วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2558

มนุษย์เราต้องการอะไรกันแน่

         




          ผมมาสังเกตตัวเองช่วงหลังๆมานี้รู้สึกว่าสิ่งที่ผมต้องการจริงๆ  นอกเหนือไปจากเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ก็คือการหลุดพ้น  ด้วยจริตที่อยากปล่อยวางกับทุกเรื่อง   มองทุกสิ่งทุกอย่างให้มันเป็นเรื่องธรรมดา  มาถึงตอนนี้ผมพอจะทราบแล้วว่า ธรรมมะ  ควรเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผม  เวลาที่ดวงตาหรือจิตใจเรามืดบอดสติปัญญาเท่านั้นที่จะเป็นแสงสว่างที่นำทางเรา  ก่อนที่จะทำอะไรหรือช่วยเหลืออะไรใครก็แล้วแต่เราต้องรู้เข้าไปถึงจิตใจของตัวเองก่อน   บางครั้งความหวังดีของเราอาจเป็นสิ่งที่หวังร้ายก็เป็นไปได้ ธรรมชาติของจิตใจที่เป็นอยู่  ธรรมชาติของความต้องการที่แท้จริงของเรา  ณ ตอนนี้สมองผมมันว่างเปล่าจน.........  บอกไม่ถูกครับ  สติเท่านั้นที่เป็นตัวช่วย สวัสดีวันหยุดยาวครับ

วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2558

เรื่องของกรรม

        

         วันนี้ผมตื่นแต่เช้าเลย  พอดีมีรุ่นพี่คนหนึ่งโทรศัพท์มาปลุกแต่เช้าครับ  พี่แกเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่กรมหนึ่งครับ  แกเป็นคนธรรมมะมากๆ  ทุกวันแกจะนั่งสมาธิทุกเช้าและก่อนนอน  ทุกครั้งที่คุยกันผมได้รับสาระดีดีจากแกมาก บางครั้งการที่เรามองเห็นอะไรตามความเป็นจริงทำให้ชีวิตเรามันง่ายขึ้นมากเลยครับ  เช้านี้เราคุยกันเรื่องกรรมเก่าครับ  เป็นอะไรที่สนุกและก็มีสาระเอามากๆ   ตัวผมเชื่อว่าคนๆหนึ่งจะรู้จักกันได้หรือโคจรเข้ามาพบปะสนทนากันได้ต้องมีอะไรบางอย่างที่คล้ายกันมากๆ  นั่นคือ  ศีล  สมาธิ  ปัญญา  ต้องเสมอกัน  บุคคลที่มีสามสิ่งนี้เสมอกันเวลาคุยอะไรกันมักจะไปกันได้ดี  เพราะเป็นปกติวิสัยของคนๆนั้น  
          พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ว่า  ใดๆในโลกล้วน  อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา  จงทำประโยชน์ท่านและประโยชน์ตนโดยความไม่ประมาท  แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานกว่า 2,000 ปีมาแล้ว  ธรรมมะของพระพุทธองค์ก็ยังคงใหม่อยู่เสมอไม่มีเปลี่ยน  ต้องขอบคุณพระพุทธองค์จริงๆครับ  ขอบคุณที่ผมเกิดมาในศาสนานี้  ขอบคุณที่เจอแต่คนดีๆ  ขอบคุณที่โอกาสดีๆที่ได้รับ  ขอบคุณจากใจจริง

วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2558

เปลี่ยนตัวเองได้แล้วก่อนที่โลกจะเปลี่ยนคูณ

         


         ผมเริ่มรู้จักตัวเองมากขึ้นแล้วครับ  เริ่มมองเห็นตัวเองมากขึ้น  ไม่แปลกใจจริงๆ  พอเราหยุดเอาเงินเป็นที่ตั้งแห่งเป้าหมายแล้วเลือกทำในสิ่งที่เป็นความสนใจหรือความต้องการของเราจริง  มันรู้สึกถึงพลังและการใช้ชีวิตอยู่อย่างมี "คุณค่า"  เราสามารถเปลี่ยนโลกเราได้ด้วยความคิดของเราครับ  จงยึดมั่นและเดินตามเป้าหมายที่คุณได้ตั้งใจเอาไว้   เริ่มเปลี่ยนได้แล้วนะครับ  ถ้าคุณไม่เปลี่ยนแปลงตัวเองโลกก็จะเปลี่ยนคุณเอง  มันเป็นกฎธรรมชาติเราก็รู้ข้อนี้กันดี
       โลกในศตวรรษที่ 21 จะเป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง  ผู้คนเรียนรู้ผ่านโลก Online  และเป็นยุคข้อมูลข่าวสารที่เฟื้องฟูมาก  เรียกได้ว่า "มีปัญญาเหมือนมีทรัพย์"  ปัญญาในที่นี้ไม่ได้หมายถึงปริญญาหรืออะไรทีเรียนมาจากตำรา  นั่นหมายถึงความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ ที่เป็นแก่นแท้ที่ออกมาจากภายใน  ผมหมายถึงศักยภาพของมนุษย์ที่ไม่มีข้อจำกัด  คุณหรือเพื่อนที่ได้อ่านบทความของผมไม่แน่ใจจะทันหรือเปล่า  แต่ผมมั่นใจมากว่ามันเกิดขึ้นแน่อาจจะก่อนก็ได้  ยังไงก็เตรียมพร้อมได้แล้วนะครับ  

วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2558

หาสไตส์ตัวเองให้เจอ

 
     
         ช่วงนี้เป็นช่วงที่ทำให้ผมสับสนอยู่ไม่น้อยกับโลกโซเซียล      ที่แต่ละคนโพสข้อความสร้างแรงบันดาลใจเยอะแยะมากมายจนกลายเป็นข้อมูลขยะที่เรานำไปใช้กับชีวิตจริงเราไม่ได้  ซึ่งก็ไม่ผิดเป็นสิทธิของแต่ละคนอยู่แล้ว   สิ่งหนึ่งที่โลกโซเซียลมีจุดด้อยก็คือ  การได้รับข้อมูลที่รวดเร็วเกินไปจนไม่ผ่านการกรองข่าวสารข้อมูลให้ตรงกับสิ่งที่เป็นความจริงก่อน  ทำให้ผู้คนสับสนกับข้อมูลที่ได้รับเป็นอย่างยิ่ง  ผมมานั่งนึกนะ  ความจริงก็คือเราไม่เคยฝึกสติต่างหาก  เราไม่เคยฝึกเข้าไปค้นหาตัวเองในใจให้เจอ  ให้เพื่อนๆ ลองตั้งคำถามกับตัวเองซิครับว่า

เราเป็นใคร ?  ชีวิตเราต้องการอะไร ? อะไรที่เราทำได้ดี ?  อะไรที่เรารักและชอบ ?

           ลองหยุดเข้าไปในตัวเองทบทวนสิ่งที่ผ่านมา  ฝึกลมหายใจ  เข้า - ออก  หยุดโลกโซเซียลสักพักแล้วอยู่กับตัวเองจริง ๆ  นั่งทบทวนกับหลายสิ่งหลายอย่างที่ผ่านมา  ให้จิตใจของคุณว่างและเบาตลอดเวลา  หาสิ่งที่ต้องการหาสไตส์ความชอบหรือลองทำอะไรใหม่ๆ  ไม่แน่คุณอาจจะเจอในสิ่งที่คุณรักและไม่ต้องวุ่นวายกับอะไรอีกต่อไป

วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2558

เรื่องของดวง



         วันนี้ผมอยากจะพูดถึงเรื่องดวงครับ  แปลกแต่จริงนะครับ  ผมลองสังเกตุดูแล้ว  ดวงชะตาของเราจริงๆแล้วเราคือผู้กำหนดไม่ใช่โชคชะตาครับ  เวลาที่เราคิดดี พูดดี ทำดี  คุณลองไปตรวจดวงชะตาดูก็ได้มันก็จะเจอแต่สิ่งที่ดีดี  แรก ๆ ก็แปลกใจแต่ผมก็ลองมาหลายครั้งแล้วครับ  ผมมีเคล็ดลับอย่างหนึ่ง ที่ได้มาจากครูอ้อย  ครูอ้อยบอกว่า  ให้พูดและคิดแต่สิ่งดีดีติดกันสัก 21 วัน แบบนี้ครับ

เราเป็นคนโชคดี  เจอแต่คนดีดี  ทำอะไรก็สำเร็จเป็นประโยชน์กับคนมากมาย  เราอารมณ์ดีเสมอเลยอยู่ถูกที่ถูกเวลา  ได้รับสิ่งที่ดีดีตลอด  มีคนคอยช่วยให้เราประสบความสำเร็จตลอดเส้นทาง  เราเลยช่วยคนอื่นต่อๆไปอีก  เรามีความสุขง่าย  กับสิ่งรอบตัวทุกอย่างเกิดขึ้นเพื่อส่งเราไปยังจุดที่ดีทีสุดเสมอ

     ครับเป็นเคล็ดลับที่ผมท่องทุกวันเลยครับ  แล้วผมก็มีความสุขทุกวันในการใช้ชีวิต  มีบางทีท้อแต่ก็ไม่ถอยครับ  ผมเชื่อมั่นเสมอว่า  มีสิ่งที่ดีกว่ารอผมอยู่  เมื่อผมพร้อมทุกอย่างจะปรากฎตัวให้ผมเห็นเองครับ
เป็นกำลังใจให้เพื่อนๆ ทุกคนด้วยครับ ขอให้ประสบความสำเร็จทุกท่านครับ

วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2558

จงใช้ชีวิตกับงานที่คุณรักและคุณจะได้ไม่ต้องทำงานอีกต่อไป

         



           เมื่อวานผมไปทำกิจกรรมที่สวนโมกข์   ลักษณะกิจกรรมคือ  การเรียนรู้เพื่อวางแผนธุรกิจ ถือเป็นความรู้ใหม่สำหรับผมมาก    เพิ่งทราบครับว่าโครงการนี้เขามีมานานแล้ว   รู้สึกตื่นเต้นและดีใจมากที่อยากจะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนั้น  เมื่อคืนผมนอนไม่หลับทั้งคืน  เฝ้าคิดถึงโปรเจคในฝันของตัวเอง  แปลกนะครับ  ผมเพิ่งมานึกถึงคำพูดของพี่บอยตอนผมไปสัมมนา  ที่ว่า "คนที่เราไม่คาดคิด  อาจทำในสิ่งที่เราไม่คาดคิดก็เป็นไปได้   จริงๆผมอยากจะเเบ่งปันให้พวกท่านมากแต่รอมันเป็นรูปเป็นร่างกว่านี้ผมสัญญาว่าผมจะนำมาแชร์ให้แน่ๆครับ
           ชีวิตคนเรามันสั้นมากครับ  จงทำในสิ่งที่เรารักแล้วคุณจะไม่ต้องทำงานอีกต่อไป  โลกนี้แปลกแต่จริง  คนเรามักจะทำอะไรในสิ่งที่สวนทางกับความต้องการของตัวเอง  พอถึงจุดหนึ่งก็รู้สึกยากจะกลับไปก็ไม่ทันซะแล้ว  หากคุณยังเป็นอย่างนั้นจงเริ่มทบทวนตัวเองแล้วลงมือเปลี่ยนมันทันทีครับ   อย่าเห็นแก่ประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ แต่จงมองไปที่ภาพใหญ่ที่เราต้องการดีกว่า  วันนี้ขอให้ทุกท่านมีความสุขในการทำงานนะครับ

วันเสาร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2558

นิทานสอนใจของผม


ชายคนหนึ่ง .. เรียนมหาวิทยาลัยไม่จบ 
พ่อแม่ก็เลยจัดการหาภรรยาให้ 

เมื่อแต่งงานแล้ว เขาก็สมัครเป็นครูสอนหนังสือ ในโรงเรียนประถมใกล้บ้าน
เพราะไม่มีประสบการณ์การสอน 

สอนได้ไม่ถึงอาทิตย์เขาก็ถูกโห่ไล่จากเด็กนักเรียน 
เมื่อกลับถึงบ้าน ภรรยาปลอบใจเขาว่า

"แม้เราจะมีภูมิอยู่เต็มท้อง บางคนเอาออกเป็น บางคนเอาออกไม่เป็น อย่าได้โศกเศร้าเสียใจให้มากไป อาจมีงานที่เหมาะสมกว่านี้รอคุณอยู่"
ต่อมาเขาก็ไปทำงานรับจ้าง 
ก็ถูกเถ้าแก่ไล่กลับบ้าน 
เพราะเขาทำอะไรช้ายืดยาด 
ครั้งนี้ภรรยาของเขาปลอบใจเขาว่า

"คนเรามือไม้ช้าเร็วต่างกัน คนอื่นเขาทำมาเป็นสิบๆปี 
คุณเรียนหนังสือมาตลอด จะให้ทำเร็วเหมือนคนอื่นได้ยังไง"

เขาไปทำงานอีกหลายอย่าง... 
แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ต่างกัน มักจะเลิกล้มกลางคันอยู่เสมอ 
ทุกครั้งที่เป็นเช่นนี้ ภรรยาก็จะคอยปลอบใจ
ไม่เคยตำหนิหรือว่ากล่าวอะไรเลย ..

ตอนที่เขาอายุได้ 30 กว่าปี ด้วยความสามารถด้านภาษา 
เขาเลยสมัครเป็นครูผู้ช่วยในโรงเรียนโสตศึกษา
ต่อมาเมื่อมีประสบการณ์การสอน 
เขาก็ออกมาเปิดโรงเรียนโสตศึกษาของตัวเอง

จากนั้นเขาก็ได้เปิดร้าน
ขายผลิตภัณฑ์จากผู้พิการหลายแห่งในเมืองต่างๆ 
จากชายผู้ไม่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน 
ตอนนี้เขากลายเป็นเศรษฐีย่อมๆ เสียแล้ว ..

อยู่มาวันหนึ่ง เขาได้ถามภรรยาของเขาว่า
"แม้แต่ตัวผมยังรู้สึกอับจนไร้หนทาง เพราะอะไรคุณจึงมั่นใจในตัวผม??"
ภรรยาของเขาตอบว่า
"ดินดี...
แต่หากไม่เหมาะกับการปลูกข้าวบาร์เลย์ ก็ลองปลูกถั่ว 
หากไม่เหมาะกับการปลูกถั่ว ก็ลองปลูกแตง 
หากไม่เหมาะกับการปลูกแตง ก็ลองปลูกดอกไม้ฯ 
จะต้องมีเมล็ดพันธุ์อย่างหนึ่ง ที่เหมาะกับดินชนิดนี้ 
เมื่อได้เมล็ดพันธุ์ที่เหมาะกับมัน 
ก็ย่อมเจริญงอกงามได้ผลเก็บเกี่ยวเต็มที่"

เมื่อฟังภรรยาพูดจบ เขาถึงกับหลั่งน้ำตา
"ขอบคุณความรักความอดทน และความเชื่อมั่นที่คุณมีต่อผม 
คุณคือเมล็ดพันธุ์ที่ทรงพลังแข็งแกร่ง และทรหดอดทนมาก"..

*****************************************
โลกใบนี้ ไม่มีใคร ที่ไร้ประโยชน์ เพียงแต่ มันผิดที่ผิดทางก็เท่านั้น ..

** คนที่ไม่รู้จักถนอมรักษา 
ต่อให้อยู่บนภูเขาเงิน ภูเขาทอง เขาก็ไม่มีความสุข ..

** คนที่ไม่รู้จักให้อภัยใจกว้าง 
ต่อให้ผูกมิตรสหายไว้มากมาย สุดท้ายก็หลีกลี้หนีหาย ..

** คนที่ไม่รู้จักสำนึกคุณ 
ต่อให้ยอดเยี่ยมมากความสามารถอย่างไร  ก็ยากประสบความสำเร็จ ..

** คนที่ไม่รู้ลงมือกระทำ 
ต่อให้ฉลาดปราดเปรื่องอย่างไร ความฝันก็ไม่อาจสำเร็จเป็นจริงได้ ..

** คนที่ไม่รู้จักให้ความร่วมมือ 
ต่อให้สู้จนสุดชีวิต   ก็ยากที่จะสำเร็จสู่ความยิ่งใหญ่ได้ ..

** คนที่ไม่รู้จักเก็บออม 
ต่อให้มีเงินทองมากมายก็ไม่อาจเป็นเศรษฐีได้ ..

** คนที่ไม่รู้จักพอ 
ต่อให้ร่ำรวยปานใดก็ยากที่จะมีความผาสุก ..
** คนที่ไม่รู้จักดูแลร่างกาย 

ต่อให้มียาดีมากมายก็ยากอายุยืนได้ ..
และที่สำคัญ ..

อย่ากลัวว่าเรียนยาก ที่กลัวคือ ไม่อยากเรียน
อย่ากลัวสายตาของคนอื่น ที่กลัวคือ ตัวเองไม่รักดี
อย่ากลัวไม่มีเงิน ที่กลัวคือ มีแล้วไม่รู้จักใช้ 
กลายเป็นทาสของเงินต่างหาก

เมื่อคุณเปิดมันจะปิด

       


         มีหลายครั้งเลยครับที่หลายคนพยายามกับอะไรบางสิ่งบางอย่างยิ่งพยายามมากทำไหร่เหมือนสิ่งที่เราต้องการมันเหมือนจะวิ่งหนีเราไปซะงั้น  สงสัยไหมครับเป็นเพราะอะไร  ก็เพราะคุณยังไม่รู้วิธีควบคุมตัวเองไงครับ  บางอย่างผ่านเข้ามาเพื่อหลอกล่อเราให้หลงติดกับดัก  บางอย่างไม่ใช่ของจริง  สิ่งที่เป็นของจริงเลยยังคว้ามันไม่ได้  เรื่องเหล่านี้ต้องใช้เวลาฝึกฝนและลงมือปรับปรุงแก้ไขไปเรื่อยๆ ครับ  ขึ้นอยู่กับจิตของแต่ละคน  ลองหยุดทำอะไรสักพักแล้วกลับเข้ามาดูภายในจิตใจของเราดูครับว่าอะไรที่บงการชีวิตเราอยู่  ทำไมเราถึงต้องได้มัน  และมันสำคัญกับชีวิตของเรามากน้อยขนาดไหน  การเข้าไปดูในจิตใจของเรานั้นนอกจากเราจะรู้จักตัวเองแล้วเรายังรู้จักผู้อื่นมากขึ้นอีกด้วย
         คุณลองย้อนไปตั้งแต่ที่คุณเป็นเด็กดูซิครับ  เมื่อเติบโตขึ้นมา คุณเคยผ่านอะไรมาบ้างอะไรที่ทำให้คุณสำเร็จที่ยิ่งใหญ่และทำได้ดี  อะไรที่คุณต้องปรับปรุงและพัฒนาขึ้น  ทุกคำตอบมันอยู่ในใจคุณแหละ คนเราทุกคนเกิดมาเพื่อที่จะทำบางสิ่งบางอย่าง   ตามแต่ที่จิตเราได้สะสมไว้ไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกขอเเค่มั่นใจว่าทำไปแล้วมันดีที่สุดกับเราและสามารถทำให้ผู้อื่นและสังคมสุขไปด้วยก็เพียงพอแล้วครับ

วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2558

เรารู้ว่าเราเป็นใคร จงมุ่งมั่นทำต่อไป


นิทานธรรมกับ ดร.เอ๋ย ตอน 4   วอชิงตัน โรบิง ...ว่าด้วยอิทธิบาท 4  
โดย ดร.อภิวรรณ รัตนิน สายประดิษฐ์
............วิศวกรชื่อ จอห์น โรบิง 
         คิดอยากจะสร้างสะพานเชื่อม นครนิวยอร์คกับลองไอร์แลนด์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างสะพานทั่วโลกเห็นว่า มันเป็นเรื่องที่ทำไม่ได ้ และ ให้โรบิงเลิกล้มความตั้งใจเสีย แต่โรบิงมีความมุงมั่นที่จะทำให้สำเร็จ
         เขาได้ลูกชายชื่อ วอชิงตัน ซึ่งเป็นวิศวกรเช่นกันมาร่วมงานด้วย การก่อสร้างดำเนินไปด้วยดี แต่หลังจากนั้นไม่กี่เดือน ก็เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง ที่ทำให้วอชิงตันบาดเจ็บที่สมอง และกลายเป็นอัมพาต ไม่สามารถเดิน พูด หรือแม้แต่จะเคลื่อนไหวร่างกาย ผู้คนต่างพูดว่า
       “เราเตือนคุณแล้ว” “เขาเป็นคนบ้าที่มีความเพ้อฝันโง่ๆ” “มันโง่ที่จะไล่ตามความฝันที่เป็นไปไม่ได้”
          ทุกคนเห็นว่าโครงการนี้ควรถูกยกเลิก   แต่ขณะที่วอชิงตันนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล  เขาได้เห็นแสงอาทิตย์ส่องผ่านช่องหน้าต่าง ลมอ่อนพัดผ้าม่านบางๆโบกพลิ้ว เขามองเป็นท้องฟ้าและยอดไม้ มันเป็นสัญญาณให้เขาสู้ต่อไป...
          เขารู้ว่าเขายังขยับนิ้วได้หนึ่งนิ้ว และเขาจะใช้มัน เขาเริ่มคิดรหัสที่จะติดต่อกับภรรยาด้วยนิ้วมือนี้ เขาแตะแขนของเธอ และสื่อกับเธอว่า เขาต้องการให้วิศวกรทำอะไร และงานก็ดำเนินต่อวอชิงตันใช้เวลา 13 ปี ... ในการสื่อข้อความด้วยการเคาะนิ้วบนแขนของภรรยา จนกระทั่งสะพานถูกสร้างโดยสำเร็จ
ทุกวันนี้สะพาน "บรุ๊คลิน" ที่มีชื่อเสียง ยืนหยัดเป็นอนุสรณ์ของชัยชนะของผู้ที่มีความมุ่งมั่นไม่ยอมสยบต่อความยากลำบากบ่อยครั้งที่เราประสบอุปสรรคในชีวิตประจำวัน  แต่ปัญหาเหล่านั้นเล็กกว่าปัญหาของผู้อื่น    สะพานบรุ๊คลินแสดงให้เราเห็นว่า ความฝันที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้นั้น สามารถไปถึงได้ด้วยความพยายามและความมุ่งมั่น ไม่ว่ามันจะมีโอกาสสำเร็จน้อยเพียงใดก็ตาม
        เคยมีบ้างไหมที่คุณหยุดไล่ล่าความฝัน หรือโครงการที่ดำเนินอยู่ หรือแม้แต่ลาออกจากงาน หรือจากมหาวิทยาลัย เพราะปะทะกับอุปสรรค หรือมีผู้บอกว่า สิ่งที่คุณพยายามจะไปให้ถึงนั้น มันเป็นเรื่อง “เป็นไปไม่ได้” และ ปล่อยให้สิ่งนั้นรบกวนจิตใต้สำนึกของคุณตลอดไป
          ผู้เขียนมีโอกาสวิเศษสุดครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ได้ติดตามพระนิสิตจากมหาจุฬาฯ รูปหนึ่ง ไปสัมภาษณ์ ท่านผู้หญิงพูนทรัพย์ นพวงศ์ ณ อยุธยา ปูชนียบุคคลมหัศจรรย์ในวัยเฉียดร้อยปี คำพูดของท่านแต่ละประโยค เปรียบเสมือนแก้วแหวน ให้ผู้เขียนได้เก็บสะสมเป็นแรงบันดาลใจที่มีค่ายิ่ง
         ท่านผู้หญิงเป็นผู้ก่อตั้งคณะคุรุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยแยกออกมาจากคณะอักษรศาสตร์ในขณะนั้น ซึ่งแน่นอนการเปลี่ยนแปลงระดับนี้ ย่อมหนีไม่พ้นแรงเสียดทาน และอุปสรรคต่างๆ อย่างแน่นอน
         พระผู้สัมภาษณ์ ได้ถามท่านผู้หญิงว่า ท่านจัดการอย่างไร เมื่อประสบกับอุปสรรคต่างๆ ท่านผู้หญิงให้คำตอบที่ชัดเจนเป็นขั้นเป็นตอนว่า  “ก่อนอื่น เราต้องแน่ใจว่า สิ่งที่เราทำนั้นเป็นสิ่งที่ดี ที่ถูกต้อง ที่เป็นประโยชน์ เมื่อแน่ใจแล้ว เราต้องต่อสู้ไปให้ถึงความสำเร็จ โดยไม่ท้อถอย”
ถ้าโทมัส เอลวา เอดิสัน
        เลิกล้มความมุ่งมั่น ในการค้นพบไส้หลอดไฟฟ้า หลังจากล้มเหลวมาแล้วถึงสองพันครั้ง โลกของเราก็คงไม่สว่างไสวในตอนกลางคืนเช่นนี้  แม้ผู้ช่วยจะถอดใจเอ่ยปากว่า
“งานของเราไม่ได้ผลเลย เราไม่ได้เรียนรู้อะไรจากการทดลอง”
           แต่เอดิสันตอบด้วยความมั่นใจว่า “โอ้ เรามากันไกลมากแล้วหล่ะ ตอนนี้เรารู้จักวัสดุตั้งสองพันอย่าง ที่เอามาใช้เป็นไส้หลอดไม่ได้”  ถ้าคุณเป็นนักอ่าน คุณก็คงรู้จัก อาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์ อาจารย์ภาควิชาปรัชญา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้เขียนหนังสือชื่อ “เดินสู่อิสรภาพ”จากประสบการณ์ของท่าน ที่เดินด้วยเท้าโดยไม่พกเงินติดตัว ไม่ขอเงิน ไม่ขออาหารจากใคร ไม่ไปหาคนรู้จัก โดยเริ่มต้นจากเชียงใหม่ จนถึงปลายทางที่เกาะสมุย ซึ่งใช้เวลานานถึง 66 วัน  หลายคนบอกว่าอาจารย์ “บ้า”แต่มันคือความฝันที่อาจารย์ทำให้เป็นจริง เพื่อค้นหาสัจธรรมของชีวิต มันเป็นการเดินทางทั้งภายในและภายนอก ภายในคือการเดินทาง ข้ามพ้นความเสียดาย ความโกรธเกลียด และความกลัวที่อยู่ในใจของตัวเอง   สิ่งที่อาจารย์พบจากการเดินทางคือ คุณค่าของการมีชีวิตอยู่เพื่อผู้อื่น  ของความเป็นมิตรไมตรี และความมีเมตตาของคนในสังคมที่ยังมีอยู่จริง  หรือคุณคงรู้จัก หนุ่มเหล็กเทอร์รี่ ฟ๊อกซ์ ชาวแคนาดา ซึ่งพบว่าเป็นมะเร็งกระดูกเมื่อปี พ.ศ. 2520 เมื่อมีอายุเพียง 19 ปี ทำให้เขาต้องตัดขาขวาทิ้ง ตั้งแต่หัวเข่าลงไป เมื่อออกจากโรงพยาบาลเขาตั้งใจหาทุนเพื่องานวิจัยทางด้านโรคมะเร็ง ด้วยการวิ่งข้ามประเทศโดยใช้ขาเทียม เขาฝึกซ้อมอย่างหนัก จนในที่สุดในวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2523 เขาก็เริ่มทำตามความฝัน เพื่อหาเงินให้ได้ 24 ล้านดอลล่าร์ หรือเฉลี่ยหนึ่งดอลล่าร์ต่อหนึ่งคน ตามจำนวนประชากรชาวแคนาดาในขณะนั้น
          หลังจากผ่านไป 143 วัน หรือ 5,373 กิโลเมตร เทอร์รี่มีอาการเจ็บหน้าอก และหายใจไม่ออก เขาถูกส่งไปโรงพยาบาลทันที และแพทย์แจ้งว่ามะเร็งได้ลามไปที่ปอดของเขา ระหว่างอยู่ที่โรงพยาบาล มีผู้ที่เขาเคยสร้างแรงบันดาลใจ ส่งจดหมายให้กำลังใจมากมาย รวมทั้งประธานโรงแรมโฟร์ซีซั่น ผู้รับรองกับเทอร์รี่ว่า จะจัดให้มีการวิ่งมาราธอนประจำปี เพื่อหาเงินสนับสนุนโครงการของเขาต่อไป และให้ชื่อว่า “เทอร์รี่ ฟ๊อกซ์ รัน”
          เทอร์รี่เสียชีวิตวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2524 เขาหาเงินได้ 24.71 ล้านดอลล่าร์ มากกว่าที่คาดคิด และปัจจุบัน “เทอร์รี่ ฟีอกซ์ รัน” ก็ยังคงหาเงินให้กองทุนวิจัยโรคมะเร็งสืบต่อมาเป็นประจำทั่วประเทศบุคคลเหล่านี้...
ไล่ล่าตามความฝันของเขาที่ยากยิ่งได้อย่างไร???
ได้ด้วยคุณธรรมที่เรียกว่า “อิทธิบาท 4” ซึ่งประกอบด้วย
         1. ฉันทะ หรือมีใจรัก 
ถือว่าสำคัญมาก การฝืนทำอะไรที่ไม่ได้เกิดจากความพอใจ หรือศรัทธาของเราจริงๆ มีแต่สร้างความทุกข์ทรมาน ความเครียด แม้จะได้บางสิ่งที่มุ่งหวังก็ตาม ตรงนี้เป็นจุดที่คำแนะนำของอาจารย์ท่านผู้หญิงพูนทรัพย์มีค่า
คุณจะสร้างความรักสิ่งที่คุณทำได้ก็ต่อเมื่อ คุณมีศรัทธาว่าสิ่งที่คุณทำเป็นสิ่งที่ดี มีคุณค่า มีประโยชน์ต่อตัวเองและต่อผู้อื่น หากเรื่องนั้นเป็นเรื่องดีจริง ก็จงมุ่งมั่นที่จะทำด้วยความตั้งใจ และหากไม่ดีก็คงต้องเปลี่ยนแปลงศรัทธาเสียใหม่ เช่น หากเราคิดเบื่องานที่เราทำ เราลองเปลี่ยนมุมคิดของเราด้วยการสร้างศรัทธาใหม่ แทนที่คุณจะทำมันด้วยศรัทธาต่อลาภยศสรรเสริญ นั่นคือเพื่อเงินเดือน เพื่อคำชม เพื่อตำแหน่งของคุณเอง คุณลองเปลี่ยนศรัทธาเป็นการสร้างความสุข หรือแก้ความทุกข์ แก้ปัญหาให้แก่ผู้ที่คุณให้บริการ มันจะทำให้คุณมีพลังในการต่อสู้กับความเหน็ดเหนื่อย ต่อความเบื่อหน่ายได้อย่างดียิ่ง
       2. วิริยะ คือความเพียรพยายาม 
เป็นความมุ่งมั่นทุ่มเททั้งกายและใจ
ความเพียรนี้ มีปรากฏอยู่ในธรรมะหลายหมวด เช่น 
- พละ 5 ธรรมอันเป็นกำลังให้ดำเนินชีวิตด้วยความมั่นใจ   ไม่หวั่นต่อภัยทุกอย่าง
- โพชฌงค์ 7 ธรรมที่เป็นองค์แห่งการตรัสรู้
- บารมี 10 คุณธรรมที่ควรประพฤติปฏิบัติอย่างยิ่งยวด หรือทศพิธราชธรรม ธรรมของพระราชา
        เราได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบด้วยพระราชอุตสาหะวิริยภาพเป็นอย่างยิ่ง พระองค์ไม่โปรดจะประทับอยู่เฉย แต่เสด็จออกเยี่ยมราษฎรในท้องถิ่นต่างๆ แม้ในถิ่นทุรกันดารและห่างไกล ไม่ว่าจะทรงลำบากพระวรกายเพียงใด และ ในวันหนึ่งๆ ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจได้มากมาย จนไม่น่าที่จะเป็นไปได้ หากเป็นบุคคลทั่วไป คงต้องใช้เวลาหลายวันทีเดียว
            วิริยะ หรือ ความเพียรเกิดจากฉันทะ หรือ ความศรัทธาในสิ่งที่ทำ และ ต้องมาคู่กับความอดทนอดกลั้น ไม่ย่อท้อต่อปัญหา หรือ ความท้าทาย และมีความหวังที่จะเอาชนะอุปสรรคทั้งหลาย
เปรียบเหมือนเม็ดทรายเม็ดเล็กๆ ที่ซัดผ่านก้อนหินทุกวัน ก็ยังทำให้ก้อนหินนั้นกลมเกลี้ยงได้ แต่วิริยะไม่ใช่ความดุดันอย่างเอาเป็นเอาตาย หรือ ต้องให้ได้ดังใจเสมอ เพราะในบางเวลาบางสถานการณ์ เราอาจจะต้องปล่อยวาง หรือ วางเฉยเพื่อรอสภาวะที่เหมาะสมกว่า เพื่อบรรลุถึงจุดประสงค์นั้น และให้จดจำไว้เสมอว่า
ถ้าคุณตกจาก “ความหวัง” (hope)  คุณจะเจ็บน้อยกว่าตกจาก “ความคาดหวัง” (expectation)
        3.จิตตะ คือใจที่จดจ่อต่อสิ่งที่เราคิดเราทำ
        และรับผิดชอบด้วยความรอบคอบและรู้จริง ไม่ใช่สักแต่ทำไปแบบสุกเอาเผากิน ถ้าจะศึกษาอะไร ก็มุ่งมั่นให้ได้ความรู้นั้นจนเป็นผู้ชำนาญ การจะมีใจจดจ่อต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เรียกอีกอย่างว่าสมาธิ เมื่อใจเป็นสมาธิ ใจของคุณจะไม่หวั่นไหว ไปกับสิ่งที่จะฉุดคุณออกไปความตั้งใจ เช่น ความเบื่อหน่าย หดหู่เซื่องซึมขี้เกียจ ฟุ้งซ่าน ร้อนใจ กระวนกระวายกลุ้มกังวล ลังเลสงสัย โกรธแค้น คิดร้าย เป็นต้น
         4.วิมังสา คือ การทบทวนในสิ่งที่ได้คิดได้ทำมา 
         โดยใช้วิจารณญาณอย่างรอบรู้ ว่าเกิดผลดีและผลเสียอย่างไร เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้ดียิ่งขึ้น แทนที่จะมุทะลุทำโดยไม่พิจารณาว่ามันเป็นเส้นทาง หรือ วิธีการที่ถูกต้อง หรือดีที่สุดแล้วหรือไม่ เพราะการกระทำเช่นนั้น อาจพาเราเข้ารกเข้าพงไปได้ ยิ่งที่วิริยะมาก ก็ยิ่งผิดทางไปไกลสิ่งนี้พระพุทธเจ้าสอนมาหลายพันปีแล้ว ในขณะที่วิทยาการสมัยใหม่เพิ่งสอนให้มีการ ตรวจสอบ วัดผล เพื่อการปรับปรุง ในกระบวนการควบคุมการผลิต และ การบริหารทุกกระบวนการ
ก่อนจะจบบทนี้...
ผู้เขียนขอฝากนิทานไว้อีกเรื่องให้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจ    คือเรื่อง  กบสองตัว
กบสองตัวตกลงไปในหลุมลึก กบตัวอื่นเห็นว่าโอกาสรอดคงยาก ก็ตะโกนลงไปว่า
"อย่าพยายามกระโดดขึ้นมาเลยไม่มีทางสำเร็จ"  กบสองตัวไม่ฟัง ทั้งสองพยายามกระโดดให้สูงที่สุดเท่าที่มีเรี่ยวแรง กบตัวอื่นก็ได้แต่ตะโกนให้หยุดกระโดด เพราะเปล่าประโยชน์ ยังไงๆ ก็ต้องตายแน่ๆ ในที่สุดกบตัวหนึ่งหยุดกระโดด มันตกลงไปตายส่วนกบอีกตัวยังกระโดดไม่เลิก กบตัวอื่นร้องบอกให้หยุดเถิด จะเหนื่อยเปล่า แต่มันยิ่งกระโดดสูงขึ้นๆ และในที่สุดก็พ้นปากหลุมขึ้นมาได้ กบตัวอื่นมารุมล้อมถามว่า
“เธอไม่ได้ยินพวกเราบอกให้หยุดกระโดดหรือ ? ” แต่พบว่า...
...กบตัวนั้นหูหนวกสนิท มันคิดว่ากบตัวอื่นกำลังตะโกนเชียร์มันอยู่

ความสงบเป็นบ่อเกิดปัญญา

       

 

          การฝึกสติปัญญาเป็นเรื่องที่ทุกคนทำได้ครับ  ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่หากไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ทุกสิ่งทุกอย่างก็พังได้เหมือนกัน  ฟังดูเหมือนไม่มีอะไรครับ  แต่ทำมันช่างยากเหลือเลย  ใช่ครับ  ไม่ยาก ไม่ง่ายหรอกครับ  ทุกอย่างมีเหตุ มีผลในตัวของมันเอง  เวลาที่เราโกรธหรือไม่พอใจใคร ผมว่าทุกท่านก็คงพอทราบอารมณ์เหล่านั้นดีอยู่แล้ว  คนที่ทุกข์ที่สุดคือเราไม่ใช่เขาครับ เอายังงี้แล้วกันเวลาที่เราเจอความทุกข์ผมอยากให้ทุกท่าน  คิดถึงสิ่งที่อยู่ตรงกันข้ามดีกว่าครับ  คนเราหยุดคิดไม่ได้ครับแต่เราเปลี่ยนวิธีคิดของเราได้  ยิ่งฝึกฝนบ่อยๆจิตคุณจะคุ้นชินและสามารถปรับได้อย่างรวดเร็วโดยอัตโนมัติเอง  มองทุกสิ่งเป็นสีเขียว  แล้วทุกอย่างจะสวยงามเองครับ
           ชีวิตเราเลือกไม่ได้ทุกอย่าง แต่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของสิ่งนั้นๆได้ และดำรงอยู่ได้อย่างมีความสุขที่สุด  เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมจะมีสิ่งมหัศจรรย์บางอย่างที่จะปรากฎให้เราได้เห็นเองครับ  จิตที่ปล่อยวางทุกอย่าง เป็นช่วงที่ดีที่สุดเลยครับ เพราะการไม่แบกอะไรใจเราก็เบา คิดอะไรก็ดีไปหมด ทำอะไรก็สำเร็จ  ทุกอย่างเริ่มต้นจากการลงมือทำครับ ทำวันนิด ๆ แล้วทุกสิ่งจะสำเร็จดังที่เราหวังเองครับ

วันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2558

ปัจจุบันสำคัญที่สุด




        หายไปหลายวันครับ กับเทศกาลสงกรานต์เพื่อนทุกคนคงสนุกกันสุดๆไปเลยนะครับ  บางคนก็กลับบ้านไปรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่  ยังไงก็ขอให้ทุกท่านเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพนะครับ
ตัวผมก็เพิ่งมาถึงกรุงเทพเช้านี้เองครับ  นั่งรถทัวร์มา  มีโอกาสได้ดูหนังเรื่องหนึ่ง  จำชื่อเรื่องไม่ได้แล้วครับ  เนื่องเรื่องเป็นแนวสืบสวน เพื่อค้นหารหัสลับอะไรบางอย่าง  ผมชอบฉากนี้มากครับ ตอนที่พระเอกเดินเข้าไปในห้องลับเพื่อเจอกับพ่อของนางเอก  เมื่อพบกันเขาได้ถามว่า
            ตัวพระเอก      :  ตัวเขาเป็นใคร มีอดีตความเป็นมาอย่างไร
            พ่อนางเอก     :  เจ้าจะรู้ไปทำไมว่าอดีตเจ้าเป็นยังไง
            ตัวพระเอก      : เพื่อจะได้รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของเราเป็นใคร
            พ่อนางเอก     :  จะสำคัญอะไรอดีตก็คือสิ่งที่ผ่านไปแล้ว มันจะเลวร้ายยังไงก็ช่าง สำคัญคือ
                                      ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดดีกว่า คุณอยากเป็นอะไรก็จงเป็นอย่างที่คุณคิดเถอะ

ผมได้ฟังประโยคนี้เเล้วรู้สึกว่าโดนใจมากเลยครับ  หลายคนพยายามที่จะโทษโชคชะตาฟ้าดิน โทษสิ่งต่างๆ รอบตัว จริงแล้วตัวเราครับที่กำหนดทุกอย่างไว้  อดีตที่ผ่านมาอย่าเอามาเป็นมีดแทงเราซ้ำเลยครับ  อยู่กับปัจจุบันทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุด  อย่าไปรอให้โอกาสวิ่งเข้าหา  จงแสวงหาโอกาสในทุกที่ท่านอยู่  เราทุกคนมีศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ในตัวเอง ดึงมันออกมาใช้ค้นหาตัวเองให้เจอ ทำในสิ่งที่ใช่ สิ่งที่รัก แล้วคุณจะพบว่า  คุณเป็นอะไรก็ได้อย่างที่คุณอยากให้เป็น วันนี้ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ

วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558

CARPADEMP: ความชัดเจนดีที่สุด

CARPADEMP: ความชัดเจนดีที่สุด:                  ไม่รู้ทุกท่านเป็นเหมือนผมไหมครับ  ช่วงเวลาที่เรากำลังค้นหาตัวเอง ยิ่งทำให้ผมรู้แน่ชัดเลยว่าผมต้องทำอะไรให้ชัดเจนให้มาก...

ความชัดเจนดีที่สุด

       

         ไม่รู้ทุกท่านเป็นเหมือนผมไหมครับ  ช่วงเวลาที่เรากำลังค้นหาตัวเอง ยิ่งทำให้ผมรู้แน่ชัดเลยว่าผมต้องทำอะไรให้ชัดเจนให้มากที่สุด  โลกแห่งความเป็นจริงมีข้อมูลมากมายให้เราต้องศึกษาจนไม่รู้ว่าอะไรคือของจริง  ข้อนี้ผมอยากจะแนะนำให้เพื่อนลองดูไปที่จิตใจตัวเองก่อนดีกว่าครับ ว่าเราต้องการอะไรจริงๆกันแน่ อย่าไปตามคนอื่น ความฝันของคนอื่นไม่ใช่ของเรา  การนั่งอ่านหนังสือสร้างแรงบันดาลใจเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ได้หมายความความต้องไปเรียนแบบเขาแบบ 100 % เป็นไปไม่ได้หรอกครับว่าความสำเร็จสามารถ COPY กันได้หมด  ใครพูดว่าทำตามคนสำเร็จแล้วสำเร็จทุกรายอย่าไปเชื่อนะครับ  ยิ่งเรียนรู้อะไรมากขึ้นจะเข้าใจเอง  ยึดหลักในการดำเนินชีวิตให้ดีครับ  เดินทางสายกลางจะดีที่สุด  หลังๆมานี้ผมพยายามเข้ามาอยู่กับธรรมชาติเข้ามาอยู่กับจิตใจของตัวเองมากขึ้น  เพราะหากต้องให้ผมต้องไปทำงานประจำไปตลอดชีวิต คงไม่ใช่ตัวผมแน่นอนครับ  จงเป็นตัวของคุณเอง หาสไตส์ให้เจอ แล้วสตางค์จะตามมาเองครับ  อย่างไปคาดหวังจากคนอื่นให้มาก  เพราะคนอื่นเขาก็ต้องการผลประโยชน์เช่นกัน
        จงเป็นคนที่มุ่งมั่น  ตัดสินใจเด็ดขาด ทำเเบบเอาจริงเอาจังอย่าทำแบบเล่นๆ  ส่งมอบแต่สิ่งดีดีให้กับคนอื่นให้จนไม่มีอะไรจะให้  พอเขาได้รับแบบเต็มที่เเล้วคุณจะได้รับตอบแทนกลับมาเองโดยไม่ต้องไปวิ่งหาเลยครับ  พยายามสร้างเสน่ห์ ในการเป็นตัวของตัวเอง ขายตัวเองให้ได้ ทำให้เป็นที่น่าสนใจให้ได้  แล้วผู้คนจะตัดสินใจซื้อของคุณเอง  

วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2558

อย่าล้อเล่นกับพลังจิตใต้สำนึก




พลังดึงดูด โชคลาภ  การงาน  ความร่ำรวย  ความสุข และความสำเร็จ 
             คุณเป็นคนดี ใจบุญ กตัญญูรู้คุณคน ไม่ชอบเอาเปรียบผู้อื่นใช่ไหม คุณทำงานหนักขยันตัวเป็นเกลียว ทำงานมากกว่าคนอื่นในตำแหน่งเดียวกัน แต่ผลที่ได้กลับไม่คุ้มค่าที่ลงแรงลงไป เงินเดือนไม่ขึ้น เงินยังไม่พอใช้ หรือหัวหน้าไม่เห็นความดีใช่หรือเปล่า 
         อันที่จริงเราเห็นคนรอบๆตัวจำนวนมาก ประสบการณ์ที่กล่าวมาหลายคนเกิดคำถามว่า แล้วความยุติธรรมของชีวิต  ไปหลบซ่อนอยู่ที่ไหน
            โชคดีที่มีนักจิตทยา นักอภิปรัชญาและนักวิทยาศาสตร์จำนวนมากสนใจที่จะหาคำตอบเกี่ยวกับเส้นทางสู่ความสุขและความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดเมื่อไม่นานมานี้ก็ได้ข้อสรุปที่ตรงกัน  แล้วความลับที่อยู่ในตัวเราก็ถูกเปิดเผยออกมา จนเป็นที่ยอมรับกันว่า  
     เคล็ดลับความร่ำรวย ความสุข และความสำเร็จ ในทุกๆด้าน ไม่จำเป็นจะต้องเป็นคนดีเลิศ ทำงานหนัก ขยัน หมั่นเพียรแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีหนทางอื่นอีกที่ง่ายกว่าและเหนื่อยน้อยกว่าที่สามารถนำเราไปสู่เป้าหมายได้เช่นเดียวกัน 
     อย่างที่เห็นกัน ในชีวิตจริง จำนวนคนร่ำรวย คนขึ้นสู่ตำแหน่งสูงๆ หรือคนเรียนหนังสือประสบความสำเร็จ หรือคนที่ไม่เคยล้มเหลวในการสอบทุกๆ สนาม หรือคนที่มีโชคลาภอยู่เนืองๆ กลับเป็นคนกลุ่มน้อยมาก และจะสังเกต เห็นว่าคนกลุ่มนี้จะได้รับสิ่งดีเลิศซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับว่าจะผูกขาดโชคลาภ ความร่ำรวย หรือความสำเร็จไว้เสียคนเดียว ทำนองนั้น
     คำถามคือ อะไรเป็นสาเหตุให้คนกลุ่มน้อยเหล่านี้ เจริญรุ่งเรืองอย่างต่อเนื่องไม่มีที่สิ้นสุด
     คำตอบคือ  ทุกอย่างที่กล่าวมานี้เกี่ยวข้องกับ 2 กฎกฎว่าด้วยการสั่นสะเทือน 

กฎว่าด้วยการดึงดูด          
       ปัจจุบันทางโลกตะวันตกยอมรับว่า พลังสั่นสะเทือนจากตัวมนุษย์มีอยู่จริง เป็นพลังที่เกิดจากร่างกาย คำพูด การกระทำ และความคิด ทุกครั้งที่คนใช้ความคิดจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็จะเกิดพลังสั่นสะเทือนไปถึงสิ่งนั้น และกฎก็มีอยู่ว่าความคิดหรือเจตนารมณ์มีการแผ่เป็นคลื่นสั่นสะเทือนออกไปเชื่อมโยงกับพลังที่มีความถี่ทำนองเดียวกัน และดึงดูดความถี่แบบเดียวกันนั้นเข้ามาสู่ตัวเรา แล้วบันดาลให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆตามกฎที่ว่าด้วยการดึงดูด พลังความสามารถของจิตใต้สำนึก สื่อสารผ่านพลังสั่นสะเทือนของตัวเรา พลังสั่นสะเทือนนี้แหละจะเป็นสื่อนำพาข้อมูล ความคิด หรือโอกาสมาสู่ตัวเรา ส่วนจะเป็นสิ่งดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าคุณส่งคลื่นแบบไหนออกไป
หากคุณส่งคลื่นแห่งอารมณ์หงุดหงิด รำคาญ โกรธ เกลียด อาฆาต พยาบาท บ่น นินทา มุ่งร้าย อิจฉา ริษยา หรือวิตกกังวล คลื่นสั่นสะเทือนในตัวคุณก็จะสะท้อน แผ่กระจาย ไปเชื่อมโยงและดึงดูดพลังรูปแบบเดียวกันกลับมาสู่ตัวคุณนั่นก็คือ สิ่งที่คุณเห็น สิ่งที่คุณสัมผัส ต่อหน้าคุณ เป็นสิ่งที่คุณทำให้มันเกิดขึ้นทั้งนั้นโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม  ตรงกันข้าม หากคุณรู้จักควบคุมคำพูด อารมณ์ ความคิด และการกระทำให้อยู่ในแนวทางที่สร้างสรรค์ แจ่มใส และเชื่อมั่น สิ่งที่คุณดึงดูดเข้ามาก็จะเป็นสิ่งที่ดีงามเช่นเดียวกัน
          หัวใจสำคัญ คือ อย่าล้อเล่นกับพลังจิตใต้สำนึก อย่าปล่อยให้ความคิด จิตใจ และ คำพูด ล่องลอย ไปโดยไม่ควบคุมดูแลการเชื่อมโยงกันในระดับพลังงาน เป็นการถ่ายทอดข้อมูลระหว่างกันในสนามพลังที่ก่อเกิดสรรพสิ่ง ร่างกายของคุณและฉัน วัตถุทุกๆชิ้น แผ่นดิน หิน ทราย ทะเล ภูเขา เสื้อผ้า รองเท้า รถยนต์ หรือหมู่สัตว์น้อยใหญ่ และทุกๆสรรพสิ่งล้วนเป็นการรวมตัวของกลุ่มพลังงาน ให้ปรากฏเป็นรูปร่างขึ้นมา ในกลุ่มพลังงานที่แตกต่างกันนี้ ยังมีคลื่นจากสสารเหล่านั้นแผ่ซ่านกระจายออกไปทุกๆสารทิศไม่หยุดหย่อน และยังมีคลื่นพลังแห่งเจตนารมณ์ที่ไม่มีวันดับสูญ กำลังสั่นสะเทือน เชื่อมโยง ประสานและดึงดูดซึ่งกันและกันตลอดเวลาเมื่อมีความถี่เดียวกัน โดยคุณและฉันมองไม่เห็น แต่ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีอยู่จริง
            ไม่เชื่อลองทดลองดูได้ คุณลองด่าคอมพิวเตอร์ หรือตะโกนใส่รถยนต์ที่คุณขับดูซิ ฉันรับรองได้เลย นับแต่วินาทีที่คุณพ่นคำพูดไม่ดีออกไป ไม่นานคอมพิวเตอร์ก็จะไม่ตอบสนอง หรือรถยนต์ที่คุณขับก็จะนำคุณไปสู่เหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์อย่างแน่นอน
อย่าคิดว่ามนุษย์และสัตว์เท่านั้นที่มีชีวิต ทุกสรรพสิ่งในโลกล้วนมีชีวิต เพียงแต่เรามองไม่เห็นการเคลื่อนไหวด้วยตาเปล่าเท่านั้นแต่ที่แน่ๆคือ ในระดับอะตอมแล้วพลังงานของทุกๆสิ่งเคลื่อนไหว ถ่ายเท และสื่อสารถึงกันอยู่ตลอดเวลา นี่คือกฎของควอนตั้มฟิสิกส์
           การทำงานของพลังดึงดูด จิตมนุษย์มีความมหัศจรรย์เหลือประมาณ สามารถดูดซับ กักเก็บและจัดการข้อมูลข่าวสารที่เราบริโภคเข้าไปทุกๆรายการ ไม่มีการเพิกเฉยละเลยต่อข้อมูลชิ้นใดชิ้นหนึ่ง ไม่ว่าเราจะมีอารมณ์แบบไหน คิดอะไร พูดหัวข้อใด รายละเอียดเป็นอย่างไร ให้ความสำคัญกับเรื่องอะไร จิตใจรับเอาไปดำเนินการต่อทั้งสิ้น
            การทำงานของจิตใจแบ่งเป็น 2 ระดับ คือ ระดับจิตสำนึก และระดับจิตใต้สำนึก
 การทำงานในระดับจิตสำนึก ยังแบ่งทำหน้าที่ 2 ส่วน ส่วนแรกคือ จิตใจจะทำงานตราบเท่าที่เรารู้สึกตัวหรือกำลังตื่นอยู่เฉพาะเรื่องทางกายภาพจับต้องมองเห็นได้ เช่น เดิน ยิ้ม หัวเราะ หรือจงใจนิ่งเฉย ซึ่งอาจควบคุมง่าย จิตสำนึกส่วนที่สองทำหน้าที่สำคัญคือ ทุกๆข้อมูลข่าวสารที่จิตสำนึกปฏิบัติแล้วยังส่งต่อไปยังจิตใต้สำนึกจัดการซ้ำอีกทอดหนึ่ง
           การทำงานในระดับจิตใต้สำนึก เป็นส่วนที่เราไม่สามารถควบคุมได้เป็นการทำงานที่ซับซ้อน และมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการมีชีวิต ความสำเร็จ ความมั่งคั่ง และสุขภาพดี จิตใต้สำนึกเป็นพลังลึกลับ ที่ควบคุมการทำงานของสมองและส่วนอื่นๆของร่างกายโดยอัตโนมัติ มีความเป็นกลาง ทำงานอย่างซื่อสัตย์ และเป็นพลังบริสุทธิ์ที่สามารถเชื่อมต่อกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับพลังที่ก่อกำเนิดสรรพสิ่งซึ่งพลังนี้เองที่เป็นแหล่งข้อมูลอันไร้ขอบเขตจำกัดที่พลังดึงดูดในตัวเราสามารถติดต่อเข้าถึงได้  แล้วดึงดูดคำตอบ ทุกๆคำถาม ดึงดูดผลลัพธ์ทุกๆคำร้องขอ โดยส่งพลังโยงใยชักนำเหตุการณ์ต่างๆ ที่เราคิดซ้ำๆ บริโภคซ้ำๆ หรือต้องการอย่างแรงกล้า ไปเชื่อมโยงกับการเคลื่อนๆไหว การกระทำอื่นๆ แล้วชักนำให้ไปพบกับโอกาส ช่องทาง เหตุการณ์ จนทุกสิ่งทุก อย่างเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า   ตามที่จิตใต้สำนึกของเรา  ทำหน้าที่สร้างพลัง ดึงดูดเข้ามา
           ข่าวดี พลังจิตใต้สำนึกนี้แหละที่จะสร้างปาฏิหาริย์ความสำเร็จให้เกิดขึ้นกับเรา แม้เราจะควบคุมไม่ได้ แต่เราสามารถเลือกป้อนข้อมูลข่าวสารที่เหมาะสมเพื่อให้จิตใต้สำนึกนำไปจัดการให้เราได้
            การทำ Visualization  หรือการจินตนาการจนเห็นภาพเหมือนจริง เป็นขั้นตอนสำคัญมาก เพราะทุกๆ เหตุการณ์ความสำเร็จที่จับต้องได้ในโลกนี้ล้วนเริ่มต้นจากจุดนี้ทั้งสิ้น หากปราศจากความฝันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
 หลักการทำงานของกฎแห่งการดึงดูดของคุณคอร์บิน มีอยู่ว่า 
ในขณะที่คุณคิด คุณจะมีความรู้สึก 
ขณะที่คุณรู้สึกก็จะเกิดพลังสั่นสะเทือน 
เมื่อมีการสั่นสะเทือน ก็จะเกิดพลังดึงดูด
 การเริ่มต้นที่ง่ายๆเพื่อต้องการพิสูจน์ด้วยตนเอง 
 พุ่งพลังความคิดไปยังสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ 
 หลีกเลี่ยงการคิดถึงสิ่งที่ไม่ต้องการ 

 เพื่อที่จะให้กฎแห่งการดึงดูดทำงานในด้านบวก มีข้อห้าม 
        1. ห้ามอ่าน ชม หรือ ฟังข่าวสารข้อมูลด้านลบข่าวสารในทางทำลาย หรือข่าวสารที่น่าสมเพชเวทนา ที่ทำให้จิตใจกังวล เคียดแค้น เครียด หดหู่ ผิดหวัง สิ้นหวัง เกลียดชัง ซึ่งถ้าเราบริโภคซ้ำๆ เราก็จะรับข้อมูลนี้มาเป็นส่วนหนึ่งของความคิด อารมณ์ ความเชื่อ และการกระทำโดยไม่รู้ตัว เพราะนี้คือการถูกสะกดจิตชนิดหนึ่ง เป็นการบั่นทอนพลังด้านบวกในตัวเรา
          2.  ห้ามวิพากษ์วิจารณ์ บ่น ตำหนิ ซุบซิบ นินทา ใส่ร้ายป้ายสี บุคคลอื่นโดยเด็ดขาด นี่คือกฎที่ไม่มีข้อยกเว้น สำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดีให้กับชีวิตตัวเอง การฝ่าฝืนกฎข้อนี้จะทำให้เกิดการสร้างพลังดึงดูดสิ่งไม่ดีให้เกิดขึ้น
          3.  ห้ามพูดคำว่า ยากเป็นไปไม่ได้ไม่น่าเชื่อ แต่ ไม่ กับสิ่งที่เราปรารถนาให้เกิดขึ้น
          4.  ห้ามกลัว ห้ามลังเลสงสัย   ความน้อยเนื้อต่ำใจ  และห้ามทำตัวโดดเดี่ยว จงสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น  โปรดจำไว้ว่า ทุกสิ่งเป็นไปได้ทั้งสิ้น เพียงแต่ แต่ละเรื่องต้องใช้ระยะเวลาในการดึงดูดเท่านั้น
        5.  ห้ามคิด พูด หรือจดจ่อในสิ่งที่ไม่ต้องการ ห้ามนึกถึงความขัดสน ขาดแคลน ความไม่มี ความล้มเหลว  ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้จริงต้องจดจ่อครุ่นคิดถึงเป้าหมายตลอดเวลา

ข้อควรปฏิบัติสำหรับชีวิตประจำวัน เช้าและก่อนนอนดังนี้ 
     
        1.  ต้องสร้างความรักให้เกิดขึ้นก่อน รักตัวเอง รักทุกคนในบ้าน รักคนรอบข้าง รักคนที่เราไม่ชอบ และรักทุกสิ่งทุกอย่างที่เราพบเจอ โดยขั้นแรก จินตนาการเห็นภาพ ว่าเราคุยกับคนในบ้านหรือคนในที่ทำงาน  ด้วยความรัก ยิ้มแย้ม แจ่มใส และเขาก็คุยกับเราด้วยความรักเช่นเดียวกัน พลังคลื่นความรักนี้จะมีความถี่เดียวกันกับพลังต้นกำเนิดสรรพสิ่ง
       2.  ตัดสินใจให้แน่นอน   ว่าอะไรคือสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ
       3.  ระบุเป้าหมาย ที่เฉพาะเจาะจงลงไปให้ชัดเจน ว่าเป้าหมายใดที่ต้องการบรรลุอย่างเร่งด่วน ในเวลา นี้
       4.   สร้างพลังจินตนาการว่าสิ่งนั้นได้เกิดขึ้นแล้ว ให้นึกหรือหลับตามองเห็นภาพตัวเองอยู่ในเหตุการณ์ที่ประสบความสำเร็จนั้นๆ แล้วรู้สึกมีความสุข (สำคัญมาก) กับสิ่งนั้นอย่างเต็มที่
       5.  ลงมือทำทันที หมายความว่า เราต้องทำอะไรบางอย่างที่จำเป็นเพื่อเดินทางไปสู่เป้าหมาย ในระหว่างนั้นขจัดข้อสงสัยให้หมดสิ้นไป
       6.   ให้ตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นจากการลงมือทำอย่างมีสติ เส้นทางที่จักวาลหยิบยื่นให้ อาจมีทั้งด้านบวกและลบ ให้ถามคำถาตลอดเวลาว่ามีความหมายอย่างไร เพื่อให้มีการพัฒนาต่อไปเรื่อยๆจนบรรลุเป้าหมายที่วางไว้และห้ามเลิกล้มความตั้งใจโดยเด็ดขาด


สิ่งที่หายากไม่ใช่เงิน แต่เป็นวิธีหาเงินต่างหาก

     


         เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาผมได้ไปสัมมนาแล้วติดใจประโยคนี้มาเลยอยากจะแบ่งปันความรู้ที่ได้จากการสัมมนาให้เพื่อนๆ ได้ฟังกันครับ

เริ่มจาก 6 P ที่ใช้ในการเปลี่ยนวิธีคิดกันก่อนนะครับ
                 1.Positive thinking    คิดบวก
                 2.Peaceful Mind        สงบ เยือกเย็น
                 3.Patient                    อดทน
                 4.Punctual                 ตรงต่อเวลา
                 5.Polite                      สุภาพ
                 6.Professional            มืออาชีพ

* คนรวยใช้เวลาทั้งชีวิตสร้างโอกาสสร้างความรวย
*สิ่งที่รู้ย่อมน้อยกว่าสิ่งที่เราไม่รู้
* Learn more to Earn more
   
     การเรียนรู้เป็นการสร้างทรัพย์สิน  เป็นการลงทุนที่ดีที่สุด  ที่จะทำให้เรามีเงิน  มีความสุขมีรายได้  อย่างไรขีดจำกัดตลอดชีวิต

วิธีการสือสารแบบคนรวย มีดังนี้
                1.ชื่นชม
                2.กตัญญูรู้คุณ
                3.คิดเชิงบวก
                4.ถามคำถามที่ก่อให้เกิดประโยชน์

การเคารพครูบาอาจารย์มีแต่เจริญ  เรียนก่อนรู้  รู้แล้วทำ  ทำแล้วรวย   คำนิยม T.HARV EKER

      1 ล้านแรกยากมากแต่ล้านต่อๆไปคุณปฎิเสธไม่ได้  จงเรียนรู้และทำงานร่วมกับคนรวย แล้ว "คุณจะรวย"

              - How to grow your organization      Ans. Grow you people
              - How to grow you people                 Ans. Grow you self

ถ้าเราอยากได้เงินแสนเงินล้าน ต่อเดือน จำไว้ว่าอย่าทำเล่นๆ เด็ดขาด  ต้องเรียนรู้ มุ่งมั่น ทุ่มเท ทำจริง เท่านั้น
   
     กุญแจสู่ความสำเร็จของธุรกิจ   =   พัฒนาตัวเองและทีมงานอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต

    เคล็ดลับ  อย่าลืมให้อาหารใจทุกวัน   อย่าลืมให้อาหารสมองทุกวัน ฝึกสมองซีกขวาทุกวัน

พื้นฐานที่เราต้องมีเบื้องต้น

         1.ความสะอาด
         2.ความเป็นระเบียบ
         3.ความสุภาพนุ่มนวล
         4.ตรงต่อเวลา
         5.จิตตั้งมั่น และผ่องใสมีสมาธิ

เรียนรู้  -----   หาเงิน  ----  แบ่งปัน

1.รับผิดชอบตัวเอง 100%
2.ฝันใหญ่
3.กล้าตัดสินใจในชีวิต
4.ร้องขอจากจักรวาล
5.ความเชื่อมั่น 100% เท่านั้น
6.ทิ้งรอยเท้า  อย่าลืมเส้นชัย

"เดินตามรอยเท้าของคนที่เขาประสบความสำเร็จ"
"คนฉลาดเรียนรู้จากผู้สำเร็จ  คนทั่วไปเรียนรู้จากตัวเอง คนโง่ไม่เรียนรู้อะไรเลย" (ลองถูกเท่านั้น)

(วิธีการโฟกัส  แบบมหาเศรษฐีระดับโลก)

- มองเป้าหมาย  ไม่ได้มองที่ปัญหา-

วิธีการดึงดูดสิ่งดีดี  เข้ามาสู่ชีวิต

Know it all   -----  Learn it all         (ห้ามอวดเก่ง   ห้ามอวดรู้)

DREAM
                                               
                                                     D = DO IT NOW
                                                     R = REMIND IT EVERY TIME
                                                     E = EDUCATION
                                                     A = ACT AS IF
                                                    M = MAKE IT HAPPEN

ที่สำคัญที่สุดเราต้องทำประโยชน์ให้ผู้คนมากๆๆ
ถ้าท่านยังไม่สามารถบริหาร  แนวคิด บริหารสมอง บริหารจิตใจ  บริหารร่างกาย ของตัวเองได้

CHARN

                                                    C = Commitment
                                                    H = Help เปลี่ยนจากงานเป็นช่วยเหลือผู้คน
                                                    A = Action Now (ทำทันที)
                                                    R = Result มองผลลัพธ์
                                                    N = Never Stop อย่าหยุด

เคล็บสู่ความสำเร็จ
           1.มุ่งมั่นความร่ำรวย
           2.ช่วยคนให้ช่วยคน
           3.ตื่นทำทันที
           4.เล็งที่ผลลัพธ์
           5.ไม่มียับยั้ง

+HOW DOES IT WORK+            +EASY TO LEARN+

             คนจนยอมเสียเวลาเพื่อประหยัดเงิน  แต่คนรวยยอมเสียเงินเพื่อประหยัดเวลา   






วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558

ไม่มีคำว่าสาย

       

        สองวันที่ผ่านมาผมไปเชียงใหม่มาครับ  มีงานสัมมนา  ส่วนรายละเอียดเดี๋ยวผมนำมาแชร์ให้เพื่อนฟังกันภายหลังนะครับ  ยอมรับว่าไปครั้งนี้ได้อะไรใหม่ๆอีกเยอะ  ทำให้เข้าใจอะไรมากขึ้น  เป้าหมายเป็นอะไรที่สำคัญที่สุด  การที่เราตั้งเป้าหมายไว้อย่างชัดเจนก็ย่อมทำให้เราเดินไปตามทิศทางที่ชัดเจน  เพราะเรารู้จุดที่เราจะไปอยู่แล้ว  แปลกนะครับการไปครั้งนี้ผมรู้สึกประทับใจมากที่ได้รู้ถึงพลังอะไรบางอย่าง  ผมตั้งใจที่จะไปแชร์อะไรดีๆให้กับเพื่อนของผม  แต่สิ่งที่ผมได้มันมีค่ายิ่งกว่านั้น  ได้รับรู้ถึงความคิดและการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนๆ  อยากขอบคุณเพื่อนที่แสนดี  ผมจะไม่มีวันลืมพวกเขา
         เป้าหมาย ความกตัญญู ความจริงใจ การตอบแทนพระคุณ  เหล่านี้เป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องตั้งมั่นไว้ในใจเลยครับ  เพราะการที่เรามีความดีเป็นพื้นฐานที่ตั้ง  ก็จะมีสิ่งดีดีเข้ามาพลังของจักรวาลพร้อมที่จะจัดสรรสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้กับเราเสมอ  เพียงแค่เราเปิดรับแต่สิ่งที่ดีที่สุดหันด้านดีเข้าไปหามัน  เปิดโอกาสให้ตัวเองได้รับแต่สิ่งดีดี  อนุญาติตัวเองให้ได้รับสิ่งที่ดีที่สุด โดยส่วนตัวผมมั่นใจมากครับว่า  ทุกคนมีศักยภาพที่ดีที่สุดในตัวเอง  แค่ดึงมันออกมาแค่นั้นเอง
         สุดท้ายนี้ผมก็ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงบันดาลให้ทุกท่านพบเจอแต่สิ่งดีดี  ให้ได้พบแต่โชคลาภความสำเร็จ ความมั่งคั่ง ตามใจปรารถนานะครับ

วันเสาร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2558

ลืมอะไรไปหรือเปล่า

 



         อย่าทิ้งสิ่งที่่สำคัญของชีวิตไปเด็ดขาด  คนเราจะมีจุดหนึ่งเมื่อคุณเดินมาถึงจุดนี้เปรียบเสมือนทางแยกของชีวิตที่เราต้องตัดสินใจเลือกอะไรบางอย่าง  แน่นอนครับ  คุณต้องรู้จักปฎิเสธบางสิ่งบางอย่างที่เข้ามาแล้วเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับตัวคุณ  หากรู้สึกว่าสิ่งที่คุณทำ  รู้สึกอีดอัด  เริ่มจะไม่ค่อยมีความสุขกับมัน  สิ่งที่ทำได้คือ  ถอยห่างออกมาสักพัก  การพักผ่อน ใช้ชีวิตแบบปล่อยวางอย่าไปยึดติดกับอะไรมาก  บางครั้งการที่เราไม่คาดหวังกับชีวิตมันน่าตื่นเต้นมากยิ่งกว่าคาดหวังแล้วทุกข์ใจซะอีก
       เหตุการณ์บางอย่างส่งมาเพื่อเตือนสติเราให้รู้ว่าถึงเวลาที่คุณจะต้องโตไปอีกระดับหนึ่งเพื่อทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่  สิ่งที่สามารถทำคุณประโยชน์ให้กับสังคม  ให้กับผู้คนหมู่มาก  ขอเพียงหันด้านดีๆ  รับแต่สิ่งดีดี
ฝึกฝนพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ  อย่าไปสนใจเสียงคนอื่น  ฟังเสียงภายในหัวใจเรา  หากมั่นใจว่ามันจะสำเร็จมันก็จะสำเร็จ  เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมทุกอย่างจะเปิดทางให้คุณเองครับ  อดทนเท่านั้น อดทนต่อคำพูด อดทนต่อสภาพแวดล้อม  มุ่งหน้าทำความใฝ่ฝันของตัวเองแล้วเอามาเป็นของเราให้ได้ดีกว่าครับ

วันพฤหัสบดีที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2558

ความรู้เรื่องศาสตร์บำบัด


เวลา




        เรื่องนี้หลายคนฟังคงต้องรู้สึกแปลกใจว่าเกี่ยวอะไรไหม  เกี่ยวมากครับ  สำหรับคนที่ต้องการผันตัวเองไปเป็นผู้ประกอบการ  แล้วทำยังไงละถึงจะทำเวลาที่จำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด  การวางแผนครับ  การวางแผนเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก  ตอนนี้ผมเริ่มเข้าใจแล้วละครับว่าสิ่งที่สำคัญมากกว่าการหาเงินก็คือ
"เวลา" เรามีเงินมากมายก็ไม่สามารถซื้อเวลาที่ทุกคนมีเท่ากันหรอกครับ  แล้วทำอย่างไรละครับ  ตรงนี้คือประเด็นที่ทุกคนจะวางแผนชีวิตตัวเองได้แล้วละครับ  ไม่มีสูตรอะไรตายตัวหรอก  ขอแค่ลงมือทำ ฝึกคิดหาทางลัดที่ประหยัดเวลาให้มากที่สุด
 
      1.หารายได้มากกว่า 1 ทาง
      2.ฝึกให้ตัวเองให้ง่ายที่สุดกับทุกเรื่อง
      3.ฝึกหาช่องทางอะไรใหม่ๆเป็นเจ้าของธุรกิจตัวเอง
      4.อยู่โดยใช้เงินให้น้อยที่สุด
      5.หาเวลาพัฒนาตัวเองให้มากที่สุด

        เหล่านี้คือพื้นฐานนะครับ  หากเข้าใจอะไรมากขึ้น  ก็จะทำให้ทราบข้อจำกัดเหล่านี้เอง  หากคุณมั่นใจว่าคุณสามารถมีรายได้ที่มากพอ  ผมว่าหาทางไปเป็นเจ้าของกิจการเองดีกว่าเพราะคุณมีเวลาไม่จำกัด  และสามารถสติ๊กเวลาของคุณเองได้  ยังไงผมก็ขอเป็นกำลังใจ

กล้าที่จะแตกต่างและเป็นตัวเอง

เรียกว่าห่างหายกันไปนานมากเลยครับ  ช่วงที่ไปพักกายพักจิตใจ  ทำให้เราสามารถแยกแยะได้ว่า  อะไรที่จำเป็นและสำคัญกับชีวิตของเรากันแน่   คนบางคนผ...