเรื่องเราต้องเปลี่ยนกันใหม่  เราต้องเริ่มลงมือสร้างอนาคตด้วยมือของเราเองนั่นแหละครับ  อย่าไปคาดหวังจากใครเลย  ตนเป็นที่พึ่งของตน

ความสำเร็จมีร่องรอยของมันอยู่  บางคนก็แนะนำว่าคุณก็ไปแกะร่องรอยของเขา  แล้วนำมาปรับใข้ในแบบของเรา  มันก็มีส่วนถูกมากครับ  แต่ข้อสำคัญต้องปรับปรุงตัวเองให้ดีและพร้อมอยู่เสมอครับ  คนเราพลังกำลังต่างกัน  ความคิดก็ยังต่างกันอยู่  ขอให้มั่นใจ  และเชื่อมั่นในพลังที่จะสร้างสรรค์ตัวเราเอง  พร้อมที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ  ไม่มีอะไรในโลกใบนี้ที่มันเป็นไปไม่ได้ครับ  แค่เราต้องหาแรงบันดาลใจให้เจอ  แล้ววิ่งเข้าหาสิ่งนั้นทำไปอย่างไม่หยุดยั้ง 

หยุดเอาตัวเราเองไปเปรียบเทียบกับเพื่อนๆ หรือใครๆ ความสำเร็จของเรากับของเรา  แบบฉบับมันต่างกัน  บางคนคิดใหญ่ ความฝันใหญ่ สิ่งที่ทำก็ต้องใหญ่และหนักตามไปด้วย  เราจะเอาผลลัพธ์มาเป็นตัววัดความสำเร็จของเเต่บุคคลนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก  โดยเฉพาะนิสัยชอบทำตามๆกัน  เลิกได้เป็นเลิกครับ  การวิ่งตามคนอื่น ตามกระแสไม่ได้ทำให้คุณเป็นที่หนึ่งได้  อย่างมากก็แค่เป็นไก่รองบ่อนเท่านั้น  ฝึกที่จะเดินทางแยก  เดินไปในจุดที่แตกต่าง  สร้างความแตกต่างในจุดนั้น  รักษาความเป็นตัวตนของเราเอาไว้  แล้วค่อยๆเติมพลังให้กับมัน  สิ่งไหนที่ยังก็เติมไฟให้มันทีละนิดๆ 

โลกใบนี้ยังต้องการคนที่เข้ามาพัฒนาอีกเยอะ  จงทำตัวเป็นนักพัฒนา  นักแก้ปัญหา นักสร้างแรงบันดาลใจและพร้อมที่จะยื่นมือไปช่วยเหลือผู้อื่นให้มาก  สำเร็จทั้งประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน  แค่นี้ก็ถือว่าเป็นสุขที่สุดในชีวิตแล้วครับ  ขอให้จำไว้นะครับว่า "คุณจะเป็นอย่างที่คุณคิด"

ช่วงเวลาผ่อนคลาย

บางทีความสับสนกังวลเหล่านี้  ก็เป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้เรานอนไม่หลับได้นะครับ  ไม่ว่าอะไรตามสิ่งที่เรายึดเราก็จะยิ่งเป็นทุกข์  เพราะฉะนั้นจงปล่อยใจให้ว่าง  และเดินสายกลางให้มากที่สุดเราจะได้ไม่ทุกข์  และใช้ชีวิตทุกข์ขณะอย่างมีความสุข  โลกเราทุกวันนี้บางทีมันก็บีบให้เราต้องออกไปทำอะไรบางอย่าง  บางอย่างที่เราจำเป็นต้องทำ

มีหลายครั้งในชีวิตที่เรามักจะสับสน  กับคำว่า  สิ่งที่ต้องทำ  สิ่งที่ควรทำ  และสิ่งที่อยากจะทำ  หลายคนต่างก็มีเหตุผลก็ตัวเอง  มันไม่มีถูกมีผิด  มันก็ขึ้นกับสถานการณ์และการจัดลำดับความสำคัญในชีวิตของคนเราในแต่ละคน  บางทีโลกอาจให้บททดสอบเดียวกันนั้นแหละ  แต่เพราะคุณตั้งโจทย์ในเวลาที่ต่างกัน  ผลลัพธ์ที่ได้เลยแตกต่างกันนั่นเอง 

ชีวิตเราเมื่อโตขึ้นเราต่างมีความมั่นใจ  และความเชื่อมั่นของตัวเอง  จนบางทีไม่มีใครมากล้าสอนเราได้  ทางที่ดีควรเป็นผู้ฟังที่ดีบ้าง  ประโยชน์ของการฟังมีมากกว่าการพูดอย่างแน่นอน  ฟังอย่างมีสติค่อยๆคิด  บางสถานการณ์ที่ทำให้คุณทุกข์  กังวลใจเพราะคุณเอาใจไปหมกหมุ่นกับมันมากเกินไป  ลองเดินถอยออกมาสักก้าวสองก้าว  มองปัญหานั้นให้เหมือนกับเป็นปัญหาของคนอื่น  แล้วใจคุณจะไม่ทุกข์กับมัน  ปัญญาและแสงสว่างก็จะเกิดขึ้น

วันนี้ก็ถือเป็นวันดี  ก็ขอให้ทุกท่านจงได้รับแต่พรดีๆ  มีชีวิตที่สดใสพร้อมที่จะก้าวไปรับกับสิ่งใหม่ๆในชีวิต  โลกใบนี้ยังมีอะไรให้คุณยังต้องเรียนรู้  และสนุกกับมันอีกมากมาย  อย่าปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความทุกข์ เศร้า หรือปัญหาอะไรที่เรารู้สึกว่ามันหนักในชีวิตของเรา   ก้าวต่อไปด้วยกันครับผมเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน

ออกซิเจน

มนุษย์เราหากขาดน้ำประมาณ 7 วัน เราก็ต้องตายได้  ขาดอาหารไม่เกิน 2 เดือนเราก็ตายได้  แต่ถ้าขาดออกซิเจนนั่นแหละ  เราอยู่ไม่ได้แม้กระทั่งนาทีเดียว  ร่างกายมนุษย์เราสูดออกซิเจนเข้าไปประมาณ 21 % ของทั้งหมด

แต่คุณรู้หรือไม่ครับว่า  ออกซิเจนมีส่วนที่สำคัญให้คุณมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง  หรือแม้กระทั่งหายจากโรคบาดเจ็บจากรอยแผลต่างๆได้  หากร่างกายคุณได้เติมออกซิเจน 100%  มันก็น่าแปลกแต่มีส่วนจริงมาก  เรื่องเหล่านี้ที่ญี่ปุ่นแพร่หลายและเป็นที่นิยมมาก  หรือแม้กระทั่งยุโรป

ร่างกายของมนุษย์จำเป็นต้องใช้ “ออกซิเจน” ในการดำรงชีพเราต้องหายใจเอาออกซิเจนเข้าไปเพื่อใช้ในขบวนการเผาผลาญสารอาหารต่างๆ ให้เป็นพลังงาน และเพื่อให้เซลส์ต่างๆ ของร่างกายใช้หายใจ โดยทั่วไปเราได้รับออกซิเจนจากอากาศที่เราหายใจ และฮีโมโกบิลในเม็ดเลือดแดงจะเป็นตัวสำคัญในการช่วยพาออกซิเจนไปยังเซลส์ต่างๆ ทั่วร่างกาย ทำให้เซลส์ของอวัยวะต่างๆมีชีวิตอยู่ได้ เช่น เซลส์ของกล้ามเนื้อหัวใจ ตับ ไต ปอด สมองและเซลส์อื่นๆ เป็นต้น ดังนั้นถ้าเซลส์ของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายได้รับออกซิเจนลดลงหรือขาดออกซิเจน จะทำให้อวัยวะนั้นๆ ตายได้ ดังนั้นออกซิเจนจึงมีความสำคัญกับร่างกายของมนุษย์อย่างมาก

ออกซิเจนยังมีส่วนสำคัญต่อการประสบความสำเร็จในชีวิตของคุณด้วย  คุณอาจแปลกว่าจริงเหรอ  เพราะการที่มนุษย์เราสูดเอาออกซิเจนเข้าไปในร่างกายมากๆ  ก็จะทำให้สมองปรอดโปร่ง  และก็สามารถที่จะคิดหรือสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ  ออกมาได้มากมายเลยทีเดียว  และนอกจากนั้นออกซิเจนยังช่วยให้ผิดพรรณสดใส  ดูมีน้ำมีนวลดูมีสง่าหน้าตาผ่องใสด้วยครับ

เรามาฝึกการหายใจยาวๆ เพื่อเอาออกซิเจนเข้าไปในร่างกายของเราให้มากๆครับ  เห็นไหมครับว่ามันมีส่วนที่จะผลักดันเราเป็นอย่างยิ่ง หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับท่านผู้อ่านครับ 

ประโยชน์ของออกซิเจน 

ที่มา https://www.pollyhealthcare.com

ผู้ป่วย:  โรคภัยต่างๆ เช่นโรคระบบทางเดินหายใจ หรือโรคหัวใจ จะทำให้ความสามารถในการรับ O2 ของร่างกายลดลง ผู้ป่วยจึงควรได้รับ O2  อย่างเพียงพอ แต่การใช้เครื่องทำออกซิเจน "แซค" กับผู้ป่วยควรอยู่ในดุลพินิจของแพทย์

ไข้หวัด:  ไข้หวัดมักเกิดขึ้นในขณะที่ร่างกายอ่อนแอ ทำให้ร่างกายได้รับ O2  ลดลง เนื่องจากมักมีการคั่งของเยื่อบุทางเดินหายใจ เช่น โพรงจมูก เป็นต้น ทำให้หายใจไม่สะดวก การได้รับ O2  อย่างเพียงพอในขณะเป็นไข้หวัดจะช่วยให้สดชื่นขึ้น ช่วยลดอาการอ่อนเพลีย ทำให้ภูมิต้านทานโรคดีขึ้น และทำให้หายจากไข้หวัดเร็วขึ้นอีกด้วย

ผู้สูบบุหรี่ :  การสูบบุหรี่ทำให้ร่างกายได้รับสารอันตราย เช่น นิโคติน และคาร์บอนมอนออกไซด์ โดยผ่านทางหลอดลมและเข้าสู่กระแสเลือด ส่วนคาร์บอนมอนออกไซด์ จะทำให้ศักยภาพในการลำเลียงออกซิเจน ของเม็ดเลือดแดงลดลง ดั้งนั้นผู้สูบบุหรี่จึงต้องการ O2 มากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่

ผู้ที่นอนกรน :  ต่างๆได้น้อยการนอนกรนเกิดจากการที่ทางเดินหายใจบางส่วนถูกอุดกั้นในขณะนอนหลับจึงทำให้ผู้ที่นอนกรนเกิดภาวะขาด O2 ทำให้  รู้สึกหน้ามืดอ่อนเพลียจากการนอนหลับไม่สนิท Oxigen generator จะช่วยให้ร่างกายได้รับ O2   มากขึ้น จึงช่วยลดภาวะการขาดออกซิเจนในผู้ป่วยนอนกรนได้

ลดความเครียด:  ขณะที่ร่างกายมีความเครียดจะหลั่งสาร Adrenaline ทำให้หลอดเลือดหดตัวซึ่งจะส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะลง จึงทำให้รางกายอ่อนเพลีย Oxygen generator จะช่วยให้ร่างกายได้รับ O2  ในปริมาณที่สูงขึ้น ทำให้อวัยวะต่างๆทำงานได้ดีขึ้น และช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด

ความอยาก

วันก่อนผมได้ฟังบทสัมภาษณ์ของ เฒ่าแก่น้อย คุณต๊อบ เขาพูดไว้ได้ดีมากครับ  เขากล่าวไว้ว่าเหนือสิ่งอื่นใด ที่นักธุรกิจควรมีและจำเป็นต้องมีมากที่สุดนั่นก็คือ  "ความอยาก"  มนุษย์เราหากปราศจากซึ่งความอยากที่จะทำอะไรแล้ว  ย่อมหาทางที่จะนำสู่สู่ความสำเร็จหรือสิ่งที่เราต้องการได้อย่างแน่นอน

โลกมีบททดสอบมากมายเข้ามาให้คุณ  บางทีมันเหมือนเป็นการตบหน้าคุณซ้ำๆ  จนบางทีเอาซะคุณถอดใจกับบทเรียนในชีวิตของคุณไปได้เลย  คนบางคนวิ่งวุ่นอยู่กับบางสิ่งที่ตัวเองคิดว่ามันดีที่สุดสำหรับเขา  นั่นก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรครับ  มันก็เหมือนคนที่อยากรวย  อยากประสบความสำเร็จ  หรือคนที่ต้องการจะเป็นนักธุรกิจ  สิ่งที่สำคัญกว่าเงินทุน  ความรู้สามารถที่ใช้ในการทำธุรกิจ  ก็คือ "ความอยากที่จะทำนั่นแหละครับ" มันจะเป็นแรงผลักดันที่สำคัญให้เราอยากตื่นขึ้นมาทุกวัน  เพื่อที่จะทำบางสิ่งบางอย่างนั้นให้มันสำเร็จลุล่วง  

บางทีระหว่างทางเราเจอคนดูถูก  เจอปัญหา เจออุปสรรคมากมาย หากถอดใจไปก็ทำให้คุณไม่ถึงฝั่งได้  สิ่งที่ทำให้ที่สำเร็จไปถึงได้ก็คือ  ความอยากที่จะประสบความสำเร็จนั่นเอง  ต่อให้มีอะไรมาขว้าง  มีคนจะพูดอะไรต่างๆ นาๆ  สิ่งเหล่านั้นไม่ได้ทำให้เขาสะทกสะท้านเลย  เพราะตัวเขามีความต้องการและความอยากที่จะทำมากพอ

โลกใบนี้เต็มไปด้วยคนเก่ง  คนฉลาดมากมาย  แต่ทำไมคนเหล่านี้ยังไม่ประสบความสำเร็จสูงสุดสักที  นั่นเพราะเขาปราศจากความอยากนั่นเอง  และที่สำคัญอีกอย่างก็คือ  พิมพ์เขียวในสมองเขา  หากปรับตรงนี้ได้  เขาย่อมต้องไปถึงฝั่งที่เขาต้องการอย่างแน่นอน  บางสิ่งบางอย่างที่เรามองมันไร้สาระ  ไม่มีประโยชน์อาจสร้างประโยชน์ก็เป็นไปได้  ฝึกมองโลกแบบนักคิด  นักพัฒนา และนักลงทุน  เพื่อสร้างสรรค์สิิ่งใหม่ๆ ให้กับสังคม และโลกใบนี้ครับ

ผลลัพธ์ของความคิดที่แตกต่าง  ก็จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ  เราอาจเป็นมนุษย์ตัวเล็กๆ  แต่พลังงานในตัวเราสามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้  ขอให้เชื่อมั่นในตัวเอง  และปล่องของมันออกมาครับ  ไม่มีใครว่าคุณได้หรอก  ใช่ครับการถูกปฏิเสธเป็นเรื่องที่มนุษย์เรายอมรับกันยาก  แต่จงชินกับมันเพราะคนสำเร็จทุกคนผ่านการถุกปฏิเสธมานักต่อนักแล้วครับ  ยึดมั่น และซื่อสัตย์ในตัวตนของเรา รักษาจุดยืนของคุณไว้ครับ  แล้วความสำเร็จจะก้าวหาคุณโดยที่คุณไม่ต้องไปวิ่งหามันครับ 

กระแสโซเซียลแรงจริง

อาทิตย์ที่ผ่านมาหากคุณติดตามข่าว  ไม่ว่าจะเป็นทางโทรทัศน์ หรือสื่ออินเตอร์เน็ตต่างๆ  จะเห็นได้ว่าข่าวที่ดังที่สุดก็คือ  "ข่าวของเด็กเยาวชนนักฟุตบอลที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง จำนวน 13 คนรวมโค้ช"  ซึ่งเป็นข่าวที่ Tall of the town มากทีเดียวครับ  สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ผมได้เห็นสองมุมที่แตกต่างกัน

1.ในเรื่องความร่วมมือร่วมกันใจ  ไม่ว่าจะทั้งคนไทยและต่างชาติ ของหน่วยงานต่างๆที่พร้อมใจกันเข้ามาช่วยเหลือเด็ก

2.เรื่องของไสยศาสตร์  ศาสตร์ที่วิทยาศาสตร์ก็ยังไม่สามารถที่จะพิสูจน์  สิ่งลี้ลับต่างๆ ที่อาจมีอยู่จริง

ในบทเรียนเหล่านี้  มันมีผลกระทบที่ตามทั้งนั้นแหละ  ไม่ว่าจะเป็นทั้งต่อเด็กและต่อตัวผู้ช่วยเหลือ  ทุกคนต่างก็ลุ้นระทึก  บางคนที่ติดตามข่าวถึงขั้นจิตตกก็มี  สื่อบางสื่อก็ให้ข้อมูลที่เกินความเป็นจริง  จนบางทีผู้รับข่าวสาร  ก็ไม่อาจแยกแยะได้ว่าสิ่งไหนคือข้อเท็จจริง  สิ่งไหนคือข้อคิดเห็น  ประเด็นที่ผมต้องการหยิบยกมานี้ก็เพื่อ

1.อยากให้ผู้บริโภคข่าวสารทุกท่านรู้จัก ฟังอย่างมีสติ  อย่าด่วนตัดสินและสรุปอะไรที่ยังไม่มีข้อมูลที่เป็นความจริง ให้เป็นที่ตื่นตกใจ

2.เรื่องของสิ่งลี้ลับ  บางสิ่งที่คุณมองไม่เห็นไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีอยู่จริง  เพราะฉะนั้นทางที่ดีก็ดูอย่างสติและไม่ควรไปวิพากวิจารณ์ในทางเสียหาย  ภัยร้ายอาจเข้ามาถึงตัวคุณ

3.แน่นอนว่าคนที่มีความคิดเห็นที่ต่างในสถานการณ์แบบนี้ย่อมมีอย่างแน่นอน  ทั้งที่พวกที่หวังดี และไม่หวังดี  จิตตก และอื่นๆ  ไม่ผิดครับที่คนเราจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน  แต่สิ่งที่จะยืนยันได้ดีที่สุดก็คือ สถานการณ์ในตอนนั้น  และความเป็นจริงที่เกิดขึ้นโดยรวมแล้ว สติ ก็ยังคือตัวพระเองครับ

4.สื่อทางอินเตอร์เน็ตที่เปิดโฉมหน้าใหม่  ในการไลฟ์สดและคนที่ติดตามแบบต่อเนื่องและยาวนานที่สุดของวงการสื่อ  ทำให้เห็นอะไรมากมาย  โลกกำลังจะเปลี่ยนแปลงไปแล้วครับ

นี่เป็นแค่บางเหตุการณ์ที่ผมได้เรียนรู้จากเหตุการณ์เหล่านี้  ยังไงตัวผมก็แอบคาดหวังลึกๆ ให้เด็กปลอดภัย รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ทุกท่านด้วย  สิ่งที่ผ่านมาแล้วหรืออะไรก็ตามอย่าไปโทษว่าเป็นความผิดของใครเลยครับ  ทุกคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดแล้ว  ทั้งเด็ก และทุกๆคน  นี่อาจเป็นบทเรียนและอุทาหรณ์สอนใจใครหลายๆท่านให้พึ่งระวังชีวิต และไม่ควรประมาทอยู่ในทุกขณะที่คุณยังมีลมหายใจอยู่

เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์บางอย่างได้  แต่เราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเราและกำหนด ความคิดของเราให้ไปในทิศทางที่เราต้องการได้  อยากให้ตัวเองได้รับพรจากสวรรค์แบบนั้น  ก็เริ่มจากการทำปัจจุบันของคุณนั่นแหละครับ  สร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเอง และผู้อื่น  คนเราเกิดมาตนเป็นที่พึ่งของตน  เมื่อคุณพึ่งพาตนเองได้  สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะคุ้มครองคุณครับ