วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เกิดมาเพื่อมีชัย

           
         
           
             สวัสดีดีครับพี่น้องนักอ่านทุกท่าน  วันนี้ผมจะมาพูดถึงวิธีการสร้างเป้าหมายและการสร้างแรงบันดาลใจไม่ให้เราหมดไฟกันนะครับ  สังคมนี้มีคนเก่งมากมายแต่ทำอย่างไรละครับเราถึงจะเป็น Top 10% ในสายงานนั้นๆ  หลายคนคงคิดว่าเป็นเรื่องตลกนะครับ แต่ผมว่าจำเป็นครับ  วิธีนั้นก็คือการรู้จักพูดกับตัวเองคนเราเมื่อรู้เป้าหมายของตัวเอง  และพูดย้ำกับตัวเองทุกวันเราจะรู้ว่าเป้าหมายของเราใกล้กับความเป็นจริงขึ้นเรื่อยๆ  สำหรับตัวผมผมทำอย่างนี้จริงคือ ตื่นเช้ามาทุกวันผมจะยิ้มกับตัวเองหน้ากระจกและพูดกับตัวเองถึงความสำเร็จและเป้าหมายของมันผมไม่รู้หรอกว่ามันจะเป็นจริงเมื่อไหร่ผมรู้แค่ว่าผมมีความสุขที่ได้อยู่กับเป้าหมายและการพูดย้ำกับตัวเองทุกวัน  พยายามคิดในเเง่บวก  เมื่อเราคิดในแง่บวกก็จะมีสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตของเรามากขึ้นทุกที  เรื่องไม่ดีก็อย่าไปคิดให้มันปวดหัวครับ  ชีวิตคนเรามันสั้นมาก  การรู้จักอดทนรอกับบางสิ่งอาจทำให้เราได้เจอกับสิ่งที่ยิ่งใหญ่ก็เป็นไปได้
            ตลอดเวลาเราไม่สามารถกำหนดได้  แค่ทำสิ่งที่ดีที่สุด  รักและภูมิใจในตัวเองให้มากๆครับ  ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ใจเรา  หากจิตใจเราสงบอยู่ที่ไหนในโลกก็ได้หมดครับ  นี้แหละครับคือวิธีการดำเนินชีวิตของผมและผมเชื่อมั่นมากว่าผมจะประสบความสำเร็จในเร็วๆนี้อย่างแน่นอน

วันอังคารที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย

               



               
                 วันนี้ผมได้อ่านนิยายเรื่องหนึ่งจากพี่บอย  ชอบมากเลยอยากเอามาเล่าให้เพื่อนๆฟัง เรื่องมีดังนี้ครับ    สมศรีเป็นเด็กอีสานบ้านนอก  ฐานะทางบ้านยากจนมาก  ทุกวันแม่จะพาหาบตระกร้าเอาพริงแห้ง หน่อไม้ มะม่วงไปแลกข้าวในหมู่บ้านอื่น  ช่วงชีวิตตอนนั้นลำบากมาก  หาบไปร้องไปเพราะไม่มีเงินนั่งรถโดยสาร  สมศรีไม่มีเพื่อนคบ  แต่ละวันมีแต่วัวและควายเป็นเพื่อน  โดนลูกพี่ลูกน้องแกล้งเอาเหาจากควายใส่หัวโดนรังแกในชั้นเรียน  เพราะถูกด่าว่าโง่ ทึม หัวโต ตัวลีบ  ฟันเหยินเป็นอีแก้วหน้าม้า  หน้าตาอัปลักษณ์
                สมศรีถูกผู้ชายหลอกตอนอายุ 16 เธอตั้งท้อง  แต่ไม่เคยคิดที่จะทำแท้ง  แฟนทิ้ง  เคยคิดจะโดดให้รถทับตาย  แต่คิดได้ว่าสงสารแม่และน้อง  เลยตั้งใจเรียน กศน. จนจบ ม.ปลาย  ช่วงเช้าถึงช่วงบ่าย เป็นครูพี่เลี้ยง  ช่วงบ่ายถึงเย็น เป็นนางแจ๋ว  ล้างถ้วยกาแฟ  ล้างห้องน้ำให้กับออฟฟิศนายฝรั่ง  บ่อยครั้งที่ต้องดื่มน้ำประปาต้ม ให้อิ่มท้องต้มข้าวใส่เกลือกินจะได้มีเรี่ยวแรงทำงาน  เพื่อทุกคนที่คอยอยู่ต่างจังหวัด
              มาดามฝรั่งเห็นแวว  เพราะเธอฝึกพูดภาษาอังกฤษด้วยตนเอง  ด้วยการไปยืมหนังสือเรียนภาษาอังกฤษและเทปนอนฟังทุกคืน  มาดามเลยให้ออกจากงานครูพี่เลี้ยง  จากนางแจ๋ว  มาดามไว้ใจให้สมศรีเดินเอกสารและได้กู้ทุนจากบริษัท  เรียนต่อปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง  ตอนสอบสัมภาษณ์  อาจารย์บอกว่า ไม่มี นศ. คนไหนในประวัติที่นี่ที่จบ  กศน. มาแล้วจบต่อได้หรอก  เลิกล้มความตั้งใจซะ  สมศรีตอบว่า  "ให้โอกาสหนูด้วยหนูจะทำให้ได้ค่ะ" สมศรีเรียนหนัง  อ่านหนังสือหนักกว่าคนอื่น 10 เท่า  และในที่สุดเธอก็จบถึง ป.โท  ปัจจุบันเธอและลูกพำนักอยู่ที่  Hamburg เยอรมันนี  เธอเป็นเจ้าของธุรกิจนำเข้า-ส่งออก  และกำลังศึกษาต่อ ป.เอก  ในอนาคตอันใกล้จะเปิดธุรกิจ Wellness ใน Hamburg

                 เห็นไหมครับ  คุณคิดเหมือนผมไหมครัวดูเหมือนนิยายเชื่อได้ยาก  จากเด็กบ้านนอกไม่มีข้าวจะกินจนเรียนจบ ป.โทและเป็นเจ้าของธุรกิจที่เยอรมันนี  สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือ

"มันไม่สำคัญเลยว่าคุณอยู่ที่จุดไหน"
"สิ่งที่สำคัญก็คือ  คุณอยากจะไปที่จุดไหน"

                 คำถามคือ เรื่องราวพลิกชีวิตแบบนี้  ทำไมจะเป็นคุณอีกคนไม่ได้ละ   คุณครับมาทำชีวิตของเราให้ยิ่งกว่านิยายจนต้องคนเอาไปสร้างนิยายแล้วบอกว่าสร้างจากเรื่องจริงกันดีกว่าครับ

วันพุธที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2557

The Richest Man in Babylon for Today

บทที่ 1 

คุณตองมีความตองการที่จะมีชีวิตที่ดีกวา...


It is part of the cure to wish to be cured. 

SENECA

            John และ Mary รูสึกทอแทและเหนื่อยใจกับสถานะทางการเงินของพวกเขาเต็มทีพวกเขาแตง
งานกันมา 7 ปมีลูกดวยกัน 2 คน John ทํางานในโรงงาน สวน Mary ทํางานในสํานักงานกฎหมายแหงหนึ่งถึงแมจะไดเงินเดือนตามสมควรแตทั้งคูรูสึกวาชีวิตไมได  รับผลตอบแทนอยางที่พวกเขาคาดหวัง พวกเขามีรายไดเพียงพอที่จะจายคาใชจายตางๆ (แตดวยบัตรเครดิตนะ!) พวกเขามักจะไปเที่ยวทะเล
สาบดวยกันทุกๆฤดูรอน ไปเที่ยวยามค่ําคืนเปนบางครั้งแตพวกเขามักจะเหนื่อยลาเกินไปที่จะทําอยางนั้น สุดทายจึงมักจบ

คุณเคยรูสึกเหมือนตัวเองเดินย่ําอยูกับที่บางไหม

            มันเริ่มดูเหมือนกับวาถาตอนนี้ทุกๆอยางยังเหมือนเดิม John กับ Mary คงรูสึกไมตางอะไรกับหนูแฮมสเตอรที่วิ่งวนอยูในวงลอ (เหมือนหนูถีบจักร ) พวกเขารูสึกวาไดขวนขวายพอสมควรแตก็ยังยืนอยูที่เดิมนี่เปนความรูสึกที่พบไดทวไป ั่ ในคนวัยทํางานที่มีความรูและรายไดระดับกลางๆ พวกเขา         สามารถผอนรถผอนบาน จายคาประกันสุขภาพ คาประกันชีวติ คาบัตรเครดิตและรายจายจิปาถะตางๆไดพวกเขาทํางานหนักแตไม เคยมีเงินเหลือเก็บเลย นี่เปนปญหาที่เกิดขึ้นเหมือนๆกันในทุกๆที่

คนจํานวนมากทํางานหนักเพียงเพื่อพบวา เขาไมเคยมีเงินเหลือเลย 

          John และ Mary อยากมีความกาวหนาในชีวิตบางแตพวกเขาไมรูวาจะทำอยางไรดี ถามองกันในเชิงปรัชญาแลว สถานการณเชนนี้เปนปญหาหนึ่งในระบอบทุนนิยม    ถึงแมจะมีการเหลื่อมล้ำ   ในการ
กระจายรายไดแตแนวทางนี้ก็ดูจะเปนระบบเศรษฐกิจที่ดีที่สุดแลว คนบางคนอยางเชน Bill Gates สามารถหาเงินไดมากกวาที่ทุกๆคนจะใชไดหมดดวยซ  ้ําไป คนอื่นๆ อยางเชน John และ  Mary กลับมีรายไดนอยกวาที่พวกเขาตองการ (ที่จะเติมเต็มในชีวติ) ยังโชคดีที่ทกวุ ันนี้คุณสามารถประสบความสําเร็จทางการเงินได

Free Enterprise is uneven

          เมื่อตอนที่พวกเขามีเงินเหลือพอใชกอนสิ้นเดือน (กอนที่บิลรายจายตางๆจะมาในตอนตนเดือน) John กับ Mary คงจะยืดเสนยืดสายดวยการจับจายใชสอยดวยบัตรเครดิตจายคาสินคาอุปโภคบริโภคและจายคาน้ํามัน ฯลฯแนนอน พวกเขาไมถ ึงกับตองอดอยาก พวกเขามีทีวีจอยักษมีอินเตอรเน็ตความเร็วสูงใชมีรถ 2 คน มีเครื่องเสียงดีๆ พวกเขาไมได มีชวีิตที่แยลง เพียงแตวาตองตกอยู

คุณไดเรียนรูเกี่ยวกับเรื่อง เงินๆ ทองๆ มาอยางไรบาง? 

         John เปนผูชายธรรมดาคนนึง เขารูสึกวามันเปนความรับผิดชอบของเขาที่ตองแกไขสถานการณทางการเงินนี้ใหไดแตเขาไมรูวาจะทําอยางไร เขาเปนพนักงานที่ดีแตก็ไม่เหมาะนักที่จะมีกิจการเปนของตนเอง เขาสามารถหางานเสริมมาทําไดแต่มันก็มีรายได้ไมดีนัก Mary เองก็อยากทําหนาที่ของเธอใหดีที่สุดดวยการทํางานและดูแลบาน แตเธอแทบไมมีความรูในการจัดการดานการเงินเลยและที่สําคัญเธออยากใชเวลาอยูกับลูกๆของเธอมากกวา (เพราะตอนนี้พวกเขายังเด็กอยู) 
 John กับ Mary เองก็มีเพื่อนรวมชะตากรรมอยูมากมายไปตองไหนไกลหรอกแถวๆบานพวกเขานั่นแหละ พวกเขามักจะมา   นั่งบนกันถึงเรื่องนี้ไมวาจะเปนตอนไปเที่ยวที่ลานโบลลิ่งหรือไปกินขาวตามรานอาหาร มันเปนเหมือนเรื่องพื้นๆที่ทุกคนก็มีปญหากัน

         ในวันถัดมาหลังจากเลิกงาน John ไปนั่งดื่มอยูกับ Roberto และก็อดไม่ได้ที่จะพดคูยถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ เชนเคย Roberto พูดวา “แกรูไหม John พวกเรามักจะมานั่งบนกันเรื่องมีเงินไมพอใชอยู
เสมอแตไมรูเมื่อไหรพวกเราจะเริ่มลงมือทําอะไรสักอยางกัน เสียที?” “แลวแกจะใหฉันไปทําอะไรละ” John ตอบไป พรอมกับกลาววา “ไอพวกโฆษณาที่มีอยูตาม internet  ก็เปนพวกหลอกลวงทั้งนั้น
อีกอยางนะ ฉันเองก็ยังไมพรอมที่จะไปขายพวกวิตามินหรืออาหารเสริม ใหกับญาติๆหรือคนที่ฉันรูจัก ฉันรูวามีบาง

          คนที่สามารถทําเงินไดจากธุรกิจพวกนี้จริงๆ แตไมรูสิฉันวาฉันไมเหมาะกับงานพวกนี้หรอก” 
“สิ่งที่ดูจะใกลเคียงคำวาเศรษฐีสําหรับฉันมากที่สุดก็ดูเหมือนจะเปนแคในความฝนนะ” John รําพึงรําพัน “ในฝนฉันนะโห...เรามีเงินมากมายอยูในธนาคาร เวลาถึงตาฉันทํากับขาว ฉันสามารถพาแฟนไปกินขาวตามภตตาคารหรู ๆไดอยางสบายเราจะลองเรือสําราญไปเที่ยวยุโรปกัน เราจะไปเที่ยวตามสถานที่ตางๆสักเดือนหนึ่ง สวนพวกเด็กๆก็จะได้รับการดูแลเปนอยางดีอยูในโรงเรียนประจํา ฉันจะไปออกงานสังคมชวยการกุศลและฉันตั้งใจวาจะบริจาคเงินใหโบสถ สําหรับการปรับปรุงและซื้อสิ่งของตางๆเพิ่มเติม พวกเราจะมีความสุขกัน เหมือนคูสามีภรรยาที่เพิ่งแตงงานกันใหมๆเลยทีเดียว” “ก็แลวทําไมแกถึงไดหอเหี่ยวนักละเพื่อน?” Roberto ถาม “ที่จริงนะ ฉันเองควรจะหัดฝนอยางนั้นซะบางฉันนะแยยิ่งกวาแกเยอะเพื่อนเอย ฉันไมเคยฝนเห็นภาพตัวเองรวยอีกเลย!” 

ความผิดหวัง เปนแรงกระตุนใหเกิดการเปลี่ยนแปลง

        “ที่ฉันรูสึกแยก็เพราะวา ทุกครั้งที่ฉันตื่นมานะมันทําใหฉันรูสึกไดถึงความแตกตางและรูสึกว่าตัวเองจนหนักลงไปอีก ฉันวามันคงถึงเวลาแลวละ ที่เราตองทําอะไรสักอยางเกี่ยวกับการเงินของเรา พวกเราเปนเพื่อนกันมาตั้งแตตอนอยู ม.ปลายก็เลนกีฬาทีมเดียวกัน เราไปเที่ยวกินดื่มดวยกัน ทํางานดวยกัน และเราก็ฉลาดพอๆกับทุกๆคนที่เรารูจักนั่นแหละเผลอๆเราจะฉลาดกวาคนสวน

         “พวกเราเองจริงๆก็ทํางานหนักนะแลวเราเองก็เปนพนักงานที่ดีดวย” John พูด “จะวาไปแลวเงินเดือนของพวกเราก็พอใชไดนะแถมเรายังอยูในประเทศที่ร่ํารวยที่สุดในโลกดวย แตเราก็ยังไมคอยมีเงินเหลือเก็บเลยอายุก็ปาเขาไปวัยกลางคนแลวจะ “จริงดวย John ฉันนะไมชอบความรู้สึกแบบนี้เลย    นี่ก็ไมคอยไดเจอหนาลูกๆเลย หลังจากหยาแลวฉันเปนหวงพวกเขาจังเลย ไมใชแคฉ ันอยากใหพวกเขาไดเรียนในมหาวิทยาลัยดีๆนะแตอยากใหพวกเขามีชีวิตความเปนอยูที่ดีกวาฉันดวย แตก็นะ  

        “ฉันเองก็พยายามที่จะไมค ิดถึงเรื่องนี้เหมือนกัน แตมันไมไหวแล้ววะ ฉันวาฉันทําตัวเลื่อนลอยมานานเกินไปแลว” “ฟงนะ John ฉันนะเขาใจความรูสึกของแกดีใจจริงฉันลึกๆแลว ฉันเชื่อวาคนเราทําดีตองไดดีสินา  แนนอนฉันรูวาตัวฉันเองก็ไมได้ดีเลิศอะไรมากมายแตอยางนอยฉันก็ไดแตหวังวาจะตองมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นกับฉันบางอยางเชนแกถูกลอตเตอรี่แลวแกก็ความฝนก็เหมือนเศษเหรียญที่มีเปนโหลการเอามาปะติดปะตอรวมกันแลวใชจึงจะนับวามีประโยชน 

ธีโอดอรรูสเวลส

         “แกรูไหม Roberto” John กลาวขึ้นมา “เราไมเคยคุยกันเรื่องนี้เลย บางทีเราอาจเปนกําลังใจใหกัน คอยชวยกระตุนใหอีกคน ทําอะไรใหมๆ เหมือนที่คําโบราณเขาวา “ถาเรายังทําแตสิ่งที่เราเคยทํา เราก็จะไดรับแตสิ่งที่เราเคยได” ถาเรายังทําแตสิ่งที่เราเคยทํา เราก็จะไดรับแตสิ่งที่เราเคยได
“อาฮะ” Roberto กลาวตอบ “ฉันก็เคยไดยินมาเหมือนกัน ที่ไอนสไตนเคยพูดถึงนิยามของความบาวาคือการทําอะไรเดิมๆ ซ้ําแลวซ้ําเลาโดยคาดหวังวาจะไดรับผลลัพธที่ตางไปจากเดิม”  “ใชเลยเพื่อนประเด็นอยูที่วา เราตองเริ่มเปลี่ยนแปลงอะไรสักอยางแลวละ ถาเราตองการใหชีวิตเราดีขึ้น”  “John บางครั้งฉันก็รูสึกผิดนิดๆอยูเหมือนกันนะที่คิดจะมีเงินเยอะๆเนี่ย พวกญาติๆของแมก็ลวนแตอยูในสหภาพแรงงาน
ดวยกันทุกคน พวกเขาเคยพูดกันวาคนเรานะถาไมโกง มันก็ไมรวยกันหรอก” ไมเปนไรหรอกถาจะหาเงินเยอะๆหนะ

        “ฉันเขาใจความรูสึกนั้นนะ” John พูดปลอบ “แลวสวนใหญไอพวกคนรวยพวกนั้นนะ มันก็ขี้โกงจริงๆจายเงินเดือนตัวเองซะเยอะเชียว ทั้งๆที่บริษัทจะเจงอยูแลวแตกลับไปขอใหลดจํานวนคนงาน และ เงินเดือนลงดูอยางไอบริษัทที่มันลมละลายลงไปสิ พวกเจาของ หรือ CEO ไมเห็นเปนไรเลยลมบนฟูกทั้งนั้น ” 

         “บางทีนะ สิ่งแรกที่พวกเราควรทําก็คือการทําความเขาใจเสียไหมวาการมีเงินเยอะๆนั้นเปนเรื่องธรรมดา นั่นเปนทางเดียวที่เราจะชวยเหลือซึ่งกันและกันได อีกทางหนึ่งก็คือการใชเวลาเขาไปคลุกคลี
อยูกับคนที่มีเงินใหมากๆ ที่ผานมาพวกเรามักจะไปใชระบบเพื่อนคูหูเปนตัวคอยกระตุนและใหกําลังใจซึ่งกันและกัน  “เอางี้ John วันกอนเจอฉันเพิ่งเจอกับ Bob Kozlowski มา เขาเปนคนเดียวที่อยูในละแวกนี้เลยละมั้ง ที่ดูเหมือนจะประสบความสําเร็จจริงๆ เขามีบริษัทเปนของตัวเองและก็มีอัธยาศัยดีดวยเราไปขอคําแนะนําจากเขากันดีกวา   ”หลายๆคนมักเขาใจผิดไปวาการที่จะเปนคนรวยไดนั้น ก็คือตองใหคนอื่นเปนคนจน (คิดแบบ zero sum game คือ กําไรของเรา คือ ขาดทุนของคนอื่น) หรือคิดไปเองวาความมั่งคั่งของเรา ตองมาจากความยากแคนของคนอื่น ซึ่งจริงๆแลวมันไมใชอยางนั้น  ยิ่งเรามีความสามารถในการสรางผลผลิตมาขึ้นเทาไหร พวกเราทุกคนก็ยิ่งมีสิ่งตางๆ มาแบงปนกันมากขึ้น  ดูตัวอยางไดจากตลาดหุน  ราคาหุนสามารถสูงขึ้นไปไดเรื่อยๆตราบใดที่บรษิัทยังรักษาระดับในการผลิต และความสามารถในการทํากําไรใหดีขึ้นไปไดเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น ในระยะยาวแลวจะไมมีใครตองเสียเงินหรือขาดทุนเลย

         "เปนความคิดที่ยอดเยี่ยมมาก Roberto เขาสมควรแลวละ ที่เปนคนที่รวยที่สุดในเมืองนี้ไดยินมาวา เขาเคยทํางานเกี่ยวกับที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจใหกับทางราชการดวยนะ เราตองหาแนวทางใหมๆ บางทีเขานาจะชวยพวกเราไดถาเขาพอจะมีเวลาบาง" จงไปหาที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญจริงๆ
 "ฉันเองก็เคยสงสัยอยูเหมือนกันนะวาที่เราไมมีเงินกันอยูทุกวันนี้เปนเพราะเราไมไดพยายามที่จะหาเงินอยางจริงจังหรือเปลา? เราประสบความสําเร็จในหนาที่การงานก็เพราะวาเรามุงมั่น และตองการใหมันเปนอยางนั้นบางทีเราอาจจะประสบความสําเร็จในเรื่องการเงินดวยก็ได  ถาเรามีความตั้งใจจริงและการที่เราไปขอคําแนะนําจากคนที่เขาประสบความสําเร็จอยูแลวเนี่ย ฉันวาเปนจุดเริ่มตนที่ดีมากเลยล่ะ ถายังไงเดี๋ยวเราไปนัดเจอ Bob กันดีกว่า

ความลับของความกาวหนาอยูที่การเริ่มลงมือทํา 

MARK TWAIN

วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2557

นกอินทรี

      

         นกอินทรีมีชีวิตที่ยืนยาวที่สุดในบรรดาสัตว์ปีก มันสามารถมีชีวิตได้นานถีง 70 ปี  แต่ก่อนที่จะอยู่ได้นานถึงป่านนั้น  นกอินทรีต้องมีการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของมันเมื่ออายุได้ 40 ปี
        ตอนนั้นกรงเล็บที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่นของมันจะไม่สามารถจับสัตว์เป็นอาหารได้อีก  จงอยปากที่แหลมคมเริ่มโค้งงอ  เนื่องจากมันอายุถึง 40 ปีแล้วจึงมีปีกที่หนาและหนัก
       ขนที่ยาวรุงรังจะไปรวมกันที่อกของมัน ทำให้มันบินได้ลำบากมากขึ้น  และเมื่อนั้น มันจะมีทางเลือกอยู่ 2 ทาง นั่นก็คือตายไปซะ หรือจะตัดสินใจที่จะอยู่ต่อไป ซึ่งต้องเผชิญความเจ็บปวดในขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงชีวิต  เป็นระยะเวลายาวนานถึง 150 วัน
        ในขั้นตอนนี้มันจะต้องบินขึ้นไปบนยอดภูเขาสูง และอยู่ที่รังของมัน มันจะต้องใช้จงอยปากที่โค้งทื่อของมันจิกเคาะกับก้อนหิน ครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งจงอยหลุดออกมา   หลังจากนั้นมันจะต้องรอให้จงอยปากอันใหม่งอกขึ้นมา และพอจงอยปากงอกออกมาแล้ว ที่นี้ก็ถึงตากรงเล็บที่งอกขึ้นมาใหม่ต่อจากจงอยปาก เมื่อกรงเล็บใหม่ที่งอกขึ้นมาสมบูรณ์แล้ว  มันก็จะเริ่มจิกถอนขนที่ดกหนาแล้วผลัดขนใหม่
         หลังจาก 5 เดือนหรือ 150 วันผ่านไปขั้นตอนการเปลี่ยนแปลง ก็จะเสร็จสมบูรณ์  นกอินทรีก็จะบินสูงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง พร้อมกับร้องเสียงดังก้องสะท้านฟ้า คล้ายดังเป็นการประกาศก้องว่า ตูข้ากำเนิดใหม่แล้ว และจะมีชีวิตที่ยืนยาวต่อไปอีก 30 ปี  (ถ้าไม่ถูกยิงหรือเจออุบัติเหตุตายไปก่อน)
จากชีวิตของมันทำให้เราเรียนรู้ว่า
         หลายๆ ครั้งเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป   เราต้องมีขั้นตอน-กระบวนการเปลี่ยนแปลงตนเอง
บางครั้งเราต้องลืมอดีตที่ขมขื่น นิสัยเก่า ๆ  ที่เคยชิน ความผิดหวังต่างๆ ดังนั้น เราจำเป็นต้องปลดปล่อยตนเองให้เป็นอิสระจากนิสัย หรือสภาพแวดล้อมเดิม ๆ  เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างราบรื่นในปัจจุบัน
และเรารู้ว่า ตอนนี้คุณกำลังผลัดขนอยู่ เพราะคุณไม่ใช่นกกระจอก แต่คุณเป็นนกอินทรีย์ที่ผลัดขนแล้วต่างหาก รอวันที่จะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าแห่งอิสรภาพอย่างห้าวหาญ วันนั้น ไม่นานเกินรออย่าท้อถอย เพราะคุณเป็นยิ่งกว่านก (อินทรีย์)..

วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2557

พูดกับตัวเอง

           
                 


           การพูดกับตัวเองเป็นสิ่งที่ดีนะครับ  หลายคนอาจจะมองว่าเราบ้าหรือเปล่า  แต่ไม่เลย  มันเป็นการย้ำเป้าหมายของเราทุกวันเพื่อให้เราเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตต่างหากละครับ  การที่เราพูดกับตัวเองเปรียบเหมือนกับการตอกย้ำความรู้สึกในใจตัวเองไปเรื่อยๆว่าสิ่งที่เราคิดทำ เราได้คิดทำถูกแล้วนะและเรากำลังเดินไปตามทางที่เราได้กำหนดไว้  วันนี้ผมจะลองยกตัวอย่างการตั้งเป้าหมายมาให้เพื่อนดูกัน  อย่างเช่นตอนที่เราตื่นนอนให้เราฝึกพูด ยิ้มกับตัวเองทุกวันวันละ 5 นาทีแล้วคุณจะพบถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

1.ผมจะเป็นคนที่จะสบความสำเร็จในชีวิต
2.ผมจะเป็นบุคคลที่ร่่ำรวยและมีความสุขมากที่สุดในชีวิต
3.ผมจะช่วยเหลือสังคม เด็กด่อยโอกาสให้พวกเขาได้รับโอกาสดีๆในหลายๆด้าน
4.ผมจะเป็นคนที่มีครอบครัวที่อบอุ่นและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
5.ผมเกิดมาเพื่อเป็นผู้ชนะและผมทำได้ทุกเรื่อง
6.ไม่ว่าปัญหาจะหนักสักแค่ไหนผมก็จะชนะมันได้ทุกเรื่อง
7.ผมเกิดมาเพื่อเป็นคนสำคัญและจะทำสิ่งสำคัญให้กับโลกใบนี้
8.ผมจะพูดภาษาได้หลายๆภาษาเพื่อใช้ในการติดต่อและพัฒนาตัวเอง เช่น ไทย ญี่ปุ่น จีน อังกฤษ และสเปน เป็นต้น

              เหล่านี้แหละครับคือการพูดกับตัวเอง  เราไม่รู้หลอกครับว่าผลลัพธ์จะมาถึงเมื่อไร  แต่เชื่อเถอะครัวว่าทุกครั้งที่เราพูดกับตัวเราเอง  ก็จะมีสิ่งที่กระตุ้นเราให้ไปทำในสิ่งนั้นๆ ให้จงได้  ขอเพียงเราเชื่อมั่นและลงมือทำครับ

วันพุธที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2557

การลงทุนให้กับตัวเอง



               วันนี้ผมเข้าไปอ่านกระทู้ในเรื่อง  "การลงทุนให้กับตัวเอง"  ผมได้หัวข้อที่น่าสนใจมาแยะเลยทีเดียว  ผมว่าคนเราเมื่อตั้งเป้าหมายอะไรไว้  อย่าเปลี่ยนเป้าหมายนะครับ  วิธีการเราเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์   การให้ความสำคัญกับเวลาจึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่ายิ่ง  คนที่อยากมีอิสรภาพทางด้านการเงิน   ควรมีวินัยในตัวเองอย่างยิ่ง  มีเงินเยอะไม่ได้หมายความว่าเราจะทำตัวเองให้เยอะไปด้วยคเราควรรู้จักความพอดี  ความพอประมาณ เรียกว่าการรักษาสมดุลให้กับชีวิตของเราต่างหากครับ  เพื่อน ๆลองไปอ่านเวปนี้ดูครับ  www.thaivi.org  เวปนี้น่าสนใจตรงที่จะรวมเรื่องราวการลงทุนใหม่ๆให้เราได้ติดตามค้นหาอย่างน่าสนใจ  ความโลภเป็นที่สิ่งทำให้หายนะเกิดขึ้นได้เสมอ  ฉะนั้นคนเราทำอะไรก็แล้วแต่ควรรู้จักประมาณตนเอง  รู้จักรักษาระยะหรือช่วงจังหวะของชีวิตให้คงเส้นคงวา  พัฒนาตัวเองอ่านบทความ อ่านหนังสือ  เข้าสัมมนา ศึกษาเรียนรู้เข้าพบปะกับผู้มีประสบการณ์ตรงในเรื่องนั้นๆ  แล้วเอาความคิดทัศนคติมาปรับใช้กับตัวเรา  มีประโยคที่น่าสนใจอยู่ 3 ประโยคที่ผมจะเอามาฝากเพื่อนๆ ดังนี้

           1."ถ้าศัตรูเก่งขึ้นหนึ่งคืบ  เราต้องเก่งขึ้นหนึ่งว่า"  ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการสร้างศัตรูไปรอบตัวนะครับ  มันเป็นเพียงเปรียบเทียบเฉยๆ  การชนะผู้อื่นได้เราต้องชนะใจตัวเองก่อนครับ
           2."การจะทำอะไร รวมถึงการลงทุนจะต้องศึกษาหาความรู้ให้ท่องแท้เสียก่อน"  เป็นเรื่องจริงครับ  เขาเรียกว่ารู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง    
           3."หาความรู้ คือหลักการ"  การมีความรู้เป็นความได้เปรียบไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามแต่  เพราะการที่เรามีความรู้มากๆย่อมนำมาซึงความได้เปรียบและนำความได้เปรียบมาเป็นทางเลือกให้กับชีวิตของเราได้

วันอังคารที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ความไม่แน่นอนของชีวิต

         


             ความไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้เสมอครับ  พอมีอะไรดีดีเข้ามาก็มักจะมีสิ่งที่ทำให้เราสะเทือนใจกับเหตุการณ์ร้ายๆเข้ามาอีก  มันช่างตลกนะครับ  เหมือนมีบางสิ่งกำลังทดสอบจิตใจเราอยู่ว่าเราสามารถที่จะรับมือกับสิ่งเหล่านี้ได้หรือเปล่า   หากตั้งสติไม่ดีอาจทำให้ทุกอย่างพังได้เหมือนกัน   เวลาที่เราเจอสิ่งที่ทำให้เราทุกข์ใจ   สิ่งแรกก็คือการตั้งหน้ารับมือกับมัน  ยอมรับความจริงกับปัญหาที่อยู่ตรงหน้า  เผชิญหน้ากับมัน  ตั้งสติและต่อสู้กับความจริงที่เกิดขึ้น  ไม่มีอะไรดีไปกว่าการยอมรับความจริงและการรับผิดชอบตัวเองอีกแล้วละครับ
          ในชีวิตคนเราผมเชื่อว่ามันก็เหมือนละครฉากหนึ่ง   เจอมรสุมบ้าง  ปัญหาในชีวิตบ้าง  แต่สุดท้ายเราก็จะผ่านมันไปด้วยดี  ขอเพียงเรามีความอดทนต่อสิ่งที่ทำให้เราทุกข์  ยอมรับความเป็นจริง  ในบางครั้ง  หากต้องตัดสินใจทำอะไรลงไปก็ตัดสินใจด้วยความกล้าหาญ  เราไม่สามารถกำหนดทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นอย่างที่ให้เราคิดได้หรอก  แต่เราเลือกที่จะทำตามใจตัวเองได้  เลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง  ยอมรับและเดินหน้าต่อไป  สักวันหนึ่งเมื่อเหตุการณ์ร้ายๆ ได้ผ่านไปแล้วชีวิตของคุณจะมีความสุขมากขึ้น  นั้นเพราะเหตุการณ์ร้ายๆมันเกิดขึ้นมาแล้วคงไม่มีอะไรต้องกลัวอีกต่อไป  ใครที่กำลังตกอยู่ในปัญหาเดียวกับผมขอให้เพื่อนๆสู้ต่อไปนะครับ อย่าเพิ่งถ้อแล้วเส้นชัยจะมาถึงคุณในที่สุด

วันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557

มองโลกตามความเป็นจริง




           เคยมีหลายคนบอกนะครับว่า   การที่จะให้เราเป็นคนแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับความคิดของเราแหละ  หากเราคิดดีก็จะมีแต่สิ่งที่ดีดีเข้ามาในชีวิต   ถามว่าจริงไหมตรงนี้ผมยอมรับนะครับว่าการที่มองโลกในแง่ดีเป็นสิ่งที่ดี  เพราะทำให้เราเป็นคนใจกว้างเปิดกว้างรับเรื่องใหม่ๆเข้ามาในชีวิตเสมอๆ  แต่ก็นั้นแหละครับ  โลกมีสองด้านเสมอขึ้นอยู่กับที่เราเลือกมอง  การที่เราเป็นคนมองโลกในแง่ดีเกินไปจนลืมหูลืมตาก็ทำให้เราหลงผิด  หรือถูกหลอกได้ง่ายๆเหมือนกัน  ทางทีดีผมแนะนำให้เรารู้จักความพอดี  พอประมาณดีกว่าครับ  นั่นก็คือหัดมองโลกตามความเป็นจริงที่มันควรจะเป็น  เพราะยังไงซะบนโลกของความเป็นจริงเราหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วครับ   เมื่อเราเรียนรู้  และยอมรับตามความเป็นจริงจะทำให้เราปล่อยวาง   ชีวิตเราก็จะทุกข์น้อยลง  เพราะเห็นว่า  สิ่งนั้น  มันเป็นอย่างนั้น  เกิดขึ้น  ตั้งอยู่  และก็ดับไป  เป็นธรรมดาของโลก  การฝึกใจให้หัดเผชิญหน้ากับความจริงนั้นบางครั้งยากที่จะยอมรับมันได้แต่หากคุณผ่านมันไปได้  นั้นก็เท่ากับว่าคุณสอบผ่านมาขั้นหนึ่งแล้ว  ไม่มีใครสามารถกำหนดชะตาชีวิตเราได้หรอกครับ  ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะกำหนดบทบาทของตัวเองไว้อย่างไร  หมั่นคิด ทบทวน สิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยๆให้รู้เห็นตามความเป็นจริงของชีวิต  พัฒนาระดับจิตใจให้สูงขึ้น  เห็นคุณค่าในตัวเอง  รู้จักแบ่งปันให้กับผู้อื่น  แล้วจะมีสิ่งดีดีเข้ามาในชีวิตของคุณอย่างแน่นอนครับ

วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ก็นั่นนะสิ

       
       
           เพื่อนๆคงพอจะรู้นะครับ เวลาที่เราตัดสินใจทำอะไรลงไป   แล้วมีคนมาถามเราว่าคิดดีเเล้วเหรอ  หรือเหตุผลอะไรก็แล้วแต่  โดยส่วนตัวผมแล้ว  ผมมองว่า  ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามผมมั่นใจในการตัดสินใจของตัวเอง  ถึงแม้ว่าผลลัพธ์จะออกมายังไง  การที่คนเรากล้าเสี่ยงที่จะทำก็ยังดีกว่ารู้แต่ไม่ลงมือทำมัน  หรือไม่มีโอกาสได้ลงมือทำ  ในโลกนี้ไม่มีอะไรดีที่สุดหรอกครับ ทุกอย่างไม่แน่นอน ฉะนั้นเราควรทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุดดีกว่า

ก็ไม่รู้สินะ
        ผมคงไม่ทำอะไรเดิมๆไปตลอดชีวิตหรอก  เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็คงต้องหาอะไรใหม่ๆให้กับชีวิตเพื่อพัฒนาตัวเองไปอีกระดับ  ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเวลาและสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นอีกที

ก็ไม่รู้สินะ
       ปัญหาและอุปสรรค์ที่จะเกิดขึ้น  อาจนำมาซึ่งโอกาสใหม่ๆให้กับตัวผมเองก็เป็นไปได้ใครจะไปรู้

ก็ไม่รู้สินะ
       ใครจะมองผมเป็นคนไม่แน่นอน ไม่เอาไหน  ไม่หนักแน่น  แต่ในใจผมรู้จักตัวเองดีว่าผมเป็นคนยังไงและต้องการอะไร

         เหล่านี้ผมว่ามันคือ ทัศนคติของผู้ที่จะมองเรา  หลายคนก็หลายมุมมอง  ต่างคนต่างความคิด  ไม่ว่าชีวิตคุณจะเป็นยังไงก็แล้วแต่   จงอย่าลืมว่า  "อย่าทิ้งเป้าหมายของตัวเอง"  วิธีการเราอาจเปลี่ยนแปลงได้ครับ แต่อย่าเปลี่ยนเป้าหมายของชีวิต  เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ

วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2557

วิธีที่ซื้อบ้านและรถภายในเวลา 5 ปี







            ผมได้อ่านเรื่องราวของมหาเศรษฐีฮ่องกงคนหนึ่งชื่อ  ลี กา ซิง  เขาได้มีการแบ่งปันภูมิปัญญาทางด้านการเงินของเขา  เขาได้สรุปแผนที่ใช้ในการสร้างแรงบันดาลใจเกี่ยวกับแผน 5 ปีที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณไปในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอนมาฝากครับ

        สมมติว่าเรามีรายได้ต่อเดือนๆละ 20,000 บาท เราสามารถสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้ โดยการที่เราแบ่งเงินออกเป็น 5 ส่วน

       ส่วนแรก   6,000   บาท  ส่วนที่สอง  4,000 บาท ส่วนที่สาม 3,000 บาท  ส่วนที่สี่  2,000 บาท ส่วนที่ห้า 5,000 บาท ไว้ดังนี้

1.เงินส่วนแรก  กันเอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินชีวิต ในแต่ละวันต้องใช้จ่ายไม่เกินวันละ 200 บาทต่อวัน
-มื้อเช้าของทุกวันกินวุ้นเส้นกับไข่ 1 ฟอง และนม 1 แก้ว
-มื้อกลางวันกินอาหารเบาๆ ผักผลไม้
-มื้อเย็น ผักผลไม้และดื่มนมก่อนนอน
2.เงินส่วนที่สอง  กันไว้สำหรับกินข้าวกับเพื่อนๆ 2 มื้อ ต่อเดือน  มื้อหนึ่ง 1,500 บาท   จากนั้นก็ตั้งคำถามว่าใครคือคนที่คุณสมควรจะกินข้าวด้วย  จำไว้ว่าคุณจะต้องกินข้าวกับคนที่มีความรู้มากกว่าคุณและรวยกว่าคุณ หรือคนที่จะสนับสนุนคุณในเรื่องการงานได้  คุณต้องทำติดต่อกัน 1 ปี เชื่อได้ว่าคุณจะสร้างคุณค่ามากมายมหาศาล ชื่อเสียงและอิทธิพลของคุณจะมากมายมหาศาล
3.ส่วนที่สาม ใช้ในการเรียนรู้ คุณควรจะจ่ายประมาณ 500-1,000 บาท ในการซื้อหนังสือ เพราะคุณมีเงินไม่มาก คุณควรเอาใจใส่ไปกับการเรียนรู้เมื่อคุณซื้อหนังสือและอ่านมันอย่างระมัดระวัง  จงเรียนรู้บทเรียนและกลยุทธต่างๆที่สอนไว้ในหนังสือ  หลังจากอ่านหนังสือในแต่ละเล่มจบให้เล่าเรื่องราวเป็นภาษาของคุณ  เพราะว่าการเเบ่งปันความรู้ให้คนอื่นจะช่วยให้คุณน่าเชื่อถือและเป็นคนที่น่าสนใจ และประหยัดเงินเดือนละ 2,000 บาทเพื่อเข้าคอร์สอบรมต่างๆ
       เมื่อคุณมีรายได้เพิ่ม  ให้กันเงินส่วนนี้เพิ่มขึ้นและเข้าร่วมคอร์สอบรมในระดับที่สูงขึ้น เมื่อคุณเข้าอบรมสัมมนาที่ดีมันจะช่วยให้คุณมีความรู้ที่ดี และยังช่วยให้คุณเจอเพื่อนที่มีความคิดเหมือนกันซึ่งหาไม่ได้ง่ายๆ
4.เงินส่วนที่สี่ เก็บเงินเดินทางไปต่างประเทศในวันหยุด  ให้รางวัลกับตัวเองในการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อเติบโตประสบการณ์ในชีวิตอย่างต่อเนื่อง  พักในโรงแรมราคาประหยัด ในเวลาเพียงไม่กี่ปีผ่านไปคุณจะเดินทางไปหลายประเทศและจะมีประสบการณ์หลากหลาย  ใช้ประสบการณ์เหล่านี้เป็นการเพิ่มพลังใหม่ให้ตัวเองมีแรงขับดันในการทำงานต่อไป
5.เงินส่วนที่ห้า  ลงทุน ประหยัด 5000 บาท เก็บไว้ในธนาคารเพื่อเป็นทุนในการเริ่มต้นทำธุรกิจเล็กๆ การเริ่มจากธุรกิจเล็กๆมักจะปลอดภัย เมื่อมีรายไ้ด้มากพอคุณก็เริ่มจากการลงทุนระยะยาว และลงทุนในหลักทรัพย์ระยะยาวด้วยเงินของคุณและครอบครัวของคุณ ดั้งนั้นคุณไม่จำเป็นต้องกังวลเพราะเงินจำนวนนี้ของคุณไม่ได้ทำให้คุณภาพชีวิตคุณตกต่ำลง

          เมื่อรายได้คุณเพิ่มขึ้น คุณต้องหางานเสริมจะเป็นการดีถ้าเป็นงานขาย  การขายเป็นเรื่องที่ท้าทาย เป็นวิธีที่เร็วที่สุดที่คุณจะได้เรียนรู้ศิลปะในการขายและความรู้อย่างลึกซึ่งสามารถนำไปใช้กับอาชีพของคุณได้  เจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่เป็นนักขายที่ดี  พวกเขามีความสามารถในการขายและมีวิสัยทัศน์  คุณจะพบผู้คนมากมายหลากหลายอาชีพของคุณในภายหลัง  เมื่อเริ่มขายคุณจะได้เรียนรู้ว่าอะไรขายได้และอะไรขายไม่ได้  ใช้ไหวพริบในการตรวจสอบตลาดเป็นวิธีในการดำเนินธุรกิจของคุณและหาผลิตภัณฑ์ที่จะเป็นผู้ชนะในอนาคต
       ซื้อเสื้อผ้าและรองเท้าให้น้อยที่สุด คุณสามารถซื้อได้ทั้งหมดเมื่อคุณรวย  ประหยัดเงินของคุณและซื้อของขวัญให้คนที่คุณรักและบอกพวกเขาถึงแผนการและเป้าหมายทางการเงินของคุณ  บอกพวกเขาไปว่าทำไมคุณถึงต้องประหยัดอดออมบอกเค้าถึงความพยายาม  ทิศทางที่คุณกำลังจะไปและความฝันต่างๆ ของคุณ
       นักธุรกิจทุกคนต้องการความช่วยเหลือ ให้คุณเสนอตัวเองต่อพวกเขาในการทำงานนอกเวลาในโอกาสต่างๆ สิ่งเหล่านี้จะช่วยพัฒนาความสามารถของคุณ และคุณจะได้พัฒนาทักษะในการเจรจาของคุณในไม่ช้าคุณจะใกล้เป้าหมายทางการเงิน   ฉะนั้นจงจำไว้ว่าไม่ว่ารายได้คุณจะเพิ่มขึ้นมากเท่าไร  จำไว้เสมอว่าแบ่งเงินเป็นห้าส่วน  จงทำตัวให้เป็นประโยชน์อยู่เสมอ  จงใช้เงินลงทุนเพื่อสร้างเครือข่าย  เมื่อคุณรู้จักผู้คนมากขึ้น  เครือข่ายของคุณก็จะขยายมากขึ้น  คุณก็จะสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น  จงใช้เงินลงทุนเพิ่มขึ้นไปกับการเรียนรู้เพื่อสร้างความมั่นใจในตัวเองให้มากขึ้น  จงใช้เงินท่องเที่ยวในวันหยุดที่คุณยังไม่เคยไป  จงเพิ่มการลงทุนในอนาคตของคุณซึ่งมันจะสร้างรายได้ให้คุณอย่างมหาศาล
      คุณควรเริ่มแผนตั้งแต่ตอนนี้  
-เมื่อคุณจนให้ใช้เวลาอยู่ที่บ้านให้น้อยกว่าใช้เวลาอยู่ข้างนอกเมื่อคุณรวยอยู่ที่บ้านมากขึ้นอยู่ข้างนอกให้น้อยลง นี่คือศิลปะการใช้ชีวิต 
-เมื่อคุณจนให้ใช้จ่ายเงินไปกับผู้อื่น แต่เมื่อคุณรวยใหัใช้เงินไปกับตัวคุณเอง
-เมื่อคุณจนจงทำดีกับผู้อื่นอย่ามัวแต่คิดเรื่องผลประโยชน์  เมื่อคุณรวยคุณจะต้องเรียนรู้ที่จะทำให้ผู้อื่นดีต่อคุณคุณต้องเรียนรู้ที่จะทำตัวเองให้ดีกว่าเป็นคนที่ดีกว่าที่เป็น
-เมื่อคุณจนคุณต้องผลักดันตัวเองออกมาในที่คนอื่นสามารถจะมองเห็นคุณได้เพื่อให้คนอื่นใช้งานและทักษะที่คุณมี   เมื่อคุณรวยคุณจะต้องรู้จักปกป้องตัวเองอย่าปล่อยให้ใครมาหลอกใช้คุณได้ง่ายๆ
-เมื่อคุณจนให้คุณใช้เงินเพื่อทำให้ผู้อื่นรู้จักคุณแต่เมื่อคุณรวยจะอย่าโอ้อวดว่าคุณรวยใช้จ่ายเงินในการซื้อของอย่างเงียบๆ 
-เมื่อคุณจนคุณจะต้องเป็นคนมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และเมื่อคุณรวยคุณต้องไม่ถูกมองว่าเป็นคนฟุ่มเฟือยชีวิตคุณจะวนกลับมาสู่สามัญคุณควรจะอยู่อย่างเรียบง่ายเมื่อคุณมาถึงจุดนี้

          ไม่มีสิ่งใดผิดเมื่อคุณยังหนุ่มสาย  คุณไม่ต้องกลัวว่าคุณจน  คุณต้องรู้จักวิธีลงทุนในตัวคุณเองที่จะเพิ่มปัญญาและระดับความสำเร็จ  คุณต้องรู้ว่าอะไรจำเป็นและไม่จำเป็นต่อชีวิต  คุณต้องรู้ว่าอะไรควรหลีกเลี่ยงและไม่จ่ายเงินฟุ่มเฟือยไปกับมัน  นี่คือวินัยที่จำเป็นอย่างยิ่ง พยายามหลีกเลี่ยงในการใช้จ่ายเงินไปกับการซื้อเสื้อหลายๆชุด  แต่รู้จักเลือกซื้อเสื้อผ้าที่ดูดีเพียงไม่กี่ชุด  พยายามกินข้าวนอกบ้านให้น้อยที่สุด  ถ้าคุณกินข้าวนอกบ้านคุณต้องแน่ใจว่าคุณซื้อมื้อกลางวันหรือมื้อเย็นที่คุณจ่าย คุณจ่ายเพื่อกินกับผู้คนที่มีความฝันใหญ่กว่าทำงานหนักกว่าคุณ  เมื่อการทำมาหากินของคุณไม่เป็นเรื่องที่ต้องกังวัลอีกต่อไปใช้เงินที่เหลือไล่ตามความฝันของคุณ   สยายปีกของคุณและกล้าที่จะฝันทำให้คุณแน่ใจว่าชีวิตของคุณเป็นสิ่งวิเศษ

         ทฤษฎีที่มีชื่อเสียงจากฮาร์วาร์ด  ความแตกต่างของโชคชะตาของแต่ละคนถูกตัดสินจากสิ่งที่เขาจ่ายในเวลาว่างระหว่าง 20.00 น.  ถึง  22.00น.  ใช้เวลา 2 ชัวโมงนี้ในการเรียนรู้  คิดและเข้าร่วมการบรรยายหรือการสัมมนาที่มีความหมาย ถ้าคุณทำแบบนี้สักปีสองปี  ความสำเร็จจะเข้ามาหาคุณ

          ไม่สำคัญว่าคุณหาเงินได้เท่าไร  จำไว้ว่าเเบ่งเงินเป็นห้าส่วน  ดูแลตัวเองรักษารูปร่างให้ดีอยู่เสมอ  ลงทุนในการเข้าสังคมพบผู้คนใหม่อย่างต่อเนื่องและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆจากคนเหล่านี้  การขยายเครือข่ายทางสังคมจะทำให้รายได้คุณเพิ่มขึ้น  เดินทางทุกปีในที่ที่แตกต่างกันออกไปและคอยติดตามการพัฒนาการของโลกอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีด้วย  ถ้าคุณทำตามแผนนี้อย่างขยันขันแข็งคุณจะมีเงินทุนเหลือมากมาย

           อะไรที่ผ่านไปแล้วในอดีตก็ปล่อยให้มันผ่านไป  อย่ามัวจมอยู่กับความผิดพลาด ไม่จำเป็นที่จะมัวมานั่งเสียใจกับสิ่งที่สูญเสียไปแล้วทุกคนเคยทำผิดพลาด  และคุณจะได้เรียนรู้จากมัน  และสัญญากับตัวเองว่าจะไม่พลาดซ้ำอีก  เมื่อคุณพลาดโอกสาสอย่ามัวเศร้าเสียใจ  มีโอกาสใหม่รออยู่ข้างหน้าเสมอ

          คุณสามารถที่จะยิ้มรับเมื่อถูกเข้าใจผิดเล็กๆ น้อยๆ เมือ่คุณทำผิดคุณยิ้มรับอย่างสงบนั้นคือความใจกว้าง  เมื่อคุณถูกเอาเปรียบแต่คุณยังยิ้มได้คุณคือคนใจกว้าง  เมื่อคุณทำอะไรไม่ถูกให้คุณค่อยๆยิ้มอย่างใจเย็นมันจะทำให้คุณอยู่ในสภาวะที่สงบนิ่ง  เมื่อคุณเจ็บปวดคุณสามารถที่จะหัวเราะออกมาดังๆ  ได้คุณคือคนใจกว้าง  เมื่อคุณถูกดูหมิ่นเหยียดหยามและยิ้มได้อย่างสงบ  คุณคือคนที่มีความมั่นใจ  เมื่อคุณถูกปฎิเสธในความสัมพันธ์และคุณสามารถยิ้มได้  คุณคือคนที่อ่อนโยน

         ยังมีคนอีกจำนวนมากที่จะดิ้นร้นเพื่อที่จะมีเงินเพียงพอต่อการใช้การดำเนินชีวิตประจำวัน  แน่นอนมันไม่สำคัญว่าคุณจะรวยหรือจนนี่คือบทเรียนที่ได้เรียนรู้จาก  ลี  กา ซิง

วันพุธที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเอง





             เวลาที่เรารู้สึกท้อแท้  หรือหมดหวัง หมดกำลังใจอะไรสักอย่าง  ลองหาอะไรใหม่ๆทำดูซิครับ  อย่างเช่น  หาเวลาไปเที่ยวที่แปลกๆ หรือที่เราอยากจะไปแต่ยังไม่มีโอกาสได้ไป  แล้วเราจะพบว่ามีอะไรบางสิ่งที่เราได้จากสิ่งนั้น  ไม่ว่าจะยังไงก็ตามการที่เรารู้จักถามคำถามที่ดีให้กับตัวเองตลอดเวลา  มักจะได้คำตอบที่ดีดี เสมอนะครับ  การที่เราหยุดไม่ได้หมายความว่าเราไม่ต้องการอะไรในชีวิต  แต่นั้นหมายถึงเราต้องทบทวนตัวเอง  หาทางที่ใช่ที่เหมาะกับเรา  เพื่อก้าวไปข้างหน้า  ปัญหาและอุปสรรคเป็นแค่ทางผ่านเท่านั้น  เมื่อเรารู้สึกกลัว  จงลงมือทำมัน  เพราะการที่เราได้ลงมือทำไม่ว่าผลลัพธ์มันจะเป็นยังไง  นั่นก็คือเราได้ทำมัน  ดีกว่ามานั่งคิดแต่ไม่ลงมือทำ  วันนี้ผมก็ขอสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองด้วยการยิ้มแย้มแจ่มใสให้กับเพื่อนร่วมงานครับ  เพื่อก้าวต่อไปในอนาคต   ชีวิตเราต้องเดินหน้าต่อ  ยังไงก็สู้ต่อไป

กล้าที่จะแตกต่างและเป็นตัวเอง

เรียกว่าห่างหายกันไปนานมากเลยครับ  ช่วงที่ไปพักกายพักจิตใจ  ทำให้เราสามารถแยกแยะได้ว่า  อะไรที่จำเป็นและสำคัญกับชีวิตของเรากันแน่   คนบางคนผ...