วันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2560

จิตวิทยากับศาสนา


สองสิ่งเหมือนไกลกันเหลือเกินนะครับ  แต่แท้จริงแล้วมันคือส่วนหนึ่งของกันและกัน

จิตวิทยา คือ ส่วนหนึ่งของศาสนาพุทธเราเลย  ผมได้อ่านหนังเกี่ยวกับจิตวิทยามาพอสมควร  ผมว่าจิตวิทยามีความเป็นวิทยาศาสตร์และหลักศาสนาพุทธเป็นอย่างมาก  วันนี้ขอยกตัวอย่างนะครับ เช่น

1.แนวคิดจิตวิทยาสอนว่า ให้เราอยู่กับความกลัวอาศัยความกลัวเป็นตัวให้เราก้าวไปข้างหน้า  ความกลัวสามารถขจัดออกไปได้ด้วยการเปลี่ยนความคิดและมุมมองใหม่ๆ

2.การนั่งสมาธิ หรือ การฝึกจิต เป็นเรื่องที่ศาสนาพุทธสอนมาหลายพันปีแล้ว นักจิตวิทยาก็ยังมีความเชื่อในเรื่องนี้เช่นกัน

3.สาเหตุที่เรื่องจิตวิทยาน่าสนใจและผู้คนศึกษามากกว่าหลักศาสนาก็เพราะว่า  ศาสนาเป็นเรื่องลึกซึ้งมาก  ต้องรู้ได้เฉพาะตนบางทีเอามาเขียนเป็นหนังสือยังไม่สามารถตีความให้ละเอียดได้

4.จุดมุ่งหมายต่างกัน จิตวิทยาส่วนใหญ่เป็นการแก้ปัญหาความทุกข์ แก้ปัญหาทางโลกเป็นส่วนใหญ่ แต่หลักศาสนาส่วนตัวผมมองว่าตำรามักไปเน้นเรื่องที่ไกลตัว อยากให้หลุดพ้น ตัดกิเลสได้ ทำให้ไม่เหมาะกับคนในยุคนี้เท่าใดนัก ควรปรับหนังสือในแบบฉบับที่ทุกคนก็สามารถเข้าถึงได้ดีกว่า

นี่ก็เป็นแค่ตัวอย่างของจิตวิทยาและศาสนา รวมทั้งข้ัอแตกต่างเล็กน้อยที่เกิดขึ้น  แท้จริงแล้วผมมองว่ามันอยู่ที่การนำเสนอมากกว่า  ว่าเราจะนำเสนอในรูปแบบไหน  ทุกอย่างไม่ผิด ไม่ถูก ในแง่มุมของผมสิ่งที่ผมอยากจะเปลี่ยนแปลงก็คือ

1.หนังสือเกี่ยวกับศาสนา  อยากให้เน้นในเรื่องการแก้ปัญหาทางโลกให้ได้ก่อน  จากนั้นค่อยๆให้บุคคลที่สนใจพัฒนาต่อยอดเขาไปเองในเรื่องที่ลึกซึ้ง อย่าทำให้เรื่องศาสนาเป็นเรื่องที่ซับซ้อนเข้าใจยาก  ตำราเขียนมาก็เพื่อเป็นศาสตร์เท่านั้น แก่นแท้ก็คือจิต ภายในของเราครับที่สำคัญที่สุด เอาตามความเหมาะสมของคุณดีกว่า

2.หนังสือเกี่ยวกับการประสบสำเร็จ  แปลกมากนะครับในยุคนี้มีแต่คนเขียนเคล็ดลับ โน่น นั่น นี่ว่ามีวิธีลัดบ้างละที่จะทำให้รวย ประสบความสำเร็จ  ไม่ต่างอะไรจากหนังสือที่วิ่งไปตามกระแสมากกว่า  ในที่สุดหนังสือเหล่านี้ก็ไม่ต่างอะไรจากกองขยะที่รอวันทิ้ง  ผมว่าเรามาทำหนังสือเกี่ยวกับเรื่องการพัฒนาจิตเราดีกว่า  ทำอย่างไรจะให้จิตเป็นเศรษฐีได้ ทำจิตอย่างไรให้เป็นอิสระต่อปัจจัยภายนอก สิ่งเร้าหรือสิ่งกระทบ  จะพัฒนาตัวเองอย่างไรก่อนจะไปพัฒนาสิ่งอื่น ทุกวันนี้มันวุ่ยวายไปหมดเพราะกระแสค่านิยมที่เราวิ่งตามๆกัน

3.ประเทศไทยหนังสือเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์น้อยมากครับ  ไม่ว่าจะทางทีวี หรือสื่อต่างๆ แท้จริงแล้วจินตนาการเป็นสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้หาใช่ สื่อบันเทิงใหม่  ผมเห็นรัฐออกมาสนับสนุนนะครับ  แต่ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง  เราต้องปลูกฝังที่รากหญ้าครับ  กระตุ้นให้คนมีความคิดสร้างสรรค์  อย่าไปจำกัดกรอบ  บางทีผมก็แอบเศร้าไม่หายที่คนไทยไปโด่งดังที่เมืองนอก แต่ในบ้านตัวเองกลับไม่มีคนรู้จัก

4.เลิกทำนิสัยตามๆกัน  วัฒนธรรมคนไทยกับกระแสที่ทำอะไรตามๆกันเลิกเถอะครับ เช่น สถานที่ท่องเที่ยวที่คนนิยมไป  ที่พัก ร้านอาหารที่คนนิยมไป  กระแสอินเตอร์ทำให้เราไม่เป็นตัวของตัวเอง เราเอาแต่ค่านิยม ความเท่ห์  จนหลงลืมสิ่งภายในของเราไปแล้ว  สุดท้ายก็หลงทางไปตามๆกันไม่ต้องไปโทษใครเลยครับ  คุณนั่นแหละที่ต้องโทษตัวคุณเอง

วันนี้อากาศดีมากครับ ขอให้คุณสดใสและมีความสุขไปตามๆกันครับ  วันนี้สวัสดีครับ

วันพฤหัสบดีที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2560

วางแผนสิ่งใหม่


การทำเงิน  ผมได้มีโอกาสเดินทางบ่อยครั้ง  สิ่งหนึ่งที่ผมได้พบเจอก็คือ  การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ใหม่ๆในชีวิตของตัวเราเองกับคนอื่น  หลายคนต่างก็พบเจอเรื่องราวที่แตกต่างกันยิ่งกว่าละครฉากหนึ่งเลยครับ  ต่างมีเรื่องทุกข์ใจ  ท้อแท้  ดีใจ สมหวัง ผิดหวัง

นั่นก็แค่เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตเท่านั้นเองแหละครับ   ที่ผมยกเรื่องนี้มาพูดผมต้องการชี้ให้คุณได้เห็นว่าชีวิตทุกคน  บางทีมันก็ไม่ได้ดีไปทุกเรื่องนะครับ  บางครั้งเราก็ต้องยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อสิ่งใหม่ๆบ้างครับ  อย่าไปกลัวหรือจำกัดตัวเราเอง  ผมอยากให้คุณกำหนดแผนในชีวิตของคุณไว้นะครับ  สำหรับคนโสด หรือมีครอบครัว แต่ยังชอบผจญภัย ก็อยากให้วางแผนอนาคตให้ดี

เพราะอนาคตเป็นเรื่องที่สำคัญ  ผมไม่ได้แนะนำว่าคุณต้องไปสร้างหนี้ด้วยการซื้อบ้าน ซื้อรถ เพื่อสร้างหนึ้สินให้ตัวเองแบกรับนะครับ  แบบนี้เขาเรียกว่าคิดตามคนส่วนใหญ่มันไม่มั่นคงหลอก  มีใครเป็นหนี้แล้วไม่เครียดบ้างละ  แค่อยากให้คุณวางแผนแบบใหม่ๆ บางทีเส้นทางใหม่ๆอาจทำให้คุณได้ในสิ่งใหม่ๆได้เหมือนกัน

ใช้ความกลัวนั่นแหละครับ เป็นตัวนำทางคุณไปสู่สิ่งที่คุณต้องการ  มีหนังสือหลายเล่มแล้วละครับที่พูดถึงเรื่องเป้าหมายของชีวิต  ไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะมีวัตถุประสงค์ใดก็ตามแต่  แต่ถ้ามันคือสิ่งที่ดีไม่ผิดศีลธรรมนั่นคือ ทางสว่างให้กับชีวิตคุณอย่างแน่นอนครับ

การฝึกคิดบวกในทุกสถานการณ์ก็ทำให้ชีวิตคุณง่ายมากทีเดียว  ไม่มีใครอยากอยู่กับคนที่จริงจังกับชีวิตหรือเครียดได้ตลอดเวลา  เราต้องพักกายพักใจ  พักสมองเราบ้าง  เมื่อถึงจุดหนึ่งของชีวิตซึ่งผมเชื่อว่าคนที่ตั้งใจตามหามันเจออย่างเเน่นอน คำตอบอยู่ไม่ไกล อยู่ในตัวเรานี่แหละ  ขอให้ทุกคนค้นมันให้เจอแล้วคุณจะไม่ต้องวิ่งวนอยู่กับที่ไปตลอดชีิวิตอีกเลย  ขอให้โชคดีครับ

การเดินทางของชีวิต


ผมว่าการเดินทางนี่มันก็ดีไปอย่างนะครับ  มันบอกเล่าเรื่องราวต่างๆในชีวิตคุณได้เป็นอย่างดี  ลองเปรียบเทียบดูง่ายๆนะครับ

ตอนเป็นเด็ก  คุณก็เที่ยวแบบเด็กก็ได้ประสบการณ์แบบเด็กๆไป
ตอนเป็นวัยรุ่น วันที่กำลังสนุกสนาน วัยนี้เป็นวัยที่ครั้งหนึ่งในชีวิตของคุณที่เจอเลยบางคนใช้มันแบบสุดไปเลย
ตอนเข้าวัยทำงาน  วัยทำงานก็พบประสบการณ์ใหม่ บางคนมีครอบครัว มีลูกมีทุกอย่างพร้อมแล้ว

แต่คุณเชื่อไหมครับว่า  บางทีสถานที่เดียวกันที่คุณไปแต่เราไปในช่วงเวลา หมายถึงช่วงอายุที่แตกต่างกัน  มันก็ให้ประสบการณ์ที่แตกต่างกันนะครับ  บางประสบการณ์ทำให้เราเป็นผู้ใหญ่ขึ้น  บางประสบการณ์ก็ทำให้เราเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งหนึ่ง  ทุกครั้งที่ไปพบเจอได้ท่องเที่ยวไปเจอสิ่งใหม่ๆ  สิ่งที่ตัวผมได้ก็คือ  มนุษย์เราต่างต้องการอิสภาพแน่นอนทีเดียวครับ  ย้อนหลังไปยุคโบราณ  มนุษย์ไม่ต้องชิ่งดี ชิ่งเด่นกันทุกคนใช้ชีวิตปกติ  ท่องเที่ยวไปในโลกกว้างได้  มีอิสระอย่างเต็มที่

แต่พอมาถึงยุคทุนนิยม  เราวัดค่าความสุขและความมั่งคั่งไปที่สิ่งภายนอก  เงินจึงกลายเป็นสื่อกลางที่สำคัญในการแลกเปลี่ยนและขาดไม่ได้  ในอนาคตโลกจะเปลี่ยนไปในทิศทางใดก็ยากจะเข้าใจได้  แต่สิ่งที่ผมคิดก็คือ  ทุกคนควรเป็นตัวของตัวเอง มีอิสระที่จะคิด ที่จะตัดสินใจ  กล้าเดินออกจากจุดเดิมของตัวเองแล้วไปเห็นโลกใหม่ในมุมมองใหม่ๆ  อย่าจำกัดตัวเอง  เพราะชีวิตเราเกิดมาแค่ครั้งเดียว

ข้อแนะนำอีกอย่างนะครับ  อย่าทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้วครับ  เพราะชีวิตยังมีอะไรที่คุณไม่รู้อีกมากมาย จงทำตัวเองเป็นน้ำครึ่งแก้วที่พร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา  บางทีสิ่งใหม่ๆนี่แหละอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเราไปตลอดกาลได้เลย  ไม่มีใครเก่งโดยไม่ฝึกฝนตัวเองหรอกครับ  ผมชอบเขียนหนังสือแต่ผมก็ไม่ได้เป็นคนเขียน  ทุกวันก็ยังต้องฝึกฝนเรียนรู้ พัฒนาตัวเองไปอย่างต่อเนื่อง  เพราะผมมีความเชื่อมั่นลึกๆว่า  สักวันผมต้องประสบความสำเร็จในการเป็นนักเขียนอย่างแน่นอน

วันเสาร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ประเพณี


ประเพณีหรือธรรมเนียมปฎิบัติ เป็นสิ่งที่ทำสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น  ในแต่ละที่แต่ละท้องถิ่นก็มีความสำคัญและแตกต่างกันออกไป  อย่างเช่นในประเทศลาว

ทุกวันพระที่วัดก็จะตีระฆังบอกในตอนเย็นเวลาประมาณบ่าย 3 บ่าย 4 และตอนตี 3 ตี 4 ของวันพระ  เพื่อต้องการที่จะบอกให้คนได้รู้ว่า เป็นเวลาไหน ย้อนหลังไปสมัยก่อนที่คนเรายังไม่มีนาฬิกา  การตีบอกเวลาเพื่อให้ทุกคนรู้จึงเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญ

ที่ผมต้องการจะพูดถึงเรื่องนี้ก็ต้องการจะสือให้ทุกท่านได้เห็นว่า ถึงแม้วิธีการปฎิบัติอาจมีความแตกต่างกันบ้าง แต่แก่นแท้ของหลักศาสนาก็ยังคงอยู่ไม่แตกต่างกัน  บางทีคนเราไปยึดเอาหลักประเพณีหรือธรรมเนียมปฎิบัติมากไป จนลืมแก่นแท้ของศาสนา

เราไปวัดเพื่อต้องการขัดเกลาจิตใจของตัวเอง  แก่นแท้มีแค่นี้ ไม่ได้ต้องการไปเอาบุญเอาทองอะไรหรอกครับ  ชีวิตบางทีถ้าหากเราสังเกตมองสิ่งต่างๆรอบตัว  ความรู้มันอยู่รอบตัวเรามองให้ดีแล้วจะเกิดประโยชน์  บางทีการที่เราปล่อยวางกับชีวิตบาง  ทำให้ชีวิตมันง่ายขึ้นนะครับ  มองทุกอย่างด้วยตาปัญญา  ใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหา  ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุและปัจจัยของมันอยู่แล้ว

วันนี้ผมอยากจะขอบคุณในชีวิตที่ผ่านมา ไม่ว่าผมจะเจอเรื่องร้ายๆ อะไรก็ตาม มันก็ผ่านไปได้ดีเสมอ  ชีวิตเมื่อได้ลองอะไรใหม่ๆ  มันก็เกิดสิ่งใหม่ๆให้กับตัวเราเอง  เรียนรู้ ฝึกฝน พัฒนาตัวเราเองอย่างต่อเนื่อง  สิ่งเล็กๆน้อยๆ ก็สามารถเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้เสมอ  คุณเชื่อไหมระหว่างคนที่อ่านหนังสือ กับคนที่ไม่อ่านหนัง  คนที่อ่านหนังสืออย่างน้อยเดือนละ 1 เล่ม 1 ปี 12 เล่มกับคนที่ไม่อ่านหนังสือเลย  พอเวลาผ่านไปนานๆ ผลลัพธ์มันแตกต่างกันมาก  ไม่เชื่อคุณลองดูครับ คุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงแบบทันตาเห็น

การกระทำเปลี่ยนความคิดและนิสัย  จงเลืิอกใช้ชีวิตให้เหมือนเป็นวันสุดท้ายและมีความสุขกับชีวิตของคุณให้มากที่สุดแล้วคุณพบว่า  ความสำเร็จมันง่ายแค่นี้เอง  

วันพุธที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ว่าด้วยเรื่องของศักยภาพ


ว่าด้วยเรื่องนี้ผมขอยกตัวอย่างมาพูดให้ฟังครับ

มีคนมาถามผมว่า ทำไมตัวผมต้องสองมาตรฐานกับเรื่องบางเรื่องด้วย เพราะอะไร  บางทีเราก็มีเหตุผลบางอย่างนะครับ  ความยุติธรรมในมุมมองของคนเรามันไม่เท่ากัน ผมจะขอยกตัวอย่างง่ายๆแล้วกันครับ

สมมติบริษัทผมมีเซลล์อยู่ทั้งหมด 3 ทีม  ในแต่ละทีมความสามารถแตกต่างกันมาก กล่าวคือ

ทีมที่ 1  (มีความสามารถมาก)
ทีมที่ 2  (มีความสามารถปานกลาง)
ทีมที่ 3  (มีความสามารถสูง)

คุณรู้ไหมว่าผมแบ่งยังไง  ผมก็จะแบ่งยอดขายให้ทีมที่ 1 มากกว่าทีมที่ 2 และ 3 เป็นเรื่องธรรมดา  นั่นเพราะอะไร ก็เพราะเขามีความสามารถที่มากกว่า  มีศักยภาพที่ดีกว่า  หากเราปล่อยให้เขาแบ่งยอดขายกันเองในปริมาณที่เท่ากัน จะเกิดอะไรขึ้นคุณรู้ไหม  ทีมที่ 1 และก็จะขาดความกระตื้อรื้นร้นในการทำงานประสิทธิภาพงานก็ลดลงตามไปด้วย นั่นเพราะเป้าที่เขาได้รับมันต่ำกว่าระดับความสามารถของเขานั่นเอง

กลับมาพูดถึงเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตามแต่  พอคุณย้อนมองกลับไปในเรื่องนี้ทำให้เห็นอะไรไหมครับ  บางทีคำว่า ยุติธรรมมันก็ไม่ได้มีกฎเกณฑ์อะไรที่ตายตัวหรอกครับ  มันอยู่กับเหตุการณืและสถานการณ์มากกว่า  ที่ผมยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูดก็เพื่อต้องการยกให้ท่านได้รู้ไว้ว่า  อยากพยายามไปเรียกร้องความยุติธรรมดีกว่า  ในทางกลับกันให้มองว่าคุณได้พัฒนาศักยภาพของตัวเองได้ดีขึ้นหรือยัง  เพราะสิ่งนี้ต่างหากที่จะเป็นต้ววัดความยุติธรรมที่แท้จริง

ขาดทุนก็คือกำไรครับ  ไม่มีอะไรที่เราลงแรงเสียไปแล้วไม่ได้อะไรกลับคืน  แค่การกลับอาจไม่ได้เป็นไปในรูปแบบที่เราต้องการเท่านั้น  อย่างน้อยสิ่งที่คุณได้ก็คือ  คุณเก่งขึ้น ความสามารถคุณก็มากขึ้นไปด้วย  ยังไงก็กำไรเห็นๆ  คุณไม่ได้เสียเปรียบหรือขาดทุนอะไรซะหน่อย  เวลามองอะไรจงมองให้หลายๆมุม  อย่ามองแค่มุมเดียว อาจทำให้คนเราเห็นภาพไม่ชัดเจน  จงฝึกฝนตนเองให้เป็นคนที่กระตื้อรือร้นอยู่ตลอดเวลา  ขยัน ตั้งใจทำงานในหน้าที่ของตัวเราเองให้ดีที่สุด  หยุดบ่น หยุดเรียกร้องความยุติธรรม  ต่อให้เป็นงานที่คุณไม่ชอบก็ตามแต่  ในท้ายที่สุดจะมีคนมองเห็นเอง  ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ในสถานที่ที่คุณก็ตาม  แต่มีคนมองเห็นและเสนอข้อเรียกร้องให้กับตัวคุณเองครับ

หยุดคิด ทบทวน ก่อนจะลงมือทำอะไรก็ตาม  เพราะการฝึกใช้ความคิด ควบคุมความคิด คือวิชานักปราชญ์ที่แท้จริง  คุณจะโชคดีตลอดไปถ้าคุณบริหารความคิด ควบคุมมันและสร้างประโยชน์ให้กับผู้คนให้มาก ยิ่งให้ยิ่งได้ครับ  ไม่เชื่อลองทำดูก่อน

วันอังคารที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ปัจจัยที่ควบคุมได้และควมคุมไม่ได้

สิ่งแรกที่จะทำให้เรามองเห็นอะไรชัดเจนตามความเป็นจริงตามแบบที่มันควรจะเป็นนั่นก็คือ  เราต้องรู้จักแยกข้อเท็จจริงกับข้อคิดเห็นออกจากกันให้ได้ก่อน


บางอย่างเป็นข้อเท็จทั้งนี้ก็ต้องมาดูอีกว่า  สิ่งนั้นควบคุมได้ หรือ ควบคุมไม่ได้การ
มนุษย์เราบางทีเป็นทุกข์กับเรื่องบางเรื่องบางเรื่องที่เราก็ไปแก้ไขอะไรไม่ได้ และในที่สุดเราก็ทุกข์ใจเปล่าๆ  วิธีที่จะทำให้เราไม่ทุกข์นั่นก็คือ เราต้องปล่อยวางกับบางเรื่องให้ได้ก่อน  ผมจะยกตัวอย่างให้ฟังแล้วกัน

เช่น วันนี้คุณต้องการจะออกไปข้างนอก  แต่ฝนดันตก แทนที่คุณจะทุกข์ใจกับเรื่องฝนตก (ปัจจัยที่ีคุณควบคุมไม่ได้) คุณก็เปลี่ยนความคิดซะใหม่ ดีเหมือนกันอากาศเย็นสบายดี  เท่านี้คุณก็มีความสุขแล้ว  ชีวิตเราต้องแยกให้ออกก่อนว่า  สิ่งไหนควบคุมได้  สิ่งไหนควบคุมไม่ได้ไม่อย่างนั้นชีวิตคุณไม่สามารถมีความสุขได้หรอกครับ  เพราะคุณจะทุกข์ไปกับทุกเรื่อง ผมขอยกตัวอย่างนะครับ

ปัจจัยที่ควบคุมได้   การทำงานให้เสร็จตามกำหนด  การอ่านหนังสือตามที่ตัวเองตั้งไว้  การนั่งสมาธิตามเวลาที่ตัวเองกำหนด

ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ ดิน ฟ้า อากาศ โลกร้อน การเมือง  เจ้านายไม่ได้ดังใจ  ลูกน้องไม่ได้ดังใจ

นี่แหละครับเหตุการณ์เหล่านี้แหละตัวคุณต้องวิเคราะห์ให้ออกก่อนครับว่า  อะไรเป็นอะไรจะทำให้เรามองเห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น  บางทีสิ่งที่เราทุกข์ใจอยู่อาจเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นกับชีวิตเราจริงๆก็ได้  จงเลือกทำสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อน  จัดลำดับความสำคัญให้เหมาะสมแล้วคุณจะพบว่า  ชีวิตคุณมันง่ายและคุณเลือกที่จะทำให้ตัวคุณมีความสุขได้ในทันที  เพราะชีวิตมันเรียบง่ายคนที่จะประสบความสำเร็จคุณต้องมองเห็นโอกาสในทุกที่ก่อน  ใจสุขไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลกมันก็สุขไปหมด

เมื่อเวลาผ่านไปคุณจะทราบเองว่าที่เราทุกข์ก็เป็นเรื่องไร้สาระและไม่จำเป็นกับชีวิตเราทั้งนั้น  เวลาทุกข์ใจกับปัญหา กังวลกับอนาคตจงใช้ชีวิตในปัจจุบันให้มีความสุขให้มากที่สุด  ควบคุมชะตาชีวิตของตัวเอง  อย่าให้ใครมาบงการหรือกำหนดเราได้  ขอให้ทุกคนโชคดีครับ

วันอาทิตย์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ก้าวที่สำคัญของชีวิต


สวัสดีครับวันหยุด   หลายคนคงนอนกันแบบสบาย  ไม่งั้นก็พักผ่อนไปเที่ยวแบบสบายใจ  หรือไม่ก็ไปเดินเล่นในห้างแอร์เย็นๆๆ  ส่วนตัวผมเหรอครับตอนนี้ยังนั่งปั่นงานอยู่เลยครับ  ชีวิตแบบนี้มันก็ดีนะครับ อะไรที่มันช้าลง  ก็ทำให้เรามองภาพอะไรชัดเจนยิ่งขึ้น  คุณรู้ไหมครับว่า ไม่ว่าคุณจะไปใช้ชีวิตที่ไหนบนโลกใบนี้  สิ่งที่คุณต้องรู้ก็คือ  กฎหมายของประเทศนั้นๆ  นี่เป็นเหตุผลสำคัญยิ่งที่จะทำให้คุณไม่เสียเปรียบใคร  ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดบนโลกใบนี้

การศึกษาข้อกฎหมายต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็น การเมือง การปกครอง กฎหมายเพ่งและพาณิชย์ กฎหมายภาษีอากร  สิ่งเหล่านี้ล้วนมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเมื่อคุณมีอายุที่มากขึ้น  ทำไมนะครับเพราะโลกมีประชากรมากขึ้น  คนรวยก็มักจะเอาเปรียบคนจนได้  สิ่งที่ยังสามารถทำให้เราเท่าเทียมกันบ้างก็คือ กฎหมาย  เราจะได้ไม่เสียเปรียบใครในทุกชนชั้นถ้าเรามีความรู้ และเตรียมตัวอย่างดี

วัฒนธรรม เชื้อชาติ ภาษา ต่างหล่อหลอมให้เรามีความคิดเห็นและทัศนคติในแบบที่เขากำหนดไว้  คนที่ไปพบเห็นโลกมามากก็จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป  นั่นเพราะการพบเห็นทำให้เกิดการเปรียบเทียบและต้องการเรียกร้องความยุติธรรมกับสังคมนี้  มันอาจจะจริงครับว่าในทุกสังคม  เราจะไปหวังความยุติธรรมเเบบร้อยเปอร์เซ็นเห็นทีจะยาก  แต่ถ้าคุณไม่เรียกร้องอะไรเลย นั่นก็เท่ากับว่าตัวคุณละเลยต่อหน้าที่ ของพลเมืองที่ดีคนหนึ่ง  ปล่อยให้คนอื่นเอาเปรียบเราได้ เอาเปรียบสังคม และประเทศชาติ  จนในที่สุดประเทศชาติก็ถึงวันล่มสลายลงได้

สิ่งที่เป็นเครื่องยึดเหนื่ยวที่ดีก็คือ หลักศาสนา  ผมว่าหลักศีลธรรม ข้อปฎิบัติหรือกฎหมายต่างๆ  ล้วนมีรากฐานมาจากศาสนา  กล่าวคือ ต้องการให้ผู้คนอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข  และบ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย  พวกคนที่หวังจะเอาผลประโยชน์โดยพยายามเรียกร้องที่จะให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อกฎหมาย มิใช่เพื่อส่วนรวมจริง แต่เพื่อส่วนตัวหรือพวกพ้องนั้น ย่อมเป็นสิ่งที่หาใช่มนุษย์พึงกระทำไม่  ในท้ายที่สุดธรรมชาติ  โลกก็จะให้บทเรียนกับคนเหล่านี้เองครับ  ไม่ต้องไปเดือนร้อนแทนเขาหรอก

สัจธรรมของชีวิต  ทุกคนเกิดมาพร้อมวิบากกรรมของตัวเราเอง  เรามีหน้าที่กระทำตนของเราให้ดีที่สุด  ไม่สร้างความเดือนร้อนให้สังคม เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ เริ่มจากตัวเราเองนี่แหละครับอย่าไปหวังแก้ที่คนอื่น เราไม่สามารถแก้ที่ใครได้ถ้าเราไม่คิดที่จะแก้ที่ตัวเราเองก่อน   บางทีนะครับการหยุดอยู่กับทุกสิ่งแล้วใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันขณะมันทำให้เรามีความสุขมากกว่าวันไหนๆเลย  อยู่แบบไม่ต้องไปกังวลถึงวันพรุ่งนี้   หรือหวนหาแต่อดีตจนปัจจุบันเราเสียไปหมด จิตบริสุทธิ์คือจิตที่ปราศจากการใช้ความคิดรบกวน  ปล่อยให้มันได้พักบ้าง

คุณเลือกชีวิตให้เป็นไปตามแบบที่คุณเลือกได้  คุณอยากให้มันยากชีวิตคุณก็ยาก  คุณต้องการให้มันง่ายชีวิตมันก็ง่าย  ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ อยากฝากเป็นข้อคิดให้กับทุกคนที่มีฝันครับ  จงเดินตามฝัน อย่าให้ใครมาดูถูกความฝันของคุณ  เขาจะดูถูกก็ให้เขาดูถูกไป  ตัวเราต้องไม่ดูถูกความฝันของเราเอง  ก้าวแรกมันยาก  แต่ก้าวต่อไปคือก้าวที่ยิ่งใหญ่แน่นอนครับ

จดหมายถึงตัวเอง


วันนี้ผมได้เปิดคลิป วีดีโอในยูทูปแล้วได้เจอเกี่ยวกับเรื่องของการเล่าเรื่องจดหมายที่เขียนถึงตัวเองไว้  ผมมานั่งนึกมันก็สนุกดีนะครับ  ชีวิตคนเราก็เหมือนละครฉากหนึ่ง เราเป็นทั้งนักแสดง และผู้กำกับเอง แค่คิดมันก็สนุกแล้วครับ วันนีผมขออนุญาติเขียนจดหมายถึงตัวเองสักฉบับนะครับ

       วันอังคาร 4 สิงหาคม 2530  เวลา 00.45 น.  ผมลืมตาดูโลกครั้งแรกครับ  แต่ในใบแจ้งเกิดผมเป็นตอนกลางวันเพราะพ่อผมไปแจ้งผิดเวลาครับ จึงทำให้ข้อมูลผมเกิดตอนกลางวันซะงั้น

        ชื่อแรกของผมคือ พลศักดิ์ พ่อตั้งใจให้ผมใช้ชื่อนี้  แต่ดันไปเจอพระธุดงท่านไม่ให้ผมใช้ชื่อนี้เนื่องจากผมเกิด วันอังคารตามหลักความเชื่อคนเกิดวันนี้จะไม่ให้ใช้ชื่อที่มียศมีศักดิ์ครับ  ผมเลยได้ชื่อจริงว่า "อิธิศักดิ์" มาแทน

         อายุ 1 ขวบ ยายว่าผมเป็นโรค "ตาเหลือง" ตอนแรกคิดว่าผมจะตายแล้ว  สาเหตุเพราะว่าผมร้องไห้บ่อยมากตอนเด็ก  ไม่รู้เป็นอะไรครับยายว่าพอตะวันตกดินปุ๊บผมก็จะร้องไห้ทันที  นี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ผมต้องมาอยู่กับยายตั้งแต่จำความได้เลยครับ  ความรักและความผูกพันกับยายจึงมีอยู่มากทีเดียวครับ

          อายุ 4 ขวบ ผมได้ไปเข้าเรียนที่ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กครับ  แต่ในที่สุดผมก็ไปไม่รอดเพราะผมไม่ชอบที่นี้เอาซะเลย  เวลาแม่ไปส่งทีไรผมก็แอบหนีกลับบ้านทุกครั้งไป  จนในที่สุดแม่ก็ไม่ให้ผมไปเลย

         อายุ 6 ขวบ  ผมเข้าโรงเรียนอนุบาลครั้งแรก  จำได้ดีเลยครับว่าผมร้องไห้กลับบ้าน ผมมักจะถามตัวเองตลอดว่า ทำไมผมต้องมาอยู่ที่นี้  วันๆไม่ได้เล่น ไม่ได้ทำอะไรเลย กินเสร็จก็นอน นอนตื่นมาก็กินอีกชีวิตวนอยู่อย่างนี้ มันช่างเบื่อหน่ายเอามากๆ  ผมจำได้ว่าผมถูกตีทุกวัน จนไม่รู้สึกว่าไม้เรียวมันเจ็บเลยครับ

         อายุ 7 ขวบ  ผมอยู่ชั้นประถม 1  และเรียกได้ว่าฉลาดน้อยที่สุดของห้องเพราะผมสอบได้รั้งท้ายของห้องตลอดเลยครับ  ภาษาไทยเรียกว่าไม่เป็นสัปปะรดเลยครับ  ยังจำได้เลยครับว่าคุณครูด่าผมว่า โง่ เนื่องจากผมท่องคำคมเรื่อง  เรารักเมืองไทย ในภาษาไทยชั้น ป.1 ไม่ แต่มันก็ช่างน่าขันนะครับ ทุกวันนี้ผมท่องได้และยังติดอยู่ในใจผมถึงทุกวันนี้

     อายุ 8 ขวบ  วิชาศิลปะผมวาดรูป  เป็นรูปภูเขาจะด้านล่างของภาพ ด้านบนของภาพเป็นทะเลกับท้องฟ้า และดวงอาทิตย์  แต่สิ่งที่ผมถูกคุณครูตำหนิ คือผมโง่  ผมขาดความคิดสร้างสรรค์ ไม่มีจินตการ ผมยังเด็กจริงๆ ผมอยากอธิบายกับคุณครูมากเลยครับว่า ตอนนั้นผมกำลังจินตนาการว่าผมไปนั่งวาดรุปอยู่บนภูเขามองลงไปจะเป็นทะเลและเห็นท้องฟ้ากับพระอาทิตย์ที่สวยงาม  มันช่างน่าตลกสิ้นดีครับ

         อายุ 9 ขวบ  นักเรียนในยุคผมโตมากับไม้เรียว สมัยนั้นยังไม่มีการยกเลิกให้ใช้ไม้เรียวเหมือนในปัจจุบันเราจะเห็น คุณครูถือไม้เรียวติดตัวตลอดเป็นเรื่องปกติ  แต่ที่น่าแปลกของคุณครูชั้น ป.3 คือ จะให้นักเรียน นำไม้เรียวไปส่งให้ทุกอาทิตย์ของใครใหญ่และสวยจะได้คะแนนมาก  ทุกคนต่างต้องทำไม้เรียวไปส่งคุณครูเพื่อหวังคะแนนที่ดี  ทั้งที่เราก็รู้ๆกันนะครับว่า ไม้เรียวที่เรานำไปให้จะกลับมาตีเราในที่สุด

       อาย 10 ขวบ  ปีนี้เป็นปีที่ผมต้องไปนอนโรงพยาบาลเป็นอาทิตย์และพักรักษาตัวอยู่บ้านเป็นเดือน สาเหตุเนื่องจาก ผมเป็นไข้เลือดออก และเกเรคือไปเล่นซนแล้วเหยียบกับของมีคมจนนิ้วเท้า (นิ้วก้อย) ผมขาดเป็นสองท่อนเลย  ทุกวันนี้มันต่อกันแล้วครับแต่เล็บก็ยังมีรอยขาดให้เห็นเป็นบทเรียนความเเสบอยู่เลยครับ

        อายุ 13 ขวบ  จำได้ว่าตอนนี้ผมอยู่มัธยมศึกษาปีที่ 1 แล้วครับ แต่ที่น่าแปลกก็คือ ผลการเรียนผมดีขึ้นจนน่าตกใจ  ผมสอบได้ที่หนึ่งครับ ตอนนั้นต้องบอกว่าดีใจมากเพราะไม่เคยสอบได้ที่หนึ่ง บางทีผมก็ลองย้อนมองกลับไปในวัยเด็กอาจเพราะตอนมัธยมเราโตขึ้นและวิชาเรียนก็ค่อนข้างเป็นระบบมากกว่าตอนประถมครับ

       อายุ 14 ขวบ  ผมติด 0 วิชาวิทยาศาสตร์  จะบอกว่าเป็นครั้งแรกในบทเรียนชีวิตที่คุณครูได้ให้กับผม  ตอนนี้รู้สึกแย่มากเลยครับ นอนไม่หลับไปหลายวันทีเดียว  แต่พอเวลาผ่านไปผมก็เข้าใจเหตุผลคุณครูครับว่าทำไมเขาถึงให้ผมติด 0 ทั้งที่ผมก็มั่นใจนะครับว่าผมสอบผ่าน (ไม่ใช่ผมไม่เก่งแต่เพราะความเกเรในตอนนั้นของผมเองครับ เขาเลยให้บทเรียนราคาแพงกับผมขอบคุณจริงๆครับ )

         อายุ 15 ปี  ผมได้เป็นประธานหมู่สี ประธานชมรม รองประธานนักเรียน รองประธานห้อง หัวหน้ากลุ่มลูกเสือตอนเข้าค่าย  รู้สึกว่าชีวิตเรามีบทบาทมากขึ้น ช่วงวัยนี้ผมได้รับโอกาสดีจากคุณครูในหลายเรื่องเลยครับ  ทำให้ผมเป็นคนใหม่ ผมมีความกล้ามีความเป็นผู้นำ และมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นผมได้รับการยกย่องชื่นชมว่าเก่ง   ทั้งที่ก่อนหน้ายังเคยถูกด่าว่าตัวเองโง่อยู่เลยครับ  ชีวิตมันก็ตลกดีนะครับ และผมก็ได้ชื่อใหม่ด้วยครับ     ใช่ครับผมเปลี่ยนชื่อในการทำบัตรประชาชนครั้งแรกของผมว่า        "พณิเชษฐ"

        อายุ 18 ปี  ผมเริ่มทำงานหลังเลิกเรียนครั้งแรก  ได้พบเห็นชีวิตการทำงานจริงๆ มันเหนื่อยมาก และก็ให้ประสบการณ์ดีๆกับชีวิตผมเยอะมากครับ  ทำให้ผมเป็นผมได้ทุกวันนี้  ร้องไห้ ผิดหวังเสียใจ  โดนกลั้นแกล้ง เจอมาสารพัด  แต่ผมก็ดีใจมากนะครับที่ผมผ่านมันมาได้  และทำให้ผมมั่นใจในตัวเองมากขึ้น

          อายุ 20 ปี ผมมีโอกาสได้ไปร่วมทำกิจกรรมกับทางกรมสรรพากร  ซึ่งรวบรวมนักศึกษาจากหลากหลายมหาวิทยาลัย จุดนี้ก็ทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไปมาก จากเด็กที่ไม่ค่อยกล้าแสดงออก หรือพูดต่อหน้าไมค์เท่าไหร่ ทำให้ผมกล้าแสดงออกมาขึ้น ไม่กลัวการพูดต่อหน้าคนเยอะๆ  ช่วงวัยนี้ผมได้ทำกิจกรรมต่างๆมากมาย  ผมเป็นสโมสรนักเรียนนักศึกษา  เป็นประธานชมรม เป็นหัวหน้ากลุ่ม และได้มีโอกาสไปออกค่ายช่วยเหลือเด็กในถ่ิ่นธุระกันดาร  เราได้เห็นความเหลี่ยมล้ำ ได้เรียนรู้วิถีชีวิตและความแตกต่าง  เด็กก็คือเด็ก  เขามีความคิดความฝัน เหมือนเช่นเรา  มันเปลี่ยนความคิดในหลายๆมุมผมมากครับจุดนี้

            อายุ 23 ปี ผมเรียนจบแต่เป็นปีที่เศร้าที่สุดในชีวิตผมครับ  ผมเสียยายอันเป็นที่รักของผม  จากไปแบบไมมีวันกลับ ผมร้องไห้เป็นเดือนกว่าที่เราจะทำใจได้  โลกนี้มันช่างไม่น่ายุติธรรมกับผมเลย  ผมคิดแบบนี้จริงๆในตอนนันนะ  หลังจากที่ยายผมเสียผมเหมือนขาดที่พึ่งทางใจไปเลย ผมก็หันหน้าเข้าวัด เข้าวา ฟังธรรมมะ  และเริ่มมองเห็นสัจธรรมของชีวิตว่า ในท้ายที่สุดเราก็ต้องจากโลกนี้ไป  และช่วงราวๆนี้เช่นกันครับผมก็เปลี่ยนชื่อใหม่ครับ เป็น "วรดร"

         อายุ 24 ปี  เป็นปีที่ผมเจ็บปวดมากครับ  ผมผิดหวังจากเรื่องการทำงาน เรียกว่าล้มเหลวในชีวิตการทำงานทำให้ผมต้องตัดสินใจลาออก  ซ้ำร้ายยังไม่พอพ่อผมป่วยหนักอีก เป็นโรคตับ ชีวิตผมช่วงนี้เต็มไปด้วยความทุกข์ใจ  ความกังวลกับครอบครัว งาน และอนาคตของตัวเองไปหมด ผมทำอะไรไม่ถุกเลยครับในตอนนั้น  เอาแต่โทษว่าทำไมเรื่องแบบนี้ต้องมาเกิดกับตัวเราด้วย เราทำกรรมอะไรไว้ เราทำอะไรผิดเหรอ   ผมไปบวชพระเป็นเวลา 1 เดือน ช่วงเวลา 1 เดือนนี้จิตใจผมสงบขึ้นมาเยอะมากครับ แต่แผลทางใจก็ยังไม่ได้หายขาด

          อายุ 26 ปี  ผมรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายมากขึ้น เนื่องจากการผิดหวังจากหลายๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ครอบครัว ทำให้ผมมองโลกแคบขึ้น  ผมกลายเป็นคนโกธรง่าย อารมณ์เสียและยิ้มยาก  ทุกอย่างดูเหมือนไม่ได้เป็นไปอย่างที่ผมคิด  ผมไม่มีความสุขในชีวิตเอาซะเลย และยิ่งผมคิดแบบนี้โลกก็กลับดึงดูดแต่คนไม่ดี  คนที่คิดในแบบผมเข้ามาหาผมเยอะมาก  แต่ผมยังโชคดีที่มีเพื่อนที่น่ารัก และจริงใจกับผมต้องขอบคุณพวกเขาจริงๆที่อยู่ข้างผม

          อายุ 28  ปี ตอนนี้จิตใจผมดีขึ้นมากแล้วครับ  หลังจากที่หันมาให้เวลากับตัวเองมากขึ้น เข้าวัด ฟังธรรม นั่งสมาธิผมสามารถควบคุมจิตใจ และอารมณ์ของผมได้ดีขึ้น  และความปรารถนาและเป้าหมายที่มันดูจะเลื่อนลางไปแล้วกลับจุดประกายผมขึ้นมาอีกครั้ง  ผมเชื่อและศรัทธาอย่างมุ่งมั่นครับว่ามันต้องสำเร็จ และผมก็ทำม้นได้  ชีวิตช่วงนี้ผมให้เวลากับการฝึกฝนพัฒนาตัวเองในหลายๆด้าน ทั้งความรู้ ความคิด ทัศนคติ การมองโลก และอื่นๆอีกมากมาย  แต่ที่ร้ายไปกว่านั้น ปีนี้แม่ผมป่วยเป็น มะเร็ง ครับถ้าย้อนไปตอนสองปีก่อน  ผมคงประสาทกินเป็นแน่แท้แต่ด้วยเราผ่านเรื่องราวร้ายๆมาเยอะมาก  จึงทำให้ผมเข็มแข็งขึ้นมาได้  ไม่ว่าจะเจอกับหัวหน้างานกลั้นแกล้ง แต่พวกเขาก็ทำอะไรเราไม่ได้  นั่นเพราะเรามองโลกในแง่บวกนั้นเอง

       อายุ 29 ปี  ผมก็ตัดสินใจลาจากเมืองหลวงอันเป็นที่ผมปรารถนาเรียกร้องอยากมาใช้ชีวิต  และกลับมาใช้ชีวิตในต่างจังหวัดในแบบฉบับดั้งเดิม  ไม่ใช่ว่าผมทิ้งความฝันนะครับ ผมยังมีฝันและมีไฟแห่งความปรารถนาอย่างแรงกล้าอยู่  แต่มุมมองผมเปลี่ยนไป  ผมได้แต่นั่งคิดว่าผมไปทำอะไรในเมืองหลวงเป็นเวลาหลายปี  โดยที่ผมไม่ได้อะไรเลย หน่ำซ้ำชีวิตผมกับรู้สึกว่ามันยุ่งยากเหลือเกิน และดูจะห่างไกลจากเป้าหมายที่ผมวางเอาไว้มากทีเดียว  และจุดเปลี่ยนอีกครั้งก็เริ่มต้นขึ้นด้วยชื่อใหม่ของผม "กฤษณะ"

ชีวิตในต่างจังหวัด และต่างแดนของผมมันช้าจริงๆครับ  ทุกอย่างดูเรียบง่ายไปหมด  ผมมีเวลามากขึ้น ผมกินอิ่มนอนหลับ  ความกังวลใจในเรื่องต่างๆของผมหายไปหมด และที่สำคัญผมมีเวลาทำอะไรมากขึ้น  โดยที่ตัวผมไม่เครียด และไม่กังวลกับเลย  ผมเข้าใจตัวเองมากขึ้น มีเวลาทบทวนตัวเองมากขึ้น  และที่สำคัญผมมีความสุข  เราเอาแต่โหยหาจากข้างนอก แท้จริงมันอยู่ที่ตัวเรา ครอบครัวเรา  ชีิวิตที่สุขจริงมันอยู่แค่นี้เองครับ  เงินทองชื่อเสียง เป็นสิ่งภายนอกที่เราต้องสร้างเพื่อที่จะนำสิ่งนั้นสร้างประโยชน์ให้กับตัวเราและผู้คนอื่น  เป็นการส่งต่อไปเรื่อยๆ

นี่แหละครับที่ผมอยากจะเขียนให้กับตัวผมเอง  ผมอยากของคุณเขาเหลือเกินว่าไม่ว่าจะเหตุการณ์เรื่องราวหนักหนาแค่ไหน  แต่ผมก็ยังคิดบวกและขอบคุณตัวเองที่ยังพยายามที่จะพาผมไปในจุดที่ดีที่สุดเสมอ  ทำให้ผมได้มีโอกาสเจอสิ่งใหม่ๆ โอกาสใหม่ๆ ผู้คน และสิ่งดีๆที่เข้ามาในชีวิตผม  ขอบคุณตัวเองจริงๆครับ  ที่ยังหายใจไปด้วยกัน  ไม่ว่าจะเหนื่อย ท้อ ทำให้ร่างกายพังมาไม่รู้กี่หน แต่เขาก็ยังสร้างภูมิคุ้มกันให้เราตลอด ไม่ว่าจะทั้งทางกายและจิตใจ ขอบคุณจริงๆนะ

วันเสาร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ประสบการณ์แห่งโชค


บางทีคนเราก็โมโหกับบางเรื่องโดยไม่รู้สาเหตุ  เพราะอะไรเหรอก็เพราะบางอย่างมันไม่ได้ดังใจเรา

เห็นทีผมต้องฝึกปล่อยวางกับบางเรื่องก่อนแล้วละครับ  ปัญหาบางอย่างมันเล็กน้อยมาก แต่กับคนบางคนเขามองเป็นเรื่องใหญ่  เราไปแก้ที่ตัวเขาไม่ได้ครับมีแต่เราต้องแก้ที่ตัวเราเอง  บางทีเราต้องมองข้ามเรื่องเล็กน้อยไปบ้างนะครับ  ต้องเข้าว่าคนบางคนเขาเรียนรู้ได้แค่นั้น  และไม่ยอมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆแล้ว พฤติกรรมแบบนี้มีอยู่มากครับในคนหลายกลุ่ม   ที่รู้สึกไม่อะไรกับชีวิตแล้วประมาณว่าชีวิตนี้ฉันขอพอแค่นี้แล้ว  คำแนะนำของผมนะจงหลีกหนีคนประเภทนี้ดีกว่าครับ ถ้าจำเป็นนะ

บางทีชีวิตเราอาจพบเจอกับคนบางคนที่เราไม่สบอารมณ์  คนที่ทำให้เราโมโห หงุดหงิดได้  ก็แค่คิดในทางบวกครับ  ถือซะว่าไม่ได้ยิน ไม่ได้ฟังและไม่ใช่เรื่องของเราแล้วกันครับ  การที่เราเป็นแบบนั้นก็เพราะเราเอาใจไปผูกเจ็บไว้  ลด ละ เลิกดีกว่าครับ  ชีวิตไม่ได้อยู่เป็นร้อยปี  ทำชีวิตของคุณทุกวันให้มันดีที่สุดครับ

ผมมีความเชื่ออย่างหนึ่งในเรื่องของพนักงานบวกในชีวิต การที่เราทำอะไรจงทำให้เต็มที่  ไม่ว่าสิ่งนั้น หรือสถานที่ สภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ เราจะชอบหรือไม่จงทำมันให้ดีที่สุด  สักวันโลกจะดึงดูดและพาเราไปยังสถานที่ใหม่ คนใหม่ๆที่เหมาะกับตัวเราอย่างแน่นอน  คุณเชื่อว่าตัวคุณเป็นคนเก่งมีความสามารถ  ตัวคุณก็จะเป็นแบบนั้นและได้พบเจอกับคนแบบนั้น

คนที่ประสบความสำเร็จบา่งทีเราต้องมาหาโอกาสในทุกปัญหาที่ผ่านเข้ามาให้ได้  คิดในทางบวกทำใจให้เป็นกลางเข้าไว้  มองโลกตามความเป็นจริงตามที่มันควรจะเป็น  ใครจะดีชั่วก็ปล่อยเขาไปมันเป็นเรื่องของเขาครับ  หน้าที่ของเราคือ การสำรวจตัวเราเอง ใจเราเองว่าขณะนี้เราทำอะไรอยู่ เป้าหมายของเราคืออะไร และมันจะพาเราไปย้งจุดไหนของชีวิต  ชีวิตก็คือบทละครฉากหนึ่ง  เราคือผู้กำกับเอง  เราอยากให้ชีวิตของเราไปในทิศทางไหนเรากำหนดได้  จงเลือกทางเดินที่ดีที่สุดสำหรับคุณ  สร้างประโยชน์ให้กับตัวเองและผู้คนให้มากๆ  ในท้ายที่สุดคุณก็เอาอะไรจากโลกใบนี้ไปไม่ได้อยู่แล้ว  ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดครับ

การที่ผมมีโอกาสพบเจอผู้คนที่หลากหลายอาชีิพ  นับว่าตัวเองเป็นคนที่โชคดีมาก  การได้แลกเปลี่ยนพูดคุย รับฟังความคิดเห็นที่ต่าง ทำให้เราได้มองเห็นมุมมองใหม่ๆ ในชีวิต  โลกไม่ได้มีแค่สี่เหลี่ยม หรือกว้างคูณยาวเท่านั้น  ยังมีอีกหลากหลายมิติให้เราได้มองกันอยู่  มันขึ้นอยู่กับมุมมองของคุณว่าจะโฟกัสไปแบบไหน  อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเพียงแค่เขาคิดต่างจากคุณ  เขาเห็นโลกในแบบที่เขาเป็น ตัวเราก็เช่นเดียว  ยอมรับความแตกต่างและเห็นใจผู้คนที่เดินเข้ามาในชีวิตคุณ  อย่าไปสร้างศัตรูแต่จงสร้างมิตรสหายให้มากๆเข้าไว้  วันนี้ผมขอให้ทุกท่านโชคดีครับ

วันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2560

เที่ยวปากเซ ดินแดนแห่งเสน่ห์




วันนี้ผมขอมาแนะนำร้านนั่งเล่นอีกที่หนึ่งนะครับในเมืองปากเซ  ใครที่ได้แวะเวียนมาก็ลองมาที่ร้านนี้ได้  เป็นร้านเล็กๆ ครับ  บรรยากาศดีมาก  เปิดตั้งแต่เช้าถึงเที่ยงคืนเลยครับ  มีขายทั้งชา กาแฟ และเบียร์  มีเพลงให้ฟังตอนเย็น  บรรยากาศสบายๆในเมืองปากเซ

การเดินทางสะดวกมากครับ  เพราะอยู่ในตัวเมืองเลย  จุดที่สถานเกตุได้ง่ายคือ อยู่ตรงข้ามกับธนาคาร BECL สำนักงานใหญ่ของลาวในเมืองปากเซครับ  ปากเซถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากครับ บรรยากาศในตอนกลางติดลำฝั่งโขงมันช่างสุดแสนจะโรแมนติกมากทีเดียว


ใครที่ยังไม่เคยมาลองแวะไปเที่ยวได้นะครับ  คุณจะได้สัมผัสกับแม่น้ำสองสี ของแม่น้ำโขงที่ไหลมาบรรจบกันเป็นภาพที่หาดูได้ยากมากครับ  คนลาวจิตใจดี อัธยาศัยดีครับ  ยอมรับนะครับว่าค่าครองชีพที่นี้แพงเหมือนกัน  แต่ได้ลองมาสักครั้งอาจติดใจ

ถ้าไม่เป็นการลำบากอยากให้ลองไปเดินตลาดบ้านเขาดูครับเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง  คุณจะได้เห็นอะไรที่แปลกใหม่มาก อาหารที่นี้สดใหม่ โดยเฉพาะปลาจากน้ำโขง  ปลาที่ขึ้นชื่อที่สุดก็คือ ปลาคัง  คนลาวนิยมนำมารับประทานกันมากครับ


อีกจุดหนึ่งที่ผมอยากแนะนำก็คือ ร้านกาแฟดาว  ร้านนี้ตกแต่งน่ารัก บรรยากาศดีและที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือเครื่องดื่มขอบอกว่า อร่อยแบบอยากบอกต่อเลยนะครับ ได้มาที่ปากเซก็ลองมาแวะดูกันนะครับ  ที่นี้มีอะไรที่เเปลกใหม่มากครับ  คนลาวใช้สกุลเงินหลักๆ อยู่ 3 สกุลได้แก่ กีบ บาท และดอลล่าห์  ค่าเงินจะผันผวนตลอด  แต่เท่าที่ผมสังเกตุนะครับเงินบาทแลกกีบได้กำไรครับ  หากจะไปเที่ยวแนะนำให้แลกเป็นเงินบาทไปแลกกีบนะครับ  ร้านอยู่ตรงข้ามตลาดดาวเรืองจะมีที่แลกเงินอยู่ตรง เจ้าของเป็นคนเวียดนามครับ  เพราะแลกที่นี้คุ้มครับ หากไปแลกที่ธนาคารรับรองว่าขาดทุนแน่ครับ


บางทีชีวิตลองมาพบอะไรใหม่ๆ  บางมันก็ดีนะครับมันทำให้เราเห็นโลกในอีกมุมที่เราไม่เคยเห็น ผมเคยคิดว่า ตามนิสัยคนไทยคือ ไปเที่ยวประเทศที่มันเจริญๆกว่าเรา  แต่ในท้ายที่สุดเราก็แทบจะไม่ได้อะไรกลับมานอกจากการได้ช็อปปิ้งแล้วก็ตังหมดแค่นั้นเอง  ลองเปลี่ยนมุมมองความคิดอะไรใหม่ๆดูซิครับ  แล้วคุณจะเห็นว่าไม่ว่าจะที่ไหนบนโลกใบนี้  ทุกที่อย่างมีความสวยงามและสมบูรณ์แบบของม้ันอยู่แล้วครับ  

ใช้ชีวิตให้ช้าลงอีกนิด


คุณเคยสังเกตุไหมครับว่ามนุษย์พอได้อย่างหนึ่งแล้ว เขามักจะเรียกร้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ผมก็ไม่แน่ใจนะครับว่าสาเหตุเพราะอะไร แต่ที่แน่ๆ  มนุษย์ทุกคนต้องการได้รับการยอมรับอย่างแน่นอน  ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่เรียกร้องเด็ดขาด  คนบางคนเรียกร้องตลอดจนไม่รู้จักพอ  บางทีนะครับพอมองกลับกันผมคิดว่า  อาจมีตัวผลักบางอย่างให้เขาต้องทำอย่างนั้นไม่งั้นเขาคงไม่ทำหรอกครับ

ผมมาใช้ชีวิตที่ลาวกับคนลาว  ผมได้เห็นอะไรที่แตกต่างกันมากมายเลยครับ  ผมว่านะ คนลาวเป็นคนที่ขี้เกรงใจอย่างมากทีเดียวครับ  เขายึดมั่นในศักดิ์ศรีมาก  ไม่ชอบเอาเปรียบคนอื่น  แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ยอมให้คนอื่นมาเอาเปรียบตัวเขาด้วยเช่นกันครับ  ระบบการเมืองการปกครองที่นี้  หลายคนที่คิดทหารเป็นใหญ่ ใช่ครับว่าทหารเป็นใหญ่ แต่คนที่เก็บค่าคุ้มครองกับเป็นตำรวจครับ  ไม่ว่าจะเป็นค่าคุ้มครองเรื่องใดๆก็ตาม  ที่ผมเล่าไม่ได้ต้องการจะตำหนิอาชีพใดๆนะครับ  แต่มันส่อให้เห็นหลายอย่างเลยครับ   แท้จริงวิถีชีวิตของเขาก็ไม่แตกต่างจากคนไทยเรามากเท่าไหร่

ที่ผมยกเรื่องนี้มาพูดเพราะต้องการให้คุณได้เห็นว่า  ชีวิตคนเราเกิดมาบนโลกใบนี้  ฟ้ากำหนดให้เราเกิดมา  แต่หลังจากนั้นเราต้องลิขิตชีวิตด้วยตัวของเราเองครับ  บางทีนะครับในความโชคร้ายก็ยังแฝงไปด้วยโอกาสต่างๆมากมาย  เราสามารถแสวงหาความโชคร้ายในที่นั้นได้  ชีวิตบางทีเราต้องปล่อยให้มันช้าลงบ้างนะครับ  ดูอย่างคนลาวซิครับ เขาไม่เป็นหนี้  เขาไม่ได้ร่ำรวยมากมายแต่เขาก็มีความสุขมากทีเดียว  โจทย์ของชีวิตอาจไม่ใช่การมีเงินเป็นพันล้าน แสนล้านก็ได้  ลองหยุดค้นหาทุกอย่างมองเข้ามาที่ตัวคุณดูนะครับ  เพราะคำตอบที่แท้จริงอาจไม่ได้อยู่ไกลที่ไหน

ชีวิตไม่จำเป็นต้องไปสร้างกฎเกณฑ์อะไรให้มันยุ่งยากมากมาย  แค่ใช้ชีวิตในแต่ละวันให้เป็นวันที่คุณมีความสุข  มันก็ดีที่สุดแล้ว  หากใครกำลังเครียดคิดแก้หาทางออกไม่เจอ ลองมาพักผ่อนทีลาวดูครับ  บางที่คุณอาจจะพบคำตอบอะไรใหม่ๆ ให้กับชีวิตของคุณได้  (มันอาจไม่เป็นอย่างที่คุณคิด  แต่มันจะเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาลครับ)

วันอังคารที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2560

น้ำตกผาส้วม (ปากเซ) เสน่ห์เมืองลาว



วันนี้ผมขอพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวในปากเซ แขวงจำปาสัก  สปป.ลาว กันนะครับ  น้ำตกแห่งนี้เป็นน้ำตกที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติและถือเป็นเมืองมรดกที่สำคัญของลาว  สถานที่แห่งนี้ถือเป็นสถานที่สวยงามมากแห่งหนึ่งครับ

ที่มาของคำว่าผาส้วม  มีคำเว้ามาจากภาษาลาวแปลว่า ห้องนอน หรือห้องหอของคู่บ่าวสาว  ลักษณะน้ำตกจะเป็นรูปโค้งครึ่งวงกลม ด้วยเหตุนี้จึงมีคนใช้ชื่อว่า ผาส้วม  และที่สำคัญคนที่บุกเบิกและเป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้เป็นคนไทยครับ ชื่อว่า คุณวิมล กิจบำรุง ใช้เวลาสำรวจที่ดินผืนนี้นานเป็นเวลา 2 ปี และเริ่มดำเนินการก่อสร้างด้วยเครื่องทุ่นแรงที่หาได้ในตอนนั้น  กล่าวคือใช้ช้างแค่ 1 เชือก กับแรงคนงาน 80 คน

ประวัติคุณวิมล กิจบำรุงท่านนี้น่าสนใจครับ เขาได้รับสัมปทานจากลาว 1300 ไร่ ทุ่มเทให้กับการทำงานบุกเบิกที่ดินจนเป็นไข้มาลาเรียรุนแรงจนทำให้สูญเสียการมองเห็น  ลองไปหาอ่านหนังของเขาได้ครับในภาษาลาว ชื่อว่า "เขาว่าข้อยบ้า"


สถานที่แห่งนี้จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญและมีชื่อเสียงในเมืองปากเซ อยู่ไม่่ไกลจากหลัก 21 มากนัก บริเวณนี้ถือว่าเจริญขึ้นมากแล้วครับ มีตู้เอทีเอ็ม และร้านอาหารบริเวณทางรถตลอด สิ่งที่น่าสนใจของที่นี้ก็คือ นอกจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามแล้ว ยังเป็นศูนย์รวมของชนเผ่า (คนบนพื้นที่สูง) 11 ชนเผ่า  ด้วยการบริหารจัดการของคุณวิมล ด้วยวิธีการคือการบริหารจัดการแบบครอบครัวมาบริหารชนเผ่าจำลองแห่งนี้




เข้าไปในบริเวณน้ำตกแห่งนี้ เสมือนว่าเราเข้าไปในหมู่บ้านชนเผ่า มีทั้งตลาดที่ขายของให้กับบรรดานักท่องเที่ยวแล้ว ยังสามารถเดินไปชมหมู่บ้านและชนเผ่า  วิถึชีวิตและความเป็นอยู่ของชนเผ่าได้ด้วยครับ  และที่เป็นเสนห์ของที่นี้ที่ผมชอบก็คือ ผ้าซิ่นทอมือ  สไตส์ลาวแบบดั้งเดิม  ใช้สีธรรมชาติ และที่สำคัญคือเสน่ห์ของผ้าทอที่บอกเราที่นี้ได้เป็นอย่างดี  แต่ละแบบสวยงามไม่ซ้ำกันอีกด้วย  ราคาก็ไม่แพงครับถ้าเทียบว่าเป็นงานฝีมือนะครับ

ที่ผมเล่าเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ก็ต้องการจะให้ทุกท่านได้ทราบว่า   ทุกสถานที่ล้วนมีเสน่ห์ของมันที่ซ่อนอยู่  ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดบนโลกใบนี้  ถ้าเปรียบเทียบกับตัวเราก็เช่นกันครับ  ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน  ในสถานที่เจริญแบบสุดลูกหูลุกตา  หรืออาศัยอยู่หลังเขาก็ตาม  คุณสามารถสร้างคุณค่าและประโยชน์ให้กับตนเอง และสังคมได้  ความสำเร็จบางทีอาจไม่ได้วัดก้ันที่ตัววัตถุเพียงอย่างเดียว



อย่าคิดว่า ความคิดแบบนี้ เราคิดถูกต้องมันอาจถูกต้องในแบบของเราไม่ใช่ในแบบของเขาก็อาจเป็นไปได้ครับ  มุมมองของคนแตกต่างกันขึ้นอยู่กับวิถึชีวิตที่ผ่านมา  แต่ทุกคนสามารถเป็นคนดีได้  สามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ ไม่ว่าคุณจะอยุ่ที่ไหนบนโลกใบนี้  ลองใช้ชีวิตให้ช้าลง  แล้วคุณจะมองเห็นตัวตนของคุณเมื่อชีวิตคุณช้าลงครับ

วันจันทร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ความกลัว


วันนี้ผมขอพูดถึงความกลัวที่อยู่บนพื้นฐานของมนุษย์

คุณสงสัยไหมครับว่าทำไมมนุษย์ถึงมีความกลัว ?

ความกลัวมันมาจากไหน ?  แล้วจะมีวิีธีีจัดการความกลัวได้อย่างไรบ้าง

ถ้ามองในแง่ของความกลัวทางโลก  ได้แก่ ความกลัวจน  กลัวการไม่ถูกยอมรับนับถือ  กลัวคนไม่รัก  ความกลัวทางโลกเหล่านี้เป็นความกลัวพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนต้องเจอเป็นเรื่องธรรมดาครับ

ถ้ามองในแง่ของความกลัวทางธรรม ได้แก่ กลัวในสงสารวัตร  กลัวการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่รู้จบสิ้น กลัวตกนรก  สำหรับนักธรรมผู้ไม่ปรารถนาในทางโลก

จุดมุ่งหมายจะเป็นอะไรก็ตามแต่  จะเห็นได้ว่าความกลัวเป็นพื้นฐานที่ติดตัวเรามาตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว  สิ่งที่เราทำได้คือ จะมีวิธีขจัดความกลัวได้อย่างไร  วิธีที่ง่ายมากก็คือสบตากับมันครับ อย่าไปหนีความกลัว เผชิญหน้ากับความกลัว  มองความกลัวเป็นเรื่องปกติที่เราต้องเจอ เเล้วเดินหน้าไปด้วยกัน

ลองนั่งอยู่เฉยๆ  หากระดาษ ปากกามาครับแล้วนั่งจดรายการสิ่งที่ท่านต้องการจะทำ และความกลัวที่เกิดขึ้นในแต่ละเรื่อง  จากนั้นให้วิเคราะห์ดูว่าความกลัวของท่านสามารถหาทางขจัดปัญหาได้หรือไม่ การขจัดความกลัวและป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น  ถือเป็นเรื่องที่จำเป็น "เรือที่ขาดหางเสือย่อมไม่มีทิศทางได้"  จงวางหาเสือของคุณให้ดีแล้วออกเดินทางไปด้วยกันครับ

วันอาทิตย์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ภาวะที่คิดอะไรไม่ออก


เวลาที่จิตใจสับสนวุ่นวาย  หัวสมองตื้อไปหมดทำอะไรไม่ถูก ผมมีเคล็ดลับแนะนำนะครับ นั่นก็คือ

1.ปล่อยใจให้ว่างเข้าไว้ครับ  อย่าให้สมองคิดอะไรมากปล่อยให้มันอยู่นิ่งๆไป
2.ดื่มน้ำให้มากๆครับ  ลองเอาน้ำแดงผสมน้ำเปล่าครับกินแล้วสดชื่นจริง
3.อย่าเพิ่งตัดสินใจอะไรครับ  ฟังไว้ก่อนแล้วค่อยเอาไปคิด
4.ฟังเพลงเบาๆ สบายๆ เพื่อผ่อนคลายจิตใจ

สมองเป็นส่วนที่สำคัญมากที่สุดครับ หากสมองมีน้ำไปหล่อเลี้ยงน้อยก็ทำให้เราคิดอะไรไม่ออก สมองตื้อได้  เพราะในสมองมีน้ำเป็นองค์ประกอบหลักในการสร้างเซลล์ต่างๆ  การล่อเลี้ยงด้วยน้ำเพื่อให้น้ำไปล่อเลี้ยงสมองให้ทันเวลา

คุณต้องฝึกสมองของคุณให้เป็นคนคิดบวก  เพื่อสร้างพลังงานในทิศทางบวกให้กับชีวิต  พลังงานจิตใต้สำนึกบวกพลังงานที่เราสร้างทุกวัน จะดึงดูดสิ่งใหม่ๆเข้ามาในชีวิตของคุณ  ปลดปล่อยพลังงานมหาศาลที่ฝังไว้ออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่  คุณจะเป็นอย่างที่คุณคิด ฉะนั้นจงระวังความคิดให้ดีครับ  อย่าให้มันมาทำลายคุณได้

ชีวิตคือการพักผ่อน  การที่ร่างกายได้พักผ่อนก็เสมือนทำงานหนักไม่เหนื่อยเพราะมันคือส่ิ่งที่เรารักและพักผ่อนไปในตัว  ใครจะว่าอะไรอย่างไรอย่าได้ไปสนใจนะครับ  คุณคือคนเดียวเท่านั้นที่กำหนดชะตาชีวิตคุณ  มันสามารถพาคุณไปในทิศทางที่คุณต้องการได้  จงทำตัวเองให้เป็นที่รัก อย่าได้ไปสร้างศัตรูที่ใดเลย  เพราะเราไม่อาจรู้ได้ว่าวันหนึ่งเราอาจต้องได้พึ่งพาเขาก็ได้  การทำใจให้รักคนที่เราไม่ชอบผมรู้ว่ามันยาก  แต่ถ้าคุณผ่านมันไปได้  รักษาความสัมพันธ์กับเขาได้ก็ถือว่าคุณได้สอบผ่านบทเรียนหนึ่งของชีวิตไปได้แล้วครับ

ต่อไปหากไปเจอบทเรียนที่ยากกว่า  ผมมั่นใจได้ว่าคุณต้องผ่านมันไปได้อย่างแน่นอน  ทำอะไรต้องรู้จักคิดให้มากๆ  การใช้ความคิดให้มากๆจนตกผลึกก่อนนั้นจะทำให้การตัดสินใจได้ถูกต้องและผิดพลาดได้มากขึ้นเพราะเราได้กลั่นกรองมาแล้ว  คุณไม่อาจใช่ผู้วิเศษที่จะสามารถหยั่งรู้ทุกอย่างได้  แต่สามารถทำทุกวันให้เป็นวันแห่งความโชคดีได้  จงให้ชีวิตคุณเป็นวันโชคดีทุกวัน เลือกชีวิตในแบบที่คุณต้องการให้มันเป็น  วางแผนอนาคตของคุณให้ชัดเจนเป็นขั้น เป็นตอน  ลมแห่งโชคชะตาจะพัดพาโชคดีมาให้คุณได้ อย่างแน่นอน


วันเสาร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2560

กฎหมายภาษีอากรลาว


ทุกประเทศมีขอบเขตของมันหมดนะครับ  ช่วงที่ผมมาอยู่ลาวนี้ก็มีโอกาสได้ศึกษาข้อกฏหมายต่างๆ ของประเทศไทย อาทิ เช่น กฎหมายที่ดิน กฏหมายว่าด้วยการประมงชายฝั่งน้ำโขง และพวกงบการเงิน และที่จะมาพูดในหัวข้อนี้ก็คือ กฎหมายภาษีิอากรลาว

เริ่มจากภาษาก่อนนะครับ  ภาษาลาวเป็นภาษาที่อ่านง่ายครับจะคล้ายกับภาษาไทยมากสระตัวอักษรไม่ค่อยซับซ้อนเท่าไหร่  และที่สำคัญภาษาเขียนกับภาษาพูดแทบจะไม่แตกต่างกันมากครับ  รายละเอียดและข้อกฎหมายต่างๆ ในประเทศนี้จะมุ่งเน้นในเรื่องของการนำเข้าและส่งออก  เป็นส่วนใหญ่

สินค้า  เครื่องอุปโภคบริโภคและทรัพยากรธรรมชาติจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นและสำคัญเป็นอย่างยิ่ง  ในเรื่องของระเบียบการต่างๆ จะมีความคล้ายคลึงกันกับหลายๆประเทศรวมทั้งประเทศไทยของเราด้วยครับ ถ้าถามผมในข้อแตกต่างก็คือ  เบี้ยปรับ เงินเพิ่มหรือเงินเรียกเก็บในข้อกฎหมายลาวยังไม่ได้กำหนดชัดเจนในส่วนนี้ครับ  จะขึ้นอยู่กับการประเมินของเจ้าพนักงานเป็นส่วนใหญ่

มาพูดถึงในทางปฎิบัติมีส่วนแตกต่างจากข้อกฎหมายไม่น้อยครับ  ระบบการเมืองการปกครองที่ลาวมีระบบการปกครองเเบบเอื้อประโยชน์โดยการสนับสนุนของพวกพ่องใครมีพวกพ่องรู้จักคนใหญ่คนโตเยอะคนนั้นก็ได้เปรียบ  แต่ก็ไม่ทั้งหมดนะครับ คนที่เป็นคนรวย นักธุรกิจ ก็ได้เปรียบไม่น้อยระบบนี้ซึ่งก็ไม่แตกต่างจะประเทศพัฒนาแล้วหลายๆประเทศ ความเลี่ยมล้ำในทางสังคม  ความเป็นอยู่ ก็มีทุกหนทุกแห่งครับ

ข้อดีของประเทศลาวที่ผมสนใจก็คือ  ผู้คนที่ลาวอัธยาศัยดีและส่วนใหญ่นิยมใช้เงินสด ผู้คนไม่นิยมฝากเงินไว้กับธนาคารเท่าไหร่  ในทางปฎิบัติสกุลที่ใช้นอกจากกีบ ก็คือ เงินดอลลาห์ บาท เป็นสกุลที่นิยมใช้กันทั่วไป  ในส่วนระบบราชการเอกสารต่างๆ หรือแม้ค่าเงินต้องใช้เป็นกีบครับ  อีกหน่อยประชากรลาวจะมีจำนวนที่เพิ่มขึ้น  เพราะเขาไม่จำกัดการมีลูกและที่สำคัญประชาชนยังขาดความรู้ในเรื่องการคุ้มกำเนิดแต่ในอนาคตเมื่อประเทศพัฒนาประชาชนทุกคนต้องเข้าถึงอยู่แล้วครับ

ซึ่งภาพที่ผมกล่าวมานี้ก็เพื่อต้องการจะให้คุณได้รู้ว่า ทุกประเทศไม่แตกต่างกันมากหรอกครับ  กฎหมายในแต่ละประเทศล้วนมาจากระบบวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนในสังคมนั้นๆ  ในแง่ก็กฎหมายมันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีทั้งผู้ที่ได้ผลประโยชน์และผู้ที่เสียผลประโยชน์ด้วยกันทั้งนั้น  ไม่ว่าฝ่ายไหนก็แล้วแต่ตัวบทกฎหมายในท้ายที่สุดภาพใหญ่สังคมต้องสงบสุข และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน  ทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงได้เสมอในวิกฤตก็ย่อมมีโอกาสใหม่ๆเข้ามาเสมอ  (เมื่อก่อนผมไม่เคยคิดเลยครับว่าจะมาใช้ชีวิตที่ลาว แต่ทุกอย่างก็เป็นไปได้เสมอ เราต้องเปิดใจยอมรับและมองหาโอกาสจากจุดนั้น พรุ่งนี้จะเกิดอะไรค่อยว่ากันครับ  วันนี้เราต้องทำให้เต็มที่นะครับ)

วันศุกร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2560

การทหาร


เมื่อวานผมได้พูดเรื่องการแพทย์ของลาวไปแล้ว  วันนี้ขอพูดในเรื่องของการทหารบ้างนะครับ  ประเทศที่ปกครองแบบทหารก็ไม่ได้หมายความว่า  ทุกอย่างจะต้องถูกปกครองแบบเด็ดขาดเสมอไป

พูดในเรื่องการทหารในประเทศลาว  มีการคัดเลือกทหารในแบบของเรานะครับ แต่เขาจะคัดตอนอายุ 18 ปี  หากแต่ไม่ใช่เป็นการบังคับ คือ คนที่จะต้องไปรับใช้ชาติต้องเป็นคนว่างงานเท่านั้น  หากเป็นคนทำงานหรือต้องดูแลพ่อแม่ หรือกำลังศึกษาต่อ บวชเป็นพระก็ไม่ต้องไปรับใช้ชาติครับ

ระบบการเมืองการปกครองของเขาก็ยังให้สิทธิและเสรีภาพในเรื่องนี้เป็นอย่างดี  ประเทศไทยเราผมว่าในเรื่องควรมีการปฎิวัตกันได้แล้วนะครับ  คุณต้องการคนให้มีระเบียบวินัย  แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ  แล้วคุณเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับสังคมหรือไม่

ระบบการเมืองการปกครองมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป  ทุกสิ่งทุกอย่างต่างก็มีขอบเขตของมันอยู่แล้ว  เพีียงเราต้องเคารพในกฎกติกาของมันเท่านั้น  อย่าได้เอาไปเปรียบเทียบกันเลยครับ ต่างที่ ต่างวาระอยู่แล้ว  การจะเรียนรู้เข้าใจความคิดผู้อื่นได้ดีก็คือ การเปิดใจนั่นเอง  เปิดใจรับรู้ เปิดใจพูดคุยกับผู้คนที่ต้องการได้ความรู้  ผมว่าทุกอย่างมันเป็นไปได้อยู่แล้ว  ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้  ใครทำไม่ได้ไม่ได้หมายความว่าเราจะทำไม่ได้เหมือนเขา

ในทุกที่ย่อมมีโอกาสเสมอถ้าหากคุณมองเห็นมัน  เมื่อวานเรายังเป็นเด็กไม่รู้อะไร  วันนี้เราโตพอมีความรู้ความสามารถในระดับหนึ่ง แต่พอโตขึ้นคุณก็ได้เรียนรู้และเข้าใจอะไรมากยิ่งขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ความคิด ประสบการณ์ทีผ่านเข้ามาในชีวิต มันทำให้เราเติบโตขึ้น  เป็นเรื่องธรรมดาเมื่อคุณเรียนรู้ และเข้าใจเติบโตไปกับมัน  คุณก็จะผ่านมันไปด้วยดีทุกอย่าง  วันนี้สวัสดีครับ

วันพฤหัสบดีที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2560

การแพทย์



คุณรู้ไหมครับสิ่งที่คนลาว เรียกร้องมากที่สุดนั่นก็คือ การแพทย์

ระบบการแพทย์ของลาวยังต้องพัฒนาอีกมากเลยครับ  ประเทศไทยของเราโชคดีในเรื่องนี้มากที่มีแพทย์และเครื่องมือที่ล้ำหน้ากว่า  การรักษาการแพทย์ที่ลาวคุณต้องมีเงินเท่านั้น (หมายถึงสามารถรับประกันชีวิตคุณได้) หรือก็เส้นสายการสร้าง Connection  ผมไม่แน่ในเรื่องนี้นะครับว่ากฎหมายทางการจัดตั้งทางการแพทย์บ้านเขา สามารถให้แพทย์ที่มาจากต่างประเทศเปิดกิจการได้อย่างเสรีหรือไม่

แต่การแพทย์เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับคนลาว พวกเขายอมที่จะเสียเงินแพงๆเพื่อการรักษาที่ดีขึ้นได้  หากนักลงทุนสนใจลองเข้าไปศึกษาหาข้อมูลก็ได้นะครับ  ผมว่าในอนาคตลาวจะมีประชากรที่มากยิ่งขึ้น  (การแพทย์และการรักษาก็จะเป็นที่นิยมกันมากขึ้น)

เพื่อนคนลาวผมถึงกับพูดว่า  ถ้าหากต้องให้ไปนอนโรงพยาบาลสู้ให้เขาซื้อยาแล้วมานอนพักอยู่ที่บ้านดีกว่า  หรือไม่ก็ไปคลีนิคที่มีค่าใช้จ่ายสูงดีกว่า    บางทีนะครับการที่เรามานั่งคุยกับคนที่ต่างชาติ ต่างภาษาของเรามานั่งฟังนั่งคุยกับเขาทำให้เห็นมุมมองความคิดของเขาได้เป็นอย่างดี  อย่างคนนี้เรื่องเกียรติและศักดิ์ศรีเป็นอะไรที่เขาจะให้คุณค่ากับมันมากต่างกับคนไทยเราที่นับวันจะลดน้อยถอยลง

ระบบการเมืองการปกครองอาจเเตกต่างกับบ้าง  แต่โดยรวมสื่อต่างๆ  ถือว่าลาวได้รับอิทธิพลจากไทยมาเยอะมาก  ไม่ว่าจะเป็นวิถีชีวิต  แฟชั่น ดารา หรือกระทั่งอาหารการกิน  เมื่อประชาชนลาวเยอะขึ้นมูลค่านำเข้าสินค้าก็จะเยอะขึ้นตามไปด้วย  ที่นี้ใช่ครับว่าบางอย่างคุณต้องยอมจ่ายแต่ถ้าคุณเข้าถึงเขาแล้วทุกอย่างมันง่ายไปหมดเลยครับ  การจริงใจ การสร้างมิตรภาพที่ดี  คนลาวถือเรื่องพวกนี้มากถ้าคุณเข้าถึงเข้าก็เข้าถึงระบบเศรษฐกิจบ้านเขามาก

ใช่ครับว่า Volume อาจไม่สูงมากแต่ถ้าคุณได้เป็นเจ้าตลาดคุณจะสบายไปเลยเพราะผู้บริโภคจะภัคดีต่อแบรนด์มาก  โอกาสที่สินค้าตัวใหม่ไปตีตลาดได้แล้วประสบความสำเร็จก็ยากมาก  ยังไงลองฝากเป็นข้อคิดนะครับ  ถึงจะเป็นการปกครองเเบบสังคมนิยมแต่ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดไว้นะครับ


กล้าที่จะแตกต่างและเป็นตัวเอง

เรียกว่าห่างหายกันไปนานมากเลยครับ  ช่วงที่ไปพักกายพักจิตใจ  ทำให้เราสามารถแยกแยะได้ว่า  อะไรที่จำเป็นและสำคัญกับชีวิตของเรากันแน่   คนบางคนผ...