วันศุกร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2561

วัฒนธรรมไทยในวันขึ้นปีใหม่ 2019


ใกล้จะสิ้นปีกันแล้ว  ผมเชื่อว่าหลายท่านก็คงจะลางานล่วงหน้าเพื่อที่จะกลับบ้านต่างจังหวัดกัน  สำหรับบางท่านก็คงมีแพลนที่จะเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ  และอีกกลุ่มที่ไม่ได้ไปไหนก็อยู่กับบ้าน  ไม่ว่ายังไงก็ขอให้มีความสุขในปีใหม่  2019  นะครับ  (เลขสวยซะด้วย)

มาพูดด้วยเรื่องของวัฒนธรรมไทยกันบ้าง  เมื่อไม่กี่วันมานี่ก็เพิ่งจะจบไปกับวันคริสต์มาส  ซึ่งถือเป็นวันครอบและวันสำคัญของทางชาติตะวันตกกันไปแล้ว  มาพูดถึงชาติตะวันออกกับวันขึ้นปีใหม่กันบ้าง  วัฒนธรรมไทยแท้ในอดีต  แท้ที่จริงเทศกาลปีใหม่ของไทยเราก็คือช่วงเดือน เมษายน ของทุกปีหรือที่ทุกท่านรู้จักกันในชื่อ "วันสงกรานต์" นั่นแหละครับ

เรามาเริ่มเปลี่ยนแปลงวันขึ้นปีใหม่  ให้ตรงกับวันที่สากลก็ในช่วงของรัชกาลที่ 5  ซึ่งก็เห็นว่าไม่ได้ขัดอะไรกับหลักศาสนาของเรา  แต่ในความจริงคนไทยก็ยังถือว่าวันปีใหม่ของไทยก็คือช่วงเดือนเมษายนนั่นเอง  แล้วกิจกรรมที่เราทำละครับ  ในช่วงวันขึ้นปีใหม่สากล  เราทำอะไรกันบ้าง?


ในวันขึ้นปีใหม่ (สากล) ของทุกปี ในตอนเช้าคนไทยเราจะ

1.ทำบุญตักบาตร ปัจจุบันก็จะไปกันที่วัด หรือ ตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น สถานที่ราชการ และสถานที่ที่มีการจัดงาน

2.ยุคนี้เป็นยุคอินเตอร์คงหนี้ไม่พ้นการส่งคำอวยพร  ให้ทาง Facebook line  และนอกจากนั้นก็จะไปรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่  เพื่อขอพรจากท่านทั้งหลายในวันขึ้นปีใหม่

3.จัดงานรื่นเริง จัดเลี้ยงกับเพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง

และนอกจากมีการทำบุญตักบาตร  อาจมีการสวดมนต์ข้ามปี  เข้าวัดทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว  ฟังเทศน์ ปล่อยนก ปล่อยปลา อวยพรวันปีใหม่ให้กันและกัน  ให้ของขวัญปีใหม่รับศีล รับพรจากพระ และสรงน้ำพระพุทธรูป  บางบ้านอาจมีประดับธงชาติไว้หน้าบ้านของตัวเอง  และจัดเตรียมทำความสะอาดบ้านให้ใหม่เอี่ยม  เพื่อเป็นนิมิตว่าเราได้เริ่มทำอะไรใหม่ ๆแล้ว  ต่อแต่นี้ก็จะได้รับแต่สิ่งดี ๆ

นี่แหละครับที่เป็นสิ่งหนึ่งที่ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปขนาดไหน  คนไทยก็ยังคงรักษาวัฒนธรรมแบบนี้ไว้เสมอ  เราให้ความเคารพกับผู้หลักผู้ใหญ่  และยังส่งทอดกันจากรุ่นสู่รุ่น  เป็นอะไรที่ผมประทับใจในความเป็นคนไทยมาก  โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ได้เกิดมาภายใต้ศาสนาพุทธ  ที่สอนให้เราเคารพสิทธิและรักเพื่อนมนุษย์ด้วยความเท่าเทียมกัน  ไม่มีการแบ่งแยก  ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นชนชาติไหน นับถือศาสนาอะไร  

ท้ายที่สุดในวันขึ้นปีใหม่  ก็ขอให้ทุกท่านจงพบแต่ความโชคดีตลอดทั้งปี  คิดทำสิ่งใดก็ขอให้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตนเองปรารถนา  (อายุ  สุขะ พละ)  ทุกประการด้วยเทอญ  

วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2561

LGBT ในสังคมไทย


หลายวันมานี้แทบไม่มีเวลามานั่งเขียนบทความกันเลย  เพราะมัวแต่เคลียร์งานเพื่อจะได้พักผ่อนยาว กับครอบครัวช่วงปีใหม่นี้  อย่างที่ทุกท่านทราบ  สังคมไทยเราต่างจากสังคมต่างชาติ  ปีใหม่เราก็จะกลับบ้านไปรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่  เป็นประเพณีที่เราปฎิบัติกันมาอย่างช้านาน  จะว่ากันไปแล้วยิ่งโลกพัฒนาขึ้นมากเท่าไหร่  เรามีอินเตอร์เน็ตใช้   แต่ทางกลับกันเรากลับสนใจในเรื่องของผู้คนมากขึ้น  สนใจว่าพวกเขาจะคิดอย่างไรกับเรา  กับสังคม ชาติ ประเทศของเรามากขึ้น  มันก็ตลกดีนะครับ  แต่ก็อย่างว่า  มนุษย์เป็นสิ่งที่อยากรู้อยากเห็นไปทุกเรื่อง

ความเข้าผิดๆ  อาจส่งผลกระทบ  ต่อระบบความคิดของเราได้  ทางทีดีบริโภคมันอย่างมีสตินะครับ  เข้าปีใหม่แล้วก็เริ่มทำอะไรใหม่ ๆ กันดีกว่า  เข้าเรื่องกันดีกว่าครับ หลายคนคงจะคุ้นหูเกี่ยวกับเรื่อง LGBT  ซึ่งเป็นคำที่ได้แทนพวกกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ  วันนี้ผมขอพูดในฐานะคนไทยคนหนึ่งนะครับ

ต่างชาติอาจมองว่าประเทศไทย  เป็นประเทศที่มีการค้าประเวณีเยอะมาก  รวมถึงพวกสาวประเภท 2  ที่มีการผ่าตัดแปลงเพศเรียบร้อย และยังมีกลุ่มรักรวมเพศอื่นๆ อีกมากมาย  ในขณะที่หลายชาติในเอเชีย  ถือเป็นเรื่องต้องห้าม  โดยเฉพาะประเทศที่ปกครองด้วยระบบสังคมนิยม  และพวกที่นับถือศาสนาอิสลาม  หลายท่านคงสงสัยนะครับว่า  ทำไมคนไทยถึงไม่ปิดกั้นเรื่องเหล่านี้  ผมจะเริ่มเล่าก่อนนะครับว่า...

สังคมไทยเราเป็นสังคมของสัดส่วนที่ผู้หญิงมีมากกว่ากว่าผู้ชาย  ในขณะเดียวกันภาพที่ติดตาของผู้ชายที่เกิดในสังคมไทย  ย่อมรู้ดีว่าเราผูกพันกับแม่มากกว่าพ่อ  และยิ่งในยุคปัจจุบันผู้หญิงส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะครองตัวเป็นโสดกันมากขึ้น  เหตุผลก็เพราะว่า  พวกเขาสามารถรับผิดชอบตัวเองได้ดีกว่าผู้ชายในยุคปัจจุบันมากกว่าซะอีก

มีคำถามแล้วผู้คนในสังคมรังเกียจเพศที่สามไหม    ผมว่านี้เป็นความคิดเห็นเฉพาะส่วนบุคคลนะครับ  ไม่ใช่ทุกคนที่ชอบ  และทุกคนที่จะไม่ชอบ  แต่การยอมรับในฐานะเพื่อนมนุษย์คนหนึ่งตามหลัก  คำสอนของศาสนานั่นเอง  ที่ทำให้เรามองเห็นและยอมรับในความแตกต่างนั้น  ที่ผมพูดไม่ได้สนับสนุนหรือยกย่องว่าศาสนาพุทธ  ดีกว่าศาสนาอื่นๆ นะครับ

จริง ๆ แล้วถ้าคุณอาศัยอยู่ในเมืองไทย  ก็ยังมีบางกลุ่มที่เขาไม่สามารถเปิดเผยตัวเองได้  อาจจะเพราะหน้าที่การงาน  ตำแหน่ง หน้าตาทางสังคม  ในขณะที่ภาพจากคนภายนอกเห็นประเทศไทยมีกลุ่ม LGBT  เยอะมาก   และสังคมไม่ปิดกลั้น  ตรงนี้ผมก็ยอมนะครับว่า กลุ่มคนพวกนี้มีความสามารถเป็นอย่างมาก  ไม่แพ้ชายหรือหญิงแท้  เพราะฉะนั้นมนุษย์ควรที่จะมีสิทธิเท่าเทียมกัน  ไม่ว่าจะเหตุผลประการใด  ถ้ามนุษย์ทุกชนชาติมองข้ามเรื่องกฎหมาย กฎระเบียบ และยอมรับเพื่อนมนุษย์ในฐานะผู้ร่วมโลก  คุณจะเข้าใจสิ่งนี้ได้มากขึ้น

อีกประการหนึ่งในเรื่องการค้าประเวณี  จริงๆ แล้วมันมีอยู่ทุกที่อยู่แล้วเหมือนทุกประเทศนั่นแหละครับ  แต่เพราะไทยเราเป็นเมืองท่องเที่ยวที่โด่งดังและมีชื่อเสียง  แน่นอนว่าย่อมมีข่าวพวกนี้ส่งผลกระทบตามไปด้วย  แต่นั่นก็แค่ส่วนน้อยที่คุณได้เห็นนะครับ  แท้ที่จริงผู้หญิงไทยก็ไม่ต่างจากผู้หญิงทั่วไป  พวกเขารักที่จะเป็นตัวของตัวเอง  ชอบความเป็นอิสระ และให้การเคารพผู้หลักผู้ใหญ่  ตามแบบประเพณีดังเดิม  ผมกล้าพูดได้เลยว่า  ประเทศไทยเราเป็นประเทศที่มีประชากรไทยอาศัยอยู่มากที่สุดในประเทศ 

ต่อให้เราจะมีเราจะมีเรื่องราววุ่นวายอะไรก็ตาม  แต่ทุกอย่างมันก็ผ่านไปได้ด้วยดี  จากความร่วมมือและความมีน้ำใจของคนไทยด้วยกัน  เมืองไทยเป็นเมืองที่อากาศร้อน  แต่เพราะรอยยิ้มเลยทำให้ทุกครั้งที่ร้อนผมก็จะหายเหนื่อยได้  ผมกล้าพูดได้เลยว่าเวลาผมเดินทางไปประเทศอื่นในอาเซียน  คนไทยยิ้มเยอะที่สุด  และรู้สึกอบอุ่นมากเวลาอยู่ที่ไทย  ถึงแม้ว่าหลายชาติจะดูอบอุ่นเหมือนกัน  แต่ที่นี้ก็ยังให้พลังงานกับผมได้ตลอดเวลา  ความหลากหลายทางเพศ  ความหลากหลายทางวัฒนธรรม  ความหลากหลายเรื่องอาหารการกิน  ความหลากหลายเกี่ยวกับการใช้ชีวิต  นี่แหละครับที่คือเสน่ห์ของไทยแลนด์

ท้ายที่สุดผมก็อยากจะฝากไว้กับพวกที่คิดจะทำลายชาติ  ดูหมิ่น ดูแคลนชาติของตัวเอง  และไม่ภูมิใจในชาติของตัวเอง  หยุดคิด และ หยุดทำเรื่องเหล่านี้เถอะครับ  เพราะประเทศไทยเรามีดีกว่าที่คุณคิด  คุณจงภูมิใจในชาติบ้านเมืองของคุณ  ใครจะว่า จะดูถูกเรา ก็อย่าไปโต้ตอบด้วยกิริยาที่ก้าวร้าว  เพราะนั่นคือ  ปัญหาของเขาไม่ใช่ปัญหาของเรา  ความจริงก็คือความจริงอยู่วันยังค่ำครับ  ในโลกนี้ย่อมมีคนรัก  คนเกลียด คนขี้อิจฉา  เป็นเรื่องธรรมดาของโลกครับ  เราจงใช้ชีวิตอย่างปล่อยวางและมีความสุขที่สุด

วันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2561

อยู่ห่าง ๆ กับพวกคนที่คิดลบ


ในชีวิตนี้เชื่อเลยครับว่ามนุษย์เราสิ่งที่ให้ความสำคัญที่สุดของคือ ตัวของเราเอง  ไม่ว่าอะไรก็ตามแต่  เราจะนึกถึงตัวเองเป็นอันดับแรก  ด้วยเพราะสัญชาตญานบางอย่างนั้นเอง  ว่ากันด้วยหลักธรรมในทางพระพุทธศาสนา มนุษย์เรานั้นต้องเป็นที่พึ่งของตัวเองให้ได้ก่อน  ก่อนที่จะไปขอความช่วยเหลือผู้อื่น  ผมว่าเรื่องนี้มีส่วนจริงมากทีเดียวครับ

มีบางคนมองว่า...คิดเเบบนี้คุณเป็นคนเห็นแก่ตัวหรือเปล่า  จริง ๆ แล้วมันอยู่เจตนานะครับ  การจะมาตัดสินว่าคนนี้เห็นแก่ตัวเองหรือไม่  ในบางสถานการณ์หากไม่ใช่คุณ  มันอาจยากนะที่เราจะตัดสินใจกับบางเรื่อง  ข้อคิดสำคัญในการใช้ชีวิตก็คือ  พยายามมองเห็นในแง่ดีของการใช้ชีวิต  ไม่ว่าคุณจะตกอยู่ในสถานการณ์ใด ๆก็ตามแต่  ชีวิตมนุษย์เราบางทีเราว่าเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากแล้ว  ก็ยังมีคนที่เขาลำบากกว่าเราอีกตั้งแยะ

การฝึกมองเห็นความสวยงามในสถานการณ์ที่คับขัน  จะทำให้เรามองเห็นทางออกได้ทุกสถานการณ์  เป็นเหมือนบททดสอบที่สำคัญว่า  เราจะผ่านจุดนี้ไปได้ยังไง และทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นมากแค่ไหน  คนเราบางทีก็ต้องฝึกยอมรับความเป็นจริง ที่เกิดขึ้นกับชีวิตของตัวคุณบาง  ไม่มีใครที่หนีความจริงของตัวเองไปได้ตลอด  เราอาจไม่ใช่คนที่เก่งหรือดีที่สุด  แต่เราคือคนที่พร้อมยอมรับในข้อผิดพลาดของตัวเอง  แล้วนำมาปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นได้

การเอาตัวเราไปเปรียบเทียบกับคนนั่นคนนี่  ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดีหรอกครับ  คนอื่นตัดสินเรายังไงยังไม่เท่าเรามองตัวเราเองยังไงหรอก  บทที่  1  ของเรากับบทที่ 10 ของเขาอาจแตกต่างกัน  ประสบการณ์ชีิวิต และเรื่องราวที่พบเจอก็ต่างกัน  บางทีเขาแกร่งกว่านั่นเพราะเขาผ่านอะไรมามากกว่าเรา  ไม่ได้หมายความว่าเราจะดีกว่าเขาไม่ได้  แค่เราต้องใช้เวลาและรอจังหวะที่เหมาะสม  โอกาสมักต้องมากับความพร้อมเสมอ  ถ้าเรามีความมุ่งมั่นและพร้อมอยู่เสมอ  ถึงเวลานั้นใครก็ไม่กล้าจะมาตำหนิเรา  ถึงตำหนิไปก็ไม่ได้มีผลอะไรกับเราหลอกครับ

สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผมต้องการนำเสนอเรื่องนี้ก็คือ  ปัจจุบันโลกเราหมุนไวมาก  มีคนคิดลบมากขึ้นทุกวัน  เราเลือกได้ว่า เราจะเปิดโอกาสให้คนคิดบวก หรือลบให้เข้าหาชีวิตเราได้  คนคิดลบเราก็มักจะได้ยินและฟังแต่เรื่องลบ ๆ และพลอยจะทำให้ชีวิตเราตกต่ำไปได้  กลับกันถ้าเราหมกหมุ่นอยู่กับคนคิดบวก  เราจะได้รับแต่พลังงานบวก  เข้ามาอยู่ตลอดเวลา  เพราะชีวิตเป็นของเรา เรากำหนดมันเองได้  แค่เปิดโอกาสดี ๆ ให้กับตัวคุณเองเท่านั้น

ถ้าถามผมว่า  แล้วจะทำยังไงถ้าเราต้องตกอยู่ในสถานการณ์ของพวกคิดลบ แบบไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้  ท่านก็แค่พยายามปิดหู ปิดปาก แค่นั้นเองครับ  เราแก้ไขอะไรที่เขาไม่ได้  แต่เราสามารถปรับปรุงที่ตัวเราเองได้  ทำตัวเราให้สูงขึ้น  ปล่อยพวกเขาให้ได้รับบทเรียนของพวกเขาไป  ทุกอย่างเป็นไปตามกฎแห่งกรรม  คนที่คิดบวกได้ในสถานการณ์ร้ายๆได้  แสดงว่าคุณเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากเลยครับ  ผมนับถือด้วยใจจริง

การยอมถอยสักก้าวให้กับคนคิดลบ  ไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นผู้แพ้  แค่คุณฉลาดในการใช้ชีวิต  และฉลาดเลือกในทางเดินที่ดีกว่าของตัวเองต่างหาก  หัวเราะทีหลังดังกว่าครับ  ถ้าวันนั้นมาถึงเดี๋ยวเขาก็จะอกแตกตายไปเองเชื่อผม  ข้อสำคัญคืออย่าแสร้งทำ  แต่มันต้องมาจากความจริงใจของคุณ  อะไรที่เป็นการทำแบบหวังผล หรือแสร้งทำผู้คนย่อมเห็นและทราบถึงปฎิกริยาของคุณ  และไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างแน่นอน  ความจริงใจคือสิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำให้ผู้คนชื่นชอบและหลงรักคุณ  ในความเป็นตัวตนของคุณจริงๆ

คุณเคยเห็นไหมครับ  คนบางคนแค่อยู่เฉย ๆ ไม่ได้ทำตัวโดดเด่นอะไร  แต่เขาก็ดูโดดเด่นขึ้นมาได้แบบไม่ต้องทำอะไรเลย  นั่นเพราะเขาเป็นคนจริงใจ และรู้จักสร้างนิสัยที่เป็นเสน่ห์  ชวนน่าหลงใหลตลอดเวลาจนเป็นนิสัย  การทำอะไรให้เป็นนิสัยและเป็นเรื่องปกติตามธรรมชาติ  ก็เลยทำให้ดึงดูดผู้คนให้หลงรักคุณได้มากขึ้น  ในทุก ๆ สถานการณ์ได้เป็นอย่างดี  ผมฝากให้ทุกท่านไว้เป็นข้อคิดนะครับ  ชีวิตนี้มันสั้นจริง ๆ อย่าเอาความคิดลบมาใส่หัวคุณ  คิด ทำ แต่เรื่องดี ๆ  ไม่ได้สร้างอะไรให้กับโลกใบนี้  อย่างน้อยที่สุดก็สร้างรอยยิ้มให้กับตัวเอง กับผู้คนก็ยังดีกว่านะครับ  

วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2561

เป็นตัวของเราเองดีที่สุด


หลายคนอยากที่จะเป็นนั่น เป็นนี่  เราเห็นเพื่อน เห็นคนที่เขาประสบความสำเร็จ  ก็อยากที่จะเป็นแบบเขาบ้าง  ทั้งที่ในความเป็นจริง  เราก็ไม่ได้ต้องการจะเป็นแบบนั้นสักหน่อย  เพียงแค่เพราะว่าอยากทำตามแบบเขาเท่านั้นเอง  คนเรานี่ก็แปลกนะครับ  เรามักจะมองแต่ในด้านที่เราเลือกอยากที่จะเห็นในแบบนั้น ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว  มันมีอะไรมากกว่านั้น

มนุษย์เราจะมีหลากหลายมุมที่เรายังมองไม่เห็น  การมองคนควรมองแต่ด้านดีของเขา  แต่การจะศึกษาอะไรบางอย่างที่เป็นผลลัพธ์ของความสำเร็จ  ก็ต้องเรียนรู้ทั้งด้านที่สำเร็จ  และด้านที่ล้มเหลว ที่เคยผ่านมาของเขาด้วยเช่นกัน  บางทีคนเราก็มักจะคาดหวังกับความสำเร็จมากจนเกินไป  จนบางครั้งมันกลายเป็นความเครียด  ความกดดันในตัวเองไป

สิ่งสำคัญที่สุดผมอยากจะแนะนำคุณก็คือ  คุณต้องกลับมาที่ตัวเอง  อย่าได้เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร  ไม่มีใครดีกว่าใครและเก่งกว่าใครไปได้ทุกเรื่อง  การเป็นตัวของตัวเองจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด  อะไรที่เราไม่ได้ชอบก็คือไม่ชอบ จะไปฝืนอะไรที่มันขัดกับความเป็นจริงของตัวเราเองทำไม  เราก็แค่ทำหน้าที่ตรงหน้าของเราให้มันดีที่สุด  ถ้าทำดีทีสุดแล้วผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร  เราก็ไม่ต้องมานั่งกังวลหรือเสียใจในภายหลัง

คนเรามีทางเดินและความฝันของตัวเราเอง  มันอาจแตกต่างกันตามประสบการณ์  และความชอบของแต่ละบุคคล  คนที่มีฝันก็อย่าได้ทิ้งความฝันของตัวเองไปนะครับ  อย่าให้อายุหรือเหตุผลอะไรก็ตามมาสร้างกำแพงหรือข้อจำกัดให้กับตัวเราเอง  เราเห็นคนที่ประสบความสำเร็จ  ก็ควรฝึกชื่นชมเขาด้วยใจจริง  ศึกษาและเอาเขาเป็นต้นแบบของความสำเร็จให้กับเราได้  โลกจะดึงดูดให้เราเป็น  และอยากเป็นในแบบที่เราต้องการ

บางทีสิ่งที่เราคาดหวังไว้ ผลลัพธ์ที่ได้มันอาจไม่ได้วิเศษขนาดนั้น  หรืออาจจะดีกว่าความคาดหมายของเราก็ได้  สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ  ผมอยากให้คุณเต็มที่กับชีวิต  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามจงภูมิใจในตัวของเราและเต็มที่กับมัน  ในวันที่เรารู้สึกเหลือตัวคนเดียวจริง ๆ  ก็อย่าหมดศรัทธาในตัวเอง  พยายามปลุกไฟของตัวเองให้มันลุกอยู่ตลอดเวลา  ออกเดินทาง  ไปพบปะผู้คนเพื่อสร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ให้กับตัวเอง  อย่าทำตัวเองให้เป็นคนคิดลบ  หรือติดกรอบ

เราไม่อาจรู้ได้หรอกครับว่าในวันข้างหน้า  เราจะประสบความสำเร็จได้มากน้อยแค่ไหน  แต่ที่เราสามารถสร้างมันขึ้นมาได้ทันทีก็คือ "ความสุข" กับการอยู่กับปัจจุบันและทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด  ในแต่ละวัน  บนโลกใบนี้มีพื้นที่ว่างมากมาย  สำหรับผู้คนให้สามารถที่จะโดดเด่น  และแจ้งเกิดในเวทีของความสำเร็จในชีวิตได้  คำนิยามของความสำเร็จของคนเราในแต่ละคน  มันแตกต่างกัน  แต่พื้นฐานแห่งความสำเร็จต้องเริ่มจากความสุขที่แท้จริงซะก่อน

ความมุ่งมั่น ความทะเยอทะยาน และไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค์  จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้มนุษย์  ต่างต้องการความสำเร็จ และมีหน้ามีตาในสังคม  เพราะเราคือมนุษย์สังคม  ที่ต่างต้องอยู่ร่วมกันและพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน บางทีการทะเลาะกันจึงเป็นเรื่องธรรมดา  เราควรหาจุดที่พอดีและปรับความเข้าใจกันให้ได้ บุคคลที่จะประสบความสำเร็จทุกคนเข้าใจกฎเหล่านี้เป็นอย่างดี  คุณก็อยากประสบความสำเร็จใช่ไหมละ  งั้นเราก็ต้องมาเริ่มสร้างแผนที่ทางเดินให้กับตัวเรา  ในแบบที่เราต้องการจริงๆ  ได้แล้วละครับ  คนเรานะ เกิดมาทั้งที่  ต้องเอาดีให้ได้สักเรื่องหนึ่ง  ให้โลกได้ชื่นชมเราและเราก็สามารถตอบแทนให้กับโลกใบนี้ได้  อย่างไม่น่าผิดหวัง 

วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2561

กำลังใจคือสิ่งที่ยื่นให้กันได้ดีที่สุด


ในยามที่เรารู้สึกว่าเห่ย...ชีวิตนี้มันช่างน่าเบื่อหน่ายเหลือเกิน  อยากไปที่ไหนไกลๆ สถานที่ใหม่ ๆ ที่ไม่มีคนรู้จักเรา  ได้เป็นตัวของเราอย่างแท้จริง  คิดไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าทำไมชีวิตของฉันต้องมาเจอกับเรื่องอะไรแบบนี้นะ

ยิ่งในบางครั้งที่เราต้องตัดสินใจกับอะไรบางอย่าง  การตัดสินใจว่าเป็นเรื่องที่มันยากแล้ว  แต่เรื่องที่ยากยิ่งกว่าก็คือ  การปฎิเสธกับอะไรบางอย่าง (นับว่าเป็นเรื่องที่ลำบากใจทีเดียว) แต่ยังไงการปฎิเสธก็ยังต้องดำเนินไปอยู่ดี

ในช่วงเวลานี้ผมเชื่อว่าทุกคนกำลังพยายามหาเหตุผล  ต่าง ๆ นา ๆ ที่ดีที่สุด  เพื่อที่จะทำให้ตัวเองรู้สึกผิดน้อยที่สุด  สำหรับผมการหาเหตุผลไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด  แต่การพูดความจริงออกไปต่างหาก  ที่จะทำให้ตัวเรา  และเขาสบายใจกันทั้งสองฝ่าย  มนุษย์เราอยู่ร่วมกันเป็นสังคม  เพราะฉะนั้นการเข้าหาผู้คนจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น  คนเราควรจริงใจต่อกันครับ 

อะไรที่ทำให้เรารู้สึกขาดความศรัทธาในตัวเอง  ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่น่าทำเป็นอย่างยิ่ง  ในหนึ่งครั้งของชีวิต  ย่อมมีเรื่องที่เข้ามารบกวนจิตใจคุณอยู่บ้าง  การได้กำลังใจจากใครสักคน  ก็เปรียบเหมือนยาดี ๆ ที่ช่วยหล่อเลี้ยงเรา  สองสามวันมานี้ตัวผมก็อยู่ในอาการจิตตกพอสมควร  ผมได้แต่นิ่งเพราะคิดหาวิธีการไม่ได้จริง ๆ  ตอนที่ผมเข้านอนเมื่อคืน  ผมก็ได้เสียงใครบางคนเข้ามากระซิบที่ข้างหูผม  เสียงนั้นก็คือ เสียงของคุณแม่  ซึ่งจากผมไปแบบไม่มีวันกลับแล้วนั่นเอง  ผมได้ยินเสียงนี้ทีไร  เหมือนกับมีพลังบางอย่าง  ปลุกผมให้ตื่นขึ้นมาแล้วลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับความจริงที่อยู่ตรงหน้า  ความกลัวและความกังวลใจก่อนหน้านี้  มันหายไปหมดเลยครับ

เวลาที่คุณหมดกำลังใจกับอะไรบางอย่าง  ผมอยากให้คุณให้กำลังใจตัวเอง  หรือกลับไปหาใครสักคน  คนที่จะสามารถปลุกให้คุณลุกขึ้น  มีพลังที่จะสู้กับชีวิตอีกครั้งหนึ่ง  ชีวิตมันก็เท่านี้มีขึ้น มีลง ไม่มีอะไรแน่นอนหรอกครับ  สิ่งที่เราทำได้ก็คือ เราต้องตั้งสติยอมรับความจริงที่อยู่ตรงหน้าให้ได้  ชีวิตนี้มันสั้นเกินกว่าจะมานั่งคิดเล็ก คิดน้อย อะไรที่เราเต็มที่แล้วก็ปล่อยวางนะครับ

สิ่งที่ยากกว่าอะไรนั่นก็คือ  การที่มนุษย์รู้สึกปล่อยวางนี่แหละครับ  ถ้าหลุดพ้นจากตรงนี้ไป  คุณแทบจะไม่ต้องกังวลอะไรมากมาย  ใจที่ปล่อยวางมักจะทำให้ความคิดเราเป็นอิสระไปด้วย  มีความคิดสร้างสรรค์และมีจินตนาการที่จะสรรค์อะไรใหม่ๆได้  ทุกสิ่งมีเวลาของมัน ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ 

อะไรที่เราไม่ต้องการให้เขามาทำกับเรา  เราก็แค่อย่าไปทำกับเขาแค่นั้นเอง  ฝึกเป็นคนยิ้มง่าย และหัดชมผู้อื่น  ให้กำลังใจผู้อื่นให้มากๆ มันอาจเป็นยาดีสำหรับเขา  และทำให้ตัวเรามีความสุขไปด้วย  แต่ต้องออกมาจากใจจริงนะครับ  ใช้ความจริงใจเข้าแลกกับทุกอย่าง  คุณจะเห็นพลังของความจริงใจ และความสุขที่ออกมาจากใจคุณอย่างแท้จริง  อะไรก็ไม่ดีไปกว่าการได้ทำ ได้เป็น ในสิ่งที่ตัวเองต้องการจริง ๆ หรอกครับ

วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2561

คำนิยามของความสุข


หลายคนมีความฝัน  และต้องการไปให้ถึงจุดนั้น  ในขณะที่บางคนก็ได้แต่ฝันและก็ยังไม่ได้ลงมือทำอะไรกับความฝันของตัวเองเลย  เราต่างสร้างกำแพงให้กับความฝันของตัวเอง  ในหลายๆเหตุผล เช่น

- ฉันทำไม่ได้บ้างละ

- ฉันเรียนมาน้อย ไม่มีความสามารถด้านนี้ 

- ฉันไม่ได้จบการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้มาเลย

- ฉันไม่มีพื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลยด้วยซ้ำ

ไม่ว่าจะเหตุผลร้อยแปดประการ  เหนือสิ่งอื่นใดนั่น ก็คือ ธรรมชาติของมนุษย์เรานั่นเองแหละครับ  เราพยายามสร้างเกราะคุ้มกันให้กับตัวของเราเองตลอดเวลา  แท้ที่จริงไม่มีมนุษย์คนไหน  เกิดมาแล้วมีความสามารถ หรือมีพรสวรรค์ตั้งแต่เกิดได้เลย  ถ้าหากว่าเขาไม่สนใจหรือไม่มีแรงบันดาลใจในการลงมือทำตามความฝันนั้น

บางทีเราก็เอาแต่นั่งมองความฝันเหมือนกัับเงา  ที่พยายามยามคว้ามันเท่าไหร่  มันก็จะวิ่งหนีเราไปทุกที่ เงาที่ว่านั้น  ไม่ใช่ใครที่ไหน แท้ที่จริงก็คือ "ตัวตนของเรานั่นเอง"  หลายคนไปนิยามความสุข  โดยเริ่มให้ความสำคัญกับตัวเงิน หรือตัวเลขในบัญชีก่อน  ทั้งที่จริงบางทีสิ่งที่จะทำเงินให้คุณต่างหาก  นั่นแหละคือสิ่งที่คุณควรพัฒนาและฝึกฝนมัน  ไม่ใช่วิธีการหาเงินแต่เป็นพรสวรรค์กับบางสิ่งบางอย่าง

มนุษย์เราไม่จำเป็นต้องเก่งไปทุกเรื่องหรอกครับ  แน่นอนว่าความจำของมนุษย์และความสามารถเรามีจำกัดอยู่แล้ว  สิ่งที่สำคัญคือ  ยิ่งเรารู้จักตัวเองมากเท่าไหร่ และปฎิเสธสิ่งที่เราคิดว่ามันไม่ใช่สำหรับเรา  ได้มากเท่าไหร่ มันจะยิ่งทำให้คุณเข้าใกล้ความฝันของคุณได้มากขี้นเท่านั้น

ความฝันหรือส่ิงที่คุณต้องการจะทำมันนั้น  ตรงนี้ผมยังไม่ได้พูดถึงว่า  คุณจะประสบความสำเร็จกับมันหรือไม่  เพราะนั้นมันคือปลายทาง  จุดเริ่มต้นที่ดีนั่นแหละที่จะเป็นรากฐานแห่งความสำเร็จของคุณในระยะยาว  เช่นเดียวกับงานเขียนของผม  มีคนเคยถามผมว่า  ผมทำแล้วผมได้อะไร สิ่งที่ผมได้ก็คือ คุณค่าทางจิตใจยังไงละครับ  มันมีค่ามากกว่าอะไรด้วยซ้ำ

ทุกครั้งที่ผมได้ลงมือเขียน  ได้อ่านหนังสือ ได้เดินทาง ได้แปลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้คนใหม่ ๆ ความคิดของผมมันก็จะร้อยเรียงเป็นตัวหนังสือได้ทันที  ผมสนุกที่จะทำมัน และต้องการที่จะเเชร์เรื่องราวประสบการณ์  ที่คิดว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์ให้กับผู้คน  บางครั้งสิ่งที่ผมทำมันอาจจะอยู่นอกกระแสบ้าง  แต่ผมก็ไม่ได้สนใจเพราะมันคือความสุขที่ผมได้ลงมือทำ

แล้วคุณละครับ.... ได้เจอสิ่งที่ใช่ของคุณหรือยัง   บางทีนะครับมันอาจไม่ใช่สิ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับใครหลายคน  หรืออาจไม่ใช่ในแบบที่เราคิดไว้ก็ตาม  แต่มันทำให้หัวใจเราพองโตทุกครั้งที่ได้ทำมัน  สนุกกับมัน  ไม่เบื่อ และอยากจะทำสิ่งเหล่านี้ให้มันดีขึ้นทุก ๆ วัน  ตัวผมก็ไม่ใช่นักเขียนที่ดีที่สุด  หรือเก่งที่สุด  แต่ผมมั่นใจได้ว่า สิ่งที่ผมทำผมทำมันด้วยใจที่รักจริง ๆ  และอยากจะส่งต่อให้กับผู้คน

มีหลายครั้งที่เราล้มเหลว  ผิดหวังกับชีวิต  บางทีก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ใจเราต้องการ  เรามัวแต่รอจังหวะรอโอกาสอะไรก็ไม่รู้  ทั้งที่ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าจะมีอยู่จริงหรือไม่  ผมอยากให้บทความนี้เป็นเหมือนกำลังใจให้กับทุกคน  ทุกครั้งที่คุณสิ้นหวัง  หรือท้อใจ นึกอะไรไม่ออก  อยากที่จะให้บทความของผม  ด้สร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ให้กับคุณ  เหมือนยาวิเศษ  ที่ช่วยหล่อเลี้ยงใจให้มีพลังมากยิ่งขึ้น  ขอบคุณที่ทำให้โลกใบนี้สวยงามมากกว่าเดิม  และขอบคุณตัวผมเองที่อดทน  และมุ่งมั่นกับการทำงานชิ้นนี้ และจะตั้งใจทำมันต่อไป ฝึกฝนและพัฒนางานเขียนของตัวเองให้ดีขึ้นในทุก ๆ ครั้ง  ผมสัญญา

วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ข่าวสารและหลักกาลาสูตร


โลกทุกวันนี้เต็มไปด้วยความวุ่นวาย  มีทั้งผู้ที่หวังดี  และผู้ที่หวังผลประโยชน์และอาศัยจังหวะบางอย่าง  เพื่อหาผลประโยชน์ให้กับตัวเอง  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  อาชีพที่ควรจะมีจรรยาบรรณมากที่สุดก็คือ นักข่าว หรือคนที่ทำงานเกี่ยวกับการให้ข้อมูลข่าวสาร  คุณจะสังเกตุเห็นได้ว่า  เวลาหัวข้อข่าวบางทีก็ไม่ตรงกับเนื้อหาของข่าว  หรือคลิปวีโอดีไม่ตรงกับเนื้อหา  เพียงเพราะต้องการให้คนสนใจและเข้ามาดู  เข้ามาอ่านกันเยอะ ๆ  

ผมจึงอยากนำเสนอเกี่ยวกับหลักกาลาสูตร  10 ข้อ  ตามหลักพุทธศาสนาไว้เป็นหลักเตือนใจทุกท่าน  เวลาจะบริโภคข้อมูลข่าวสารอะไร  ก็อย่าเพิ่งปักใจเชื่อง่าย ๆ  ควรใช้หลัก 10 ข้อนี้เป็นข้อคิดเตือนใจก่อน  หาไม่แล้วอาจสร้างความเดือนร้อนมาสู่เรา และความทุกข์ใจมาสู่ผู้อื่นด้วย

  1. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน)
  2. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสีบๆกันมา (มา ปรมฺปราย)
  3. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย)
  4. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน)
  5. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ)
  6. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ)
  7. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน)
  8. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว (มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา)
  9. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (มา ภพฺพรูปตาย)
  10. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ)
ถ้าคุณศึกษาและทำความเข้าใจกับหลักเหล่านี้  คุณจะไม่ตกเป็นเหยื่อของใครทั้งนั้น  คนที่คิดไม่ดีหรือหวังแต่จะกอบโกยผลประโยชน์  ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรกับคุณได้  ผมก็พอทราบนะครับว่า พลังแห่งข้อมูลข่าวสารในโลกออนไลน์  มันรวดเร็วมาก  ข่าวสารบางอย่างทำให้เราเกิดความหดหู่ จิตตก  นั่นเพราะข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้ผ่านการกรองที่ถูกต้องมาก่อน  จึงทำให้มีผลกระทบต่อจิตใจของมนุษย์เป็นอย่างมาก  

เราก็ไม่อาจคาดเดาเจตนาของผู้ที่ปล่อยสื่อออกมาว่า  เขาต้องการอะไรกันแน่  ต้องการเรียกร้อง  ต้องการความสนใจ  ความสะใจ  หรือประชดประชัน  มันก็เป็นไปได้ทั้งนั้น  คนที่ฝึกกาย ฝึกจิตมีสติรู้อยู่นั้น  จะไม่มีทางตกเป็นเครื่องมือของบุคคลเหล่านี้  

คุณต้องเข้าใจนะครับว่าโลกนี้  มันมีทั้งคนที่หวังดีกับคุณ และคนที่ไม่หวังดี  ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร  สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ  ตัวเรานั่นแหละครับ  เรารู้เจตนาของเราดี  ว่าสิ่งที่เรากำลังคิดและทำนั้น  เราทำเพื่ออะไร  ต้องการที่จะสื่อสารอะไรให้กับผู้ฟัง  สำหรับผมแล้วผู้คนอาจน่ากลัวจริงแต่ก็ไม่น่ากลัวเท่ากับใจของเราเองนั่นแหละครับ

เมื่อเกิดเหตุการณ์อะไรบางอย่างกับเรา  เราควบคุมตัวเองได้ไหม  เราควบคุมสถานการณ์ได้ไหม  เราสามารถฝึกความอดทน อดกลั้นให้เราเป็นคนดี  มีจิตใจที่ดีอยู่เสมอได้ไหม  เราจะไม่พาตัวเองไปในสิ่งที่ไม่ดีหรือทำตัวเองให้ตกต่ำได้หรือไม่  สิ่งเหล่านี้น่ากลัวกว่าอะไรทั้งนั้น  การฝึกใจตนเอง  จึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในยุคนี้  ใครเขาจะคิดอะไรไม่สำคัญเท่าตัวเราดีพอ  และรักษาระดับความคิดของเราได้หรือไม่  ยังไงผมก็ขอฝากเอาไว้ด้วยนะครับ  เราดีได้ด้วยตัวของเราเองไม่ใช่เพราะใครยกย่องว่าเราเป็นคนดีครับ

วันอังคารที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2561

สร้างพลังให้ตัวเอง


คนเราที่จริงมันก็แปลกครับ  เวลาที่เราหมกหมุ่นอยู่กับอะไรบางอย่าง  เราก็จะจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้นได้นาน ๆ แบบไม่รู้จักเบื่อกันเลย อะไรนะที่คือสาเหตุของสิ่งเหล่านี้ 

ถ้ามันเป็นเช่นนั้นได้  ก็เท่ากับเราสามารถนำสิ่งนี้มาปรับใช้กับชีวิตประจำวัน  และสิ่งที่เราชอบได้ละซิครับ  มันจะวิเศษเป็นอย่างมากเลยครับ  ถ้าเป็นไปได้  การเริ่มต้นทำอะไรใหม่  หรืออะไรที่เราไม่คุ้นเคย  ในครั้งแรกมันจะมีความรู้สึกว่ายากเสมอ ๆ   แต่พอผ่านจุดนี้ไปได้แล้วทุุกอย่างมันก็จะผ่านไปได้เอง  บางครั้งนะครับ  ผมก็มีความคิดนะครับว่า 

ทำไมมนุษย์ต้องมีความรู้สึกเจ็บปวด  กลัว  เศร้า เหงา ดีใจ เสียใจ และก็ร้องไห้  สลับหมุนเวียนไปอย่างนี้  เราเลือกที่จะมีความสุขตลอดเวลาไม่ได้เหรอ  ความคิดแบบเด็กๆ ที่มองโลกเต็มไปด้วยความสวยงาม  แต่เมื่อโตขึ้นเราก็เริ่มได้เห็นได้เข้าใจความเป็นจริงของชีวิตที่มากขึ้น  เลยทำให้รู้ว่าจังหวะชีวิตทุกอย่างมันเป็นเรื่องธรรมดาของมัน  แค่เราจำเป็นต้องฝึกเรียนรู้  และรับรู้ตามความเป็นจริงในสภาวะนั้นให้ได้นั้นเอง

หลายปีมานี้  ผมเขียนบทความมาหลายบทความแล้ว  สิ่งที่ผมได้รับจากมันก็คือ "ความทรงจำ" นั่นเอง  สิ่งนี้มันช่างน่าวิเศษจริงๆ ครับ  มันทำให้ผมความจำดีขึ้น  และพัฒนาทักษะในการเขียนได้ดีขึ้น  ในความเป็นจริง  งานเขียนนี้มันใส่อะไรลงไปได้เยอะมาก  ทั้งชีวิต  จิตวิญญาน  อารมณ์และความรู้สึกต่าง ๆ 

ผมว่า..ไม่ว่าอะไรก็ตาม  ถ้าเราเต็มที่กับมันทุกอย่างก็เป็นไปได้หมด  บางทีข้อจำกัด หรือกำแพงที่เราสร้างมันขึ้นมา  เพื่อล็อคจิตวิญญานของเราให้ไม่สามารถเป็นอิสระได้  เราควรปลดปล่อยวิญญานของเราให้มีอิสระ  ทำตามหัวใจ ตามความต้องการของตัวเราเอง แค่ลองดูสักครั้ง  ครั้งเดียวบางทีมันอาจเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญให้กับชีวิตของคุณก็ได้นะครับ

ชีวิตคนเราในแต่ละวันล้วนมีเรื่องตลกมากมาย  เราพบเจออะไรมากขึ้น  ในขณะเดียวกันพอเรารู้อะไรมากขึ้นแทนที่เราจะเป็นคนที่กล้า  เรากลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัวมากขึ้น  มันก็ตลกนะครับแต่มันคือเรื่องจริง  วิธีที่ขจัดความกลัวได้ที่ดีที่สุดก็คือ  "การลงมือทำ"  มันในทันทีที่คุณกลัวเพียงแค่นี้คุณก็จะสามารถก้าวข้ามสิ่งเหล่านี้ไปได้  

บทเรียนชีวิตของคนเราต่างได้สอน  และทำหน้าที่เป็นอาจารย์ที่ดีที่สุดสำหรับเราแล้วละครับ  เราเพียงแค่ทำหน้าที่เป็นลูกศิษย์ที่ดี  ศึกษาและทำความเข้าใจกับสิ่งนั้น  การที่มนุษย์เข้าถึงตัวเองมากที่สุด  ก็เท่ากับเข้าถึงคนอื่นไปด้วย  ไม่มีใครจะเห็นใจมนุษย์ได้ก่อน  ถ้าตัวเขายังไม่รู้จักกฎกติกาในข้อนี้  ชีวิตก็มีกฎนะครับ คุณต้องเรียนรู้และเข้าใจกฎกติกาเหล่านี้  ไม่ว่าจะเป็นกติกาในการใช้ชีวิต  กติกาในการอยู่ร่วมกับสังคม  ถ้าเคารพกติกาและเล่นตามเกมส์ให้สุดความสามารถ  ชีวิตคุณก็ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

คนบางคนพยายามวิ่งหาสูตรลัด  สูตรที่จะนำพาไปหาเส้นชัยหรือความสำเร็จ  ทั้งที่ยังไม่รู้เป้าหมายและความต้องการที่แท้จริงในชีวิตของตัวเขาเองด้วยซ้ำ  แบบนี้จะเรียกความสำเร็จได้ยังไง  มันก็แค่การแข่งขันเท่านั้นเอง  เมื่อเกมส์จบทุกอย่างก็จบ  ชีวิตมันมีอะไรมากกว่าการแข่งขัน  อย่าพยายามไปแข่งขันกับใคร  ควรแข่งขันกับตัวเราเองให้ดีที่สุด  แค่คุณดีขึ้นจากเดิมวันละ 1 % มันก็สุดยอดแล้วละครับ

บางทีผมก็อดนึกไม่ได้นะครับ  ที่ผ่านมาเราเอาแต่นั่งกังวล  กับเรื่องอะไรอยู่ก็ไม่รู้  ทั้งที่ไม่ได้ทำให้ชีวิตเราก้าวไปได้ข้างหน้าได้ดีสักหน่อย  มันก็ย่ำอยู่ที่  เครียดไปก็เท่านั้น  เส้นทางชีวิตอาจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบกันทุกคน  แต่มันสามารถจะพาเราไปหาจุดที่เหมาะสมได้  ด้วยพลังงานแห่งความคิด  ความคิดจะเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมและการกระทำของเรา  เผื่อผลักดันให้เราก้าวไปข้างหน้าได้  

หลายคนพลาดโอกาสดี ๆในชีวิต  เพราะคอยเอาแต่ปิดกลั้นตัวเอง  มองว่าตัวเองไม่มีความสามารถพอ  ไม่ดีพอที่จะได้รับสิ่งดี ๆ เข้ามา  เหนือสิ่งอื่นใดต้องเปิดใจให้ได้ก่อน  คนเราถ้าเปิดใจแล้วอะไรก็พร้อมรับสิ่งใหม่ได้เสมอ  และลดความกังวล  ความกลัวไปได้อย่างมาก ทำตัวให้พร้อมรับกับสิ่งใหม่ๆ ได้เสมอ สนุกไปกับมัน  ทำให้ดีที่สุดโดยไม่ต้องไปคาดหวังกับผลลัพธ์ให้มาก  เพราะผมมั่นใจว่าถ้าเราทำเหตุดี  ผลมันก็ต้องดีเสมอ

วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ชีวิตไม่ได้ยาก แต่เราทำให้มันยากเอง



พอดีไปอ่านผ่านเจอหัวข้อนี้  ผมว่า...มันน่าสนใจดีนะครับ  มนุษย์นั่นแหละที่ทำให้เรื่องบางเรื่องมันซับซ้อนไปเอง  ทั้งที่ในความเป็นมันไม่ได้มีอะไรยุ่งยากเลย  นั่นก็เพราะ

1.เราติดกรอบ  ใช่เลยครับมนุษย์เราเวลาทำอะไรไปได้สักพักหนึ่ง  นานพอจนตัวเองเกิดความไม่มั่นใจ  แล้วก็เกิดความกลัวขึ้นมาซะงั้น  ไม่กล้าที่จะลงมือทำอะไรใหม่  ด้วยข้อจำกัดพื้นฐานที่ตัวมนุษย์เราเองสร้างขึ้นมาเป็นกำแพงกั้นตัวเราไว้  เช่น  หนี้สิน  อายุ  ความสามารถ  (ถ้าหากเราจะย้อนกันไปจริงๆ แล้วสิ่งเหล่านี้มันก็เกิดจากพฤติกรรมของมนุษย์ทั้งนั้นนะครับ  ผมว่าเราสามารถควบคุม และพัฒนา เรียนรู้กับทุกสิ่งได้)

2.เราชอบทำอะไรตาม ๆ กัน   เรื่องนี้แน่นอนเลย  ผมไม่รู้ต่างชาติเป็นอย่างไรนะครับ  แต่พี่ไทยเราแน่นอนที่สุด   คนไทยชอบทำอะไรตามๆกันมาก  อย่างล่าสุดวันเสาร์ที่ผ่านผมก็ได้ไปเดินดูของลดราคา  เป็นยี่ห้อสินค้าแบรนด์ดัง  ซึ่งได้รับความนิยมในประเทศไทยมาก   เขานำมาขายลดราคา  แต่คุณเชื่อไหมว่า  โอ้โหคนจะเยอะอะไรเบอร์นั้น  (ทั้งที่ในความเป็นของมันก็ไม่ได้ถูกขนาดนั้นผมว่า  อีกอย่างลองไม่ได้  เปลี่ยนก็ไม่ได้)  จิตวิทยาของมนุษย์อย่างหนึ่งก็คือ  เวลาเห็นป้ายราคาสูง ๆ  เเล้วตัวเองสามารถซื้อในราคาที่มันถูกลงจากป้ายเอามากๆ  มันมีความรู้สึกภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก  บางทีผมมองผู้คนที่กำลังยื้อแย่งกันแล้วก็แอบขำไม่หายนะครับ

3.เรากังวลไปก่อน  เรื่องนี้เรื่องจริงทีเดียวครับ เวลามนุษย์เราพอทราบว่าต้องทำอะไรใหม่ๆ  หรือเรื่องที่เสี่ยง ๆ  จะมีความรู้สึกกังวลและกลัวไปก่อน  ทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไรไปเลย  ข้อนี้ผมอยากให้คุณลองคิดกลับกันใหม่นะครับ  สิ่งต่างๆ บนโลกนี้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป  ไม่มีอะไรแน่นอน จีรัง ยั้งยืน  หน้าที่ของเราก็แค่ทำวันนี้ของเราให้มันดีที่สุดก็เพียงพอแล้ว


คนเราก็ช่างแสนแปลกนะครับ  แท้ที่จริงความหมายของการใช้ชีวิตผมว่า  มันมีอะไรมากกว่าการทำงาน หาเงิน ชีวิตยังต้องมีอีกหลายมุมที่เราจะเป็นต้องทำให้มันลงตัว  ส่วนตัวผมแล้ว  ความสุขและความหมายของชีวิตนั่นก็คือ  การอยู่กับปัจจุบันและทำวันนี้ให้ดีที่สุด  

ทุกวันนี้อะไรที่มันยุ่งยาก  หรืออะไรที่พยายามดึงผมให้หลุดโฟกัสไป  ผมจะหนีห่างให้ไว้ที่สุดเลยครับ  ยาดีที่สุดของผมก็คือ  การทำจิตใจเราให้สงบ  ไม่ฟุ้งซ่าน  อยู่กับลมหายใจ-เข้าออก  ตามหลักพุทธศาสนา  คุณไม่จำเป็นต้องทฤษฎีอะไรมากมายเกี่ยวกับข้อปฎิบัติทางธรรม  เราก็แค่ปถุชน  หน้าที่ของเราคือ ต้องทำตัวเองเป็นพลเมืองที่ดี  เคารพกฎกติกาบ้านเมือง เคารพกฎหมาย  เพียงแค่นี้สังคมก็อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข

มีบางคนอาจแย้งได้นะครับว่า  แล้วคนไม่ดี  นักการเมืองไม่ดี  ทำไมเอาเปรียบเราด้วยข้อกฎหมาย  นั่นเป็นปัญหาของเขาครับ  สิ่งที่เราควรพัฒนาคือข้างในของเรา  การทำใจยอมรับอะไรที่เรารู้ไม่โอเคร  มันยากสักหน่อย  แต่ถ้าคุณหมั่นฝึกใจของตัวเอง  แล้วปล่อยวางได้  ชีวิตคุณจะดียิ่งขึ้นไปกว่าเดิมอีก  ตามหลักธรรมก็เคยสอนไว้เลย  "คนเราทำกรรมมาไม่เหมือนกัน  ใครทำดีก็ย่อมได้ผลดี  ใครทำชั่วก็ได้ผลชั่วเท่านั้นเอง"  ที่เราเป็นทุกข์ใจกันก็เพราะ  จิตใจเราไม่ปกติเราเอาใจไปจดจ่อกับบางเรื่องมากเกินไป  ทั้งที่เรื่องเหล่านั้น บางเรื่องก็ไม่ได้จำเป็นและมีประโยชน์กับชีวิตของเราเลยด้วยซ้ำ  เลิกทำตามและวิ่งตามคนอื่นได้แล้วครับ  จงตื่นมากับความเป็นจริงแล้วใช้ชีวิตตามแบบที่เราเลือกเอง

กล้าที่จะแตกต่างและเป็นตัวเอง

เรียกว่าห่างหายกันไปนานมากเลยครับ  ช่วงที่ไปพักกายพักจิตใจ  ทำให้เราสามารถแยกแยะได้ว่า  อะไรที่จำเป็นและสำคัญกับชีวิตของเรากันแน่   คนบางคนผ...