สองสิ่งเหมือนไกลกันเหลือเกินนะครับ แต่แท้จริงแล้วมันคือส่วนหนึ่งของกันและกัน
จิตวิทยา คือ ส่วนหนึ่งของศาสนาพุทธเราเลย ผมได้อ่านหนังเกี่ยวกับจิตวิทยามาพอสมควร ผมว่าจิตวิทยามีความเป็นวิทยาศาสตร์และหลักศาสนาพุทธเป็นอย่างมาก วันนี้ขอยกตัวอย่างนะครับ เช่น
1.แนวคิดจิตวิทยาสอนว่า ให้เราอยู่กับความกลัวอาศัยความกลัวเป็นตัวให้เราก้าวไปข้างหน้า ความกลัวสามารถขจัดออกไปได้ด้วยการเปลี่ยนความคิดและมุมมองใหม่ๆ
2.การนั่งสมาธิ หรือ การฝึกจิต เป็นเรื่องที่ศาสนาพุทธสอนมาหลายพันปีแล้ว นักจิตวิทยาก็ยังมีความเชื่อในเรื่องนี้เช่นกัน
3.สาเหตุที่เรื่องจิตวิทยาน่าสนใจและผู้คนศึกษามากกว่าหลักศาสนาก็เพราะว่า ศาสนาเป็นเรื่องลึกซึ้งมาก ต้องรู้ได้เฉพาะตนบางทีเอามาเขียนเป็นหนังสือยังไม่สามารถตีความให้ละเอียดได้
4.จุดมุ่งหมายต่างกัน จิตวิทยาส่วนใหญ่เป็นการแก้ปัญหาความทุกข์ แก้ปัญหาทางโลกเป็นส่วนใหญ่ แต่หลักศาสนาส่วนตัวผมมองว่าตำรามักไปเน้นเรื่องที่ไกลตัว อยากให้หลุดพ้น ตัดกิเลสได้ ทำให้ไม่เหมาะกับคนในยุคนี้เท่าใดนัก ควรปรับหนังสือในแบบฉบับที่ทุกคนก็สามารถเข้าถึงได้ดีกว่า
นี่ก็เป็นแค่ตัวอย่างของจิตวิทยาและศาสนา รวมทั้งข้ัอแตกต่างเล็กน้อยที่เกิดขึ้น แท้จริงแล้วผมมองว่ามันอยู่ที่การนำเสนอมากกว่า ว่าเราจะนำเสนอในรูปแบบไหน ทุกอย่างไม่ผิด ไม่ถูก ในแง่มุมของผมสิ่งที่ผมอยากจะเปลี่ยนแปลงก็คือ
1.หนังสือเกี่ยวกับศาสนา อยากให้เน้นในเรื่องการแก้ปัญหาทางโลกให้ได้ก่อน จากนั้นค่อยๆให้บุคคลที่สนใจพัฒนาต่อยอดเขาไปเองในเรื่องที่ลึกซึ้ง อย่าทำให้เรื่องศาสนาเป็นเรื่องที่ซับซ้อนเข้าใจยาก ตำราเขียนมาก็เพื่อเป็นศาสตร์เท่านั้น แก่นแท้ก็คือจิต ภายในของเราครับที่สำคัญที่สุด เอาตามความเหมาะสมของคุณดีกว่า
2.หนังสือเกี่ยวกับการประสบสำเร็จ แปลกมากนะครับในยุคนี้มีแต่คนเขียนเคล็ดลับ โน่น นั่น นี่ว่ามีวิธีลัดบ้างละที่จะทำให้รวย ประสบความสำเร็จ ไม่ต่างอะไรจากหนังสือที่วิ่งไปตามกระแสมากกว่า ในที่สุดหนังสือเหล่านี้ก็ไม่ต่างอะไรจากกองขยะที่รอวันทิ้ง ผมว่าเรามาทำหนังสือเกี่ยวกับเรื่องการพัฒนาจิตเราดีกว่า ทำอย่างไรจะให้จิตเป็นเศรษฐีได้ ทำจิตอย่างไรให้เป็นอิสระต่อปัจจัยภายนอก สิ่งเร้าหรือสิ่งกระทบ จะพัฒนาตัวเองอย่างไรก่อนจะไปพัฒนาสิ่งอื่น ทุกวันนี้มันวุ่ยวายไปหมดเพราะกระแสค่านิยมที่เราวิ่งตามๆกัน
3.ประเทศไทยหนังสือเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์น้อยมากครับ ไม่ว่าจะทางทีวี หรือสื่อต่างๆ แท้จริงแล้วจินตนาการเป็นสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้หาใช่ สื่อบันเทิงใหม่ ผมเห็นรัฐออกมาสนับสนุนนะครับ แต่ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง เราต้องปลูกฝังที่รากหญ้าครับ กระตุ้นให้คนมีความคิดสร้างสรรค์ อย่าไปจำกัดกรอบ บางทีผมก็แอบเศร้าไม่หายที่คนไทยไปโด่งดังที่เมืองนอก แต่ในบ้านตัวเองกลับไม่มีคนรู้จัก
4.เลิกทำนิสัยตามๆกัน วัฒนธรรมคนไทยกับกระแสที่ทำอะไรตามๆกันเลิกเถอะครับ เช่น สถานที่ท่องเที่ยวที่คนนิยมไป ที่พัก ร้านอาหารที่คนนิยมไป กระแสอินเตอร์ทำให้เราไม่เป็นตัวของตัวเอง เราเอาแต่ค่านิยม ความเท่ห์ จนหลงลืมสิ่งภายในของเราไปแล้ว สุดท้ายก็หลงทางไปตามๆกันไม่ต้องไปโทษใครเลยครับ คุณนั่นแหละที่ต้องโทษตัวคุณเอง
วันนี้อากาศดีมากครับ ขอให้คุณสดใสและมีความสุขไปตามๆกันครับ วันนี้สวัสดีครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น