เรื่องนี้ฟังดูแปลก มีคำกล่าวที่ว่าคนเราเหมือนฟองน้ำที่จะซึมซับสิ่งรอบตัว อิทธิพลของคนรอบข้างจะส่งผลต่ออนาคตของเรานั่นเอง
คนรวย ก็มักจะคบค้ากับคนรวย นั่นเพราะ เพื่อเป็นการต่อยอดในทางธุรกิจ
คนที่ชอบธรรมะ ก็จะชอบเข้าวัดฟังธรรมศึกษาหาแก่นแท้ของหลักธรรมคำสอน
คนที่เป็นนักวิชาการ ก็จะคบค้ากับพวกนักวิชาการ ดอกเตอร์ อยู่กับวิชาการตำรา นั่งถกประเด็นกันทั้งวัน แบบสนุกสนาน
คนทำธุรกิจ ก็จะคุยเกี่ยวกับธุรกิจการเชื่อมโยง และการสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเอง
คนเป็นนักลงทุน ก็จะให้ความสำคัญกับหุ้น การลงทุนในบริษัทต่างๆที่คิดว่าจะสร้างกำไร และปันผล ในระยะยาว
แล้วคุณละ ? เป็นแบบไหน พลังงานจะดึงดูดมนุษย์เข้าหาสิ่งที่เราปรารถนาอยู่ในใจ แต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่จะสามารถสำเร็จกับมันได้ ก่อนที่คุณจะก้าวข้ามเพื่อจะไปเป็นสุดยอดในสิ่งนั้น คุณต้องศึกษาและเข้าใจประเภท และแก่นแท้ของแต่ละสิ่งที่คุณต้องการอย่างแท้จริงก่อน บางทีการปล่อยให้ความโลภเข้ามาครอบงำจิตใจคุณมากจนเกินไป
ก็อาจทำให้คุณหลงทาง ไปไม่ถึงฝั่งหรือจะถึงฝั่งแล้วแต่ก็ไม่สามารถเติบเต็มส่วนที่ว่างในหัวใจคุณได้ ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ ไม่มีอะไรจะสมบูรณ์แบบ มันขึ้นอยู่กับว่าตัวคุณรับข้อเสียของสิ่งนั้นได้มากแค่ไหน เพราะต่อให้จะเป็นสิ่งที่คุณรักมันมากแค่ไหน มันก็มีข้อดีข้อเสียอยู่แล้ว
การที่เราเข้าใจทุกอย่างเสมือนเห็นเหรียญทั้งสองด้านจะทำให้คุณก้าวไปต่อได้ แน่นอนว่าการใช้ชีวิตของมนุษย์มันต้องมีเรื่องที่ต้องทำให้คุณ หมดหวัง ท้อใจ หมดกำลังใจ ได้ง่ายๆ ถ้าหากคุณได้เข้าใจสิ่งต่างๆ รู้ข้อดี ข้อเสีย เข้าใจกฎกติกาต่างๆ และรู้จักเครื่องมือต่างๆ และวิธีรับมือกับปัญหาและเหตุการณ์ที่คุรไม่คาดคิด นั่นแหละครับ ถึงจะพูดได้ว่า "คุณสอบผ่าน"
อย่ามองว่าเหตุเพราะเขาแตกต่างจากเรา มนุษย์ต่างมีข้อดีของตัวเอง อย่าไปแบ่งแยกว่าใครดีกว่าใคร ทุกคนมีสิทธิ์และมีอิสระที่จะคิด และเดินไปตามเป้าหมายของตัวเอง ในรูปแบบของตัวเอง ถึงแม้บางทีอาจมีเป้าหมายเดียวกัน แต่อาจใช้วิธีที่ต่างกันได้ ขอแค่รักษา "จุดยืน" ของคุณให้ชัดเจนและลงมือทำมันทันที เราไม่มีทางรู้ได้หรอกครับว่าบนเส้นทางที่เรากำลังเดินนั้น จะพาเราไปยังจุดหมายได้หรือไม่ สิ่งที่สำคัญกว่าคือ เดินหน้าต่อไปครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น