วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

การพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา

         


              ขงจื้อ กล่าวไว้ว่า  "The Value of knife is in its sharpness"   มีดที่คมที่สุดย่อมไม่ถูกแทนที่  ซึ่งมันก็คือ เรื่องจริงครับ  หากเราพัฒนาตัวเองให้เต็มที่อยู่ตลอดเวลา  หมั่นเติมความรู้ความสามารถของตัวเองลงไปตลอดเวลา
             มนุษย์เราชอบทำตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลก  บางอย่างที่คนอื่น  คิด ทำ พูด ไม่เหมือนกับเรา  เราก็ไปตัดสินว่าเขาผิด  ซึ่งจริงๆแล้วโลกนี้ไม่มีอะไรผิดถูกแน่นอนหรอกครับ  ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาแหละครับ  คนเรามักจะตัดสินใจทุกอย่างผ่านแว่นของเราซึ่งเราก็ไม่รู้ได้ว่ามันถูกหรือผิดจริงๆ  เอาเถอะครับไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ช่างแต่ผมเชื่อว่าคนเราทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้ในแบบของตัวเอง  มีไลฟ์สไตส์ที่ตัวเองต้องการ และนำศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ออกมาใช้ได้  วันนี้ผมมีแผนภาพที่ผมได้มาจากครูอ้อย เข็มทิศชีวิตมาให้เพื่อนดูครับ  ลองนำไปปรับใช้ตัว (ตามภาพข้างบนนะครับ)
                เมื่อคุณเจอจุดที่สมดุลในตัวเอง  ในชีวิตแล้ว  คุณจะพบว่า ทุกสิ่ง ทุกอย่างก็คือ  ความสมดุลที่เราจะมีความสุขแบบที่เราต้องการได้ครับ  วันนี้สวัสดีครับ


วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

วิธีสร้างธุรกิจจากงานออฟฟิต

             



             เมื่อวานผมไปนั่งฟังสัมมนาของคุณพูม   ยอมรับว่าครั้งนี้ผมสนุกและได้รับความรู้มาก  รู้สึกขอบคุณโอกาสดีๆแบบนี้ที่ผมได้รับ  เข้าเรื่องดีกว่าครับ  เอาเป็นว่าผมขอนำเสนอแบบสรุปให้ทุกท่านฟังดูนะครับ

     1.ให้รู้จักตั้งคำถามกับตัวเองว่า "ทำยังไงจะให้คุณภาพชีวิตคุณดีขึ้น"
     2.ปรับทัศนคติใหม่ๆ  ทำอะไรก็ต้องมีความอดทน  การเรียนรู้ภาษาถือเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก
     3.อย่าฟังคนอื่นให้มาก  ต้องวิเคราะห์เรียนรู้ด้วยตัวเอง

วิธีการสร้างความมั่งคั่ง
   1.ใช้เวลาเคลียร์หนี้ทั้งหมด (1ปี)
   2.แรงงาน + เวลา +เงิน

ตัวอย่างที่คุณพูมทำ คือ การดูที่
      เคล็ดลับ ถ้าคุณหาอสังหาริมทรัพย์ครบ 100 ที่ คุณจะเจอเพรชสักที่หนึ่ง  พอคุณหาครบ  50 ที่คุณจะพบกฎไกลอะไรบางอย่าง และจะได้กำไรจากการขายที่"
      จากนั้นก็ใช้กำไรจากการขายอสังหาริมทรัพย์  +  เงินกู้ตัวเอง ลงทุนในธุรกิจโรงเเรม  พยายามใช้เวลาอยู่โดยไม่ต้องใช้เงิน แต่ใช้สูตร ดังนี้

                                       Marketing + Financial + Cleartive

ความแตกต่างระหว่างลูกจ้างกับนายจ้าง
           
   - ลูกจ้างรู้แคบและรู้ลึก
   - นายจ้างรู้กว้าง

คำว่าเกษียณใหม่ Retirement Next Exit

    หมายถึง  Passive Income  -  รายจ่าย  =  เงินก้อนการเกษียณ

    คำนิยามหนึ่งของคุณ ป้อม Stock 2 Morrow  กล่าวไว้  "ถ้าเราได้ทำสิ่งที่เราชอบนั้นก็คือการเกษียณ"

ความลับเรื่องหนึ้สิน

     1.ต้องอาศัยเงินคนอื่น  มี Back up ที่ดี  หมายถึง พอเรามีชื่อเสียงก็จะมีคนมีเงินมาเสนอให้เราลงทุนเอง
     2.รู้จักการทำ Business Plan
     3.คุณมีเครดิตเท่าไหร่ใช้ให้มันเป็นประโยชน์  (ตรวจสอบกับธนาคาร)  คุณต้องทำความเข้าใจความต้องการของธนาคารและเคล็ดลับการกู้เงินให้ได้  3 เท่าของวงเงิน

ธุรกิจคือเกมส์การต่อสู้
     คนชนะได้ทุกอย่าง  คนแพ้เสียทุกอย่าง  การเอาชนะแค่ปลายจมูก  "การเอาตัวรอดสำคัญที่สุด"

จุดเปลี่ยนของชีวิต
       ทำทีเดียวให้จบ   เข้าใจธรรมชาติของความต้องการของตัวเอง  หาแนวทางการทำธุรกิจตามสไตส์ของแต่ละคน

ฝึกสัญชาตญาณในการหาเงิน 7 ข้อ
 
   1.กฎของการเป็นที่ 1 "ถ้าเป็นคนแรกจะดีเสมอ"
   2.กฎ 5 ครั้งถึงจุดหมาย  วิธีนี้หมายถึงการง้อลูกค้าหรือSupplier
   3.กฎแห่งพันธะสัญญามี Commitment กับตัวเองเสมอ
                   Is what transforms a promise into reality  (Abraham  Lincon)
   4.ปุ่มลับสำหรับการเปิดเครื่อง (้Hot button) ศึกษาจุดที่เขาสนใจให้ได้หาปุ่มนี้ให้เจอแล้วเกมส์จะจบ
   5.กฎต้นซากุระ  มีคนญี่ปุ่นคนหนึ่งชื่อ ซาโก๊ะจัง  "ถ้าคุณหาต้นซากุระให้เจอคุณก็ชนะทุกธุรกิจ"
ฉะนั้นจะจำไว้ว่า  "ต้นซากุระมีทุกๆจุดของบริการ หาต้นซากุระให้เจอ"
  6.คนที่ไม่ Vote  ให้ศึกษาตลาดใหม่ๆ เช่น คนที่ไม่สนใจซื้อของๆเรา เขา และคู่แข่ง
  7.รู้จักลูกค้าของคุณ  แบ่งได้ 5 ประเภท
      7.1   5%    ไม่ยอมเสียเงิน
      7.2   5%     อะไรอยู่ในใจ
      7.3  25%   นักวิเคราะห์
      7.4  25%   คนใกล้ตัว
      7.5  40%   บอกเขาไปตรงๆว่าจะขายอะไร
 

             

วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

การสร้างภาวะผู้นำ

       

            การผู้นำทุกคนเป็นได้ครับ เริ่มจากการปรับทัศนคติที่ดีในตัวเราเองก่อนครับ  วันนี้ผมจะมาแนะนำเคล็ดลับการเป็นผู้นำให้ท่านผู้อ่านได้ลองนำไปใช้ดูนะครับ

        1.ต้องมั่นใจในตัวเอง  คือเราต้องมั่นใจในตัวเองก่อน  ไม่ว่าจะทำอะไร จะคิด จะพูด  การมั่นใจในตัวเองเป็นการแสดงออกที่ชัดเจนถึงคนที่เหมาะกับความเป็นผู้นำเป็นอย่างมาก
        2.จิตใจ  ต้องหมั่นเติมเรื่องดีดี รู้จักขอบคุณสิ่งต่างๆรอบตัว  ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นจากภายในแล้วถึงสะท้อนออกมาให้ภายนอก
        3.อย่าไปฟังคนอื่นให้มาก  ฟังเสียงและความรู้สึกของตัวเอง  เมื่อเรามั่นใจในสิ่งที่เราจะทำและรู้ว่ามันสามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้  ลงมือทำไปเลยครับ อย่าไปฟังเสียงคนอื่น
        4.เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง  หมายถึงไม่จำเป็นต้องไปกดคนอื่นเพื่อให้เราดูสูงขึ้น  คนเรามีความสามารถที่จะยิ่งใหญ่ในจุดที่เรายืนได้  ขอเพียงเชื่อมั่นในตัวเอง  มุ่งมั่น ฝึกฝนไปเรื่อง เมื่อครบ 10,000 ชั่วโมง เชื่อได้เลยครับว่าคุณคือที่หนึ่ง
        5.เปิดรับสิ่งใหม่ๆ  ยอมรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ  กล้าท้าทายกับปัญหาและอุปสรรค์ อย่าไปคิดในทางที่เป็นไปไม่ได้  คิดแต่ในทางที่ตรงกันข้ามเป็นไปได้แล้วความสำเร็จจะตามมา

         นี่เป็นเคล็ดลับที่ผมใช้และอยากจะแนะนำให้ลองนำไปใช้กันดูนะครับ   แล้วคุณจะรู้ว่า  "เปลี่ยนความคิด ชีวิตก็เปลี่ยน"  

วันอังคารที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

บททดสอบที่ยิ่งใหญ่



              หลายวันมานี้รู้สึกว่าตัวผมเองกำลังมีอะไรทดสอบบางอย่างซึ่งมันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่  รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญบางอย่างในชีวิต  ถึงเวลาที่ผมต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่างได้แล้ว  ถึงเวลาที่ผมต้องเข้ารับผิดชอบตัวเอง  และเลิกบ่น เลิกโทษคนอื่น  เสียที  ตลอดระยะเวลาที่ผ่านผมได้เจอเรื่องดีดีมามากมาย  สิ่งเหล่านี้ทำให้ผมเข็มแข็งขึ้น  จิตใจที่นิ่งทำให้สามารถมองเห็นปัญหาบางอย่างได้  การปล่อยวางเท่านั้น  ที่จะทำสิ่งต่างๆให้ดีขึ้นได้
              ต่อไปนี้ผมขอตั้งจิตอธิฐานว่าจะมุ่งมั่นทำแต่สิ่งที่ดีดี   รักตัวเองให้มากๆ เห็นคุณค่าของตัวเอง  มองตัวเองและมองโลกด้วยใจที่เป็นกลางที่สุด  ปล่อยวางตัวเองจากภาระต่างๆ  และอยู่กับจิตใจของตัวเอง  นั่งทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นและปรับทัศนคติของตัวเองให้อยู่ในแดนบวกเสมอ  เลิกให้คุณค่ากับคนที่ไม่เห็นคุณค่ากับเรา   ขอให้ผมได้เจอแต่สิ่งดีดี  ผมเชื่อมั่นว่าจักรวาลนี้มีสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่จะมอบให้กับทุกคนผมคือหนึ่งในนั้น  ผมสามารถได้ในสิ่งที่ผมต้องการ  เป็นในสิ่งที่ผมอยากจะเป็น  ทำในสิ่งที่ผมอยากจะทำ  ขอบคุณ พี่บอย ครูอ้อย พี่พูม คุณบัณฑิต และคนอื่นที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมขอบคุณจริงๆครับที่เป็นกำลังใจให้ผม   ขอบคุณมากๆๆๆๆๆ

วันศุกร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

คิดการใหญ่




         หลังจากตรุษจีนที่ผ่านมา ทุกคนก็คงมีความสุขกันทั่วหน้า ผมไม่ใช่คนจีนแต่ก็ดีใจกับวันหยุดของคนจีนด้วยครับ  ที่เขายังรักษาประเพณียาวนานเอาไว้  ถือว่าวันนี้เป็นฟรีเดย์ของทุกคนละกันนะครับ  มีความสุข ก็ย่อมมีความทุกข์ที่เป็นของคู่กัน  สิ่งนี้แหละที่จะเป็นเหมือน หยินกับหยางที่ศาสตร์ของคน
จีนพูดไว้  ไม่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่ครับ  สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการปรับทัศนคติของตัวเองให้อยู่ในแดนบวกเสมอ  มองโลกตามความเป็นจริง  เข้าใจเขา  เขาใจเรา  เรียนรู้และเติบโตขึ้นไปในอีกระดับ  แต่หลายคนคงคิดใช่ไหมว่าก็ฉันมีความทุกข์แทบจะตาย  จะปรับทัศนคติได้อย่างไร  ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนซิครับก็แค่โฟกัสเรื่องอื่นแทน  เมื่อคุณโฟกัสในเรื่องอื่นแทน  ลองนึกถึงสิ่งที่ตัวเองต้องการ  หมกหมุ่นและลงมือทำอย่างสม่ำเสมอแล้วคุณจะพบความแตกต่างครับ  วันนี้โชคดีครับ  เฮง ๆ ๆ ๆ 

วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Focus

         
           


       พรุ่งนี้ก็วันตรุษจีนแล้วนะครับ  ปีใหม่จีนปีใหม่ใครที่ยังรู้ว่าตัวเองยังไม่ได้ปรับเปลี่ยนตัวเองจากต้นปีที่ผ่านมาก็รีบเปลี่ยนตั้งแต่วันนี้เลยนะครับ  การปรับความคิดทัศนคติดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายแต่ก็ต้องอาศัยเวลาพอสมควรครับ   ฉะนั้นเริ่มลงมือทำได้แล้วครับ  วันนี้ผมจะพูดถึงเรื่องการโฟกัสให้ถูกจุด  คนเรานี้มีอะไรที่แปลกมากอยากได้นั้น  อยากได้นี้  แต่กลับไม่พูดถึงสิ่งที่ตัวเองต้องการ  กลับไปพูดถึงสิ่งที่ตัวเองไม่ต้องการ  นั่นแหละครับที่เขาเรียกกฎแห่งแรงดึงดูด  ก็เพราะคุณไปดึงแต่สิ่งที่คุณไม่ต้องการไงครับ ก็เลยได้แต่สิ่งที่ไม่ต้องการแทนที่จะได้ในสิ่งที่เราต้องการ  เราลองมาดูวิธีการของผมดูนะครับ
         
                1.ผมต้องการตื่นนอนสัก 10.00 เช้า เพราะเป็นคนชอบนอนดึก
                2.ผมต้องการทำงานที่ไหนก็ได้ที่ผมต้องการไม่จำกัดเวลา
                3.ผมต้องการพบปะแต่คนที่ประสบความสำเร็จ เรียนรู้ เติบโต ไปพร้อมกับเขา
                4.ผมต้องการสร้างธุรกิจของตัวเองเพื่อความสบายในอนาคต
                5.ผมต้องการมีเวลาให้ครอบครัว ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน
                6.ผมต้องการสุขภาพที่แข็งแรง มีความสุข ทั้งสุขภาพ กายและสุขภาพใจ
                7.ผมต้องการมีรายได้เดือนละ 1 แสนบาท/เดือนภายใน 1 ปีนี้
                8.ผมคือคนที่โชคดีที่สุดครับ

               เห็นไหมครับว่าสิ่งที่ผมเขียนไปไม่มีคำว่าไม่ต้องการ  ผมการปรับทัศนคติไงครับ  จะนำมาซึ่งสิ่งที่เราต้องการตามปรารถนาได้  ลองเอาไปทำกันนะครับ

วันจันทร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

จิตมนุษย์




           จิตมนุษย์เป็นอะไรที่คาดเดาได้ยาก  เราไม่สามารถกำหนดจิตใจให้เราคงที่อยู่เสมอ  ถึงแม้ว่าเราจะพยายามปรับให้มันอยู่ในทิศทางที่ดีก็ตาม  สิ่งที่ผมกำลังจะสื่อถึงนี้ก็คือ  จิตโสดาบัน  บุคคลถ้าเป็นโสดาบันแล้วจิตใจของท่านเหล่านั้นจะไม่ไหลไปสู่ที่ต่ำอีก  แต่ประเด็นก็คือ เรายังไม่ใช่โสดาบันนะซิต้องทำอย่างไรละ   ง่ายมากครับ  ก็เปลี่ยนวิธีคิดซิครับ  "คิดอย่างไรก็ได้อย่างนั้น"
         ท่านผู้อ่านคงเข้าใจนะครับว่า  จิตของโสดาบัน จะไม่มกมุ่นอยู่กับเรื่องที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ ฝึกคิดให้อยู่กับปัจจบัน  รู้กาย รู้ใจตัวเอง  พึงสำรวม กาย วาจา ใจ อยู่เสมอ  เห็นไหมครับว่าไม่เเปลกใจเลยที่ทำไมโสดาบันทำไมจิตเขาไม่ไหลไปสู่ที่ต่ำ   คุณเองก็ทำได้  แค่การฝึกจิตของตัวเอง  ไม่จำเป็นต้องรอให้ตัวเองเป็นโสดาบันหรอกครับ  แค่ฝึกฝนจิตใจอย่างสม่ำเสมอ  ทั้งการกระทำ ความคิด คำพูด ทำ  ให้อยู่ในแดนบวกนึกถึงสิ่งดีดี  ขอบคุณสิ่งต่างๆรอบตัวเสมอ  ลองทำดูครับ  การรู้จักใจตัวเอง เอาชนะใจตัวเองให้ได้  แล้วคุณจะเอาชนะทุกอย่างครับ

วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

การฝึกคิดแบบคนรวยใน 5 วัน

       


           ผมเชื่อว่าจักรวาลสามารถจัดสรรสิ่งต่างๆให้เป็นตามสิ่งที่เราต้องการให้อยากจะเป็น  หมายความว่า  เราสามารถเป็นอะไรก็ได้ตามที่เราต้องการ  แต่ก่อนที่เราจะเป็นในสิ่งนั้น  เราต้องคิดแบบนั้นก่อน เรื่อง กระบวนการคิดสามารถเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้  วันนี้ผมเลยมีเกมส์ให้เพื่อนๆมาเล่น  กติกามีดังนี้
     วันที่ 1 - 2  ให้เรานึกถึงสิ่งที่อยู่ตรงกันข้าม  ทุกอย่าง เช่นให้มองสีขาวเป็นสีดำ
     วันที่ 3-4    การมองอะไรที่สิ่งนั้นห้ามหรือฝืนธรรมชาติ  เช่น มองไปที่ประตูจากที่ล็อกได้เป็นแบบที่ไม่ล็อก   ลองคิดไปอีกรอบเช่น  วันนี้เป็นวันพฤหัส  แล้วถ้าวันพฤหัสเป็นวันหยุดละ เริ่มน่าสนใจละครับ
เรื่องราวของหยินกับหยาง  ไม่ได้บอกว่าความสมดุลจะต้องอยู่ที่  50/50 เสมอไปนะครับ  มันอาจแตกต่างกันได้ อาจเป็น 80/20 ก็ได้ครับ  คุณต้องพลิกตัวเองคิดแบบคนกลุ่มน้อยคือ 20 อันไหนที่คุณคิดว่ามันเข้าท่าให้จดมันไว้ครับ
    วันที่ 5  ฝีกหาคำตอบให้กับคำถามที่จด  ไว้ในวันที่ 4  จำไว้เลยครับว่าทุกๆคำถาม มีคำตอบเสมอ


นี่เป็นเคล็ดลับที่คนรวยประสบความสำเร็จกันครับ  คือคิดให้แตกต่างจากคนอื่น ยังไงลองนำไปใช้ดูนะครับ  

"บางที่เราไม่ต้องคิดอะไรมากมาย แค่คิดแบบง่ายๆ ก็ได้  ขอให้ผลลัพธ์เป็นไปตามที่ตั้งไว้ก็พอ   ยิ่งคำตอบง่ายเท่าไหร่  นั้นยิ่งเข้าใกล้ความรวยมาก หรือคนส่วนน้อยมากขึ้นแล้วครับ  คือที่ไม่ชอบคิดอะไรเหมือนชาวบ้านอยู่แล้วบางบางไอเดีย อาจเป็นโอกาสทางธุรกิจที่เราคาดไม่ถึงก็ได้

วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

7 ข้อที่งานไม่ประจำทำเงินกว่า

              

    

             วันนี้ผมไปได้เคล็ดลับจากพี่บอยมาครับ  พี่แกสรุปเกี่ยวกับ 7 ข้อที่งานไม่ประจำทำเงินกว่า  ซึ่งตอนนี้ผมก็มีรายได้จากงานไม่ประจำด้วย  เลยอยากจะมาแชร์ให้เพื่อนลองฟังดูนะครับ  หลายคนที่มีงานไม่ประจำคิดกันอยู่ก็คือ ทำไมทำงานไม่ประจำแล้วไม่ประสบความสำเร็จกับเขาสักที   สาเหตุก็เพราะว่า คนส่วนใหญ่มองมันเป็นงานอดิเรกไงครับ  คุณต้องทำนำหน้าหรือทำให้เทียบเท่ากับงานประจำแล้วผลลัพธ์จะตามมาเอง  เอาละครับตั้งแต่นี้ต่อไปเรามาตั้งตนกันไหมลองทำตามเคล็ดลับ  ดังนี้
            1.ทำงานประจำให้ดีก่อน  (จำไว้ว่าอิสรภาพมากับความขี้เกียจคุณต้องมีวินัยในตัวเองมากๆหากต้องลาออกไปทำงานไม่ประจำ)
            2.สร้าง Connection ตั้งแต่ทำงานไม่ประจำ  พวกที่เป็น Sale และ Marketing ได้เปรียบมากครับสำหรับงานนี้ แต่หากใครที่ไม่ได้ติดต่อประสานงานกับลูกค้าก็ลองเข้าสัมมนาดูครับคุณจะเห็นถึงความแตกต่างที่เกิดขึ้น
            3.พยายามเหยียบเรือสองแคม  แบ่งเวลาลองทำสิ่งที่รัก
            4.หากจะออกจากงานจริงๆ  งานที่คุณทำจะต้องดูดและชอบจริงๆ
            5.หาลูกค้าคนแรกให้เจอ REF. แล้วทำงานเขาให้ดีที่สุดแล้วจะเกิดการบอกต่อเอง
            6.สร้างแบรนด์ (Personal branding) สร้างตัวตนและแสดงคุณค่าศักยภาพของตัวคุณออกมา
            7.ขอบคุณบริษัทที่สร้างคุณมาก ขอบคุณทุกเรื่องที่ผ่านมาในชีวิต
       นอกจากนั้นผมมีเคล็ดลับอย่างหนึ่ง  ที่อยากจะแนะนำสำหรับคนที่จะตัดสินใจลาออกไปทำงานไม่ประจำนะครับ  เพื่อความมั่นใจอย่างน้อยคุณต้องมีเงินสำรองไม่น้อยกว่า 6 ปีจะดีมากๆครับ  เช่น ค่าใช้จ่ายต่อเดือน คุณ 15000 บาท คุณต้องมีเงินสำรองไว้ 1,080,000 บาท เพราะช่วงนี้จะเป็นช่วงที่คุณจะรู้สึกลังเลและต้องตัดสินใจทำอะไรเพื่อตัวเอง เพื่อความต้องการของตัวเองและจะไม่ต้องกลับไปสู่วงจรเดิมอีกครับ  หางานที่สอดคล้องกับสไตส์การทำงานของคุณ  
เคล็ดลับให้งานไม่ประจำทำเงินกว่า ก็คือ
           1.คุณไม่ต้องไปหางาน
           2.คุณต้องสร้างงานขึ้นมาเอง

วันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เลือกชีวิตในแบบที่คุณต้องการจะเป็น

         


          ชีวิตแปลกแต่จริงว่าไหมครับ  ผมว่ามนุษย์ทุกคนต้องการพัฒนาตัวเองไปสู่จุดที่ดีกว่าเดิมแน่นอนครับ  แต่ติดที่ว่าเป้าหมายของแต่ละคนแตกต่างกันไปตามประสบการณ์ที่ได้รับ  เชื่อไหมครับว่าเวลาที่เราเปลี่ยนเป็นวิธีคิดของเราในอีกรูปแบบหนึ่ง  เราก็จะเจอคนแบบนั้นมากขึ้น  นานเข้าเราก็เลยไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นก็เพราะเราเห็น  เราถึงเชื่อแบบนั้นไงครับ  อย่างเวลาผมไปนั่งสัมมนาเชื่อไหมครับคนที่ผมเจอก็คือคนประเภทเดียวกับผม  ผมเจอผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเจอกันบ่อยมากแต่ไม่เคยทักทายกันนะครับ  แต่เห็นความตั้งใจและความมุ่งมั่นของเขาเราก็ดีใจไปด้วยครับ  ยิ้ม  พูดไม่ออกบอกไม่ถูกจริงๆนะครับเวลาที่เขาสัมมนามากขึ้นรู้สึกว่าความคิดผมเองเปลี่ยนไปมากครับ  จากคนที่คิดว่าต้องได้ ต้องมี ต้องเป็นโดยไม่ต้องไปสนใจในคนอื่น จริงๆแล้วการทำเพื่อคนอื่นต่างหากคือสิ่งที่สำคัญที่สุด  เห็นคนอื่นประสบความสำเร็จ มีความสุข ได้ในสิ่งที่เขาต้องการนั่นแหละที่จะเป็นโจทย์ที่สำคัญให้เราก้าวข้ามไปเป็นคนที่เราต้องการ  ก่อนที่จะไปเป็นคนที่เราต้องการได้เราต้องเชื่อว่าเราเป็นคนประเภทนั้นจริงๆก่อนครับ ตัวตนจะสะท้อนและกำหนดสิ่งเเวดล้อมให้ปรับสมดุลตามความเป็นจริงที่เราเป็นครับ  วันนี้ผมมีเป้าหมายเพิ่มขึ้นมาอีกแล้วครับ เป้าหมายของผมคือ

     1.ผมจะเรียนรู้สร้างคุณค่า แบรนด์ให้ตัวเอง เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นให้เขาได้ในสิ่งที่เขาต้องการ
     2.ผมเรียนรู้เพื่อจะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้  ให้สังคมน่าอยู่ขึ้น  คนรอบข้างมีความสุขและแบ่งปันความสุขซึ่งกันและกัน
     3.เมื่อผมประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้  ผมจะนำความรู้ประสบการณ์ที่ได้ ถ่ายทอดให้คนรุ่นต่อไปสอนวิธีการ เทคนิคต่างๆให้พวกเขา เพื่อพัฒนาให้สังคม เศรษฐกิจ โลก ขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องและดียิ่งๆขึ้นไป
     4.เมื่อผมยิ่งใหญ่ ผมต้องแบ่งปันให้สังคมครับ  จะให้ความช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสให้พวกเขาได้รับโอกาสความรู้ เทียบเท่ากับผู้คนในเมืองหลวง และรู้จักตอบแทนสังคมแบบผม
     5.ผมจะเป็นโค้ชที่ดี  ตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ทำให้ทุกคนถึงฝั่งฝันที่ตัวเองต้องการ

       นี่ก็เป็นเป้าหมายใหม่ในชีวิตของผมครับ  การตั้งเป้าหมายแบบนี้ผมมีความสุข  และก็ไม่กดดันด้วยครับ  ผมมั่นใจมากในการที่จะใช้ชีวิตและมีจุดยืนที่ชัดเจนในรูปแบบของตัวเอง

วันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สัมมนาพิเศษ คุณพูม ชินโตพล

           


             วันเสาร์ที่  7 ที่ผ่านมาผมได้ไปนั่งฟังงานสัมมนาพิเศษ ย้อนเวลา 4 เหตุการณ์สำคัญก่อนเกษียนโดย  (พูม  ชินโชติพล)  ผมฟังเรื่องราวของเขาแล้วน่าสนใจมากครับ ชายคนนี้ปัจจุบันอายุ 33 ปี  ปัจจุบันมีอาชีพ
     1.โรงแรมโมนาที่เชียงใหม่
     2.เล่นหุ้น
     3.Ebay
     4.Amazon
     5.ถ่ายรูป Photo (เวปถ่ายรูป)
     6.นักเขียน

          ประวัติของเขาจบจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น  เริ่มแรกทำงานสตาร์ส 11,500 + OT   พอครบ 3 ปีก็ย้ายงาน เขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากการเป็นมนุษย์เงินเดือน วิธีการของเขา ก็คือ
     1.ดูงานต่างประเทศ Offer จากบริษัท
     2.Up Grade ตัวเองโดยการฝึกฝนทางด้านภาษาอังกฤษให้มากขึ้น
     3.ทำงานในต่างประเทศ สร้าง Performance
     4.รับหน้าที่ที่ไม่มีใครรับ
     5.เสนอหน้ากับผู้บริหารทำให้ตัวเองเป็นจุดสนใจ เช่น ถามคำถามอะไรก็ได้
     6.Work and Travel

       จากประสบการณ์ที่เขาได้ไปสัมผัสมา เขากล่าวว่าประเทศเป็นประเทศกำลังพัฒนา ยังไงก็จะไปเป็นประเทศพัฒนาแล้วในไม่ช้า  แต่สิ่งที่น่าตกใจที่เขาไปพบเจอกับประเทศที่พัฒนาแล้ว และยังเป็นปัญหาตอนนี้ ก็คือ
        1.เกษียนไม่ได้
        2.เกษียนได้แต่ต้องอยู่แบบประหยัดสุดๆๆ

อาชีพที่เขาแนะนำให้ทำคือ Sale Marketing  และจัดซื้อ  ตำแหน่งอะไรก็ได้ที่มี Effete กับ ยอดขายและต้นทุน  และนั่นก็คือจุดเปลี่ยนของคุณพูม เริ่มจากเขาทำงานในส่วนฝ่ายระบบคุณภาพ (Operation) ต่อมารู้สึกว่าตำแหน่งนี้น่าจะไปไม่ได้ไกล ก็เลยยอมลดตำแหน่งตัวเองไปเป็น Sale ทำได้ 4 เดือน ผู้จัดการ Sale ลาออกเลยได้ขึ้นแทน
     กฎ ESBI
      E = Employee           เช่น พนักงานออฟฟิศ     (ซ้าย)
      S = Self Business      เช่น หมอ ขายของต่างๆ  (ซ้าย)
      B = Business Owner เช่น เจ้าของบริษัท          (ขวา)
      I  = Investor               เช่น นักลงทุน                 (ขวา)

*(ข้อ 1 และ 2 Active Income   ข้อ 3 และ 4 Passive Income)

เริ่มจากฝั่งซ้าย ไปฝั่งขวา ข้อดีของงานประจำคือ
     1.มีรายได้สม่ำเสมอ
     2.มีเครดิตที่ดี
เราต้องแยกแยะให้ออกว่าอันไหนเป็นหนี้ดีอันไหนเป็นหนี้เสีย  จากนั้นมาจัดลำดับกัน
เจอโค้ชที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง  จำไว้ว่าทุกคนต้องมีโค้ช
       1.โค้ชของคุณพูมคือ ชายคนหนึ่งเจอกันตอนที่จะไปทำ VISA ไปทำงานที่อเมริกา วันนั้นเป็นวันที่ฝนตกคุณพูมไม่ได้เอาร่มไปด้วยก็เลยไปขออาศัยร่มเขา และก็มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนทัศนคติกัน ซึ่งชายคนที่เจอเขาไปทำ VISA ท่องเที่ยว 1 เดือน แต่ที่เป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของคุณพูมก็คือ  ประโยคนี้ครับ "ในโลกนี้ไม่ได้มีแต่งานประจำเท่านั้น โลกนี้มีธุรกิจ ไม่เกี่ยวกับมีเงินไม่มีเงิน สำคัญที่ว่าคุณอยากมีเงินเท่าไหร่ในความหมายนี้คือพอใจอยู่ที่เท่าไหร่นะครับ
      2.เปลี่ยน (Mindset) วิธีการกำหนดมันต่างหาก เปลี่ยนวิธีคิดซะ
      3.ลองอ่านหนังสือ "พ่อรวยสอนลูก"
ค้นพบการทำงานเร็วกว่าคนอื่น 24 ชม. (เคล็ดลับ)
     1.คุณต้องเข้าใจก่อนว่าอยากได้อะไร  (ตั้งเป้าหมายเอาไว้)
     2.ฝันใหญ่ ทุก 30 นาทีก่อนนอน ท่องความฝันของตัวเอง
     3.คุณต้องเชื่อก่อนว่าคุณเป็นสิ่งนั้นจริงๆ
     4.หลีกเลี่ยงคนคิดลบ
     5.ต้องหา Passive Income ให้ได้ (ต้องเป็นงานที่คุณรัก คุณชอบ)
     6.หยุดดูละคร
ข้อแนะนำอื่น ๆ

     1.หนี้/เครดิต  ต้องแยกให้ได้ว่าระหว่างหนี้ที่เกิดขึ้นก่อให้เกิดรายได้หรือสร้างเครดิตให้เราไหม
     2. Shipping Point  คลิ๊กเดียวเปลี่ยนชีวิต
     3.การหารายได้ไม่ใช่เน้นการออม หารายได้ให้มากกว่า 1 ทาง  (10 ช่องทาง)
     4.การจัดทำ Road map แผนส่วนตัว

 หนังสือแนะนำ 3 เล่มที่ชอบ

    1. THE SHIPPING POINT
    2. เดอะ วอริช แฟลท
    3. หมาน้อยสอนรวย




  

วันเสาร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

อิทธิบาท 4

          


          หลายคนแปลกใจวันนี้มาแปลก ธรรมมะธรรมโมซะงั้น  ผมว่าศาสนานี้เป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเรามากนะครับ  มันเป็นศาสตร์และศิลป์อย่างหนึ่ง  หลายคนอาจงง  อย่าเพิ่งครับ ที่ผมเกรินแบบนี้ก็เพื่อให้รู้ว่า ในการตั้งเป้าหมายและลงมือทำไปแล้ว  สิ่งที่ต้องคำนึงถึงตามมาก็คือ อิทธิบาท 4 เป็นเรื่องที่มีมาช้านานแล้ว  อิทธิบาท 4 เป็นเสมือนเครื่องหมายที่คอยตรวจเช็คเราเสมอว่าสิ่งที่เราทำมา  เรามาถูกทางหรือยัง หรือควรปรับปรุงแก้ไขอะไรยังไงบ้าง หากเราไม่มีซึ่งอิทธิบาท 4 แล้วการงานอันใดย่อมสำเร็จลุล่วงไปได้ยากครับ  วันนี้ลองมาทบทวนกันอีกรอบนะครับ
อิทธิบาท 4 คือ
     1.ฉันทะ  ความพอใจในสิ่งที่ท
     2.วิริยะ  ความพากเพียรในสิ่งที่ทำ
     3.จิตตะ  มีความหลงใหลในสิ่งนั้น
     4.วิมังสา ความหมั่นสอดส่องในสิ่งที่ทำ

            ครับยังไงก็อย่าลืมลองนำไปปฎิบัติดูนะครับ  ได้ผลลัพธ์ยังไงก็นำมาแชร์กันได้นะครับ

วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

10,000 ชั่วโมง




           ทักษะการฝึกฝนในการปฎิบัติเป็นเรื่องที่จำเป็นมากที่เราต้องฝึกฝน  ผมเคยได้ยินประโยคนี้ พูดว่า
ถ้าคนเราฝึกฝนอะไรก็ตามแต่ ครบ 10,000  ชั่วโมงในเรื่องนั้นๆ เราจะกลายเป็นผู้เชื่ยวชาญในด้านนั้นทันที  ที่พูดประโยคนี้คือผมต้องการย้ำให้คุณรู้จักตัวเองให้มากขึ้น  ลองอยู่กับตัวเองนึกไตร่ตรองให้ดีว่าตัวเองต้องการอะไรในชีวิตกันแน  เสร็จแล้วก็ลุยเลยครับ  แล้วทำตามคำแนะนำข้างบนดูครับ  แล้วคุณจะพบบางสิ่งที่มหัศจรรย์ที่จักรวาลจัดสรรมาให้  
          จงจำไว้เสมอว่าหย่าหยุดพัฒนาตัวเอง  ยิ่งเราเก่งมากๆคู่แข่งยิ่งน้อย  เป็น TOP 10% ในด้านนั้นๆไปเลยครับ 

วันอังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

รักในสิ่งที่คุณทำซิครับ




อรุณสวัสดิ์เช้าวันอังคารครับ  ดีใจมากที่ได้ตื่นขึ้นมาพร้อมอากาศที่สดใสในวันนี้  เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสไปนั่งฟังเสวนาเกี่ยว ฟรีแลนซ์ ที่เซ็นทรัลเวิลดิ์ชั้น 8 ลาน  PK PARK  งานนี้ผู้เข้าร่วมเสวนามีด้วยกันสองท่านคือ พี่ต๊อด กับ พี่บอย พิสูจน์  ยอมรับว่า 2 คนนี้ต่างกันสุดขั้วครับ  คนหนึ่งเน้นที่การลงมือทำในสิ่งที่รัก อาศัยการฝึกฝน ฝึกทักษะบ่อยๆจนประสบความสำเร็จมีชื่อเสียง  อีกคนทำอะไรต้องมีการวางแผนล่วงหน้า กำหนดเป้าหมายไว้อย่างชัดเจน ผมว่าสองคนนี้มีสิ่งที่ต่างกันก็จริง แต่มีสิ่งหนึ่งที่คล้ายมากก็คือ
1.ต้องทำในสิ่งที่เรารัก
2.ฝึกทำอย่างสม่ำเสมอ
3.คิดบวก
4.ลงมือทำทันทีอย่าปล่อยให้ความสงสัยหรือความกลัวมาทำร้ายเรา

นี้ก็เป็นเคล็ดลับที่ผมพอจะสรุปให้เพื่อนได้ฟังกันนะครับ  ยังไงลองนำไปปฎิบัติดูนะครับ  ย้ำเสมอเลยครับ เปลี่ยนความคิด ชีวิตก็เปลี่ยน"

กล้าที่จะแตกต่างและเป็นตัวเอง

เรียกว่าห่างหายกันไปนานมากเลยครับ  ช่วงที่ไปพักกายพักจิตใจ  ทำให้เราสามารถแยกแยะได้ว่า  อะไรที่จำเป็นและสำคัญกับชีวิตของเรากันแน่   คนบางคนผ...