วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2561

ทรัพยากรของประเทศที่พัฒนาแล้ว


ถ้าพูดถึงลักษณะภูมิประเทศในภูมิภาคเอเชีย  ที่ส่วนใหญ่เป็นเก่าอย่าง สิงค์โปร , ญี่ปุ่น , เกาหลี  จะเห็นได้ว่าประเทศเหล่านี้ แทบไม่มีทรัพยากรธรรมชาติ  ประชากรก็ไม่มากนัก อยู่ในภูมิประเทศที่ลำบาก ที่เกิดจากภัยธรรมชาติต่างๆ นาๆ แล้วทำไมคนเหล่านี้ จึงประสบความสำเร็จ และร่ำรวย

เคยได้ยินไหมครับว่า..ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้  ส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยน้ำมือของมนุษย์  ประเทศเหล่านี้ที่พัฒนาขึ้นมาได้  ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องทรัพยากรมนุษย์เป็นอย่างมาก

1.ด้านการศึกษา ประชากรส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับเรื่องการศึกษาหาความรู้ การอ่านหนังสือข่าวสารบ้านเมือง  มากกว่าเรื่องบันเทิง ละครหลังข่าว

2.ด้านคุณภาพชีวิต  การจัดเก็บและระบบภาษีทีดี  สามารถนำเงินภาษีมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและคุณภาพชีวิตของประชากรได้ดียิ่งขึ้น  มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมและเอื้อต่อการพัฒนาหลายๆด้าน

3.ด้านทรัพยากรมนุษย์  ถือเป็นแนวนโยบายสำคัญของชาติ  โดยจะมุ่งการพัฒนาบุคลากรและทรัพยากรมนุษย์เป็นอย่างมาก  ส่งผลให้ภาพรวมแล้วคุณภาพของประชากรประกอบไปด้วย ความสามารถและศักยภาพที่เต็ม

4.ด้านเทคโนโลยี เราปฎิเสธไม่ได้ว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว  ล้วนแล้วแต่มีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า  การศึกษาเกี่ยวกับเทคโนยี  รวมทั้งวิทยาศาสตร์ต่างๆ เช่น วิทยาศาสตร์การแพทย์  วิทยาศาสตร์การกีฬา การพัฒนาหุ่นยนต์ 

5.เกี่ยวกับงานวิจัย  ประเทศเหล่านี้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับงานวิจัย  เกี่ยวกับเรื่องต่างๆเป็นอย่างมาก จะเห็นได้จากทุนที่รัฐบาลให้กับการสนับสนุน  ให้เรื่องเกี่ยวกับงานวิจัยต่างๆ ที่กำลังเป็นที่สนใจ และจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับมวลมนุษย์ชาติได้

จะว่ากันไปแล้วยังมีอีกหลากหลายด้าน  ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับประเทศเหล่านี้  แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราต้องทึ่งก็คือ  เป้าหมายที่ชัดเจนในการจะวางรากฐาน ให้เป็นไปอย่างมีแบบแผนตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจของชาตินั้น  ถือว่าให้ความสำคัญมาก อาจมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตนด้วยซ้ำ  ปัญหาการคอรั่ปชั่นต่างๆ  โดยมีวิธีการและมาตรการในการจัดการกับวิธีที่จะรับมือกับสิ่งเหล่านี้

ส่วนในประเทศไทยของเราผมว่าโชคดีในเรื่อง  เราร่ำรวยไปด้วยวัฒนธรรมที่หลากหลาย  ความมีน้ำใจ ไมตรีซึ่งกันและกัน  ถ้าเราเพียงแต่ฝึกความมีวินัย ตรงต่อเวลา เข้ามากับระบบแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ผมเชื่อมั่นใจว่า ประเทศเราจะไม่น้อยใครในเอเชียเลยครับ


วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2561

ยอมทิ้งสิ่งหนึ่ง เพื่ออีกสิ่งหนึ่ง



ทางเลือกเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับมนุษย์เราทุกช่วงชีวิต 
ต่อให้คุณไม่เลือกสุดท้ายก็ต้องถูกบังคับให้เลือกอยู่ดี

หลายคนฟังแล้วอาจกำลังคิดว่ามันคืออะไร  ใช่แล้วครับบางทีชีวิตของคนเรา  มันมีเรื่องให้ต้องตัดสินใจกับบางสิ่งบางอย่างตลอดเวลา


บางคนก็ยอมทิ้งในสิ่งที่ตัวเองรัก  เพื่อให้อีกคนที่รักได้ในสิ่งที่เขาต้องการ

บางคนก็เลือกที่จะเดินหน้าต่อโดยทิ้งคนข้างหลังไว้

บางคนก็พยายามจะไม่เลือกอะไรเลยแต่พอเข้าตาจนจริงก็โดยสถานการณ์บังคับให้เลือกอยู่ดี

บางคนยอมทิ้งสิ่งหนี่ง  เพื่อที่จะทำอีกสิ่งหนึ่ง เพื่อคนที่รัก หรือครอบครัว

เราต่างมีเหตุผลในการเลือกกันทั้งนั้น  แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่  ผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่เราได้เลือกมันแล้ว  เพราะในขณะที่คุณเลือกและตัดสินใจกับบางอย่าง  หากคุณยังลังเลหรือไม่แน่ใจในสิ่งนั้น  ก็จะทำให้คุณท้อใจ และหมดกำลังใจไปในที่สุด  แต่..ถ้าคุณมั่นใจและคิดว่าตัวเองได้เลือกแล้ว  คุณจะพบหนทาง  หรือช่องทางบางอย่างโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม  

ที่ผมกำลังจะบอกนั่นก็คือ  ไม่ว่าจะคุณจะเลือกทางไหนโอกาสมันมีอยู่ทุกที่อยู่แล้วครับ  บางคนนะบ่นว่าชีวิตลำบาก ท้อใจอย่างนั่น อย่างนี่  เอาเข้าจริงพอได้ฟังทุกด้านของเขา  มันยังมีด้านอีกๆอีกเยอะ  เพียงแต่  เพราะความคิดลบมีอิทธิพลกับเขามากเกินไป  เรื่องบางอย่างเราไม่สามารถไปเปลี่ยนความคิดเขาได้ทันทีหรอก  เพราะบางสิ่งต้องให้เขาเรียนรู้ด้วยตัวเอง  ต้องพบเจอด้วยตัวเอง เขาถึงจะเกิดการเรียนรู้และเข้าใจ

แต่บางคนที่โชคดี  มีปัญญามากพอ  พอได้ยินได้ฟัง ผู้รู้ก็เกิดปัญญาแก้ไขปัญหาได้ทันที  นั่นเพราะระดับสติปัญญาของมนุษย์ไม่เท่ากัน  ความแตกต่างนี้  ที่ทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์ที่แท้จริง  เพราะถ้าทุกคนเท่ากันหมด  ก็คงไม่ต้องมีหุ่นยนต์แล้วครับ  

นอกจากนั้นก็ยังเป็นเรื่องของทัศนคติ  มาตรฐานสังคมและการใช้ชีวิตอีก  ที่ทำให้มนุษย์คิดในมุมที่ต่างกัน  แม้จะเห็นในเรื่องกัน  ผมว่านะบางทีเราต้องหยุดกับเรื่องบางเรื่อง ถอยออกมาดูปัญหากันจริงๆซะก่อน  สิ่งที่เราทำนั้นมันคือ สิ่งที่เราต้องการจริงๆ หรือเป็นเพียงแค่ความต้องการที่อยากเป็นเหมือนอย่าง  ที่สังคมคาดหวังกันแน่  

ไม่ว่าในท้ายที่สุดคุณจะเลือกอะไรก็ตาม  สิ่งที่ควรทำมากที่สุดคือ  เคารพการตัดสินใจของตัวเอง และผู้อื่นในสิ่งที่เขาได้เลือกได้ทำ  อย่าไปบอกเขาว่ามันดีหรือไม่ดี  เพราะเราไม่ใช่เขาเราไม่มีทางรู้ได้หรอกครับว่าเพราะอะไรเขาถึงคิดและเลือกทำแบบนั้น  จงแนะนำให้แก่คนที่เขาต้องการคำแนะนำจากเรา  ไม่จำเป็นต้องไปแนะนำทุกคน  อ่อนน้อมถ่อมตน  ไม่ยกตนข่มท่าน แค่นี้ชีวิตคุณก็จะมีแต่เรื่องที่มีความสุขแล้วละครับ

วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2561

เรื่องที่ควรหลีกเลี่ยง

ชมคนด้วยวาจา มีค่ายิ่งกว่ามอบไข่มุกให้เป็นของขวัญ  
ทำร้ายคนด้วยวาจา สาหัสยิ่งกว่าทิ่มแทงด้วยหอกดาบ  
คำบางคำคนพูดไม่เคยจำ แต่คนฟังจำไม่เคยลืม  
ยากกว่าการห้ามไม่ให้เขาพูด ให้เราคิด คือการห้ามความคิดเรา ไม่ให้ไปคิดในสิ่งที่เขาพูด  
พูดดีมีเนื้อหา ให้เก็บคิด พูดไม่คิด มีแต่น้ำ แต่ฟังไว้ พูดดี มีวิชา เก็บในใจ 
พูดมีแต่ภัย ให้ลืมไป อย่าจดจำจงอย่าพูดทุกอย่าง เพียงเพราะมันเป็นเรื่องจริง 
แต่จงพูดเพราะมันเป็นเรื่องที่ดี


การพูดในแต่ละครั้ง ไม่ควรทำให้ ผู้อื่นเสียหาย เสียหน้า เสียใจ และเสียความรู้สึก
สังคมยิ่งห่างจากความจริงใจมากเท่าไหร่ 
คนที่พูดความจริงก็ยิ่งโดนรังเกียจมากเท่านั้น
การนินทาว่าร้าย เป็นเรื่องของเขา การให้อภัยเป็นเรื่องของเรา  
การพูดตรงเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าไม่ตรงคน ไม่ตรงเรื่อง ไม่ตรงกาลเทศะ 
พูดเมื่อไหร่ก็จะหายนะกันเมื่อนั้น   

อย่ากลัวที่จะพูดคำว่า “ขอโทษ” หากตัวเองเป็นฝ่ายผิด 
เพราะอีกฝ่ายเขาอาจจะใช้สิทธิ์ คำว่า “ให้อภัยอยู่”   
วันนี้มีโอกาสพูด “ให้พูดดี” มีโอกาสทำ “ให้ทำดี” 
เพราะบางทีพรุ่งนี้อาจไม่มีจริง สิ่งที่ดีๆ จะมาหาเราเอง 

ถ้าเราคิดดี พูดดี และทำดี

บางทีนะครับ  การที่เราพูดอะไรมากไปก็ไม่ดีนะครับ  เราไม่รู้เลยครับว่าสิ่งที่เราพูดนั่น  ผู้ฟังเข้าใจในสิ่งที่เราพูดมากน้อยแค่ไหน  จนบางทีเขาอาจมองว่าเราดูเหมือนคนอวดฉลาดไปเลยการพูดให้ถูกกาลเทศะ  จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมาก  บางทีคำว่าฉลาดกับอีโก้  มันก็คือเส้นบางๆ  ที่อาจทำลายความสัมพันธ์ของเราได้

แท้ที่จริงมันไม่ได้ "ถูก" หรือ "ผิด" อะไรหรอกครับ

- เราไม่สามารถให้ทุกคนคิดและทำเหมือนกับเราได้ นั่นเพราะทุกคนมีอิสระที่จะคิด

-เรื่องเดียวกัน แต่ผู้ฟังมีภูมิความคิดที่แตกต่างกัน  ผลลัพธ์ก็แตกต่างกันอยู่ดี

-เรื่องบางเรื่องพูดกับอีกคนได้  แต่บางเรื่องก็ไม่สามารถพูดกับอีกคนได้

-หากฟังแล้วไม่เห็นด้วยก็แค่เงียบไปเสีย  การโต้แย้งมีแต่จะทำให้ทะเลาะกันเฉยๆ

บางทีถ้าเราถอยตัวเองมาสักนิด  เลือกพูดให้มันถูกกาลเทศะจะเป็นการดีที่สุด  บางทีคำพูดของเราไม่กี่คำก็ทำลายความสัมพันธ์เราได้เลย  ข้อคิดในเรื่องนี้ได้สอนอะไรมากมายเกี่ยวกับหลักในการพูด  ผมจะขอยกมาให้ครับ

การพูดที่ดี ถือว่าเป็นการทำงานที่ไม่ต้องลงทุน ไม่ต้องใช้เงิน ใช้แต่ความจริงใจ ความตั้งใจ เพราะคำพูดเหล่านี้คือ การสร้างมนุษยสัมพันธ์ สร้างมิตรภาพแห่งความรัก แล้วจะกลายเป็นความสำเร็จ

1. พูดด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน
2. พูดด้วยถ้อยคำที่เปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตร
3. รู้จักใช้คำพูดชื่นชมและปลอบใจผู้อื่น
4. พูดจาด้วยเหตุผลอย่าใช้อารมณ์
5. จงหลีกเลี่ยงการใช้คำพูดที่ทำให้ผู้สนทนาไม่ชอบ
6. ไม่ควรใช้คำพูดกระทบกระเทียบ เหยียดหยาม หรือทำร้ายผู้อื่น
7. ไม่จำเป็นต้องพูดตรงจนเกินไป
8. รู้จักใช้ศิลปะและเทคนิคในการถามและตอบโต้
9. รู้จักเลือกใช้คำพูดให้เหมาะสมกับแต่ละคนที่สนทนา

ขอบคุณที่มา: เดลินิวส์


ความสูง

บุคลิคภาพเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญ  ที่ทำให้บุคคลเป็นที่ถูกตาต้องใจ  
คนที่ตัวสูงและถ้ายิ่งมีหุ่นที่ดีแล้ว  ไม่ว่าจะหน้าตาดีหรือไม่ก็ส่งผลให้ภาพรวมแล้วเป็นคนที่ดูดีไม่น้อย



จะว่ากันไปแล้วผู้คนส่วนใหญ่ยังให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกเป็นอย่างมาก   ผมจะมาว่าด้วยความสูงของคนเอเชียโดยเฉลี่ยกันก่อนนะครับ

ถ้าเป็นคนเอเชียจากค่าเฉลี่ยนจะพบว่า

-ความสูงโดยทั่วไปจะอยู่ที่  165-173  เซ็นติเมตรสำหรับผู้ชาย  

-ความสูงโดยทั่วไปจะอยู่ที่  150-157  เซ็นติเมตรสำหรับผู้หญิง 


เรื่องนี้ผมเลยมองเห็นว่าแท้ที่จริงแล้ว  สิ่งที่เปลี่ยนแปลงความคิดของวัยรุ่น  เกี่ยวกับเรื่องความสูงที่ว่าเป็นผู้ชาย (โดยเฉพาะเด็กไทย จะต้องสูงประมาณ 180-185 ซม.ถือว่าเป็นความสูงกำลังดี)  ค่านิยมนี้มันเกิดจาก  พฤติกรรมเรียนแบบ  ได้แก่ ดารา นายแบบ นางแบบ หรือไอดอลของตัวเอง

กระแสสังคมแบบนี้แท้จริงก็จะพบในสังคมเมืองหลวง แทบจะทุกประเทศได้ที่มีความคลั่งไคล  บุคคลที่มีชื่อเสียงและอยากที่จะเป็นแบบเขา  ผมไม่แน่ใจนะครับว่าวิธีการของแต่ละประเทศเป็นอย่างไรเกี่ยวกับความเชื่อในเรื่องนี้  แต่สำหรับประเทศไทยของผม  เกี่ยวกับความสูงนี้ถือว่ามีอิทธิพลมาก ดูจากวิธีที่เขาทำกับลูกของตัวเองตั้งแต่อยู่ในพัฒนาการตอนเด็ก

1.ให้ลูกกินนมเยอะ โดยเฉพาะนมวัว

2.ให้ลูกเล่นกีฬา หรือไม่ก็ฝึกกระโดดสูง

3.การฝังเข็ม เพื่อเพิ่มความสูง

4.การผ่าตัดต่อกระดูกเพื่อเพิ่มความสูง

สำหรับประเทศกำลังพัฒนาอย่างเรา  บุคลิคภาพถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่า  ความรู้  ความฉลาด หรือความสามารถด้วยซ้ำ (สังเกตุจากผู้คนจะให้ความสนใจกว่ามาก)  แต่อีกไม่นานผมมั่นว่าถ้าประเทศไทยพัฒนาไปมากกว่านี้  ทัศนคติเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้จะเปลี่ยนไป

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม  สิ่งสำคัญที่สุดไม่ได้อยู่ที่บุคลิคภาพภายนอกอย่างเดียวหรอกครับ  สิ่งสำคัญที่สุดคือจิตใจคุณนั่นแหละ  ถ้าจิตใจคุณมืดบอด หรือมีความคิดในทางลบ  ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง     ต่อให้บุคลิคภายนอกจะเป็นอย่างไร  ก็ไม่ส่งผลต่อดีต่อสิ่งที่ปรากฎต่อสายตาของบุคคลภายนอกได้  เรื่องบุคคลิภาพภายนอกผมว่า  มันเป็นสิ่งที่สามารถแก้ไขปรับปรุงได้  เช่น ถ้าคนตัวเตี้ยไม่สูง  ก็แค่หาซื้อรองเท้าที่เพิ่มความสูง  เสริมความมั่นใจให้กับตัวเอง  

สิ่งที่ยากที่สุดก็คือ สิ่งที่อยู่ภายในของคุณนั่นแหละครับ  ถ้าคุณเข้าใจมันดีแล้วพัฒนาบุคลิคภาพ  ไม่ว่าจะเป็นการพูด  การเดิน การกิน และกิริยาท่าทางที่แสดงออกต่อบุคคลภายนอก  ด้วยความจริงใจ  ผมก็มั่นใจได้ว่าความสูงก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตของคุณได้หรอกครับ  เพราะฉะนั้น "จงเปลี่ยนปมด้อยของคุณให้เป็นโอกาส" แล้วพัฒนาความสามารถที่มีในตัวคุณดีกว่า  อย่าไปเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องที่เราควบคุมมันไม่ได้เลย

วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2561

การปรับตัวกับโลกใหม่เพื่อไม่ให้คุณเข้าใกล้โรคซึมเศร้า


โรคซึมเศร้าเป็นโรคทางจิตเวช  สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย  
โรคนี้มักมาจากมรสุมชีวิตและการสูญเสีย 
มีอาการคล้ายที่เห็นใกล้เคียงกับอาการเศร้าหรือเสียใจทั่วไป


เวลาที่เรามีความต้องการอะไรลึกๆอยู่ในใจ   คุณพอจะทราบใช่ไหมครับว่า  จะมีแรงขับอะไรบางอย่างให้เราต้องออกไปทำสิ่งนั้น  หรือไม่ก็ทำให้เราหมดแรงกับสิ่งนั้น ไม่ต่างจากคนเป็นโรคซึมเศร้าเลย

บางทีสาเหตุของอาการซึมเศร้าของคนเรา มีหลายสาเหตุนะครับ

1.อาการซึมเศร้าที่เกิดจากอารมณ์ผิดหวัง เสียใจกับบางเรื่องที่ไม่ได้เป็นอย่างใจเรา

2.อาการซึมเศร้าที่เกิดจากภาวะเครียดกับบางอย่างมากจนเกินไป

3.อาการซึมเศร้าที่เกิดจากมีโลกส่วนตัวสูง  ไม่อยากอยู่คนเดียวหรือต้องการให้ใครสักคนมาอยู่ด้วย

สังคมปัจจุบันพบว่าจำนวนคนโสดมากขึ้น   อาจไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร  เพราะสภาพสังคมได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากเมื่อเทียบกับยุคก่อน  เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในทุกเรื่อง  การใช้ชีวิตอย่างมีความหวังบางทีกลับกลายเป็นว่า  ดูจะเป็นเรื่องยากสำหรับบางคนไปซะเเล้ว

ในอนาคตจะมีการเปลี่ยนเเปลงไปอย่างมาก  อะไรที่เรียกว่าอาชีพอาจไม่ได้เป็นอาชีพอีกไป  มนุษย์เราต้องเรียนรู้การปรับตัวหลายๆอย่าง  ใครที่มีข้อมูลเยอะมีความสามารถเยอะอาจได้เปรียบในอนาคต  เพราะอะไรนะหรือครับ  เพราะสังคมกำลังจะก้าวไปสู่การเป็นมนุษย์เป็ด  สามารถทำอะไรก็ได้ที่เรียกว่า "จับฉ่าย"  กำลังจะเป็นเทรดที่ยอดนิยมในอนาคต

ยุคใหม่เป็นยุคที่การบริโภคของมนุษย์เกินความต้องการไปแล้ว  ทุกคนนิยมบริโภคความหรูหร่า ภาพลักษณ์และความสวยงาม  รวมไปถึงคุณค่าและประโยชน์ที่ได้รับไม่ว่าจะเป็นระดับความพึงพอใจ และคุณประโยชน์ควบคู่กันไป  การหลอกลวงผู้บริโภคแบบที่เป็นอยู่ไม่สมควรทำเป็นอย่างยิ่ง  เพราะเท่ากับคุณเอาทุกอย่างของคุณไปทิ้งต่อหน้าต่อตา

จากยุคนี้ที่คนตัวเล็กแทบจะทำอะไร  พูดอะไรไม่ได้เลย  แต่พอเข้าสู่ยุคใหม่คนตัวเล็กคือสามารถสร้างบทบาท  และการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เพราะเขามีกลุ่มเฉพาะที่สามารถสร้างขึ้นเองได้  โดยใช้อาวุธสำคัญก็คือ  สังคมออนไลน์ที่นับวันจะทวีมากขึ้นทุกที  มาตรการรองรับในเรื่องนี้  รัฐบาลยังไม่สามารถทำอะไรได้มาก  เป็นเพียงแค่การออกกฎระเบียบ หรือกฎหมายต่างๆ นาๆ เพื่อเป็นการข่มขู่ซะมากกว่า  แต่ก็อย่างว่าโลกออนไลน์ข้อมูลมันมาเร็ว  และก็หายไปรวดเร็วในพริบตาเช่นกัน

สังคมที่เป็นสังคมประชาธิไตย  สำหรับประเทศไทยของผม  โดยส่วนตัวผมมองว่าคนไทยเหมาะกับการปกครองแบบประชาธิไตยเป็นอย่างมาก  เพราะนิสัยคนไทยเป็นพวกรักอิสระ  และมีความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน  อาจมีบางครั้งที่ความเห็นไม่ลงรอยกันบ้างแต่สุดก็จบได้ด้วยดี

หลายชาติที่มองมาที่ไทยตอนที่กำลังเจอปัญหา หรือทะเลาะกันดูเหมือนคนไทยไม่รัก  ไม่สามัคคีมีน้ำใจต่อกัน  แต่คุณต้องได้ลองมาใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศนี้ดูครับ  ผมกล้ายืนยันไม่มีประเทศไหนที่จะรักและมีน้ำใจต่อกันได้เท่าประเทศนี้แล้ว

เอาเป็นว่าชัดเจนเลยครับ  ผมไม่ต้องการให้มนุษย์เป็นโรคซึมเศร้า  แค่อยากให้คุณฝึกมองโลกในแง่ดีบ้าง  มองเห็นสิ่งต่างๆรอบตัวตามที่มันควรจะเป็น  การปิดกลั้นตัวเองมากไป  ไม่ได้ทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นไปหรอก  ลองทำอะไรใหม่ๆออกไปหาอะไรใหม่ๆทำ  ใช้ชีวิตด้วยความหวังและก้าวไปข้างหน้า  ส่วนตัวผมชอบนั่งสมาธิ  กับการอ่านหนังสือ  มันทำให้จิตใจผมสงบ  ยังไงลองเอาเคล็ดไม่ลับนี้ไปใช้ดูนะครับ  รับรองว่าดีต่อตัวคุณอย่างแน่นอน

วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2561

ไมโครชิพ

Microchip ไมโครชิพ หรือ ชิพ หมายถึง แพ็กเกตของชุดวงจรคอมพิวเตอร์ (อินทิเกรเต็ด เซอร์กิต : Integrated Circuit) ซึ่งผลิตขึ้นจากวัตถุดิบ เช่น ซิลิคอน ที่มีขนาดเล็กมากๆ ไมโครชิพถูกสร้างขึ้นสำหรับโปรแกรมตรรก (ชิปไมโครโพรเซสเซอร์) และหน่วยความจำ (แรม : RAM) นอกจากนี้ยังถูกสร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ อีกด้วย เช่น Analog-to-Digital Conversion, Bit Slicing และGateway

ถ้าหากคุณได้ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องเทคโนโลยีไปบ้างแล้ว  ไมโครชิพคือสินค้าอนาคตตัวหนึ่งที่จะเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าให้กับโลกใบนี้  วงการไอทีต่างทราบเรื่องนี้เป็นอย่างนี้

ไมโครชิพทำอะไรได้บ้าง

1 สามารถทำหน้าที่เหมือนรีโมทคอนโทรน  ที่สามารถควบคุมทุกอย่างในชีวิตเราได้ ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ ทีวี ตู้เย็น โทรทัศน์ และอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคอื่นๆ

2.ทำหน้าที่เก็บข้อมูลหลายๆอย่างที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน  เช่น กุญแจ บัตรเครดิต บัตรเดบิต และตั๋วรถต่างๆ

3.ปัจจุบันสามารถฝังไมโครชิฟไว้กับร่างกายของมนุษย์ได้แล้ว เช่น ประเทศสวีเดนได้มีการทดลองฝั่งไมโครชิฟกว่า 3 พันคน ที่ได้เข้าร่วมโครงการไปแล้ว

4.ข้อมูลได้รับความแม่นยำและโปร่งใส และประหยัดต้นทุนในการพกพาบัตรต่างๆ และเงินสด

เทคโนโลยีผมมั่นใจว่าต่อไปจะพัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง  ข้อมูลที่เรามีในปัจจุบันบางทีก็มากมายไปจนกลายเป็นข้อมูลขยะ  หากเราสามารถพัฒนาไมโครชิพตัวนี้ขึ้น  และมีระบบตรวจจับ ป้องกันการแฮกข้อมูล  รวมไปถึงการกรอกข้อมูลข่าวสารและที่มาได้อย่างถูกต้อง  เทคโนโลยีนี้จะสามารถเปลี่ยนโฉมหน้าให้กับโลกได้

จะว่าไปแล้วโลกของเราก็เข้าใกล้ปัญญาประดิษฐ์มากขึ้นทุกที  ในอนาคตคงได้เห็นหุ่นยนต์ต่างๆทำงานแทนมนุษย์เป็นแน่  การสร้างนวัฒกรรมใหม่ๆ บนโลกฟังดูไม่น่าเหลือเชื่อไปแล้ว  ถ้าเทียบกับสิ่งที่เราได้พบเจอในข้อมูลข่าวสารในแต่ละวัน  โดยความเห็นส่วนตัวผมมองว่าเป็นเรื่องที่ดีนะครับ  ที่มนุษย์สามารถพัฒนาสิ่งเหล่านี้ได้  ไม่ว่าผลกระทบที่อาจจะตามอย่างไรก็ตาม  แต่ผมมั่นใจว่า  มนุษย์ก็จะสร้างเครื่องมือหรือวิธีรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้

สิ่งที่ผมคิดกำลังและสนุกมากก็คือ  คงเป็นการดีถ้าหากระบบไมโครชิพสามารถที่จะมีระบบการแปลภาษาต่างๆทั่วโลก  โดยที่มนุษย์สามารถสื่อสารกันได้  โดยไม่จำเป็นต้องใช้ภาษานั้นๆ  เพียงแค่คุณใช้ภาษาท้องถิ่นหรือภาษาของประเทศของคุณ  ระบบก็จะประมวลผลและสื่อสารกันได้อย่างไม่มีข้อจำกัด  แค่คิดผมก็เห็นภาพของอนาคตเข้ามาแล้ว

สิ่งหนึ่งที่ผมขอย้ำเสมอและสรุปสาเหตุของเรื่องที่ผมนำเสนอนี้ก็คือ  ผมไม่อยากให้มนุษย์กลัวหรือปิดกั้นตัวเองมากจนเกินไป  เพราะโลกได้เริ่มก้าวเข้าสู่ศตวรรรษที่ 21 แล้ว  เรียนรู้และสนุกกับสิ่งใหม่ๆที่กำลังจะเกิดขึ้น  หัดใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์ให้มาก และเข้าใจมัน  เลิกยึดติดกับรูปแบบชีวิตแบบเดิมๆ  เพราะถึงแม้ว่ามันอาจจะดีสำหรับคุณ  ความรู้มีอยู่ไม่จำกัดคุณต้องสนุกกับมันเท่านั้นเอง  ฝากไว้นะครับ

วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2561

ทำไปเถอะไม่ว่ายังไงโลกก็จะมีคนตัดสินคุณอยู่แล้ว


เมื่อคนตัดสินใจจะทำอะไรขึ้นมาสักอย่าง   มันจะคนอยู่ 2 ประเภท  ได้แก่
คนที่เห็นด้วยกับคุณ  กับ  คนที่ค้านแบบหัวชนฝา


สิ่งที่เราทำไม่ว่าจะมีคนเห็นด้วยหรือไม่  ผมคิดว่าถ้ามันคือ สิ่งที่คุณอยากทำ  ทำมันด้วยใจที่รัก  ก็ไม่มีเหตุผลอื่นที่ดีกว่าคุณทำมันไปเถอะ  อย่าได้ไปสนใจเลย  ผู้คนส่วนใหญ่วัดความสำเร็จจากสิ่งภายนอก  อันได้แก่ ชื่อเสียง เงินทอง  แต่ถ้าสิ่งเหล่านนี้บางทีมันอาจไม่ได้ตอบโจทย์ทั้งหมด  แต่มันเป็นอะไรมากกว่านั้น  มันคือความภาคภูมิใจของตัวคุณ  หลายคนบอกว่า ต้องการความรู้  หากมองกันจริง ๆ

 ความรู้คือสิ่งที่สร้างความสำเร็จ
หรือ

ความสำเร็จเกิดจากการเรียนรู้

บนโลกของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา  เป็นเรื่องธรรมดาที่บุคคลที่ร่ำรวย  มีชื่อเสียง หรือบุคคลได้รับการยอมรับในแวดวงสังคมคือ เสียงที่ดังที่สุด  ถ้าเราตัดเรื่องนี้ออกไป คุณจะเห็นว่ามนุษย์ทุกคน  เท่าเทียมกันต่างก็มีความคิดเห็นในรูปแบบของตัวเอง  ไม่มีอะไรถูก หรืออะไรผิด
การที่ใครคนหนึ่ง ตัดสินในความคิดของคุณ  นั่นก็คือการแสดงความคิดเห็นของเขา  สิ่งที่อยู่ในตัวเขา ไม่ใช่ตัวเรา 

ผมเลยอยากสรุปให้คุณได้เข้าใจเลยครับว่า  การทำงานอะไรก็ตามบนโลกใบนี้  ไม่ว่าคุณจะออกมาเรียกร้องหรือไม่  “ผู้คนก็ตัดสินคุณอยู่แล้ว” เพราะฉะนั้นทำมันไปเถอะครับ ดีไม่ดีค่อยๆปรับ ค่อยๆแก้ไขกันไป


นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จทุกท่าน  ต่างก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าสินค้า/บริการ  ที่เขาขายผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร  คุณต้องลองทำมันดูก่อน  ค่อยปรับ ค่อยแก้ไขมันไป  ทุกอย่างไม่ได้เริ่มต้นจากความสมบูรณ์แบบสักหน่อย  คุณไม่ใช่นักโทษประหาร  เพราะฉะนั้นจงทำในสิ่งที่คุณคิดว่ามันถูกต้อง  รับฟังความคิดเห็นได้  แต่ก็ต้องเอามาวิเคราะห์แยกแยะให้ดี  คนที่หวังดีก็มีคนที่ไม่หวังดีกับเราก็มี  โลกมีสองด้านเสมอครับ


วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2561

กฎ

จะว่ากันไปแล้ว  เอาเข้าจริงสิ่งที่เปลี่ยนได้ยากที่สุดนั่นก็คือ มนุษย์นั่นเอง  เราสามารถเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเราได้  หรือแม้กระทั่งตัวเราเอง (ถ้าหากเราต้องการจะเปลี่ยน)  มีเหตุผลหลายอย่างที่คนเรามักจะมีความเชื่อ  ความคิดเห็น และพฤติกรรม ที่หล่อหลอมให้เขาเป็นคนแบบนั้น คิดและทำแบบนั้น



โลกบางทีก็เปิดไว้สำหรับคนที่พร้อมจริงๆ  โอกาสมันมีอยู่ทุกที่ขึ้นอยู่กับว่า  ใครจะมองเห็นมากน้อยกว่ากัน  สาเหตุที่คนส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จมากกว่าก็เพราะเห็นในสิ่งนั้น  บางทีผมก็แอบแปลกใจความคิดของคนบางคน  ที่เขายังติดกับดักเดิมๆ  รู้ว่าโลกเปลี่ยนแปลงไปมากแล้วแต่ก็ยังไม่ยอมเปลี่ยน  และยังคงดำเนินชีวิตในรุปแบบตามความเชื่อเดิมๆ จนในที่สุดก็พาตัวเองเข้าสู่วัยชราโดยที่แทบไม่ได้ทำอะไรให้กับตัวเองจริงเลย

บางคนยิ่งหนักไปกว่านั้น  เอาแต่เฝ้าอิจฉาคนอื่น โทษไปหมดว่าตัวเองไม่ได้รับสิ่งดีๆบ้างละ โอกาสไม่มีบ้างละ ต้นทุนในชีวิตน้อยบ้างละ  หลายเหตุผลที่เรารู้จักมันก็คือ "คำแก้ตัว" ดีๆนี่เอง  ไม่มีพระเจ้าคนไหนจะประทานพรให้คนที่เอาแต่เฝ้าอ้อนวอนอยู่ตลอดเวลา  โดยที่ตัวคุณไม่เคยปูพื้นฐาน หรือลงมือทำปัจจุบันเพื่อจะสร้างบันได ไปสู่อนาคตของคุณหรอก พระเจ้าจะช่วยในสิ่งที่เขามองว่า  บุคคลนั้นมีความพร้อมทุกอย่างและเขาสมควรได้รับรางวัลแห่งชัยชนะนั้น

เบื้องหลังของความสำเร็จ  ทุกคนย่อมรอยแผลแห่งความเจ็บปวดและเคยผิดพลาดล้มเหลวด้วยกันทั้งสิ้น  บางคนใช้บทเรียนชีวิตเพื่อเป็นแรงผลักดันตัวเอง  ให้มีความหวังในการก้าวข้ามสิ่งต่างๆไปได้  ทุกสิ่งทุกอย่างมี กฎเกณฑ์ของมัน แค่คุณเข้าและทำตามกฎเกณฑ์นั้น  คุณก็สามารถที่จะเป็นเป็นแบบนั้นได้

คนรวย      เขาก็เข้าใจในกฎบางอย่างที่ทำให้ร่ำรวย

นักลงทุน  เขาก็เข้าใจกฎทองแห่งการลงทุนให้ประสบความสำเร็จ

นักธุรกิจ  เขาก็เข้าใจกฎในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จและอยู่ได้อย่างยั่งยืน

บนโลกใบนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆหรอกครับ  ของฟรีมักจะตามมาด้วยการจ่ายเงินที่แพงกว่าเสมอ  ศึกษาและทำความเข้าใจในกฎของทุกสิ่งที่คุณต้องการจะเป็น  โลกแห่งตัวหนังสือนี่แหละครับ  ผมว่ามันเป็นอะไรที่ใช้ต้นทุนน้อยที่สุดแล้ว  คนอ่านมากก็ย่อมรู้มาก  คนอ่านน้อยก็รู้น้อยเป็นของธรรมดา  "กฎแห่งการตอบแทน"  มันแฝงอยู่ในทุกกฎของสิ่งที่เราต้องการจะเป็นก่อนที่คุณจะพบเจอ "กฎแห่งความโชคดี"  ซะอีก เพราะฉะนั้นไปลุยกัน

วันพุธที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2561

มิติใหม่ในอนาคต


ผมได้ดูซี่รีย์เกาหลีเรื่องหนึ่ง Are You Human?  พอทเรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่ค่อยข้างแหวกแนวมาก  ตัวเอกของเรื่องเป็นหุ่นยนต์  ส่วนตัวนางเอกเป็นมนุษย์  เรื่องราวจะเป็นยังไงอยากให้เพื่อนลองไปติดตามชมกันเอานะครับ

สาเหตุที่ผมนำบทความนี้ขึ้นมาเขียนก็เพราะต้องการจะสื่อให้เห็นว่า  โลกมีพัฒนาการที่เปลี่ยนแปลงไปมากจริงๆ  เรื่องราวของเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า  ในอนาคตอาจต้องมีเหตุการณ์บางอย่างที่ต้องเปลี่ยนไป  อาชีพบางอาชีพก็ไม่จำเป็นต้องใช้มนุษย์อีกต่อไป  หุ่นยนต์จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น

มาถึงตรงนี้มนุษย์ต้องรู้จักการปรับตัวได้แล้วครับ  ว่าคุณจะเดิมตามหุ่นยนต์  หรือเป็นผู้ควบคุมมันข้อแตกต่างนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันในกลุ่มต่างๆ ในหลายๆประเด็นเกี่ยวกับ  หัวข้อ "เมื่อหุ่นยนต์มาแทนที่มนุษย์"  อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง  และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในวงกว้างนั้นจะเป็นอย่างไร  ที่สำคัญคือเราจะใช้ชีวิตอย่างไรต่อไปในอนาคต

นั่นคือ สิ่งที่มนุษย์โลกกำลังหวาดกลัวกัน  แต่จะว่าไปแล้วมนุษย์ยังไงก็คือมนุษย์  มักจะกลัวกับสิ่งใหม่ๆที่มันจะเกิดขึ้นเสมอ  นั่นเพราะอะไรที่มันใหม่เราไม่รู้จักมัน  พอไม่รู้จักมันดีพอก็ทำให้เราขาดความมั่นใจ และกลัวในสิ่งนั้น  ตัวผมเองก็ไม่สามารถที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับโลกอนาคตได้หรอกครับ  แต่ผมก็มีความเชื่อมั่นว่ามนุษย์สามารถรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้  และอยู่ร่วมกับเทคโนโลนีในยุคใหม่นี้ได้

มาพูดกันถึงสิ่งที่เราเหนือกว่าหุ่นยนต์  นั่นก็คือ  เรามีหัวใจ  เรามีความคิดและความรู้สึก  และมนุษย์ยังมีโครงสร้างบางอย่างที่ซับซ้อน  ยากที่จะเข้าใจได้  และที่เด่นไปกว่านั้นคือเรามีความคิดสร้างสรรค์  มีจินตนาการ  ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้เราเหนือกว่าหุ่นยนต์

แล้วในข้อที่หุ่นยนต์มีเหนือเราละ (ถ้าไม่พูดเรื่องศักยภาพทั่วไป)  หุ่นยนต์ไม่เคยโกหก  ไม่ซับซ้อนมากมายเหมือนจิตใจของมนุษย์  และก็ไม่มีอารมณ์รัก โลล โกรธ หลง (นอกจากผู้สร้างจะใส่อารมณ์ของมนุษย์ หรือจุดอ่อนของมนุษย์ลงไปเท่านั้นเอง)

คำถามคือแล้วเราต้องทำอย่างไรละครับ  คุณก็แค่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง พยายามเรียนรู้เข้าใจในสิ่งที่มันจะเกิดขึ้น  ใช้ชีวิตตามปกติ  พัฒนาโดยมุ่งเน้นทางด้านจิตวิญญานยกระดับมันให้สูงขึ้น  เพราะในอนาคตยังไงซะข้อมูลต่างๆ  ความรู้ต่างๆที่มีอยู่ในตอนนี้  วันข้างหน้าหุ่นยนต์ก็สามารถทำแทนคุณได้อย่างแน่นอน

พลังแห่งความคิดสร้างสรรค์จะเป็นตัวกำหนดให้มนุษย์  แตกต่างจากหุ่นยนต์และสามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้  บางทีเหตุผลของการใช้ชีวิต  นั่นก็คือการเข้าใจตัวเองให้มากที่สุด  โลกจะพัฒนาไปถึงขีดสูงสุดขนาดไหน  แต่ถ้าหากมนุษย์ยากแท้หยั่งถึงในตัวตน ของเราแล้วก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงโลก  หรืออะไรได้หรอกครับ  เราจะก้าวไปกับโลกใบใหม่ด้วยไม่ว่า...เหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไรก็ตาม...

วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2561

บุคคลแห่งยุค


หากเราได้ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับ Self made  ที่เป็นระดับมหาเศรษฐีหลายท่าน  ซึ่งหลายคนก็เป็นที่รู้จักและนำประวัติเขามาเขียนกันอย่างเมามัน  เรื่องของพวกเขาเหล่านั้นเปรียบเสมือนงานศิลปะชั้นยอด  ที่ผู้คนต่างสนใจ และติดตามข้อมูลข่าวสารกันอย่างใจจดใจจ่อ  ต่อพฤติกรรมและสิ่งที่เขาแสดงออกกับโลกใบนี้  เสมือนผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลงแห่งยุคใหม่

จะว่ากันไปแล้วบุคคลเหล่านี้  จะเรียกว่าเป็น "บุคคลแห่งยุคเราก็ว่าได้"  สิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นมีเหมือนกัน  และไม่แตกต่างกันมานัก  นั่นก็คือ

"ความหลงใหลกับบางสิ่งบางอย่าง  ที่พวกเขามักจะจดจ่ออยู่กับมันได้ตลอดเวลา  มีความรู้สึกว่ามันคือส่วนหนึ่งของชีวิตของเขานั่นเอง  สัมผัสได้จากการความตื่นเต้นในเรื่องที่เขาพูด  และส่งผ่านแรงบันดาลใจให้กับผู้คนยุคนี้ และมีอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือ พวกเขาคือ นักสะสม  ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบใดก็ตามพวกเขามีสิ่งเหล่านั้น"

ถ้าหากเราย้อนไปก่อนหน้านี้  บุคคลที่เป็น Self made และได้รับการยอมรับ  มักจะเป็นผู้นำ  นักปฎิวัติ นักวิทยาศาสตร์ หรือนักประดิษฐ์  ที่จะมาในรูปแบบที่แตกต่างกัน  ภายใต้การเปลี่ยนแปลงเพื่อให้โลกก้าวเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมแบบเต็มรูปแบบ  หลังจากนั้นไม่นานพอทุกอย่างมาถึงจุดอิ่มตัว  โลกเปลี่ยนแปลงจากยุคอุตสาหกรรมมาสู่ยุค "อินเตอร์เน็ต  ที่ใช้ข้อมูลข่าวสารเรียกได้ว่าเป็นสื่อหลักในการสร้างมูลค่าได้มหาศาล  ไม่แพ้กับยุคก่อนหน้าเลย"

การก้าวข้ามจากยุคหนึ่งไปสู่ยุคหนึ่ง  ม้นก็จะมีรอยต่อบางอย่างที่เกิดขึ้น  รอยต่อตัวนี้แหละครับถ้าเราสามารถใช้ช่องตัวนี้เป็น โอกาสและมองเห็นมากกว่าคนอื่น  เราก็จะกลายเป็นบุคคลแห่งยุค  ได้เหมือนกับพวกเขาเหล่านั้น   อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนนั่นเป็นเรื่องจริง  แต่ถ้าเรามองเห็นอนาคต  มองเห็นการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นก่อนหน้า  ไม่ว่าเราจะอยู่ถึงหรือไม่ก็ตาม  เราย่อมจะกลายเป็น "ตำนาน"เล่าขานไม่รู้จบ  

เอาละครับไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปยังไง  ผมก็ขอให้ทุกท่านใช้ชีวิตด้วยความปกติ  มีสติทุกการขับเคลื่อนชีวิตของคุณ  ไม่ว่าโลกมันจะก้าวไปข้างหน้าได้ไกลแค่ไหน  แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด  มนุษย์ก็ยังต้องฝึกพัฒนาจิตใจของตัวเองให้สูงขึ้นอยู่ตลอดเวลานั่นเอง  

วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2561

ที่สุดของที่สุดคือ การอยู่อย่างเข้าใจ

มีสำรวจเรื่องต่างๆมากมายเกี่ยวกับพฤติกรรมการบริโภคของคนไทย  เรื่องที่เป็นประเด็นที่น่าสนใจก็คือ  คนไทยมีเงินออมน้อยมาก  แต่ในทิศทางกลับกันทำไมคนไทยก็ยังมีคนรวยหรือคนชนชั้นกลางมากขึ้นทุกวัน

ฟังดูมันช่างขัดแย้งกันนะครับ  แต่รู้ไหมครับว่าทำไมคนไทยถึงไม่มีเงินเก็บ  จริงๆแล้วไม่ใช่อย่างที่เราคิดซิครับ  คนมีเงินส่วนใหญ่

1.เอาไปลงทุนในหุ้น

2.เอาไปลงทุนในทรัพย์สิน ได้แก่ ทองคำ เพรช พลอย ที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์ 

3.เอาไปลงทุนในกองทุนต่างๆ ที่ให้ผลตอบแทนที่สูงว่า

เห็นหรือยังครับว่า แท้ที่จริงสาเหตุที่คนไทยมีเงินน้อยก็เพราะอะไร  ไม่ใช่เขาไม่มีเงินแต่เขารู้จักวิธีวางเงินต่างหาก  บางทีก็ฟังดูไม่ยุติธรรมระหว่างคนรวยกับคนจนนะครับ  แต่นั้นก็คือวัฎจักรของ "ระบบทุนนิยม"  ที่ถูกสร้างขึ้นมา    และนอกจากนั้นคนไทยยังมีมุมมองอะไรแปลกอีกหลายอย่างที่เรายากที่จะคาดเดาได้  ไม่ว่าจะเป็นไลฟ์สไตส์  พฤติกรรมผู้บริโภค

แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดอ่อนของคนไทยส่วนใหญ่คือ  คนไทยนิยมบริโภคตามกระเเส  ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน เครื่องดื่ม และการดำเนินชีวิต  และข้อสำคัญคือเบื่อง่าย  ลืมง่าย  ผมว่าจริงๆคนไทยส่วนใหญ่เป็นคนไม่ค่อยซับซ้อนนะครับ 

แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นที่โดดเด่นและเป็นเสน่ห์ของคนไทยก็คือ  มีความเป็นศิลปินเขามักจะมีความสามารถในการผสมผสานสิ่งต่างๆรอบตัว  ให้เกิดขึ้นจนกลายเป็นวัฒนธรรมประจำท้องถิ่น  แฝงไปด้วยเสน่ห์ที่ชวนน่าหลงใหลสำหรับผู้ที่ได้มาพบมาเจอ 

ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปมากมายยังไง  สิ่งหนึ่งที่คนไทยยังมีอยู่ตลอดเวลา นั่นก็คือ "รอยยิ้ม"  สิ่งเล็กๆ ที่สร้างพลังงานมหาศาลให้กับชาวโลก  ต่างหลงใหล  และความเป็นศิลปินในตัวเองสูงมาก  เอาเข้าไม่ได้อวยนะครับ  แท้ที่จริงคนไทยเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ที่ค่อยข้างแปลกใหม่  เพียงแต่ขาดการสนับสนุนจากทางภาครัฐ  และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่าที่ควรเท่านั้นเอง

เพราะโลกถูกขับเคลื่อนด้วยกงล้อที่ใหญ่  ทำให้เราต้องวิ่งตามวงล้อนั่น  ไม่แปลกหรอกครับว่าบางที อาจมีหลงลืมตัวตน  และรากเหง้าของเราไปบ้าง  เพื่อความเอาตัวรอดในสนามการแข่งขันของโลกใบนี้  การมองเห็นความสำเร็จ  รู้ถึงความเป็นตัวตนของเรา  นี่แหละคือจะให้เรายั่งยืนและอยู่ได้นานที่สุดในเวทีแห่งนี้ ผมอยากฝากไว้เป็นข้อคิดสำหรับคนดำเนินชีวิต  เพื่อให้คุณไม่ตกตกเทรดของโลกนะครับ

1.รู้คิด   รู้จักคิดก่อนพูดและทำ 
2.รู้ทำ   การจะทำอะไรต้องมีการวางแผนอย่างเป็นระบบ
3.รู้เหตุ รู้ผล  เข้าใจเหตุและผล รวมทั้งวิธีการควบคุมสถานการณ์และอารมณ์ของตัวเอง
4.รู้สภาวะจิต  ฝึกจิตใจของตัวเอง นั่งสมาธิทำจิตใจให้สงบ

หลักการง่าย และสามารถนไปปฎิบัติได้ทันทีครับ ยังไงลองเอาเคล็ดลับนี้ไปใช้ดูนะครับ

วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2561

จุดเปลี่ยน


เรื่องโชคชะตา  ของชีวิตคนเรานั้นมันช่างเป็นเรื่องที่น่าแปลก บางทีบางครั้งเรามักจะมีเหตุการณ์บางอย่าง  ที่เข้ามากระทบจิตใจเราทุกครั้ง  เพื่อให้เราต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างในตัวเอง  สิ่งนั้นทำให้พอยิ่งเราโตขึ้นเราเลยเข้าใจคำว่า "อะไรๆ ก็ไม่แน่นอน" ได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง  

วันนี้ที่ผมหยิบหยกหัวข้อนี้ก็เพื่อต้องการให้ทุกท่าน  ได้ลุกขึ้นมาหา "จุดเปลี่ยน" ให้กับชีวิตคุณเอง  คุณรู้สึกเบื่อใช่ไหมครับ  ที่ชีวิตจะต้องทำอะไรวนๆ ซ้ำไป ซ้ำมา  อยู่กับเรื่องเดิมๆ จนบางทีก็ไม่รู้ว่าแล้วเมื่อชีวิตจะดีขึ้นสักที  ก็ได้แต่เฝ้าภาวนากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์  และคาดหวังว่าพรุ่งนี้มันจะดีขึ้น  แต่จนแล้วจนรอดก็มองไม่เห็นหนทางสว่างสักที  

บนเส้นทางที่โชคชะตาหยิบยื่นให้กับคุณ  ซึ่งคุณก็ไม่อาจรู้ได้ว่ามันจะเป็นเครื่องมือที่จะนำคุณไปสู่ความสำเร็จหรือไม่  มีหลายๆคนที่ประสบความสำเร็จ  หนังสือหลายๆสำนักต่างก็พูดว่า จงทำในสิ่งที่เรารัก  เราชอบฟังดูพื้นฐานมากแต่ในความเป็นจริงมันก็ช่างเจ็บปวด  เพราะว่า น้อยคนนักที่จะได้ทำในสิ่งนั้น  บางคนพยายามมองหาสิ่งที่รัก  หามันทั้งชีวิตแต่ก็ไม่เจอช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากครับ

ประเด็นที่ผมอยากจะนำเสนอก็คือ  เรามาสร้างสิ่งนั้นขึ้นมาดีกว่าจะดีไหมครับ  สิ่งที่ทุกคนเรียกมันว่า "โอกาส"  สิ่งนี้ยังไงละครับ  ที่จะสร้างจุดเปลี่ยนให้กับเราจริงๆ  ผมไม่อยากให้คุณไปเสียเวลากับวงจรธุรกิจหรือการเข้าคอร์สอะไรมากมาย  จนบางทีสิ่งเหล่านั้นก็แค่หลอกเอาเงินจากกระเป๋าเราเท่านั้น  มันอาจจริงครับว่ามันปลุกพลังเราได้  แต่ไม่ได้การันตีว่าคุณจะพบกับความสำเร็จกับสิ่งนั้นนี่ครับ  

ขอให้จำไว้เลยนะครับว่า  สิ่งไหนที่ผู้คนมองว่ามันคือความสำเร็จแล้ว   สิ่งนั้นย่อมไม่ควรทำตามเป็นแน่แท้  เพราะนั้นหมายถึงเรากำลังจะไปซ้ำรอยเขา ทั้งที่ไม่รู้รายละเอียดทั้งหมดเเค่นั้นเอง  หัวใจสำคัญที่จะให้คุณก้าวข้ามไปหาชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิมนั่นก็คือ  คุณต้องลืมสิ่งที่ผ่านมาทั้งหมด "ภูมิหลังที่ไม่ดี อดีต วิธีการดำเนินชีวิตแบบเดิมๆ ลืมมันไปให้หมดครับ"  อย่าไปเลือกเส้นทางที่ใครก็ตามบอกคุณว่ามันคือหนทางที่พาคุณไปสู่ความสำเร็จ  เพราะเส้นทางนั้นอาจไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน  คนเราถูกออกแบบชีวิตและเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน  ทุกอย่างจะง่ายขึ้นถ้าคุณเลือกทำในสิ่งที่มัน "ใช่" สำหรับคุณ  เพราะสิ่งนั้นจะทำให้เรามีความสุข และไม่กดดันกับมันมาก ผลแห่งความสุขก็จะชักนำให้เราประสบความสำเร็จ

วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2561

เรื่องเงินๆ ทองๆ


คุณเบื่อไหมครับที่ต้องใช้ชีวิตแบบเข้างาน 8 โมงเช้า เลิกงาน 5 โมงเย็น แบบนี้ไปเรื่อยๆ จนแก่
ยิ่งบางคนต้องทำงานวันเสาร์แล้วด้วยเท่ากับว่าอาทิตย์หนึ่งคุณใช้เวลาไปกับการทำงานไป 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์  ชีวิตคุณหมดไปกับที่ทำงานกับบ้าน

และที่สำคัญคือ  งานที่คุณทำมันตอบโจทย์และบอกตัวตนของคุณจริงๆหรือไม่  คุณกล้าตอบคนอื่นและตัวเองไหมว่า งานที่คุณทำมันให้คุณค่ากับตัวเอง และคนอื่นในรูปแบบใดบ้าง

ทุกวันนี้คุณมีเงินเก็บเพิ่มขึ้นจากการทำงาน  หรือมีหนี้สินเพิ่มขึ้นกันแน่  ทบทวนให้ดีนะครับ

หนี้สินที่คุณก่อขึ้นทำให้คุณเป็นกังวล  ไม่ว่าจะเรื่องกลัวตกงาน กลัวความไม่มั่นคงแน่นอนจากงานที่ทำ จนทำให้ไม่กล้าที่จะไปทำตามความฝันของตัวเอง  ต้องติดกับดักแบบนี้เป็นวงจรไปเรื่อยๆ

ผมเชื่อว่าหลายคนก็คงต้องอยู่ในสภาพแบบนี้  บนโลกทุนนิยมที่มีความเหลี่ยมล้ำระหว่างคนรวยกับคนจน  ถ้าหากเรามองกันแบบจริงๆ แล้วคนจนต้องจ่ายแพงกว่าในหลายๆ แบบที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ   มีบางคนบอกว่าก็คนจนและคนชนชั้นกลางชอบใช้ของแพง  เลยทำให้ไม่รวยผมว่า... ประเด็นนี้ตัดออกไปได้เลย  เพราะไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด  ถ้าหากคุณบริการจัดการเรื่องนี้ได้ดี  ทุกคนก็รวยได้ (ในฉบับของตัวเอง)

ยกตัวอย่างการที่บางคนใช้ชีวิตหรู  เช่นไปนั่งกินสตาร์บัคส์คนจนหรือชนชั้นกลางอาจมองว่า เห่ยมันดูหรูหรามีระดับ  แต่สำหรับคนรวยไม่ได้คิดแบบ นั่นเป็นเพราะเขาดื่มด่ำกับรสชาติและไลฟ์สไตส์ในชีวิตของตัวเราเองเรื่อง ไลฟ์สไตส์ของคนเรานี้ผมว่า..ไม่ผิดหรอกครับ  เพียงแต่คุณต้องปรับให้เหมาะกับคุณเท่านั้นเอง

ที่ผมเขียนหัวข้อนี้ขึ้นมาเป็นประเด็น  ก็เพราะว่า..ผมต้องการให้คุณผู้อ่าน  ได้ลองจินตนาการดูครับว่า  ถ้าหากคุณตัดเรื่องข้างบนที่เรากล่าวไว้ออกไปให้หมด  ย้ำว่าลบออกไปแบบไม่เคยเกิดขึ้นกับตัวเรานะครับ  แล้วมาตั้งคำถามกับตัวเองใหม่ว่า...

              1.ถ้าหากต้องออกจากงานเลยฉันจะอยู่ได้อีกกี่เดือน แล้วฉันจะทำอะไรต่อ ?

              2.อะไรบ้างที่เป็นทรัพย์สินของเราจริง ?

              3.อะไรที่บอกตัวคุณมากที่สุด (อาจเป็นสิ่งที่ชอบ รัก หรือสิ่งที่อยากจะทำที่สุด)?

              4.เราอยู่ได้ไหมหากต้องไม่ทำงานประจำอีกต่อไป ?

ไม่ต้องคิดอะไรมาก  การฝึกตั้งคำถามให้กับตัวเองก็เพื่อที่จะให้เรารู้จักวิ่งหาคำตอบ  ให้เป็นอิสรภาพการใช้ชีวิตอย่างเป็นอิสรภาพ ไม่วิ่งตามสังคมแต่ลงลึกไปถึงตัวตนของเราจริงๆ  ผมชอบนักธุรกิจท่านหนึ่งนะครับ  หลายท่านคงจะรู้จัก  ริชาร์ด แบรนด์สัน  เขามักจะมีแนวคิดที่น่าสนใจมากครับ  เขาพูดว่า "ถ้าอะไรที่ทำเเล้วไม่สนุกก็จะไม่ทำ"  ซึ่งผมว่ามันตอบโจทย์ได้ดีมากครับ  ถ้าหากเราใช้ชีวิตในแบบสนุกและตามแบบที่เราต้องการ  งานทุกอย่างก็จะออกมาดีด้วยตัวของมันเองเพราะมันคือสิ่งที่เราทำด้วยใจรัก  ความรักจะเป็นตัวนำทางให้เราไปหาความสำเร็จที่ยั่งยืนนั่นเอง



วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2561

อิทธิพลของคนรอบข้าง


เรื่องนี้ฟังดูแปลก มีคำกล่าวที่ว่าคนเราเหมือนฟองน้ำที่จะซึมซับสิ่งรอบตัว  อิทธิพลของคนรอบข้างจะส่งผลต่ออนาคตของเรานั่นเอง

คนรวย                    ก็มักจะคบค้ากับคนรวย  นั่นเพราะ เพื่อเป็นการต่อยอดในทางธุรกิจ

คนที่ชอบธรรมะ     ก็จะชอบเข้าวัดฟังธรรมศึกษาหาแก่นแท้ของหลักธรรมคำสอน

คนที่เป็นนักวิชาการ     ก็จะคบค้ากับพวกนักวิชาการ ดอกเตอร์ อยู่กับวิชาการตำรา นั่งถกประเด็นกันทั้งวัน  แบบสนุกสนาน

คนทำธุรกิจ            ก็จะคุยเกี่ยวกับธุรกิจการเชื่อมโยง  และการสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเอง

คนเป็นนักลงทุน     ก็จะให้ความสำคัญกับหุ้น การลงทุนในบริษัทต่างๆที่คิดว่าจะสร้างกำไร และปันผล  ในระยะยาว

แล้วคุณละ ?  เป็นแบบไหน  พลังงานจะดึงดูดมนุษย์เข้าหาสิ่งที่เราปรารถนาอยู่ในใจ  แต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่จะสามารถสำเร็จกับมันได้  ก่อนที่คุณจะก้าวข้ามเพื่อจะไปเป็นสุดยอดในสิ่งนั้น  คุณต้องศึกษาและเข้าใจประเภท และแก่นแท้ของแต่ละสิ่งที่คุณต้องการอย่างแท้จริงก่อน  บางทีการปล่อยให้ความโลภเข้ามาครอบงำจิตใจคุณมากจนเกินไป

ก็อาจทำให้คุณหลงทาง  ไปไม่ถึงฝั่งหรือจะถึงฝั่งแล้วแต่ก็ไม่สามารถเติบเต็มส่วนที่ว่างในหัวใจคุณได้  ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้  ไม่มีอะไรจะสมบูรณ์แบบ  มันขึ้นอยู่กับว่าตัวคุณรับข้อเสียของสิ่งนั้นได้มากแค่ไหน  เพราะต่อให้จะเป็นสิ่งที่คุณรักมันมากแค่ไหน  มันก็มีข้อดีข้อเสียอยู่แล้ว

การที่เราเข้าใจทุกอย่างเสมือนเห็นเหรียญทั้งสองด้านจะทำให้คุณก้าวไปต่อได้  แน่นอนว่าการใช้ชีวิตของมนุษย์มันต้องมีเรื่องที่ต้องทำให้คุณ หมดหวัง ท้อใจ หมดกำลังใจ ได้ง่ายๆ  ถ้าหากคุณได้เข้าใจสิ่งต่างๆ รู้ข้อดี ข้อเสีย เข้าใจกฎกติกาต่างๆ และรู้จักเครื่องมือต่างๆ และวิธีรับมือกับปัญหาและเหตุการณ์ที่คุรไม่คาดคิด  นั่นแหละครับ ถึงจะพูดได้ว่า "คุณสอบผ่าน"

อย่ามองว่าเหตุเพราะเขาแตกต่างจากเรา  มนุษย์ต่างมีข้อดีของตัวเอง  อย่าไปแบ่งแยกว่าใครดีกว่าใคร  ทุกคนมีสิทธิ์และมีอิสระที่จะคิด และเดินไปตามเป้าหมายของตัวเอง  ในรูปแบบของตัวเอง  ถึงแม้บางทีอาจมีเป้าหมายเดียวกัน  แต่อาจใช้วิธีที่ต่างกันได้  ขอแค่รักษา "จุดยืน" ของคุณให้ชัดเจนและลงมือทำมันทันที  เราไม่มีทางรู้ได้หรอกครับว่าบนเส้นทางที่เรากำลังเดินนั้น  จะพาเราไปยังจุดหมายได้หรือไม่  สิ่งที่สำคัญกว่าคือ  เดินหน้าต่อไปครับ

ด้านมืด


ผมเชื่อเลยครับว่าคนเราต้องมีด้านมืด ที่เรามองไม่เห็นหรือจะตั้งใจที่จะมองไม่เห็นกันทุกคนอย่างแน่นอน  คุณเชื่อไหมครับว่า  ถ้าคุณไปหาอ่านหนังสือของบุคคลที่ประสบความสำเร็จระดับโลก  ไม่ว่าจะใครก็ตามแต่  น้อยคนนักที่นักเขียนหรือผู้ที่นำเสนอจะเล่าเรื่องราวด้านมืดให้เราได้  แต่...ในโลกความเป็นจริงทุกคนต่างมีด้านมืด  ด้านมืดที่บางทีถ้าเปิดหน้ากากมันออกมา  คุณอาจจะขยาดคนๆนั้นเลยก็ได้

เหตุการณ์แบบนี้ถือเป็นวงจรธุรกิจของมนุษย์เรา  ตราบใดที่เรายังใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้  เราก็ยังต้องวนเวียนอยู่กับวงจรนี้เช่นกัน  ชีวิตก็เหมือนเกมส์ที่บางบทบาทเราก็คือผู้เล่นเกมส์เป็นเจ้าสนาม  บางบทบาทเราก็ไม่ต่างจากหนูทดลอง  นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เช่นกัน  สาเหตุที่ผมต้องการพูดเรื่องนี้  ไม่ต้องการให้คุณเกลียดอะไรคนรวยหรอกครับ  แต่อยากจะนำเสนอในอีกมุมหนึ่ง  โดยความเห็นส่วนตัวเเล้วผมว่า  เราควรที่จะศึกษาด้านมืดของเขาบ้าง  เพราะในโลกความเป็นจริง  หากคุณไม่เรียนรู้และไม่เปิดใจเรียนรู้ในเรื่องเหล่า  เพราะอะไรเขาจึงคิดแบบนั้น  และมีเหตุผลอะไรให้เขาทำแบบนั้น  ถ้าคุณพบกับคำตอบเหล่านั้น  ก็จะทำให้คุณเปิดใจเรียนรู้อะไรได้มากขึ้น

มากกว่าที่เรามองแต่ด้านดีๆ  การมองโลกในด้านดีไม่อาจทำให้สถานการณ์ดีขึ้นจริงๆหรอก  การอยู่กับปัญหาและเข้าใจสถานการณ์ตามความเป็นจริง  นั่นแหละครับคือสิ่งที่จะทำให้เราผ่านปัญหาไปได้   การมองโลกในแง่บวกเป็นจิตวิทยาที่ทำให้ร่างกายเรามีพลังงานในทางบวกเพื่อกระตุ้นเรานั่นเอง   ไม่ได้มีผลทั้งหมดหากคุณปราศจากการลงมือทำ

หลายสิ่งที่เกิดขึ้นกับมนุษย์  บางทีถ้าหากลองนึกดูดีๆ อะไรนะที่ดึงดูดให้เรามาอยู่จุดนี้ได้  นั่นเพราะว่ามนุษย์มีความต้องการยังไงละครับ  ผมยกตัวอย่างง่ายแล้วกัน  คุณจะเห็นไหมครับว่า  ไม่ว่าจะจะเป็นการเรียกรถ TAXI การกิน ดื่ม ช็อป หรือแม้กระทั่งการจ่ายบิลต่างๆ ผ่านระบบออนไลน์  ทุกอย่างดูจะง่ายขึ้นแล้วเหตุผลจริงๆ คืออะไรละครับนั่นก็เพราะ"การตอบสนองความต้องการของมนุษย์ที่มีอย่างไม่สิ้นสุดนั่นเอง"  

ภายใต้การแข่งขันบนโลกที่แปลกใหม่นี้  ในสนามรบที่เราเรียกกันว่า "นักรบไซเบอร์"  ที่ต่างฟาดฟันกันด้วยตัวอักษร  และจากการตีความไปต่างๆนาๆ  ในอนาคตคงอาจจะมีเทคโนโยลีที่เรียกว่าตัวกรองข่าวเป็นแน่  เพื่อให้เราสามารถเข้าใจถึงบทบาท และหน้าที่ต่างๆได้อย่างถูกต้อง  แต่เหนือสิ่งอื่นใดไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวหน้าไปมากแค่ไหน  สิ่งที่สำคัญที่คุณก็คือ  "เราต้องรู้จักตัวเอง" ให้ดีที่สุดเพราะนั่นก็คือความภาคภูมิใจที่ไม่อาจจะหาได้จากสิ่งไหนบนโลกใบนี้

วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2561

อะไรใหม่ๆมันก็ยากเป็นธรรมดา


การเริ่มทำอะไรใหม่ๆ  บางทีมั้นก็ช่างเป็นอะไรที่ดูจะยากไปหมดจริงๆนะครับ  อะไรที่เป็นเส้นทางใหม่ๆ  เราก็มักจะกังวลไปหมด  หาทางออกไม่เจอ  เคล็ดลับที่จะนำเราให้ไปสู่หนทางแห่งความสำเร็จ  โอ้มันจะมีสูตรแบบนี้จริงๆไหมน้อครับ

โลกในอนาคตคือ  โลกที่จะสะท้อนไปด้วยข้อมูลข่าวสาร  ใครที่มีข้อมูลข่าวสารมากที่สุดคนนั้นได้เปรียบ  แต่การที่เราจะคัดกรอกข่าวสารนั่นซิครับ  ที่เป็นเรื่องจำเป็นและสำคัญเอามากๆ  ข้อมูลที่ถูกต้องและตรงกับความเป็นจริง  ก็จะทำให้ผู้รับข่าวสารสามารถนำไปใช้และตัดสินใจได้อย่างง่ายดาย

โลกนี้เต็มไปด้วยเรื่องต่างๆมากมาย  พอเอาเข้าจริงอะไรที่เราว่าตัวเองมีความรู้มากมาย  แท้ที่จริงความรู้เราแทบไม่ได้มีอะไรมากมาย  ถ้าเทียบความรู้บนโลกใบนี้   มีปริมาณที่มากจนเราไม่สามารถบริโภคกันได้หมด  แล้วอะไรที่เป็นความสนใจของผู้คนบนโลกใบนี้ 

ผมมีความฝันนะครับว่า  ผมอยากที่จะทำอะไรที่เกี่ยวกับการเชื่อมต่อบนโลกไร้พรมแดนนี้  ให้เข้าหากันได้โดยง่าย  โดยก้าวข้ามข้อจำกัดและนโยบายต่างๆ ระหว่างประเทส  อะไรที่จะเป็นจุดเชื่อมตรงนั้น  โลกในอนาคตผมก็ยังเชื่อมั่นว่า  ยุค DATA แบบเต็มรูปแบบ  ที่ใครมีข้อมูลมากกว่าและที่สำคัญข้อมูลจะต้องมีความถูกต้องและแม่นยำ  นั่นแหละครับก้าวใหม่แห่งวงการข่าวสาร  และที่สำคัญต้องได้รับความสนใจจากผู้คนบนโลกใบนี้  นับเป็นเรื่องที่ท้าทายจริง  ฟังแล้วมันก็ชักสนุกแล้วนะครับ

ข้อสำคัญมันเป็นการเปลี่ยนโฉมหน้า  นวัฒนกรรมทางธุรกิจ  การเงิน  การลงทุนและข่าวสารใหม่ๆ  ที่โลกอาจจะต้องจารึกประวัติศาสตร์ครั้งใหม่กันนี้  หลายท่านอ่านแล้วก็ยังนึกไม่ออก  เอาเป็นว่าคอยติดตามกันต่อไปครับ  ที่ผมกล่าวอย่างนี้ก็เพราะต้องการที่จะให้เราได้มีบทบาทหน้าที่ใหม่ๆ  นั่นก็คือการเป็นสือที่ดีในการนำเสนอ เรื่องราวที่ถูกต้องร่วมกัน  จากที่ยุคปัจจุบัน  คนหนึ่งคือคนที่ส่งสาร  อีกคนหนึ่งคือผู้รับสารและก็ตีความกันไปต่างๆ นาๆ  ตามความคิดเห็นและประสบการณ์ในรูปแบบและประสบการณ์ที่ตัวเราเองเข้าใจกัน

สิ่งที่ดีที่สุดก็คือ ให้คนในวงการนั้น  หรือคนที่รู้จักในสิ่งนั้นดีที่สุด  ได้มีโอกาสได้เข้ามาให้ข้อมูลร่วมกันและชี้แจ้งถึงสิ่งที่ถูกต้อง  และสามารถที่จะเข้าใจตรงกันได้เป็นอย่างดี  มันอาจฟังดูง่ายแต่ไม่ง่ายนะครับ  เพราะคนเราล้วมีความแตกต่างกันเป็นของธรรมดา  แต่เราไม่ได้จะมาชวนให้ทุกคนทะเลาะแค่หาความเข้าใจตรงกันเพื่อก้าวไปสู่สังคมยุคใหม่ 2100 นั่นเอง

วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2561

กษัตริย์เดวิดมหาราช



หลายคนที่เป็นนักพนันตัวยง  น่าจะพอทราบดีครับว่าไพ่ตัวที่ใหญ่ที่สุด ได้แก่ ตัวคิงโพดำ  แล้วเคยสงสัยกันไหมครับว่า  บุคคลที่อยู่ในคิดโพดำ คือใคร  เขาก็คือกษัตริย์เดวิดมหาราช นั่นเอง

กษัตริย์เดวิดมหาราช  เป็นกษัตริย์ของประเทศอิสราเอล  ประวัติความเป็นมาของท่าน เดิมคือเป็นเด็กชายผู้เลี้ยงแกะ  กล่าวคือสมัยก่อน ประเทศอิสราเอลเวลาจะมีการต่อสู้กันจะส่งผู้กล้า  เพื่อเป็นตัวเเทนในการออกไปสู้รบ อิสราเอลมักถูกรุกรานโดยชาวฟิลลิสเตีย  เขาอาสาเข้าต่อสู้ตัวต่อตัวกับ โกไลแอ็ธ นักรบร่างมหึมาผู้เป็นทหารเอกสูงประมาณ 245 เซ็นติเมตร

สาเหตุที่ผมยกเรื่องกษัตริย์เดวิช ขึ้นมาก็เพราะว่า คนตัวเล็กไม่ใช่คนที่อ่อนเเอเสมอไป  การที่เขาเอาชนะ โกไลแอ็ธได้ เริ่มแรกตอนที่กษัตย์ซาอูลส่งเขาไปรบด้วยความไม่มั่นใจนักว่าจะสามารถเอาชนะได้ เขาขออาวุธเพื่อใช้ในการสู้รบมีแค่  เชือก กับ ก้อนหินอีกไม่กี่ก้อน

พอ โกไลแอ็ธ เห็นดังนั้น ก็โกธรมากเนื่องจากส่งคนที่ตัวเล็กกว่ามาต่อสู้  เขาได้ถอดเสื้อเกราะออกและประชันหน้ากับกษัตริย์เดวิช  กษัตริย์เดวิชเมื่อไปยังสนามรบเขาก็ใช้เชือกผูกกับหินทำเป็นบ่วงคล้องไปที่คอของ โกไลแอ็ธ  เมื่อโกไลแอ็ธล้มเขาก็รีบเอาดาบของโกไลแอ็ธฟันที่หัวเขาจนขาด

เหตุผลที่เขาเป็นฝ่ายชนะผมคิดว่า  เพราะกษัตริย์เดวิช อาศัยความฉลาดและความถนัดของเขานั่นเอง  เพราะตอนที่เขาเป็นชายหนุ่มผู้เลี้ยงแกะ  เขาก็จะใช้วิธีนี้ในการไล่จับหมาป่าที่จะมากินแกะ  นี่จึงเป็นที่มาของ "มดล้มช้าง" ที่เรารู้จักกันในวงการธุรกิจ

คนเราไม่จำเป็นต้องเก่งที่สุด  ขอแค่รู้จักใช้สิ่งที่ถนัดที่สุดของตัวเอง  ก็สามารถเป็นที่หนึ่งและเอาชนะคู่แข่งได้ เขาจึงได้รับการยกย่องให้อยู่ในไพ่ คิง ที่เรารู้จักนั่นเอง

ตัวตนของเราคือพื้นฐานที่ดีที่สุด

         


         ไม่มีใครจะดี หรือ เก่งไปกว่าใครหรอกครับ  ทุกคนมีจุดเด่นของตัวเองในแบบ
          ที่แตกต่างกันเราสามารถที่จะเป็นที่หนึ่งได้ในแบบที่เราอยากจะเป็น  
          และเป็นตัวตนของเราจริงๆ ได้   ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก และถนัดที่สุด  
          เพราะพื้นฐานจากความรักและความถนัดนั่นเอง
         จะนำคุณไปสู่จุดมุ่งหมายที่ต้องการ

ผมคนหนึ่งนะครับที่เป็นคนชอบดูรายการทำอาหารเป็นอย่างมาก  โดยเฉพาะอาหารที่ต้องตกแต่งออกมาให้เป็นแบบสไตส์ฟิ่วชั่น  บวกกับความคิดสร้างสรรค์  มันดูแล้วสนุกและมีพลัง  เมื่อคืนผมเลยได้เข้าไปดูรายการ "เดอะมาสเตอร์เซฟประเทศไทย ซีซั่น 2"   พอเห็นผู้ชนะแปลกใจมากว่าเป็น เฟริส ซึ่งตอนแรกไม่คิดว่าคนนี้ได้นะครับ (ความเห็นส่วนตัว)  แต่อย่างว่าคนเราตัดสินจากภายนอกไม่ได้หรอกครับ

พอกลับไปดูเทปย้อนหลัง  ผมเลยไม่แปลกใจเลยครับว่าทำไมต้องเป็นคนนี้  ยอมรับครับว่าเขามีพื้นฐานที่ดีมากในการทำอาหาร  เลยเป็นเหตุจูงใจที่ทำให้เขาไปถึงรอบลึกๆได้  และปัจจัยที่ทำให้เขาเป็นเป็นแชมป์ในครั้งก็คือ

"เขาเลือกที่จะนำเสนอความเป็นตัวตนของเขาในอาหารนั้น"  ฟังดูอาจจะงง  ขยายความเลยนะครับ ก็คือการทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดที่สุด และทำเป็นประจำ  นั่นก็คือ  "อาหารเหนือนั่นเอง"  บางทีคนที่เก่งที่สุดอาจไม่ใช่ผู้ที่ชนะเสมอไป  แต่ผู้ชนะก็คือผู้ที่อาศัยการทำบ่อยๆซ้ำๆ นั่นเอง 

หัวใจสำคัญของการทำอาหาร ก็คือ ความใส่ใจ  ความมีเอกลักษณ์ ความคิดสร้างสรรค์ และที่สำคัญที่สุดก็คือ  ความอร่อยนั่นเอง  ซึ่งเขานำเสนอออกมาได้ดีมาก จริงๆแล้วในทุกๆ  สาขาอาชีพก็เหมือนกันนะครับ  บางทีคนเราพยายามไปเรียนรู้ ศึกษาอะไรต่างๆ  เพื่อให้ทุกอย่างจากที่ง่าย มันก็ดูยากขึ้นไปอีก ดูพิเศษขึ้นก็จริง  แต่ขาดความเป็นตัวตน  ขาดเอกลักษณ์ไปเรื่อยๆ  จนหารากเหง้าไม่เจอ

มันอาจจะจริงอย่างที่หลายท่านพูดนะครับ  ว่าคนเราไม่จำเป็นต้องเก่งไปซะทุกเรื่อง  แต่ให้ได้แค่เรื่องที่ตัวเองถนัดที่สุด  แต่ผมแถมให้อีก ก็คือ  สิ่งที่คุณรักมันต้องออกมาจากใจคุณจริง  ไม่ใช่การลอกเรียนแบบ  และพยายามทำให้เหมือนคนอื่นจนลืมความเป็นวิถีดังเดิม  ความเป็นตัวตนของคุณ  เพราะนอกเหนือจากความเป็นที่หนึ่งในสายอาชีพนั่นๆแล้ว  สิ่งที่จะให้เรารักษาตำแหน่งนั่นได้นานที่สุด  ก็คือ ความมีเสน่ห์  ความเป็นตัวตนของตัวเอง  มาตรฐานและหลักการที่เรายึดถือไว้ตั้งแต่แรกนั่นเอง 

เรามักจะกลัวว่า  คนอื่นจะดีกว่า คนอื่นจะเก่งกว่าเรา  ผมว่า..ความคิดแบบนี้ถ้าเป็นไปได้ลบมันออกไปซะนะครับ  โลกต้องการผู้กล้าไม่ใช่ผู้ทำลายครับ  อย่าไปคาดหวังอะไรจากคนอื่นให้มาก การเข้าใจตัวเองให้มากๆนั่นแหละครับดีที่สุด ขอฝากไว้ด้วยนะครับ

        

วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2561

อย่าทิ้งความพยายาม

พออายุมากขึ้นผมก็เริ่มเข้าใจความแตกต่างของคนมากขึ้น  ประสบการณ์นั่นเองที่เป็นตัวผลักดันให้คนเราแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง  คนบางคนเขาก็มีวิถีแบบที่เขาต้องการนั่นมันก็ไม่ผิดและไม่แปลกอะไร  บางครั้งผมเคยแอบสงสัยมาตลอดเลยว่า  ทำไมคนๆนี้ถึงไปได้ไกลจังเลย  ในขณะที่อีกหลายคนยังคงย่ำอยู่กับที่  กับสิ่งเดิม เรื่องเดิมๆ วนเป็นวงจรชีวิตแบบนี้  จนในที่สุดก็หาตัวเองไม่เจอ


สาเหตุเพราะการทำปัจจุบันของคนเราแต่ละคนนั้นเอง  เมื่อมีเหตุมันก็ต้องมีผลเป็นของธรรมดา  บางคนเขาดิ้นรนทั้งชีวิต  พยายามมากกว่าคนอื่น  ตั้งใจเรียนรู้ศึกษาเรื่องที่ตัวเองต้องการอย่างไม่ลดละ  เลยทำให้เขามีวันนั้นขึ้นมาได้  การศึกษาหาความรู้จึงเป็นพื้นฐานของทุกสิ่งทุกอย่าง  คนเราถ้าไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ อนาคตเห็นทีจะลำบากนะครับ

สำหรับตัวผมเองมองว่า  การลงทุนที่ดีทีสุดก็คือลงทุนในตัวเองก่อน  ที่จะไปเริ่มลงทุนกับอะไรต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหรือการการลงทุนให้หุ้น ในทรัพย์สิน  คนเราถ้ามีความรู้ก็จะทำให้เราเดินทางได้ถูกต้อง  และป้องกันความเสี่ยงไปได้ในระดับหนึ่ง  คนบางคนไม่รู้อะไรพอมองก็บอกว่า เขาเก่งบางละ  เขามีต้นทุนที่ดีบ้างละ  เราไม่มีเงินทุนพอบ้างละ  มันก็ไม่แปลกที่เขาคิดแบบนั้นเพราะเขาคิดแบบนั้นก็ดึงให้เขาทำแบบนั้นจริงๆ

แท้ที่จริงแล้วเบื้องหลังสิ่งเหล่านั้น  กว่าที่เขาจะเก่ง กว่าที่จะมีวันนี้ที่เราเห็นได้  เขาก็ผ่านการล้มลุกคลุกคลานมาแล้วต่างๆ นาๆ เจ็บปวดกับเรื่องต่างๆ มามากมายโดยที่เราไม่เคยเห็นแผลเหล่านั้น  การใช้ชีวิตให้เป็นปกติ  และมีหลักการยึดมั่นที่ดี  มีความมั่นคงในระดับจิตใจ  ย่อมจะส่งผลต่อทุกสิ่งทุกอย่าง  บางทีความกลัว  ความกังวลที่เกิดขึ้นกับเรานั้นมันก็แค่เพราะจิตใจเรานั่นแหละครับ  ที่ไปสร้างความวุ่นวายให้กับมัน  สร้างความกลัวให้กับจิตใจของตัวเอง  บางทีนะครับการที่เราเป็นประเภทไม่รู้อะไร  แต่ลองผิดลองถูกไปก่อนมันก็ดีนะครับ  จิตใจแบบนี้จะมีความกล้ามาก  เมื่อคุณได้ลองทำมันไปเรื่อยๆ  คุณจะเริ่มมองเห็นหนทางเอง

ผมอยากให้คนที่มีไฟอยู่อย่างเพิ่งหมดไฟ  เลือกคบคนที่มีพลังงานที่จะผลักดันคุณให้ไปถึงเป้าหมายให้ได้นะครับ  คุณจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง  ไม่ต้องไปสนใจเสียงของคนอื่น  สนใจแต่เสียงของตัวเองและมุ่งหน้าต่อไปเรื่อยๆ  คนที่ไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้นเราก็แค่อยู่ห่างๆเขาไปซะบ้างก็ไม่เสียหายอะไร  บางทีมันก็คุ้มเกินคุ้มด้วยซ้ำที่คุณได้เปิดโอกาสให้คนใหม่ๆเข้ามาในชีวิตของคุณ  วันนี้ดึกมากแล้วราตรีสวัสดิ์ครับ

วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2561

จิตวิทยาเกี่ยวกับมนุษย์


ผมว่าคนยุคใหม่นอกจากที่คุณต้องเรียนรู้ในการวางตัวในสังคมแล้ว  สิ่งหนึ่งที่คุณควรต้องทราบก็คือ จิตวิทยาในการเข้ากับผู้คน  การนำเสนอสิ่งต่างๆต่อผู้คน  และการเข้าใจคนทุกรูปแบบในแบบที่เขาเป็น  วันนี้ผมไปอ่านเพจของคุณแพท มาแล้วเขาแนะนำได้เป็นอย่างดีเลยเกี่ยวกับหลักเกี่ยวกับจิตวิทยาของมนุษย์  ซึ่งเป็นหลักการง่ายและสะท้อนเข้าไปถึงความจริงของสังคมยุคใหม่  ที่แคร์ทุกเรื่อง  และสนใจที่จะบริโภคข่าวสารที่เข้ามาทุกอย่าง  แม้ว่าจะไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรให้กับตัวเองก็ตามแต่  ลองไปฟังกันดูครับ  ไม่พูดมาเจ็บคอ...

8 ข้อควรรู้ ในการทำให้ทุกคนชอบเรา

1. รู้ไว้เลยว่า แค่คิดว่า อยากให้ทุกคนชอบเรา ก็ผิดตั้งแต่คิดแล้ว เพราะ ไม่มีทางทำให้ทุกคนชอบเรา
2. บางคนไม่ชอบเรา ทั้งๆ ที่เราก็ไม่รู้จักกัน ไม่เคยคุย แล้วทำไมถึงไม่ชอบเรา ? ...ก็เพราะ จริงๆ แล้วเขาอาจจะไม่ใช่ไม่ชอบเรา เพียงแต่เขาแค่ไม่ชอบตัวเขา ในสิ่งที่เขาเป็น ก็เท่านั้นเอง
3. ให้เราใช้เวลาส่วนใหญ่ อยู่กับคนที่ชอบเรา ดีกว่าเสียเวลาพยายามเปลี่ยนคนที่ไม่ชอบให้ชอบ ...เพราะพลังงานบวก จะทำให้เราวิ่งไปสู่เป้าหมายที่เราตั้งไว้ง่ายกว่านั่นเอง
4. ให้เราใช้เวลาเล็กน้อย คุยกับคนที่ไม่ชอบเราบ้าง ...เพื่ออะไร ? ...คนที่ไม่ชอบเรา บางครั้งก็เป็นกระจกสะท้อนที่ดี โดยเฉพาะเวลาที่เราหลงตัวเอง ...เราจะได้เรียนรู้แล้วปรับปรุงข้อบกพร่อง แล้วทำตัวเองให้ดีขึ้น
5. อย่าเอาความไม่ชอบ มาเก็บเป็นอารมณ์ ...เพราะมันสร้างพลังงานลบ ...ให้เราเอาความไม่ชอบ มาเป็นโจทย์ แล้วหาเหตุผลปรับปรุงแก้ไข จะดีกว่า
6. คนที่ไม่ชอบเราจะ อ่อนพลังลง เมื่อเราพยายามทำเพื่อตัวเองน้อยลง ...ถ้าเราตั้งโจทย์เพื่อตัวเองน้อยลง แล้วตั้งโจทย์เพื่อคนอื่นมากขึ้น ...เราจะมองเห็น โอกาสใหม่ๆ โอกาสที่ใหญ่กว่า ..ที่อาจเป็นจุดก้าวกระโดดในชีวิตเรา
7. อย่าเอาเวลาของเราไปพยายามเปลี่ยนคนที่ไม่ชอบเรา ....ให้เอาเวลาไป ช่วยเหลือ และ สนับสนุนคนที่ชอบเรา ...นี่คือ การเลือกใช้เวลาเพื่อความก้าวหน้านั่นเอง
8. ถ้างานที่เราทำ ทำให้เราชอบตัวเองมากขึ้น ...จงทำงานนั้นให้สำเร็จ ...ต้องมุ่งมั่น อดทน แล้วไปให้สุดทาง
ถ้าเราทำงานอะไรแล้วไม่ชอบตัวเอง ...เช่น ทำสิ่งที่ผิด ..ผิดกฏหมาย ผิดศีลธรรม ผิดสามัญสำนึก แต่ได้เงิน เรามีแนวโน้มที่จะไม่ชอบตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ...ดังนั้น ให้เราพยายามสำรวจตัวเองอยู่เสมอ เพื่อให้เราเป็นคนที่สมบูรณ์ในแบบฉบับของเราเอง
สุดท้าย เราทำให้ทุกคนชอบเราไม่ได้หรอก ...แค่เราทำสิ่งที่ดี สิ่งที่เป็นประโยชน์ และ ทำให้เรารู้สึกดีต่อตัวเอง ..นั่นแหละ ทางเดินที่เราควรเดิน !!

ศูนย์รวมของคนรุ่นใหม่

เมื่อวานผมเห็นพี่คนหนึ่งเขาโพสข้อความเกี่ยวกับเรื่อง Self made  หรือพฤติกรรมของวัยรุ่นยุคใหม่ ที่บางทีฟังมันจริงเลยทีเดียว  เจ็บจริงและล้มจริง  ยังไงก็ฟังดูน่าคิดนะครับทุกการกระทำที่วัยรุ่นตัดสินใจมันก็คือดาบสองคมดีๆนี้เอง  วันนี้ก็เลยขออนุญาตเอามาแชร์ให้เพื่อนๆดูกันนะครับ แล้วเอาไปปรับใช้กับชีวิตของเราได้  บางทีมันอาจฟังดูสวนทางกับคำสอนในหลายๆรุ่น  แต่ก็แฝงไปด้วยเเง่คิดมากมายครับ  ใช้ชีวิตอย่างมีสติแล้วคุณจะมีสตางค์ครับ   ไปฟังกันเลยครับ Cr.พี่ Poom Chinchotikorn

คุณสมบัติ Self made (มาจากศูนย์รวยได้ในยุคของตัวเอง) รุ่นใหม่คนต่อไป
จากศูนย์ถึงพันล้าน หนึ่งสมองสองมือกรูทำได้ สมัยนี้มันยุคคนรุ่นใหม่ ไม่ต้องเกิดมารวย ไม่ต้องพึ่งพ่อแม่ ไม่โทษโชคชะตา และรวยในชาตินี้ !!!

1. คนยุคใหม่ เก็บประสบการณ์มากกว่าเก็บเงิน ! มีเงินออม ไม่เท่าเอาไปใช้หาประสบการณ์เปลี่ยนเป็นเงิน ถ้าไม่เคยใช้ของแพงจะขายของแพงได้ยังไง
2. คนรุ่นใหม่ ยอมรับความเสียหายได้ ถ้าไม่เสียเงินแล้วจะไปรู้จักการได้เงินได้อย่างไร ยิ่งเสียเงินมากเท่าไรยิ่งหาเงินได้มากเท่านั้น
3. คนรุ่นใหม่ ยินดีที่จะเริ่มโง่ก่อนฉลาด ไม่ใช่ทำตัวฉลาดไว้ก่อน ยิ่งคุณเริ่มโง่เท่าไร คุณก็จะยิ่งมีใจเรียนรู้ เปิดรับสิ่งใหม่ๆ และไม่ปิดกั้นแบบคนฉลาดแล้ว
4. คนรุ่นใหม่ ไม่สนเสียงวิจารณ์ที่มาจากความอิจฉา มีหลายครั้งที่คนที่กำลังไปได้ดีต้องสะดุดเพราะคนไม่กี่คนที่ไม่อยากเห็นคนอื่นดีกว่าตัวเอง
5. คนรุ่นใหม่ขี้เกียจในเรื่องคนอื่นขยัน และขยันในเรื่องที่คนอื่นขี้เกียจ คิดและทำตรงข้ามกับคนส่วนใหญ่ ขยันผิดที่ทำทั้งชีวิตก็ไม่รวย
6. คนรุ่นใหม่ ถ่อมตนให้เกียรติคนที่ด้อยกว่า เมื่อเราให้เกียรติทุกคนเท่ากัน เราก็จะได้รับความเต็มที่ของทุกๆคนเหมือนกันหมด
7. คนรุ่นใหม่ เชื่อว่าเค้าสามารถย้ายภูเขาได้ เฉพาะคนที่เชื่อว่าย้ายภูเขาได้ถึงจะสามารถย้ายได้ คนที่ไม่เชื่อก็ไม่สามารถทำได้ทั้งชีวิต
8. คนรุ่นใหม่เรียนรู้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใหม่ๆ สิ่งที่ไม่เคยเจอมาก่อน ทุกอย่างมีให้เรียนรู้ได้ตลอดเวลา
9. คนรุ่นใหม่ พัฒนางานจาก สิ่งที่เค้ารัก สิ่งที่เค้าถนัด สิ่งที่โลกต้องการ และสิ่งที่จะทำเงินให้เค้าได้ รวมกัน
10. คนรุ่นใหม่ คิดใหญ่กว่าคนธรรมดา 5 เท่า เมื่อคิดใหญ่เราก็สามารถหวังอะไรใหญ่ๆได้ ไม่ใช่แค่คิดหมดว่าเดือนนี้ฉันจะอยู่จนหมดเดือนได้อย่างไร555
11. คนรุ่นใหม่ ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนแล้วตามทางเพื่อไปหาความสำเร็จอย่างมุ่งมั่น ชีวิตเราต้องกำหนดชะตาชีวิตเอง ไม่ให้ใครกำหนดให้
12. คนรุ่นใหม่ แวดล้อมด้วยคนประเภทเดียวกัน ทำไมต้องให้คนที่คิดลบตลอดเวลาอยู่ใกล้ๆเราแล้วส่งพลังลบให้เราด้วย หนีๆออกไปเลย
13. คนรุ่นใหม่ สนุกกับทางที่เราเดินไป ไม่ว่าเป้าหมายจะสำเร็จหรือไม่ แต่เราสนุกแล้วกับทางที่ไป
14. คนรุ่นใหม่ มีงบให้กับกิเลสตัวเอง ถ้าใช้ชีวิตราบเรียบมันก็น่าเบื่อบางครั้งเราต้องให้รางวัลชีวิตตัวเองด้วย เพื่อไปลิ้มรสชาติสิ่งที่ใหญ่ขึ้นต่อไปอีก
15. คนรุ่นใหม่ ลงทุนแบบมีสติปัญญาไม่ใช่โดนโค้ชเน่าๆกล่อมไปลงทุนโง่ๆที่ไม่สามารถเรียกว่าลงทุนได้ คิดหน่อยคิด

โลกเปลี่ยนแปลงไวมากครับ  พฤติกรรมผู้บริโภคโดยเฉพาะวัยรุ่น  วัยที่เป็นความหวังของชาติ  เราต้องเข้าใจการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้และรับมือกับเหตุการณ์ในอนาคตให้ได้  แต่ไม่ว่าจะยังไงผมว่า..โลกก็จะก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน  สิ่งที่เราควรมีมากที่สุดก็คือ ฝึกสติให้มากๆ ถ้ามีสติปัญญามาก  เราก็จะสามารถแก้ปัญหาทุกอย่างบนโลกใบนี้ได้  และสามารถที่จะยืนหยัดได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนแน่นอนครับ

วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2561

รากเหง้าของเราคือใคร

คำว่ารากเหง้า  มันแปลตรงตัวก็คือ การกลับไปหาพื้นเพหรือตัวตนที่แท้จริงของเรานั่นเองแหละครับ  ก่อนที่เราอยากจะทำอะไร  อยากที่จะประสบความสำเร็จในเรื่องอะไรก็ตามแต่  มนุษย์คือสิ่งมีชีวิตในสังคมที่คุณมักจะวิ่งตามสังคมที่คุณเป็นอยู่  เพื่ออะไรเหรอครับ  ก็เพื่อให้ตัวเองได้มีจุดยืนและมีตัวตนในสังคมคมนั้นๆ  นั่นเอง

ทีนี้การที่คนเราจะประสบความสำเร็จอะไรก็ตามแต่  ผมว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ  การมีความสุขในสิ่งที่ทำและสนุกกับทุกวินาทีชีวิตที่เราได้ใช้กับมัน  โลกนี้ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากมายหรอกครับ  แค่คุณต้องหาจุดที่พอดีกับตัวคุณก่อน  ความสุขที่แท้จริงของคุณคืออะไร  อย่าเพิ่งไปรีบร้อนมองว่าเงินคือสิ่งที่จะแก้ปัญหาทุกอย่าง  ทำให้คุณยิ่งใหญ่ขึ้นมากได้  ความจริงเราปฎิเสธว่าเงินไม่สำคัญไม่ได้หรอกครับ  เพียงแต่คุณต้องให้ความสำคัญกับมันและใช้มันให้ถูกวิธี  การกลับมาดูรากเหง้าดูตัวตนที่แท้จริงของเรา  ก็เพื่อให้เราได้เข้าใจตัวเองอย่างถ่องแท้  ก่อนที่จะเดินไปข้างหน้าอย่างมีจุดมุ่งหมาย   คนบางคนพยายามวิ่งค้นหาตัวเองมาทั้งชีวิต  แต่ก็ไม่เจอสักทีเพราะเอาแต่ค้นหา  แท้ที่จริงมันอาจอยู่ในตัวตนของคุณ  อยู่ในรากเหง้าความเป็นอยู่ของคุณนั่นเอง

ความสุขของการใช้ชีวิต  นอกจากการได้ทำสิ่งที่รัก  มีเงินทองพอเท่าที่จะเลี้ยงตัวเราเองได้  และมีความสุขในทุกวินาทีชีวิต  กับครอบครัวนั่นแหละมันวิเศษที่สุด  ต่อให้คุณจะไปยังจุดที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหน  หากปราศจาก  คนที่จะคอยอยู่เชิดชูเบื้องหลังความสำเร็จของคุณ  มันก็ย่อมจะไร้ประโยชน์  เราไม่อาจปฎิเสธความจริงได้หรอกว่า  มนุษย์นอกจากต้องการสิ่งภายนอก  มนุษย์ก็ยังต้องการสิ่งที่อยู่ภายในมาหล่อเลี้ยงใจคุณด้วย  ร่างกายกับจิตใจมันจะสัมพันธ์กันเสมอ  หากภายในของคุณมันดี  มันก็จะสะท้อนออกมาจากสิ่งภายนอก  จากคนรอบข้างและทำให้คุณมีความสุขยิ่งๆขึ้นไปอีก  การแบ่งปันความสุขมันก็เริ่มจากตัวเราต้องมีความสุขจากภายในอย่างแท้จริงก่อนนั้นเอง

ตอนนี้ก็ดึกแล้ว  ใครที่ยังนอนไม่หลับคิดไม่ตกกลับชีวิต  แท้ที่จริงความคิดมันทำร้ายเราได้ทางที่คิดบวกเข้าไว้นะครับ  เพื่อสุขภาพจิตที่ดีของเรา หัดเป็นคนที่มีความสุขง่ายๆกับสิ่งรอบตัว  เป้าหมายและสิ่งที่ฝันก็ควรที่จะเริ่มลงมือทำมันได้แล้วครับ  อย่าเอาแต่อ้างว่าไม่พร้อม  ยังติดนู้น นั่น นี่  เพราะเอาเข้าจริง ชีวิตไม่เคยรอให้ความพร้อมมาเยือน  มีแต่ต้องทำทันที  แล้วผลลัพธ์ต่างๆที่ออกมานั่นแหละคือโอกาสและบันไดที่จะทำให้คุณก้าวไปสู่ความพร้อมที่ยิ่งใหญ่  ไปทีละขั้น  คืนนี้ราตรีสวัสดิ์ครับ


วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2561

ผ่านไปด้วยดี

มีหลายๆครั้งในชีวิตที่เราเอาแต่นั่งดูชีวิตคนอื่น  แล้วกลับมาพร่ำบ่นกับตัวเองว่า  ทำไมชีวิตตัวเองไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้   มันก็เลยเป็นความเครียดจากการเปรียบตัวเองกับคนที่เหนือกว่า  เอาจริงๆนะครับ  คนที่เขาอยู่เหนือว่าเราจริง  เขาไม่มีเวลามาคิดเรื่องแบบนี้กับเราหรอก  พื้นฐานของมนุษย์เขามักจะไม่ลงมาเล่นเกมส์กับคนที่อยู่ต่ำกว่าตัวเองอยู่แล้ว  (นอกจากว่าไม่ชอบคนนั้นจริงๆ)

ราชสีห์มักจะไม่สนใจเสียเห่าของสุนัขนะครับ  โลกเราทุกวันนี้ก็เช่นเดียวกับ  การอิจฉาจะประกอบด้วย 2 ลักษณะ

คืออิจฉาในทางสร้างสรรค์ คือ เพื่อผลักดันตัวเองและสร้างแรงจูงใจให้กับตัวเอง

และอีกประเภทหนึ่งก็คือ  อิจฉาที่เขามีดีกว่าเรา ประเภทหลังนี้อันตรายนะครับอย่าเข้าใกล้ทีเดียว

หลายคนคงทราบดีละครับว่า  ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้  ล้วนมีเหตุผลและปัจจัยที่เกี่ยวเนื่องด้วยกันทั้งนั้น  ไม่มีคำว่า โชคดีจะวิ่งมาแบบทันตาเห็น  มันก็จากการปลูกฝังการสร้างบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาก่อน  แล้วเดินตามรอยทางที่ได้ปูพื้นฐานเอาไว้  หลายคนมักเอาแต่ตัวเองไปผูกไว้กับวัตถุสิ่งของต่างๆ  จนกลายเป็นวุ่นวายและทุกข์ใจไปหมด  เครียดกับเรื่องงาน  ทั้งที่งานก็ไม่ได้ทำให้รวย  พวกเศรษฐีหรือเจ้าบริษัทต่างห่างที่รวยจริงๆ  ลูกจ้างจะไปรวยได้ไงละครับ

คิดในมุมกลับกันซิครับว่า  ถ้าหากไม่มานั่งทำงานประจำแล้วยังมีงานอะไรที่สร้างเงินให้คุณอีกได้บ้าง  ชีวิตมีค่ามากกว่านั้น  เลือกใช้ชีวิตในทุกวันแบบที่คุณไม่ต้องมานั่งเสียใจ  และเสียดายกับสิ่งที่มันผ่านไปแล้วดีกว่าครับ  ตลอดเวลาผมก็เคยผิดพลาดล้มเหลวกับเรื่องงาน  การใช้ชีวิต  หนี้สิ้น และอะไรๆอีกมากมาย  บางครั้งสิ่งที่เราทุกข์นั่นมันไม่ได้เกิดจริง  แต่เพราะใจเราไปยึดกับสิ่งนั้นต่างหากเราเลยทุกข์ขึ้นมา  ถอยห่างจากมันสักพัก  ค่อยๆแก้ปัญหาทีละจุดๆ  แล้วมันจะค่อยๆดีขึ้นไปเอง  อย่างไปกลัวกับมันให้มาก  มันไม่ฆ่าคุณตายหรอกครับ

บางคนเก็บเงินแทบตาย  เพื่อบางสิ่งบางอย่างทำงานจนลืมหูลืมตา  แทบไม่มีเวลาพักหรือไปเจออะไรใหม่ๆเลย  ปล่อยให้ชีวิตวนอยู่อย่างนี้  ถามว่ารวยขึ้นไม่ก็ไม่  สุขขึ้นไหมก็ไม่หน่ำซ้ำกลับมานั่งเครียดกว่าเดิมเสียอีก  มันไม่เสียหายอะไรหรอกครับ  ถ้าเราออกเดินทางไปเจอโลกใหม่  เพื่อใหม่ สิ่งใหม่ๆ บางทีมันอาจเปลี่ยนชีวิตคนเราไปตลอดชีวิตเลยก็ได้นะครับ

ประสบการณ์ที่ผ่านมา ความล้มเหลวในชีวิตได้สอนบทเรียนที่ดีทีสุดให้คนเราเสมอ  คนที่ไม่เคยล้มแล้วมาล้มตอนแก่นี่ผมว่ามันน่ากลัวกว่าอีกนะครับ  ตอนวัยรุ่นมีแรงนี้แหละทำให้สุดไปเลย  แต่ก็อย่าลืมกั้นเงินไว้ใช้ตอนแก่ด้วยนะครับ  จะได้ไม่ลำบาก  ชีวิตมีเรื่องสนุกมีอะไรๆให้เราได้เรียนรู้กันอีกมากมายทีเดียว  ขอให้ฝันให้ไกลเเล้วไปให้ถึงนะครับ



กล้าที่จะแตกต่างและเป็นตัวเอง

เรียกว่าห่างหายกันไปนานมากเลยครับ  ช่วงที่ไปพักกายพักจิตใจ  ทำให้เราสามารถแยกแยะได้ว่า  อะไรที่จำเป็นและสำคัญกับชีวิตของเรากันแน่   คนบางคนผ...