ล้มเหลว แต่เดินต่อได้ (อย่าล้มเลิก)

ความล้มเหลวก็ให้บทเรียนกับเรามากมายเหลือเกิน  จนบางทีรู้สึกถอดใจไปเป็นพักๆ  แต่มันคือหนึ่งในบททดสอบครับ

บททดสอบที่จะให้เราประสบความสำเร็จและผ่านมันไปได้ในวันเวลาข้างหน้า  อดทน รอจังหวะที่เหมาะสม มันคงไม่ใช่วันโชคร้ายของคุณทุกครั้งเสมอไปหรอก  มันต้องมีวันของคุณวันหนึ่งแน่ๆ  ระยะทางพิสูจน์ม้า  กาลเวลาพิสูจน์คนครับ  ถ้าคุณได้รับโอกาสดีๆมาสักครั้ง  จงตั้งใจทำหน้าที่ของคุณให้มันดีที่สุด  ฝึกฝนจนชำนาญ  คุณอาจไม่ใช่คนที่เก่งที่คุณแต่มนุษย์เราสามารถฝึกฝนตนเองได้ครับ

ผมมีความเชื่อมั่นลึกว่าๆ  ผมจะผ่านมันไปได้ด้วยดี  พรุ่งนี้มันต้องดีขึ้นและดีกว่าวันนี้เสมอ  ฟ้าหลังฝนก็ทำให้เห็นอะไรชัดเจนขึ้น  ขอบคุณตัวเองที่ผ่านเรื่องราวต่างๆมามากมาย  ขอบคุณครอบครัว คนรอบข้างที่ให้กำลังผมเสมอมา  ขอบคุณสิ่งดีๆ และไม่ดีที่หล่อหลอมให้ผมเป็นผมในวันนี้

ตั้งแต่นี้ต่อไปผมก็สัญญาผมจะทำเพื่อคนอื่นให้มากขึ้น  ทุ่มเทเพื่อคนอื่น แต่ในขณะเดียวกันก็รักตัวเองให้มากขึ้นด้วย  ในทุกครั้งที่มีโอกาส  ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรเข้ามาในชีวิต ต่อจากนี้ไปไม่ว่ามันจะหนักแค่ไหน  ผมก็จะผ่านมันไปให้ได้ครับ  เวลาที่คนอื่นมีความทุกข์ผมก็จะช่วยเหลือ ให้คำแนะนำตามเหตุผลที่คิดว่ามันถูกต้อง  เป็นกลาง

ตามหลัก พ่อหลวง แบบอย่างที่คนไทยทุกคนศรัทธาอย่างแรงกล้า  ต่อแต่นี้ไปเรื่องราวดีๆ จะเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ  ในขณะกันผมก็ต้องไม่ประมาทและใช้ชีวิตด้วยความมีสติ  อยากบอกว่าขอให้ทุกวันเป็นที่โชคดีของคุณครับ

เริ่มตอนที่ไม่พร้อมนี่แหละ

บางทีชีวิตเราก็มักเจอกับเรื่องที่ทำให้เราต้องลังเลอยู่ตลอดเวลา  เรากลัวความไม่แน่นอน  บางทีก็รู้สึกลังเลไม่แน่ใจกับบางสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเรา  เราไม่รู้ว่าสิ่งที่เราเลือกนั้นมันจะพาเราไปยังจุดที่เราต้องการจริงหรือไม่

ความกลัวยังไงก็เป็นสิ่งที่มนุษย์หลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ มันเกิดขึ้นในทุกสถานการณ์   การที่จะทำให้เราหายกลัวได้นั่น ก็คือ ตัดสินใจเลือกเส้นทางนั้นแล้วก็ต้องเดินหน้าต่อไปให้ดีที่สุด  ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม  มันไม่ได้ให้ความกลัวคุณหายไป  แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้คุณทราบได้ว่าโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน
การที่เราไม่กล้าเสี่ยงต่างหาก  นั่นแหละมันคือ ความเสี่ยงที่สุดในชีวิต

ตัดสินใจเดินทางต่อไปข้างหน้าแล้วอย่าเหลียวหันหลังกลับมาอีก  ทุกครั้งให้บอกกับตัวเองว่า  วันนี้คุณได้มาไกลเกินกว่าจะถอยหลังกลับไปยังจุดเริ่มต้นใหม่  ชีวิตไม่จำเป็นต้องวิ่งเร็วเหมือนกระต่าย  เราเป็นเต่าที่เดินไปอย่างๆช้าๆได้  แต่ก็ถึงเส้นชัยเหมือนกัน  และที่สำคัญชีวิตไม่ใช่เกมส์  เมื่อล้มลงก็ลุกขึ้นต่อได้  ณ จุดที่เราล้มนั่นแหละครับ  ไม่จำเป็นต้องไปยังจุดเริ่มต้นเสมอ

เวลาทำงานอย่างมองว่าเป็นแค่การหารายได้เพื่อประทังชีวิต  แต่ให้มองว่าเรากำลังสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้ใครบ้าง  มีคนได้รับประโยชน์อะไรจากเราบ้าง  คนที่อยู๋ข้างหลังเราสบายขึ้นไหม  เหนื่อยแต่ตัว แต่ใจเราเต็มอิ่มที่ได้ทำเพื่อทุกคน  แค่นี้ชีวิตมันก็ดีแบบสุดๆ ไปแล้วครับ  ทำเพื่อคนอื่น  เพื่อคนที่เรารักอย่าได้สนใจว่าใครจะมองอย่างไร  แค่เรารู้ว่าได้ทำเพื่อใครก็ตาม

บางทีชีวิตมันอาจไม่ได้ทุกอย่างดังที่ใจเราคิด  แต่ชีวิตมันก็ต้องเดินไปข้างหน้าต่อ  เดินไปอย่างมีความหวัง และเติมเต็มอยู่ตลอดเวลา  จริงๆชีวิตมันไม่ได้พร้อมเสมอไปหรอกครับ  จงทำในขณะที่คุณยังไม่พร้อมนั่นแหละครับ  โอกาสมักจะมากับความไม่พร้อมเสมอ รู้แล้วบอกต่อนะครับ

ปัญหาไม่ใช่ยาพิษ

คุณเคยเจอสถานการณ์แบบนี้ไหม  เวลาเราเจอกับสถานการณ์คับขัน  กลืนไม่เข้าคายไม่ออก  มักจะมีผู้คนเข้ามาให้คำแนะนำเราต่างๆ นาๆ ไปหมดจนเราไปไม่ถูก  คนนั้นแนะนำแบบนั้น  คนนี่แนะนำอีกแบบจนบางทีเราก็รู้สึกแทนที่เราจะแก้ปัญหาได้  กลับให้ปัญหามันลุกลามมากไปกว่าเดิมซะงั้น

เราเหนื่อยกับปัญหา  หรือว่าเหนื่อยกับคนให้คำปรึกษากันแน่  บางทีคนเราก็ต้องมานั่งทบทวนตัวเองให้ดีนะครับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับเราเป็นปัญหาแบบไหน

ปัญหาเล็กหรือใหญ่ที่แก้ไข  ขอคำปรึกษาและแก้ได้ได้
ปัญหาที่แก้ไม่ได้  เราต้องปล่อยวาง รอให้เวลามันผ่านไป
ปัญหาจุกจิก  ปล่อยวางได้ก็ปล่อยวางไปครับ

ในทุกๆ สถานการณ์มันไม่มีถูก หรือ ผิด หรอกครับ  เพราะแต่ละคนเจอปัญหาแตกต่างกัน  และใช้วิธีการในการแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน  บางเหตุการณ์ใช้กับบุคคลนี้ได้ผล  แต่อาจไม่ได้ผลกับอีกบุคคลหนึ่งก็เป็นไปได้  คำแนะนำที่ดีที่สุดของผมนะครับ

รอจังหวะให้ดีครับก่อนจะตัดสินใจอะไร  อย่ารีบร้อน  ตัดสินใจตอนที่จิตใจเรานิ่ง สงบ นั่นแหละดีที่สุดครับ  การตัดสินใจในภาวะนี่แสดงว่าเรารับความกดดัน และความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่งแล้ว  บางทีเราใจร้อนตัดสินใจอะไรด้วยความรวดเร็ว  ทั้งที่อารมณ์เรายังว้าวุ่น  เชื่อได้ครับว่าปัญหามันตามมาเป็นระลอก ๆ เลยครับ

ไม่ว่าการตัดสินใจของคุณจะไปในทิศทางไหน  สิ่งที่สำคัญก็คือ  คุณต้องยอมรับกับการตัดสินใจนั้น และก้าวต่อไปให้ได้  ทุกสิ่งทุกอย่างมันสามารถผ่านไปได้เสมอ  ไม่มีอะไรที่มนุษย์เราทำไม่ได้หรอกครับ  ปัญหาส่วนใหญ่ก็เกิดจากคน  วิธีแก้ก็ต้องที่คนนั่นแหละครับเข้าไปแก้มัน  อย่ากลัวจนเกิดเหตุ  ความกลัวไม่ได้ทำให้คุณโตขึ้น  ความกลัวไม่ได้ทำให้คุณแก้ปัญหา หรือหาทางออกได้  จงกล้าคิด กล้าทำ กล้าตัดสินใจ หลักการง่ายๆแค่นี้เองครับ

อย่า ยึด ติด

บางทีผมก็มักจะตั้งคำถามกับตัวเองตลอดเวลานะครับ  อะไรนะที่คอยบงการเราอยู่ข้างหลัง
เสียงเรียกร้อง  ความปรารถนาที่มันฝังแน่นอยู่ในใจเราล้วนแล้วแต่พลักดันเราอยู่  บางทีตัวเรา
ก็มีความกลัวแบบบอกไม่ถูก  โชคชะตาเหมือนมันเล่นตลกกับเรา  ความปรารถนาลึกๆที่อยู่ภายใน
ใจมันลุกลามขึ้นทุกวัน

เราอยากเห็นคนที่เรารักมีความสุข  แค่เรารู้ว่าเราทำเพื่อใคร  เพื่ออะไรชีวิตมันก็สุขสุดๆไปแล้ว  ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาบงการชีวิตเราหรอก  แค่เราทำหน้าที่ของตัวเราให้มันดีที่สุด  ไม่ว่ายังไงชีวิตมันก็คือชีวิต  มันมีบททดสอบมาเรื่อยๆ แหระครับ  ความเชื่อมั่นในตัวเองเท่านั้นที่จะทำให้เราอยู่รอดได้  ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามแต่

การเตรียมความพร้อมจึงถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้เราไม่ผิดพลาด  ทุกครั้งเราต้องวางแผนคิดเหตุการณ์ล่วงหน้าอยู่เสมอ  ทุกอย่างอยู่ที่ใจเราคิดและหวัง  เมื่อล้มก็ต้องรีบลุกขึ้นมาให้มันเร็วที่สุด  เอาแต่เป็นเด็กขี้แย้  ไม่ยอมแพ้ในโชคชะตา  มันจะเล่นตลกอะไรกับเราก็ช่าง  เราคือผุ้กำหนดตัวเราเองด้วยความคิดวิเคราะห์ตามเหตุผล  ดูน่าเชื่อถือ เชื่อมั่นในตัวเอง และความคิดของเราเอง  ทุกอย่างเราคือผู้กำหนด

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามขอให้คุณยึดมั่นในความดีงาน  อย่าได้คิดทำชั่วหรือสิ่งไม่ดี  เพราะมันจะทำให้ชีวิตคุณตกต่ำ  ทำความดีเพื่อให้ผู้อื่นดีขึ้นนั่นคือเป้าหมายสูงสุด  ใครไม่รู้ไม่เห็นก็ช่างเขาตัวเรารู้เป็นดีที่สุด  ไม่ต้องไปคิดแข่งกับใครแค่แข่งกับตัวเรานั้นแหละให้ดีที่สุด  โลกนี้มันมีพื้นที่ให้กับคนทุกคนอยู่แล้ว จงขอบคุณคนที่ดีและคนไม่ดีที่เข้ามาในชีวิตของเรา  ที่ทำให้เรามีวันนี้และยืนหยัดที่จะต่อสู้ต่อไปได้  

ชีวิตนักสู้

ถ้ามีคนบอกคุณว่าข้างหน้าเป็นเหวลึกคุณจะไปไหมครับ ?

ถ้ามีคนบอกคุณว่าอย่างคุณมันไปไม่ได้ไกลหรอก คุณจะเชื่อไหมครับ?

แล้วถ้า......................................

นี่เป็นคำถามที่ผมถูกพบเจออยู่บ่อยๆ  เวลาที่ไปขอคำปรึกษากับใครบางคน  มันเป็นความจริงที่มนุษย์กลัวการที่จะต้องเริ่มใหม่  เพราะเราไม่สามารถคาดเดาอนาคตได้  จนอาจลืมมองไปเห็นโอกาสที่จะมาพร้อมกับความกลัวที่อยู่ภายในใจ

สิ่งที่ผมอยากจะแนะนำคุณก็คือ  ไม่ว่าคุณจะพบเจอเรื่องอะไรก็ตามแต่ในชีวิต  ทุกคนคงเคยผ่านการสู้ชีวิตกันมาไม่มากก็น้อย  หลายๆครั้งเราได้แต่มองว่าคนบางคนที่สู้จากชีวิตที่ลำบากไปสู่ชีวิตที่ดีกว่าดูเขามีอะไรให้เล่า มีเรื่องให้เล่าแต่ในขณะเดียวกันทุกคนล้วนเป็นนักสู้ในมุมของตัวเองเสมอ ไม่ว่าคุณจะเกิดมารวย  เกิดมาจน เกิดมาฉลาดกว่ากัน เกิดมาโง่กว่ากัน สุดท้ายทุกคนล้วนแต่ต้องสู้กับความต้องการของตัวเอง  สู้เพื่อจะเป็นคนทีดีขึ้นในวันพรุ่งนี้  สู้เพื่อที่จะไม่ยอมแพ้กับกิเลสที่ดึงเราไปตลอดเวลา  สู้เพื่อที่จะดื่มเหล้าให้น้อยกว่าเมื่อวานหน่อย  สู้เพื่อคะแนนสอบในวันพรุ่งนี้  สู้เพื่อความรักที่ดีขึ้นในวันต่อๆไป  ทุกคนล้วนเป็นแชมป์เปี้ยนในหัวใจตัวเองเสมอ ข้างนอกบ้านเราจะเเพ้ใครก็ช่าง  แต่ในบ้านอย่างเรา บ้านในใจ บ้านของเรา เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ภูมิใจในตัวเอง  ภูมิใจในหัวใจนักสู้  ภูมิใจในเลือดทุกหยดที่ปั้มเข้าสู่หัวใจของเรา

บทความให้กำลังใจข้างต้นก็เหมือนเลือดที่คอยหล่อเลี้ยงหัวใจของเราให้ก้าวเดินต่อไป  เราไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรทั้งนั้น  เพราะชีวิตคุณยังไงก็ต้องเกิดมาเป็นนักสู้  ผู้ที่ไม่ต้องยอมแพ้ในโชคชะตากันอยู่แล้ว  มุ่งมั่นให้ถึงที่สุด  ทำให้ทุกวันเป็นวันที่ดีเยี่ยม เพื่อคนที่เรารัก  และตัวเราเองครับ

เรื่องเล่าของ ดอนัลด์ คีย์โอ้

เราย้อนไปเมื่อสมัยหลายล้านปีก่อนมนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่เดินแร่ร่อนไปเรื่อยๆ แล้วก็ค่ำไหนนอนนั้นประทั่งชีวิตด้วยการล่าสัตว์และเก็บพืชผักกินไปเรื่อยๆ  แต่ว่าจนวันหนึ่งมนุษย์ก็เริ่มรู้จักที่จะลงหลักปักฐาน  เริ่มรู้จักที่จะสร้างเป็นหมู่บ้าน ชุมชนเพื่ออยู่ร่วมกัน  วันนั้นเองครับมนุษย์ก็เริ่มรู้สึกว่าไม่อยากไปไหนนอกหมู่บ้าน หรือออกไปไหนไกลๆ  ซึ่งมันก็ดูสมเหตุสมผลที่เพราะการออกไปนอกหมู่บ้านก็เต็มไปด้วยอันตรายเต็มไปหมด  ซึ่งถ้าเราไปดูแผนที่สมัยก่อนจะมีบริเวณบางที่เป็นพื้นที่ต้องห้าม ก็เลยเป็นเหตุผลว่าคนส่วนใหญ่ก็เลยไม่กล้าเดินทางออกไป  แต่ว่าคนบางคนก็มองว่าความเสี่ยงเหล่านี้ก็คือโอกาส  ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้มันก็เป็นผลลัพธ์ที่น่ายินดี  อย่างคริสเตอร์เฟอร์ โคลัมบัส ก็เดินทางไปยังที่ๆคิดว่าจะมีมังกร แต่ในที่สุดเข้าก็ไปค้นพบทวีปอเมริกา เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ไม่กล้าไปเสี่ยงก็เพราะว่ามนุษย์กลัวอะไรก็ตามแต่ที่มันไม่แน่นอน  เพราะอนาคตเราไม่สามารถทำนายได้ว่าจะดีหรือร้าย  ดังนั้นมนุษย์ก็เลือกที่จะอยู่กับปัจจุบัน ก็เลยเลือกที่จะไม่ทำอะไรใหม่ๆ เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด นี่คือสิ่งที่เราได้เรียนรู้

การที่เราไม่ลงมือทำอะไรใหม่ๆ ไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรดีๆให้กับโลกใบนี้  เมื่อ 1,000 ปีที่แล้วคนที่มีอำนาจมากพอที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกให้กับคนหมู่มากได้เขาคือ ชนชั้นพระราชา กษัตริย์ หรือราชินี   เวลาผ่านไปสัก 100 ปีที่คนที่ก้าวเข้ามาเพื่อเปลี่ยนแปลงให้กับมวลมนุษย์ชาติได้ เขาคือ นักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่  มหาตมะ  คานที 

แต่เมื่อผ่านยุค 100 ปีที่ผ่านมามันเป็นยุคของคนที่ NO BODY นั่นก็คือ คนอย่างเราๆนั้นแหละ คนธรรมดาที่ไม่ต้องมีชื่อเสียงเรียงนามมาจากไหน ก็สามารถลุกขึ้นมาสร้างความเปลี่ยนแปลงได้เหมือนกัน 41 ปีที่แล้วไม่มีใครรู้จัก สตีฟ จอบส์,บิลเกตส์  หรือ มาร์คซัคเคอร์เบิร์ก  แต่ว่าคนเหล่านี้เขาลุกขึ้นมาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลก จนถึงขนาดมันเป็นส่วนหนึ่งที่เราขาดไม่ได้เลย

ถ้าวันนี้คุณรู้ตัวว่าคุณมีความฝัน  ที่จะทำอะไรก็ตามไม่ว่ามันจะเล็กหรือใหญ่  แล้วคุณรู้ตัวว่าวันนี้คุณก็ไม่พร้อม ผมบอกได้เลยครับว่าวันนี้มันเป็นวันที่เหมาะที่สุดแล้วครับที่คุณจะลงมือทำ  ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ที่สำคัญนะครับ  คุณไม่จำเป็นจะต้องกลัวเลยครับว่าคุณจะล้มเหลว  เพราะว่าความล้มเหลวกับความผิดพลาดมันเป็นคนละอย่างกัน  คุณสามารถผิดพลาดได้เป็นพันเป็นหมื่นครั้ง  ไม่ได้หมายความว่าจะล้มเหลว  เพราะอะไรรู้ไหมครับ  เพราะว่าไม่มีใครนิยามความล้มเหลวให้คุณเองนอกจากตัวคุณครับ

แค่รู้ว่าทำเพื่อใคร

บางทีคนเราก็มีเหตุผลบางอย่างที่จะทำอะไรเพื่อใช้เป็นแรงผลักดันในการใช้ชีวิตกันทั้งนั้นแหละครับ  ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลประการใด  ข้อสำคัญคือ เรามีเป้าหมายนั่นเอง

แล้วจะใช้อะไรเป็นตัวขับเคลื่อนให้เป็นจริง  นั่นคือ  ตัวเรานั่นแหละครับ+คนที่อยู่เบื้องหลังของเรา

คนในที่นี้อาจจะเป็น ครอบครัว หรืออะไรก็ตามแต่ล้วนส่งผลต่อเราทั้งนั้นแหละครับ  บางทีมันก็ไม่สำคัญหรอกครับว่าสิ่งที่เราทำนั้น  ตัวเราเองจะได้อะไรกลับมาบ้าง  สิ่งที่สำคัญกว่าคือ คนที่อยู่ข้างหลังเรานั่นแหละครับ  แค่เห็นรอยยิ้มของพวกเขาเราก็หายเหนื่อยไปเป็นครึ่งแล้ว  โชคชะตาอาจเล่นตลกกับทุกคน  แต่มีไม่กี่คนหรอกครับที่จะเอาชนะโชคชะตาได้

เวลาที่คุณเหนื่อย ท้อ หมดหวังกับชีวิต  ลองมองไปดูคนข้างหลังเราดูครับ  แล้วเราจะรู้ว่าเราถอยไม่ได้นะ  ยังมีพวกเขาอยู่มันทำให้เรามีกำลังใจลุกขึ้นทันที  แค่รู้ว่าเราทำเพื่อใครแค่นี้มันก็มีความสุขล้นในหัวใจแล้วละครับ  บางครั้งเราอาจดูเป็นคนไม่เอาไหนในสายตาคนอื่น  แต่เชื่อมั่นได้ครับว่าคนที่เชื่อมั่นในตัวเรายังมีอยู่  ไม่ต้องดีที่สุดแค่รับรู้ว่าสิ่งที่เราทำมันมีค่าต่อคนอื่นมากที่สุดก็พอครับ

บางทีเราเอาแต่วิ่งไปข้างหน้า  วิ่งหาสิ่งที่คิดว่ามันจะทำให้เรามีความสุขเมื่อได้รับมันมา  แท้ที่จริงความสุขมันอาจอยู่ตรงหน้าเราแล้วก็ได้  ใช้ชีวิตของคุณทุกวันให้เป็นวันที่มีความสุขที่สุด  รู้ว่าอะไรทีึ่สำคัญจริงๆกับชีวิตคุณ  สิ่งไหนยุ่งยากไม่สำคัญก็ตัดมันออกไปบ้างครับ  แล้วชีวิตมันจะง่าย  คุณเลือกได้ครับว่าจะให้ชีวิตคุณง่าย หรือยาก  ทุกอย่างมันก็แค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปเท่านั้นเองครับ

อย่าหาข้ออ้างให้ตัวเอง

หากเราไม่มีข้ออ้างให้กับตัวเอง

ไม่มีอะไรที่เราตั้งใจที่จะทำ . . . แล้วทำไม่ได้

ชีวิตเราต้องเดินทางไปข้างหน้าต่อ  ไม่ว่าชีวิตจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ หรืออุปสรรค์ขวากหนามเพียงใดก็ตาม  เพราะมันคือชีวิต  มีหลายคนที่ท้อแท้และล้มเลิกกับชีวิตเพียงเพราะเหตุผลไม่กี่อย่าง เช่น

ฉันมันคนขึ้นแพ้บ้างละ
ฉันไม่เก่งเท่ากับเขาบ้างละ
ฉันไม่เคยได้รับโอกาสบ้างละ
ฉันทำอะไรก็ล้มเหลวไปหมดบ้างละ

เอาละครับผมไม่ได้ต้องการมาซ้ำเติมใครหรอกนะครับ  สิ่งเหล่านี้หากพูดกันตรงๆมันก็คือ ข้ออ้าง ให้กับตัวเองนั่นแหละครับ  คนเรามักจะมีเหตุผลดีๆให้กับตัวเราเองทั้งนั้น  นี่คือเรื่องจริงของมนุษย์  ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจกับตัวเองให้ได้ก่อนครับ  ว่า....อะไรกันแน่คือสิ่งที่พอดีสำหรับตัวเรา

บางทีสิ่งที่ดีที่สุด  อาจอยู่กับเราแล้วก็ได้เรามัวแต่วิ่งหาสิ่งที่ดีที่สุด จนในที่สุดเรากลับไม่เหลืออะไรเลยก็ได้  ทุกอย่างมันเริ่มจากความคิด ทัศนคติของตัวเราก่อนครับ  มันมีขั้นตอนของมันอยู่  ไม่มีทางหรอกครับที่ีใครจะมาบอกคุณว่า  มีทางลัด  ถ้าอย่างนั้นคนเขาก็รวยกันทั้งบ้านทั้งเมืองแล้วครับ

เลิกหาข้ออ้างให้ตัวเอง  โดยการเริ่มลงมือทำความฝันของเราทีละนิดไปก่อน  อย่าไปมองภาพใหญ่แต่ให้แบ่งภาคความสำเร็จออกเป็นขั้นๆ  เลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น เพราะความสำเร็จของคนเราไม่เหมือนกัน  ยกตัวอย่างเช่น  คุณฝันว่าอยากทำธุรกิจส่วนตัว  แต่ติดตรงที่ตัวเองมีหนี้สิน และไม่มีเงินทุน  ความคิดแค่นี้ก็ทำให้คุณไปต่อไม่ได้แล้วครับ  แทนที่จะคิดว่า จะหาวิธียังไงดีสำหรับการสร้างธุรกิจภายใต้เงินทุนที่เรามีจำกัด  แบบนี้มันง่ายกว่าครับ

รางวัลมันมีไว้สำหรับคนที่ตั้งใจจริงกับชีวิตอยู่แล้วครับ  อย่าได้เอาแต่โทษคนอื่น  ถ้าจะโทษก็โทษตัวเองนั่นแหละ ว่าทำไมยังดีไม่พอ ยังไม่สำเร็จ จากนั้นก็ลุกขึ้นมาทำมันให้สำเร็จครับ  ตายเป็นตาย ชีวิตเราเกิดมาคือการเดินตามรอยฝันของเรา  อย่าให้มันตายไปกับเรา หรือให้ใครมาดูถูกความฝันของเราได้นะครับ  ผมขออยู่ตรงนี้เป็นกำลังใจให้กับผู้ที่สู้กับชีวิตครับ

เหนื่อยวันนี้เพื่อสบายวันหน้า

ชีวิตคนเราบางทีมันก็เลือกไม่ได้นะครับ  หรือเลือกแล้วเดินไปถูกหรือเปล่าก็ไม่รู้  แต่ที่แน่ๆครับ การฝึกความอดทนเป็นเรื่องที่ดีอย่างแน่นอนครับ  อนาคตบางครั้งเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็นแต่คุณก็สามารถวางแผนมันไว้ได้  มันอาจถูกนะครับว่า  บางทีมันก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราหวังได้  แต่อย่างน้อยก็ลดความเสี่ยงในความไม่แน่นอนในชีวิตลงได้ครับ

ความกลัวไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมาได้มีแต่จะทำให้ทุกอย่างมันเลวร้ายลงไปอีก   ยิ่งกลัวยิ่งต้องลงมือทำครับ  ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ  ชีวิตเราก้าวไปได้เสมอครับ  ใครจะว่าอะไรก็ช่างปล่อยให้เป็นเรื่องของเขา  ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ก็เกิดจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆที่เราค่อยๆสร้างนั่นแหละครับ หาใช่สิ่งยิ่งใหญ่อะไรไม่  มีเงินไม่มีเงิน มันไม่สำคัญเท่ากับว่าคุณมีปัญญา และมีประสบการณ์ติดตัวมามากเท่าไหร่นั่นแหละคือจุดสำคัญ

คนที่มีความรู้ปัญญาความสามารถย่อมสามรถเอาตัวเองรอดพ้นจากปัญหาและสิ่งต่างๆ ได้อยู่แล้วครับ  ประสบการณ์ก็เหมือนยาชั้นดีที่ทำให้รู้ไม่พลาดและระมัดระวังในการทำธุรกิจอย่างมาก  อย่าให้ใครมาบอกคุณว่าตัวคุณทำไม่ได้  เป็นไปไม่ได้หรอก  ทิ้งสิ่งเหล่านี้ไปให้หมดเพราะมันช่างไร้สาระสิ้นดี  เขาจะได้รู้ชีวิตคุณได้ดีเท่าตัวคุณไหมละ

ผมชอบคำพูดหนึ่งของอาจารย์เฉลิมชัยมากเลยครับ ท่านพูดว่าทุกอาชีพไม่มีคำว่าจน  ถ้าจะจนก็เพราะตัวเรานั่นแหละที่กระจอก  ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจเรา ใจเราสูงเราก็สามารถอยู่รอดได้  ทุกสาขาอาชีพมีคนที่เก่งและรวย และสำเร็จ  นั่นเพราะเขารู้ช่วยเหลือตัวเอง  เรียนรู้ให้หนักกว่าคนอื่น และทำให้หนักกว่าคนอื่น  ฟังดูโหดร้ายนะครับแต่มันจริงแท้เลยในโลกแห่งความเป็นจริง  ทุกอย่างต้องใช้ใจเป็นตัวนำครับ  อย่าไปคิดนั่น โน่น นี่  และกลัวไปก่อนถ้าใจเราใหญ่ ใจเรานิ่ง ทำอะไรก็สำเร็จได้ด้วยใจหมดแหระครับ

บนเสนทางที่บางทีอาจดูโหด  แท้จริงอาจซ่อนไว้ด้วยโอกาสต่างๆมากมายทีเดียว คุณต้องใช้ใจเป็นตัวนำทางแล้วจะเห็นหนทางและความสำเร็จ  พรุ่งนี้จะเป็นยังไงก็เรื่องของวันพรุ่งทำปัจจุบันและเดี๋ยวนี้ให้ดีที่สุดก่อนครับ  แล้วทุกอย่างมันจะนำทางเราเอง

ชีวิตยังมีพรุ่งนี้เสมอ

ชีวิตคนเรามันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการปล่อยวางหรอกครับ  ในการใช้ชีวิตเช่นกัน  ไม่ว่าจะการทำงาน การใช้ชีวิต ตัวคุณเลือกทางเดินให้กับตัวเองได้ว่าจะให้มันยากหรือง่าย  เพราะทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวคุณ  ผมมีข้อแนะนำดีๆ สำหรับคนที่กำลังจะเริ่มทำอะไรใหม่ๆ ดังนี้

1.จงทำขณะที่คุณพร้อมแค่ครึ่งเดียวก็พอไม่ต้องทั้งหมด

2.ตัดบางอย่างออกไปให้หมดถ้ามองว่ามันไม่ใช่แก่นแท้ที่เราต้องการ

3.มองโลกตามความเป็นจริงไม่ใช่การคาดเดา

4.เมื่อคิดจะลงเรือแล้วก็ต้องไม่หันกลับหรือสละเรือทิ้งกลางทาง

5.ไม่ต้องมีแผนการอะไรให้มาก  ลงมือทำไปก่อนมองภาพรวมให้ชัดแล้วลงมือทำ

6.ในช่วงที่เริ่มต้นทำอะไร อย่าไปสนใจปัญหาเล็กน้อย โฟกัสไปหาสิ่งที่ต้องทำก่อน

ยังมีข้อแนะนำอีกหลาๆข้อนะครับ  ที่อยากเอามาแชร์ให้คุณผู้อ่านได้รู้กัน  บางทีที่เราติดกับดักอะไรบางอย่างนั้น  ก็เพราะเรายังยึดมั่่นอะไรบางอย่างนั้นเอง  จงทิ้งมันไปให้หมดแล้วเริ่มต้นเดินทางใหม่  ชีวิตยังมีวันพรุ่งนี้เสมอครับ  ไม่สำคัญว่าตอนนี้คุณจะอยู่จุดไหน  แต่สำคัญว่าคุณจะไปที่ไหนต่างหาก

ล้มแล้วต้องรีบลุกขึ้นใหม่

สวัสดีวันนี้เป็นวันหยุด  ผมเชื่อว่าหลายคนยังคงอยู่ที่นอนกันอยู่ยิ่งเจอกับบรรยากาศฝนตกเย็นสบายแบบนี้แล้วด้วย  ยิ่งทำให้ไม่อยากลุกจากที่นอนไปไหนเลยครับ  ความเหงายังไม่น่ากลัวเท่าเราไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรในชีวิตกันแน่

บางคนใช้ชีวิตมาครึ่งทางแล้วยังไม่รู้จักตัวเองเลย  ว่าตัวเองรัก ชอบ ต้องการอะไรกันแน่ในชีวิต  มีเหตุผลหรือข้ออ้างต่างๆนาๆ ที่เราให้กับตัวเองมากมาย  จึงไม่แปลกใจอะไรเลยที่คนประสบความสำเร็จจึงมีน้อยกว่า  เพราะโลกต้องการพิสูจน์หาผู้ที่สอบผ่านเท่านั้น  น้อยคนที่จะโทษตัวเองในความผิดพลาดต่างๆ  แต่กลับไปโทษโชคชะตา ฟ้าดิน  ไม่ต้องไปโทษหรอกครับควรโทษตัวเราเองนั่นแหละดีที่สุด

เมื่อเวลาผ่านไปทำให้เราเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ความคิดเราก็โตขึ้น  เรารู้จักใช้ความคิดมากขึ้นไม่ว่าจะทำอะไรหรือตัดสินใจอะไรบางอย่าง  แต่สิ่งที่เราลืมคือ  เราลืมกลับเข้ามาในตัวเราเอง  กลับมาทบทวนบทเรียนที่ผ่านมาว่าเราได้รับอะไรบ้าง  ควรจะปรับปรุงแก้ไขอะไรตรงไหนเราเอาแต่มองคนอื่นแย่ไปหมด  จนลืมหันกลับเข้ามาหาข้อบกพร่องในตัวเราเอง  บางคนท้อและล้มเลิกไป  แต่สำหรับผมไม่มีเหตุผลอะไรจะทำให้ผมมาล้มเลิกความคิดผมได้  ผมรักการเขียนหนังสือ ผมก็จะยังคงเขียนต่อไป ผมเชื่อว่าสักวันบทความ สิ่งดีๆที่ผมต้องการแบ่งปันจะสร้างให้กับผู้พวกเขาจะได้ใช้มัน

เวลาที่คุณท้อใจเหนื่อยกับชีวิต  ลองมองสิ่งรอบตัวเราก่อนครับ  ใครที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเราบ้าง  เราทำเพื่อใครไม่สำคัญหรอกครับว่าสิ่งที่เราทำจะพาเราไปยังจุดไหน  สำคัญที่ว่าเราทำเพื่อใคร  และใครได้รับประโยชน์จากเราบ้าง  เมื่อเขาได้รับตัวเราก็ได้รับเช่นเดียวกันครับ  บนโลกที่ดูสับสนวุ่นวาย  เราต่างเจอบททดสอบต่างๆ นาๆ  ทำให้เราล้มเเล้ว ล้มอีก  ข้อสำคััญคือคุณต้องรีบลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับมันให้ไวที่สุด  ในวันที่หมดหนทางก็ยังมีอีกหลายๆทางยังเปิดให้คุณเสมอ  ถ้าคุณไม่ล้มเลิกมัน  นึกถึงภาพที่คุณต้องการทุกวัน  ทำวันละนิดเชื่อครับว่าสิ่งเล็กๆ  จะสร้างสิ่งยิ่งใหญ่ได้แน่นอน

คนมีเสน่ห์

คนเราต้องรู้จักการปล่อยวางครับ  ในแต่ละวันอย่าทำอะไรให้ค้างคาใจ การที่เราปล่อยอะไรให้ค้างคาใจนั้นมันก็ไม่ต่างจากขยะที่นับวันก็จะสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ  ในที่สุดขณะก็จะล้นออกมาทับตัวเราเองในที่สุด เวลาที่คุณทุกข์ใจ  ลำบากใจ  ผมอยากให้คุณหาอะไรทำและล้างมันออกจากใจไปในแต่ละวันไปเลยครับ  กิจกรรมที่นิยมทำได้แก่

-การออกกำลังกาย  
-การอ่านหนังสือ
-การเล่นโยคะ/นั่งสมาธิ
-การฟังธรรมมะ

ยังมีกิจกรรมดีๆที่ให้เราทำอีกมากมายครับ  จงทิ้งความค้างคาใจไปให้หมด  ใจก็เหมือนแม่น้ำในมหาสมุทรมันกว้างใหญ่มาก  และถ้าเราเอาขยะไปทิ้งทุกวัน  ใจของเราก็จะสปรกและเต็มไปด้วยความคับแคบจากขยะในที่สุด  ในเวลาว่างลองฝึกปล่อยใจให้มันว่าง  กินอาหารที่มีประโยชน์ทั้งผักผลไม้  ล้างสารพิษที่ตกค้างในร่างกายเราบ้างนะครับ  เพราะร่างการเป็นของเรา  เราไม่สามารถเปลี่ยนใหม่ได้เหมือนของใช้ อะไหล่รถ หรือบ้าน  ดูแลมันให้ดีที่สุด

การเป็นคนที่มีสุขภาพดี  มีบุคลิคภาพที่ดี  แลดูมีเสน่ห์มีความเชื่อมั่นในตัวเองนั้น  ทุกสิ่งล้วนมาจากภายในหาใช่ภายนอกไม่   สิ่งภายนอกจะดูดีได้หรือไม่  ก็ขึ้นอยู่กับเราดูแลตัวเองจากภายในก่อน  บางคนไม่ได้หล่อ สวยมาก  แต่มองดูแล้วมีเสน่ห์ยิ่งกว่าคนหล่อ คนสวย  เราเลือกได้ที่จะดูดีมีเสน่ห์ในแบบของเราเอง  คนที่ดูดีที่สุดคือคนที่เข้าใจตัวเองมากที่สุดครับ  ฉะนั้นจงเป็นตัวของตัวเองในแบบฉบับของเรา เพราะเราก็คือ 1 เดียวในโลก  ที่ดีที่สุดและไม่ซ้ำใครเหมือนกัน

จงทิ้งทุกอย่างที่คุณเคยรู้

ผมมีโอกาสได้ซื้อหนังสือเล่มมาอ่าน  รู้สึกว่าแหวกแนวดีครับเลยอยากให้เพื่อนได้ลองอ่านกันบ้าง  เนื้อหาในหนังสืออ่านง่ายสบาย  ตามสไตส์ของผู้เขียนเลยครับ  รายละเอียดและเนื่อหาในหนังสือมีแนวคิดที่ค่อยข้างแหวกแนวหนังสือเล่มอื่นๆที่เคยอ่านมาเลยครับ

บางทีชีวิตคนเราก็ลองคิดในมุมกลับบ้างก็ดีนะครับ  การคิดตามแบบสำเร็จรูปแล้ว ทำแบบสำเร็จรูปอาจเป็นไปได้ยากในยุคสมัยนี้แล้ว  คนเราไม่จำเป็นต้องให้ตัวเองล้มเหลวแล้วศึกษาจากความล้มเหลวนะครับ  เราเรียนรู้จากความสำเร็จและค่อยๆ ต่อยอดและพัฒนาความสำเร็จให้มันใหญ่ขึ้นได้  ถ้าเราทำวิธีการที่ถูกต้อง

บางทีเราเอาแต่คิดแผนงานต่างๆมากมายจนทำให้เรากลัวไปหมด ชีวิตไม่ก้าวไปข้างหน้าสักที  เราเอาแต่วางแผน  พอไม่เป็นไปตามนั้นก็รู้สึกหมดหวัง  อยากจะบอกว่าแผนก็ไม่ต่างอะไรจากการคาดเดาดีๆนั้นเองครับ  บางทีลองทำอะไรแบบไม่มีแผนการดูบ้าง  ลองเชื่อในสัญชาติญาตความเสี่ยง  ก็คือการลงมือทำและกำจัดความเสี่ยงเท่านั้นเอง  อย่าไปกังวลให้มาก

เปลี่ยนวิธีคิดใหม่  ลองเดินตามเส้นทางที่ใจเราคิด  ไม่ใช่ตามแบบฉบับของหนังสือหลายๆเล่มที่ได้เขียนไว้  มันไรประโยชน์บางทีสิ่งที่ดูดีเกินจริงอาจไม่ได้ช่วยให้ชีวิตเราดีขึ้นได้  การเสี่ยงและลุยกับสิ่งที่อยู่ข้างไม่ต้องมีแผนการอะไรมากมายแค่รู้ว่า อยากทำอะไรก็ทำไปเลยครับ  ชีิวิตเราไม่ได้อยู๋ไปถึงร้อยปี  จงใช้มันให้คุ้มและดีที่สุด

อย่าคิดที่จะสร้างธุรกิจให้มันใหญ่โต  เพียงภาพลักษณ์ภายนอกแต่ควรให้มันเติบโตจากภายใน  บางทีคนก็เป็นต้นทุนที่สูงไม่น้อยในการบริหารงาน  สร้างธุรกิจให้เล็กและมีความสามาถในการทำกำไรแบบเติบโต ยั่งยืน และสามารถที่จะเลี้ยงตัวมันเองได้ แบบนี้ผมว่ามันโอเครกว่านะครับ  ขอบคุณหนังสือเล่มนี้จริงที่เปลี่ยนความคิดผมมากมาเลยครับ  ยังไงลองไปหาอ่านกันนะครับ  หนังสือเขาดีจริงๆครับ

สิทธิ์และหน้าที่

วันนี้ขอนอกเรื่องหน่อยนะครับ  คุณคิดว่าพลเมืองที่ดีควรปฎิบัติตัวอย่างไรครับ  ทุกวันนี้ผมเห็นเวลามนุษย์เราเกิดปัญหาอะไรขึ้นในสังคม  สุดท้ายใช้วิธีการแก้ไขปัญหาไม่ได้ก็จะไปอ้างถึงข้อกฎหมายลูกเดียวเลยครับ  ทั้งที่แท้จริงเราไม่เคยไปค้นหาต้นต่อของปัญหาที่แท้จริง

ปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่ระดับโครงสร้าง  แต่เราก็จำเป็นต้องรู้ครับเพราะถือเป็นหน้าที่ของพลเมืองที่ดีคนหนึ่งของประเทศชาติ  คนยุคก่อนหน้าของประเทศเราต่อสู้เพื่อสิทธิ หน้าที่ และประชาธิปไตย ก็เพื่อคนไทยในรุ่นเราและรุ่นต่อๆไป เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม

ผมพูดได้เต็มปากครับว่าผมภาคภูมิใจในความเป็นคนไทยมาก  สยามเมืองยิ้มยังคงมีเสน่ห์ทุกยุคทุกสมัย  ไปว่าจะไปเที่ยวต่างประเทศที่ไหนก็ตาม  ประเทศไทยก็ยังคงเป็นที่หนึ่งในใจผมเสมอ  ผมรักชาติ ศาสนา กษัตริย์  และผมก็เชื่อว่าคนไทยทุกคนก็เป็นแบบนั้น  เราอยู่กันแบบพี่น้อง  พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน  มีอะไรก็ช่วยเหลือ แบ่งปันซึ่งกันและกันเสมอและอยากจะเห็นภาพนี้ตลอดไป  เราไม่เลือกปฏิบัติไม่ว่าจะเป็นชนชาติไหน  สีผิว เชื้อชาติ สัญชาติ คนไทยคือคนที่มีน้ำใจและมีเสน่ห์ที่สุดครับ

สังคมจะดีได้ต้องเริ่มจากตัวเราก่อนครับ  ถ้าทุกคนร่วมมือร่วมใจกันบ้านเมืองของเราก็จะอยู่เย็นเป็นสุขตลอดไป  ปัญหาที่เข้ามาเราก็ร่วมมือกันแก้ไข  อยู่แบบพอเพียง ตามพระราชดำรัสของนายหลวง ร.9
ผมเขียนหัวข้อคือ ต้องการให้ไทยได้ทบทวนตัวเองบ้างครับ  ใจเย็นลงบ้าง อย่าทะเลาะกันแค่นี้ก็สามารถนำพาประเทศผ่านพ้นวิกฤตต่างๆได้อย่างแน่นอนครับ  ปัญหาคือยาวิเศษ ถ้าเราผ่านไปด้วยกันได้  ปัญหาใหญ่กว่านี้ ไม่ว่าจะระดับ สังคม ชาติ หรือโลก ทุกอย่างคนไทยเราก็จะผ่านไปด้วยดี

เราต้องฝึกการพึ่งพาตัวเองให้มากๆ อย่าไปมัวแต่พึ่งพาสิ่งภายนอก  เพราะสิ่งภายนอกไม่ว่าเป็น รัฐบาล บุคคล  สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่แน่นอน  จิตใจที่มั่นคงจะทำให้เราผ่านปัญหาอุปสรรคต่างๆได้ดี  อย่าไปหลงเชื่อสิ่งผ่านนอก  เอาคนอื่นเป็นที่ตั้งเพราะไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นได้  ตั้งคำถามของตัวเองให้ดีอย่าไปกลัวกับมันให้มาก  สุดท้ายเราต้องคืนให้ทุกอย่าง เราเอาอะไรไปไม่ได้

เริ่มมีความสุขกับสิ่งรอบตัว  จงภูมิใจในตัวเราเอง แบ่งปันสิ่งดีๆให้กับเพื่อนมนุษย์  ส่งมอบต่อไปเรื่อยๆ  พลังงานด้านบวกจะส่งเสริมให้เราและคนรอบข้างพบเจอแต่สิ่งดีๆ และความสุขกันทั่วหน้าครับ  สิ่งดีๆกำลังรอคุณอยู่  จงเป็นพลเมืองที่ดี และใช้สิทธิ์หน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดครับ

คิดถูก ทำถูก

ความเหนื่อยล้าที่ทำให้เราคิดอะไรไม่ออก และกลัวกับการใช้ชีวิตไปหมด  ความเหนื่อยล้าที่พยายามให้เราดิ้นรนทางทางออกให้กับชีวิตของตัวเราเอง

ใช่ครับ  มันคือบททดสอบที่สำคัญครั้งหนึ่งในชีวิต  ถ้าเราก้าวผ่านมันไปได้  ณ จุดนี้  เราก็จะเรียนรู้และเติบโตขึ้น ไปยังจุดที่มันสูงอีก  บางทีชีวิตมันก็ไม่ได้อย่างที่ใจเราหวังหรอก  สิ่งที่คิดก็มีมุมกลับของมันทั้งนั้น  มีเหนื่อยล้มในบางที

ผมว่าสิ่งที่สำคัญจะให้มนุษย์เราสามารถเดินต่อไปได้อย่างมั่นคงและยั่นยืน นั่นก็คือ สิ่งภายในอันได้แก่จิตใจ เราต้องทำจิตใจให้เราเป็นปกติสุขไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้  ที่สำคัญเราต้องรู้จักการปล่อยวางในชีวิต  บางอย่างเรากำหนดมันไม่ได้เพราะเป็นลิขิตของสวรรค์

กาลเวลาที่ผ่านไปเท่านั้นจะทำให้คุณอดทนในชีวิต  และสามารถดำรงชีวิตต่อไปได้  มันยากสำหรับบางคนแต่คนเราถ้าไม่ลุกขึ้นสู้อีกครั้งและปล่อยให้เวลาทำร้ายคุณไปเรื่อยในที่สุดมันก็จะทำร้ายตัวคุณในที่สุด  ความลำบากสอนให้เราเป็นคนอดทน มุมานะไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก  บางคนบอกว่าคนที่ประสบความสำเร็จเขาโชค  เขาไม่ใช่แค่โชคดีหรอกนะครับแต่เขาพยายามหาโอกาสให้ตัวเองอยู่เสมอๆต่างหากละครับ  เขาจึงกลายเป็นคนที่โชคดีตลอด

ศึกษาแบบอย่างเขา  ทำตามแนวทางของเรามันอาจไม่ได้ดั่งที่ใจเราหวังไปหมดหรอกครับ แต่อย่างน้อยมันคือสิ่งที่คุณได้เริ่มทำลงไปแล้ว  สำเร็จเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกที  การเดินทางบางทีอาจยาวนานจนเราหาวันสิ้นสุดไม่เจอ  บางทีอาจเพราะเราโฟกัสผิดก็ได้ครับ  เลือกโฟกัสให้  คิดถูกต้อง+ทำถูกต้อง แค่นั้นเองครับ แล้วชีวิตคุณก็จะพบแต่ความสุขในชีวิต

การตลาดกับความสำเร็จ

คน 1% สามารถสร้างชีวิตตนเองให้ประสบความสำเร็จสูงสุด
คน 4% สามารถสร้างให้ตนเอง สำเร็จในอาชีพการงาน มีเงินเก็บออม
คน 24% ต้องทำงานหาเลี้ยงชีพตลอดชีวิต และ ไม่มีเงินเก็บให้ลูกหลาน
คน 55% ต้องทำงานใช้หนี้ ถึงอายุ 60 ปี และ ส่งมอบหนี้สินให้ลูกหลาน
คน 16% ตายไปก่อน อายุ 60 ปี

หลายคนสงสัยว่า...
ทำไมคน 1% แรก ถึงทำอะไรก็โชคดีไปหมดความจริง มีหลักการง่ายๆ ที่เราสามารถเรียนรู้
และ เปลี่ยนตัวเองให้สำเร็จตามสิ่งที่หวังได้
.
หลักการง่ายๆ มีอยู่ 2 ส่วน
ส่วนแรก) หลักการคิดให้ถูกต้อง
สวนสอง) หลักการทำให้ถูกต้อง

บางคน คิดถูก + ทำผิด
บางคน คิดผิด + ทำถูก
บางคน คิดผิด + ทำผิด
ซึ่งรวมกันแล้วมีประมาณ 24%+55% = 79%
เหลือคนเพียง 1% เท่านั้นที่...คิดถูก + ทำถูก

บางคนจะบอกทางเราไปดีสนีย์แลนด์ได้อย่างไรในเมื่อเขาไม่เคยไปดีสนีย์แลนด์
คนจะสอนคนทำอาหารอร่อยต้องสอนโดยคนทำอาหารเป็น และ เก่ง
ไม่ใช่...คนที่ไม่เคยเข้าครัวเลย

ดังนั้น หลักการทำงานสำเร็จต้องสอนโดย คนทำงานสำเร็จเพื่อสร้าง คนทำงานสำเร็จ...คนต่อไป
เราเลือกได้ว่า...  ชีวิตเราจะอยู่ในกลุ่ม 79%   หรือ กลุ่ม Top 5% แรก

นี่เป็นบทความการตลาดที่ผมชอบมากจึงอยากเอามาแชร์ให้กับเพื่อนๆ ได้ลองอ่านกันดูครับ  ประโยคสั้นแค่ไม่กี่ประโยค  แต่เชื่อไหมครับมันทั้งสร้างพลังให้กับเรา และกระตุ้นความอยากภายในใจของมนุษย์อย่างมากมายเลยที่เดียว  ขอบคุณที่มา: อาจารย์ดำรง  พิณคุณ

ผมแค่อยากจะบอกคุณว่าหลายคนที่ยังไม่ประสบความสำเร็จ  ชอบคิดอยู่นั่นแหละครับว่า  ตัวเองไม่เก่งบ้างละ  ไม่มีโอกาสบ้าง  เรามีข้างอ้างเป็นหมี่นเป็นแสนให้ตัวเองไม่ออกไปลงมือทำละครับ  ทำไมคุณไม่ให้เหตุผลเดียวที่จะทำให้คุณได้รับพรวิเศษในสิ่งที่คุณต้องการละครับ  มันง่ายนิดเดียวแค่การลงมือทำวันละนิด  เริ่มจากเล็กๆไปก่อน 

คนที่มีความสุขมากที่สุดก็คือคนที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก  และมีเวลากับชีวิต ครอบครัวและคนที่เราอยากใช้ชีวิตให้มากที่สุด  แค่นี้ ก็คือสิ่งวิเศษที่สุดในชีวิตเราแล้วละครับ  ผมว่ามันไม่มีพรวิเศษในจะประทานให้เราได้ถ้าเราไม่อนุญาติให้ตัวเองได้รับแต่สิ่งดีๆ เข้ามาก่อน  ประโยคคลาสสิคที่ว่า  "เมื่อศิษย์พร้อมอาจารย์จะปรากฎ"  มันยังเป็นเรื่องจริงอยู่ทุกยุคทุกสมัยครับ  

โอกาสจะวิ่งหาคนที่พร้อมก่อนเท่านั้น
โอกาสเมื่อเข้ามาไม่ว่าจะทำได้ หรือไม่ได้ให้รีบคว้ามันไว้ก่อน
โอกาสคือหนทางเปิดให้คุณได้รับโชคดีมากขึ้นเรื่อย  (และอย่าลืมส่งต่อให้คนอื่นอีกนะครับ)

เวลาเป็นของมีค่ามากที่สุด  จงเลือกให้ความสำคัญกับคนที่เราคิดว่าสำคัญก่อนครับ  เพราะเวลาที่คนเราจะอยู่ด้วยกันมีไม่มาก  โลกใบนี้เราก็แค่ผู้มาอาศัยในที่สุดเราก็ต้องจากโลกนี้ไปอยู่ดี  ขอให้ทำหน้าที่ของตัวเราเองให้ดีที่สุด  จะไม่มานั่งเสียใจภายหลัง  โชคชะตาอาจให้บททดสอบกับคุณมากมาย  แต่ถ้าคุณผ่านมันไปได้  ชีวิตคุณจะสมบูรณ์ยิ่งกว่าสมบูรณ์ครับ  เพราะคุณได้ผ่านมันไปแล้ว  จงเตรียมพร้อมกับทุกโอกาสที่เข้ามา  ไม่มีความสำเร็จไหนได้มาแบบบังเอิญหรอกครับ  เพราะทุกอย่างอยู่ที่การเตรียมตัวของเรา ขอให้ทุกท่านได้รับพรข้อเดียวกันนี่นะครับ

สุขภาพ

สุขภาพเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดในโลกครับ  ต่อให้คุณมีเงินทองมากมายแค่ไหนก็ไม่เท่ากับการมีสุขภาพที่ดีไปกว่านี้แล้วครับ  บทความวันนี้ผมอยากจะพูดถึงเรื่องการนอนนะครับ  หลายคนคงชอบละซิครับ  แน่นอนครับว่า  การพักผ่อนนอนหลับที่เพียงพอจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก  ดังนี้

1.ลดความเครียดเราไปได้ตั้งครึ่งหนึ่ง
2.สมองปลอดโปร่ง โล่ง สบาย
3.การหายใจเป็นปกติ
4.ความจำดี และอารมณ์ดี

เห็นไหมครับว่ามีแต่ข้อดีทั้งนั้นเลยครับ  การพักผ่อนจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก  บางทีนะครับการที่คนเราเหนื่อยกับอะไรก็แค่พักผ่อนบ้าง  นอนหลับไปเลยครับ  พอตื่นขึ้นมาสมองปลอดโปร่งแล้วค่อยมาว่ากันอีกที  ชีวิตที่ดีคือ ชีวิตที่มีคุณภาพ  ทั้งกาย และใจ รวมถึงจิตวิญญานของเราด้วย  เรามีสุข สิ่งแวดล้อมรอบตัว บริเวณเราก็มีสุขไปด้วย

คุณภาพชีวิตที่ดี   =  มีสุข
มีความสุขในชีวิต =  มั่งคั่ง
เมื่อชีวิตคุณมั่งคั่ง = ร่ำรวย

ชีวิตก็เหมือนการก้าวขึ้นบันไดไปในแต่ละขั้น  ถ้าเราทำถูกวิธีเราก็ไม่ต้องเหนื่อยและใช้เวลามากในการขึ้นบันใด  บางทีคนเราเอาแต่คิดหาวิธีที่ให้ได้มาง่ายๆ  จนลืมวิธีการที่ถูกต้องไปเลย  จำไว้ว่าไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ ครับถ้าคนเราพยายามไม่มากพอ  ในหนังสือหลายเรื่องเน้นการคิดบวก นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการคิดครับ   แต่ในชีวิตจริงของเราเบื้องหลังมันมีอะไรมากกว่านั้น  เราต้องพยายามมากว่านั้น  เราต้องคิดและตัดสินใจลงมือทำทันที  ค่อยๆก้าวไปทีละขั้น  ทุกอย่างมันมีขั้นตอนของมัน  ไม่มีทางลัดแบบหนังสือหรอกครับ

มองโลกในมุมที่แตกต่าง  เลือกที่จะเป็นตัวตนของคุณจริง  อย่าไปวิ่งตามคนอื่นเพราะการวิ่งตามคนอื่นไม่ได้ช่วยให้ชีวิตคุณดีขึ้น หรือก้าวไปข้างหน้าได้  คุณก็ไม่ต่างอะไรจากคนที่หลงทางในที่สุดก็เป็นเหมือนคนทั่วไปที่หาตัวเองไม่เจอ  ชีวิตที่โชคดีคือชีวิตที่เราได้เลือกออกแบบชีวิตในแบบที่เราต้องการ  ยังไงตัวผมเองก็เชื่อว่าคนเราอยู่ภายใต้ความพอดี  เราเกิดมาเพื่อใช้ชีิวิต ไม่ใช่การทำงานหนักเพื่อสร้างความมั่งคั่งร่ำรวย  เพราะถึงที่สุดคุณเอาอะไรไปไม่ได้อยู่ดี  หน่ำซ้ำคุณต้องพบกับโรคร้ายจากการทำงานหนักเกินไปซะอีก  การทำงานหนักเพื่อสร้างตัวเองเป็นเรื่องที่ดีครับ  แต่ต้องไม่ได้อยู่ภายใต้ความโลภ ที่บ่นด้วยกิเลสภายในใจของเรา  ชีวิตคุณถึงจะพบความสุขที่ยั่งยืนได้

ปัญหาคือเพื่อน

ในวันที่เรารู้อ่อนล้า อ่อนแรง เหมือนร่างกายไม่สามารถจะตอบรับอะไรได้  ชีวิตก็มักจะมีปลายอุโมงค์ที่คอยเปิดรับเราอยู่เสมอ  ขอเพียงแค่เรามีขันติบารมี  ต่อสู้กับความอดทนในชีวิต อุปสรรค์ที่เกิดขึ้นกับชีวิตเรานั่นเป็นบททดสอบว่าเราจะผ่านเกมส์ชีวิตนี้ไปได้หรือไม่  บางครั้งก็มีเหนื่อยท้อใจกับชีวิต  เหมือนไม่อยากจะทำอะไรต่อ  เป็นเรื่องธรรมดาขอให้คุณสู้ต่อไป

ชีวิตคนเราอาจไม่ได้เป็นไปดังที่เราหวังทุกอย่างหรอกครับ   บางทีอาจมีเหตุอาจบางอย่างทำให้เราไม่เป็นไปดังที่ใจเราคิด   หน้าที่ของเราคือ ทำหน้าที่ของเราให้มันดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้  ตอนนี้ผมเขียนบทความนี้  คุณรู้ไหมครับว่าแม่ผมป่วยเป็นมะเร็งและอากาศก็ลุกลามขึ้นเรื่อย  แกเริ่มเบื่ออาหาร กินข้าวน้อยลง  และไม่ค่อยมีแรง  ผมก็ทุกข์ใจมากนะครับแต่ผมก็เชื่อว่าผมต้องผ่านมันไปให้ได้

ใครที่เจอปัญหาแบบผม  กำลังใจของคนในครอบผมบอกเลยว่ามันสำคัญมาก  และที่สำคัญคือเงินทอง  ถ้าเป็นไปได้เก็บไว้ยามฉุกเฉินด้วยนะครับ  เพราะจำเป็นมาก ทุกวันผมได้แต่คิดหาหนทางต่างๆ  เพื่อให้ผ่านพ้นวันเลวร้ายเหล่านี้  ผมคงไม่ต้องไปเรียกร้องเทวดาองค์ใดหรอกครับ  ผมเชื่อตามหลักคำสอนของพุทธศาสนาว่า  ตนเป็นที่พึ่งของตน  และมันก็เป็นอย่างนั้นจริง  ใครไม่ประสบพบเจอเหตุการณ์แบบมักจะพูดไปต่างๆ นาๆ เอาเข้าจริงถ้าคุณด้วยตัวเองแหละครับ คุณถึงจะเข้าใจจริงว่ามันเป็นยังไง

บางทีการแสดงความอ่อนแอออกมาก็ไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้น  ผมไม่ได้หมายความว่าคุณอ่อนแอไม่ได้นะครับ  คนเรามีเสียใจ ผิดหวัง อ่อนแอได้หมด  แต่คุณต้องเลือกใช้ให้ถูกกับสถานการณ์ด้วยครับ  บางทีเรื่องราวร้ายก็พิสูจน์อะไรหลายอย่างเลยนะครับ  เช่น ผมคุยกับพ่อมากขึ้น  เรามีเวลาร่วมกันมากขึ้น  และเรารักกันมากขึ้น  ขอบคุณสิ่งดีๆ ญาติๆและเพื่อนฝูงคนรอบข้างที่เป็นห่วง และน่ารักกับผมเสมอ

สิ่งที่ดีที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับความเป็นจริง  อย่างหนีปัญหาเพราะไม่ได้ทำให้ปัญหาหายไป แต่มันจะหนักกว่าเดิม  อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดความเราต้องยอมรับความเป็นจริงให้ได้  ศรัทธาและความเชื่อที่ยิ่งใหญ่  จะทำให้คุณได้รับพรดีๆ จากสวรรค์อย่างแน่นอนครับ ผมเป็นกำลังใจให้คนที่ถอดใจกับอะไรก็ตาม  ขอให้คุณลุกขึ้นสู้  แล้วเราเดินไปด้วยกันครับ  เราจะผ่านพ้นมันไปด้วยกัน  ขอให้ทุกท่านโชคดี