วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

โคโรน่าไวรัส ปัญหาระดับโลก


หากจะพูดถึงโรคที่น่ากลัวที่สุดในตอนนี้  ก็คงหนี้ไม่พ้นไวรัสปอดอักเสบหรืออีกชื่อ โคโรน่าไวรัส  ถามว่าโรคนี้น่ากลัวอย่างไร  ทุกคนก็คงพอจะทราบกันแล้ว  คำถามคือ แล้วทำไมโรคนี้ถึงได้แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว  และยังไม่สามารถหาทางยับยั้งได้  (น่าคิดนะครับ)

โลกเราในทุกวันนี้พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว  มนุษย์สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ง่าย  แทบจะทุกมุมโลก  ส่วนตัวผมคิดว่าการจะยับยั้งที่ดีที่สุด  ก็คือ การดูแลรักษาความสะอาด และการป้องกันตัวเองให้ดีที่สุด  หากไม่จำเป็นก็อย่าออกไปที่สาธารณะในภาวะเสี่ยงแบบนี้

ข่าวสารที่ออกมาบางทีก็ทำให้ผู้คนวิตกกังวลไม่น้อย  เราควรบริโภคข่าวสารนี้อย่างมีสติ  ปัญหามันก็ต้องมีทางแก้ของมันอยู่แล้ว  ผมไม่อยากให้เราเอาแต่ตื่นตระหนก  แต่เราควรร่วมมือกัน ศึกษาหาข้อมูลโรคและแบ่งปันข่าวสารความรู้ที่ถูกต้อง  ในการดูแลและป้องกันตัวเองจากโคโรน่าไวรัส

ในขณะเดียวกันในภาวะที่วิกฤติแบบนี้  ผู้ผลิตในสายงานที่เกี่ยวข้อง  ก็ไม่ควรคิดแต่จะหวังผลประโยชน์ กักตุนสินค้าไว้เพื่อหวังกำไร  เราควรร่วมด้วยช่วยกัน  เพื่อให้เราสามารถผ่านพ้นปัญหานี้ไปให้ได้  เวลาที่ปัญหาเกิดขึ้น  ถ้าเทุกฝ่ายให้ความร่วมมือกัน  เราก็สามารถผ่านปัญหาไปได้ มันเป็นเรื่องระดับโลก  ที่ต้องหันหน้าเข้าหากัน  และแก้ปัญหาร่วมกัน  ผมมีความเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยดี

การที่มนุษย์อยู่ร่วมกันเราต้องมองถึงผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง  อย่าคิดถึงแต่ตนเองเท่านั้น  เพราะบางเรื่องผลกระทบมันส่งผลต่อวงกว้าง  ปัญหาบางอย่างถ้าแก้ไขได้  ก็ควรรีบแก้ไขทันที  อย่าปล่อยให้ปัญหาเรื้อรัง  จนไม่สามารถที่จะแก้แล้วหาทางออกไม่ได้  ในเมื่อเหตุการณ์มันลุกลามไปแล้ว  หน้าที่พลเมืองที่ดีก็ควรให้ความร่วมมือกับภาครัฐ  ใส่หน้ากากทุกครั้ง  พยายามอย่าไปในที่คนพลุกพล่าน กินของร้อน ช้อนกลาง  เพื่อความปลอดภัย  และหมั่นล้างมือให้สะอาด  ยิ่งช่วงนี้ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ  การเที่ยวในประเทศของตัวเองปลอดภัยกว่า 

ยังก็ขอฝากไว้ด้วยนะครับ  มนุษย์เรารู้คุณค่าของตัวเอง  ก็ต่อเมื่อโรคภัยไข้เจ็บเข้ามาเรา  อย่ารอให้ถึงวันนี้  ดูแลรักษาตัวเองและชีวิตให้ดี  ทั้งอาหารการกิน  การออกกำลังกาย และการพักผ่อนนอนหลับ  เรื่องเหล่านี้สำคัญมาก  คุณจะมีอายุยืนนานหรือไม่ ก็ขึ้นก็กับตัวคุณนั่นแหละ  เพราะฉะนั้นเริ่มลงมือได้แล้วครับ  ขอให้ทุกท่านจงปลอดภัย  และสุดท้ายขอฝากไว้ว่า "การไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐที่สุด"

วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ศีลธรรมที่อาจหลงลืมไป


ช่วงนี้ใครที่ได้ติดตามข่าวสารตั้งแต่ต้นปีมานี้  มีแต่ข่าวสารที่ทำให้ทุกคนต้องสะเทือนใจกันทั้งนั้น  มนุษย์เป็นอะไรกันหมด  รวมไปทั้งโรคภัยไข้เจ็บที่เข้ามา  จากการที่มนุษย์ชอบคิดแปลก ทำแปลก และกินแปลก  มนุษย์คงหลงลืมไปว่าตัวเองเป็นเจ้าโลก  ตัวเองสามารถเนรมิตทุกอย่างได้  อะไรที่ทำให้ธรรมชาติขาดสมดุล  เมื่อความสมดุลธรรมชาติจะหายไป  ภัยธรรมชาติ โรคภัยไข้เจ็บ  และอื่น ๆ ก็จะตามมา

โลกจากนี้ไปผู้คนก็จะขาดศีลธรรมกันมากขึ้น  แยกไม่ออกว่าสิ่งไหนควรไม่ควร ถูกหรือผิด  เห็นทีเราต้องมารือรากฐานกันใหม่  โดยต้องเริ่มปลูกฝังตั้งแต่เด็ก ๆ  ให้พวกเขารู้และตระหนักถึงศีลธรรม  พ่อแม่ก็ควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก สังคม ครู เพื่อน และสภาพแวดล้อมโดยรวม  ทั้งหมดทั้งมวลนี้  เราต้องแก้ให้หมด  ส่วนตัวผมเชื่ออยู่แล้วครับ  มนุษย์ที่เอาแต่ผลประโยชน์และทำลายทุกอย่างโดยไม่คำนึงถึงส่วนรวม  ในขณะเดียวกันก็มีมนุษย์อีกกลุ่มหนึ่ง อยากที่จะเป็นผู้ให้  และสร้างสรรค์โลกใบนี้ให้ดียิ่งขึ้น

เราเอาแต่นึกถึงตัวเองมากเกินไป  จนหลงลืมไปว่ามนุษย์ในรุ่นลูก รุ่นหลายของเราก็ต้องใช้โลกใบนี้เช่นกัน  พวกเขาต่างก็ต้องการน้ำ อากาศที่บริสุทธิ์ และธรรมชาติที่สวยงามไม่แพ้กับเรา  เพราะฉะนั้นควรรักษาไว้ให้พวกเขาด้วย  อย่าคิดเอาแต่ได้  จนหลงลืมว่าคนที่เสียผลประโยชน์มากที่สุดก็คือมนุษย์ในรุ่นต่อ ๆ ไป นั้นแหละ หากไม่รักโลก  โลกก็ไม่รักเรานะครับ  

ต่อให้คุณจะมีเงินเป็นแสนล้าน แต่ถ้าธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทำลาย  คุณก็อยู่ไม่ได้และในที่สุดเงินที่คุณสะสมเอาไว้ก็ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้คุณเลย  เพราะฉะนั้นจงจำไว้ว่าทุกอย่างมีเหตุและผลของมัน  ทำอย่างไรก็ต้องได้ผลตอบแทนอย่างนั้น  มนุษย์มักจะคิดว่าเหตุผลของตัวเองนั่นดีที่สุดแล้ว  โดยไม่สนใจว่า  เหตุผลนั้นมันเป็นเหตุผลส่วนตัวหรือไม่  จะกระทบกับเหตุผลส่วนรวมหรือส่งผลในวงกว้างไปมากมายแค่ไหน  มนุษย์จะรู้ตัวอีกทีก็เมื่อมันสายไปแล้ว

เช่นเดียวกับในยุคปัจจุบัน  มนุษย์เรามักจะโฟกัสไปแต่เรื่องร้าย ๆ ก่อน  ผมก็ไม่แน่ใจว่าระบบความคิดผิดพลาดไป  หรือเป็นเพราะธรรมชาติจิตของมนุษย์กันแน่  ที่ชอบแต่จะสนใจแต่สิ่งร้าย ๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งกับคนอื่น และตัวเอง  เลยทำให้ตัวเองกลายเป็นคนโชคร้าย  ไม่มีโชค  แล้วก็เที่ยวไปโทษนั่น โทษนี่ตลอด  ขอให้คุณหยุดคิดสักนิดนะครับว่า  ใครกันแน่ที่เป็นคนนำเรื่องราวร้าย ๆ  ต่าง ๆ เขามาหาคุณ  ก็ตัวคุณนั่นแหละ  เพราะฉะนั้นต่อแต่นี้ไป  เวลาเจอเรื่องร้าย ๆ ก็อย่าไปสนใจ อย่าไปโฟกัสจนจิตตก  ตั้งสติให้ดีแล้วก้าวผ่านมันไป  มองทุกอย่างด้วยความมีสติ  ไม่จำเป็นต้องไปเป็นนักวิจารณ์ใคร  มองตัวเอง สำรวจตัวเองให้ดี  ก่อนจะไปตำหนิใคร  เรานั้นดีพอหรือยัง  ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำครับพี่น้อง  สวัสดีเช้าวันจันทร์...

วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ฝึกควบคุมอารมณ์ของตัวเองอยู่เสมอ


ความทุกข์กับความสุขแท้ที่จริงแล้วมันอยู่คู่กัน  มันไม่ได้แยกจากกันเลย 

บางทีเรารู้สึกมีความทุกข์  แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกสุขปะปนไปด้วย
บางทีเรารู็สึกมีความสุข   แต่ก็มีความทุกข์ปะปนไปด้วย

นี่แหละครับโลก  การที่มนุษย์จะทุกข์จะสุข  มันก็ขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละสังคม  ในสังคมหนึ่ง ๆ  เขามีความคิดเห็นหรือทัศนคติอย่างไร  ต่อการมองโลก และสังคมที่เป็นอยู่  จึงไม่แปลกเลยว่าคนที่มาจากคนละประเทศ  ต่างก็มีความคิดที่แตกต่างกัน  บางทีเรื่องบางเรื่องที่ทำเราเป็นปกติ  กับเป็นสิ่งต้องห้ามหรือแปลกสำหรับเขา  และในขณะเดียวกันบางเรื่องมันแปลกมาสำหรับเรา  พวกเขาก็กลับทำกันเป็นเรื่องปกติ

เราจึงเห็นได้ว่าสังคมคือตัวกำหนดความเป็นไปของมนุษย์  มันไม่มีอะไรที่ผิดถูกเลย  ถ้าเราจะเอามาวัดกันมันจึงเป็นเรื่องที่ยากจะตัดสินได้  ถ้าหากจะถามแล้วอะไรที่จะทำให้มนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข  มนุษย์ลดความหัวร้อนลง  และต่างอยากที่จะแสดงตัวตนให้โลกเห็น  ซึ่งนั่นก็เป็นความเก็บกดภายในที่เก็บไว้มานาน  ทำไมมนุษย์จึงกลายเป็นเช่นนี้  นั่นก็เพราะว่ามนุษย์ห่างไกลธรรมมะกันมากขึ้น  ไม่รู้จักฝึกสติและแยกแยะความถูกผิด  คิดว่าการทำผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นเรื่องปกติธรรมดา  จนกลายเป็นนิสัย  คนเราพอทำผิดบ่อย ๆ  ในที่สุดก็กล้าที่จะทำความผิดใหญ่โต  โดยไม่รู้จักยั้งคิด หรือไตร่ตรองให้ดี  แล้วมานั่งเสียใจในภายหลัง  รู้สึกผิดต่อสิ่งที่ได้ทำลงไป  แบบนี้ยังจะหวังให้สังคมให้อภัยซึ่งเป็นไปได้ยากนะครับ

คนเราทุกคนต่างก็มีความโลภ  โกรธ หลง ภายในตัวเราด้วยกันทั้งนั้น  หากเราไม่รู้จักแยกแยะแล้วปล่อยให้อารมณ์เข้ามาเหนือเหตุผล  ก็ย่อมสร้างความเดือนร้อนให้กับทั้งตัวเราเอง  และผู้อื่น  มีคนเคยบอกกับผมว่าหากมนุษย์เราสามารถเลือกและเป็นทุกอย่างได้ตามที่ตัวเองต้องการ  ก็คงไม่ต้องมีความทุกข์เป็นแน่แท้  แท้ที่จริงอาจไม่เป็นเช่นนั้น  เพราะจิตมนุษย์นั้น  มีความต้องการไม่สิ้นสุดและอยากจะเป็นผู้ชนะ เเละเป็นที่หนึ่ง  นั่นอาจนำมาซึ่งสงครามที่ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

เพราะฉะนั้นแทนที่เราจะไปคาดหวังให้ทุกคนต้องเป็นคนดีทั้งหมด  เราก็ต้องอยู่ภายใต้วงจรที่มันควรจะเป็น  และเผชิญหน้ากับมัน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาต่าง ๆ ที่ทำให้มนุษย์เกิดความหวาดกลัว  กังวลกับปัญหา หรืออะไรก็ตามแต่  อยู่กับมันให้ได้  ต่อให้คุณจะบอกว่าตัวคุณอยู่ในสังคมที่แย่  แต่คุณก็สามารถอยู่ร่วมกับสังคมแบบนั้นได้อย่างมีความสุขได้  มันขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง  เพราะบางทีเราไม่อาจเลือกหนทาง  ตามที่เราต้องการได้ตลอด  แต่เราสามารถเลือกที่จะปรับมุมมอง  ปรับทัศนคติของเราให้เป็นไปในทิศทางที่ดีได้  พลังงานดี ๆ  ก็จะส่งแต่พลังงานดี ๆ ให้กับตัวเรา  และคนรอบข้างได้เสมอ ๆ  นั่นก็เพราะว่า  ธรรมชาติมักจะจัดสรรทุกสิ่งทุกอย่าง  ให้สมบูรณ์แบบในแบบของมันเองเสมอ  การที่เราไปบังคับ  หรือให้ทุกอย่างเป็นไปตามใจเรานั่น  ย่อมเป็นเรื่องที่ฝืนธรรมชาติ  ในท้ายที่สุดธรรมชาติก็จะให้บทเรียนกับตัวคุณ  เพราะฉะนั้น ทำดี คิดดี และทำดีเข้าไว้ครับ  แล้วคุณจะสำเร็จได้ตามแต่ใจคุณปรารถนาอย่างแน่นอน 

วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

โลกอยากมีตัวตนในสังคมออนไลน์



ในโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย  มนุษย์ก็มีพฤติกรรมที่แปลกมากยิ่งขึ้น  พวกเขาต่างต้องการยอมรับในสังคมมากขึ้น  อินเตอร์เน็ตมีทั้งคุณและโทษ  ถ้าคุณรู้จักใช้มันอย่างมีสติ  และใช้มันแบบไม่ยั้งคิด  ก็อาจทำให้เกิดพฤติกรรมการเลียนแบบ  คนยุคนี้บางคนแยกเรื่องผิดเรื่องถูกไม่ได้  เห็นกงจักรเป็นดอกบัว  ทำไปเพื่อความสะใจ  โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งที่คุณทำนั่น  ต้องสร้างความเสียหายและเดือดร้อนถึงผู้คนมากมายแค่ไหน

และที่หนักไปกว่านั้นก็คือ ผู้ที่รับรู้ข่าวสาร  หากคุณดูแล้วไม่มีสติ  ได้รับข้อมูลผิด ๆ แล้วเอาไปเเชร์ต่อก็อาจทำให้สร้างความเสียหายได้เช่นกัน  ทางที่ดีควรตรวจสอบแหล่งที่มาที่ไปให้รอบคอบ  ก่อนที่จะคิดจะโพสข้อความอะไรลงไป  ขอให้มีสติสักนิด ไม่ใช่อยากทำเพราะความสะใจ  หรือแค่ความคิดเห็นไม่ตรงกับคุณ  คุณต้องเรียนรู้และรับข้อมูลข่าวสารให้ครบถ้วนซะก่อน

ก็อย่างที่ผมได้พูดไปแล้ว  มนุษย์บางคนไม่ชอบออกมาพูดต่อหน้าคนมากมาย  ถ้าให้ออกมาพูดก็ไม่กล้า  แต่กลับกันในโลกอินเตอร์เน็ต  โลกที่คุณไม่จำเป็นต้องมีตัวตน  คุณกลับโพสข้อความแบบไม่ยั้งคิด  ทำเหมือนจะไม่มีใครรู้  หรือตรวจสอบตัวตนของคุณได้  พอเรื่องใหญ่โตก็ออกมาขอโทษ  ประมาณว่าได้สำนึกผิดไปแล้ว  อันที่จริง เรื่องแบบนี้คุณคิดล่วงหน้าอยู่แล้ว...ก่อนที่คุณจะทำอะไรลงไป  ต่างจากพฤติกรรมที่มนุษย์ทำอะไรผิด  ต่อผู้คนแล้วขอโทษด้วยอารมณ์แบบไม่ยั้งคิด....

ต่อไปในอนาคตคงได้มีกฏหมายอะไรเกิดขึ้นเป็นแน่แท้  ในการที่เราจะโพสข้อความอะไร แบบไม่ยั้งคิด  อาจถูกฟ้องร้องดำเนินคดีกันได้  เพราะฉะนั้น ควรทำอะไรอย่างมีสติครับ  อย่าเอาแต่ความสะใจตัวเอง  บางเรื่องมันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเราเลย  เพียงแต่เพราะมนุษย์เราชอบเสพแต่ข่าวร้ายๆ  เลยทำให้มีความคิดที่เป็นลบได้  การที่โลกพัฒนาขึ้น  มนุษย์มีทางเลือกในการบริโภคสื่อมากขึ้น  นั่นเลยทำให้มนุษย์อาจหลงลืม  และแยกแยะไม่ออกว่า สิ่งไหนควรหรือไม่ควร  เพราะฉะนั้น การทำตัวเองให้รู้จักระมัดระวัง  และมีสติรู้ตลอดเวลา  จึงสำคัญที่สุด

ไม่มีใครสนใจหรอกครับ   เวลาคุณพร่ำบ่นชีวิตคุณในโลกออนไลน์  หรือโพสด่าใคร  เอาเข้าจริงมนุษย์ต่างก็อยากได้รับสิ่งดี ๆ และมีเรื่องที่ดี ๆ เข้ามาในชีวิตด้วยกันทั้งนั้น  ยิ่งคุณไปทำแบบนั้น คุณไม่รู้หรอกว่า บางทีอาจมีคนไม่หวังดีกับคุณ กำลังพยายามให้คุณล้มเหลวอยู่ก็ได้  เพราะฉะอย่าได้ทำเลยครับ  มนุษย์เรามีสองด้าน  บางทีการที่ให้เขาเห็นด้านดีๆ ของเรามันจะดีกว่า 

เวลาคนที่เห็นเราในด้านดี  มันก็ส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีกับตัวคุณ  และผู้ที่พบเจอคุณด้วย  ทำให้คุณประสบความสำเร็จในชีวิตได้ง่ายขึ้น  และมีแต่คนอยากเข้าหาคุณด้วยเสน่ห์บางอย่าง  เราไม่ได้อยู่บนโลกเป็น 100 ปี  จงทำสิ่งที่โลกจดจำเราในสิ่งที่ดี ๆ จะดีกว่า  หรือว่า..จะให้โลกลืมคุณไป นั่นก็อยู่ที่คุณเลือกแล้วละครับ

วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

อย่าเอาความสุขไปฝากไว้ที่ใคร


เป้าหมายที่เราเดินไปนั่น  มันใช่เป้าหมายที่เราต้องการจริง ๆ หรือไม่  หรือเพียงแค่ต้องการยอมรับจากทางสังคมเท่านั้น  โลกที่เต็มไปด้วยความสับสน เราวิ่งหาความสุขและคาดหวังให้ชีวิตของตัวเองมีความสุข  ตามแบบฉบับที่เราก็ไม่มีทางรู้ได้เลยว่า  มันคือความสุขที่แท้จริงหรือเปล่า  สำหรับบางคนใช้เวลาค้นหามันทั้งชีวิต  ยิ่งค้นหาก็ยิ่งห่างไกลว่าอะไรกันแน่ที่คือความสุขที่แท้จริง

คำตอบสำหรับคำถามนี้  มันอยู่ภายในตัวเรานั่นเองครับ  คนที่สามารถทำให้เรามีความสุขได้มากที่สุดก็คือตัวเราเอง  บางคนที่เคยผ่านเรื่องราวร้าย ๆ ในชีวิตมา  ถ้าเรากลับไปถามว่าพวกเขาผ่านมันมาได้ยังไง  ร้อยทั้งร้อยก็จะตอบว่า  การฝึกให้ตัวเองเป็นคนคิดบวก  และมองไปข้างหน้าว่า  กำลังมีสิ่งดีๆรอเราอยู่  เราเห็นภาพในวันข้างหน้า เห็นความหวังอย่างชัดเจน 

สำหรับใครบางคนที่กำลังสับสนกับตัวเอง  สิ่งที่เราทำนั่นทำเพื่อตัวเองหรือเพื่อใครกันแน่  คุณต้องใช้หัวใจเป็นสิ่งที่นำทางคุณ  คำตอบนี้มันอาจไม่มีผิดมีถูก  เราสามารถทำเพื่อใครก็ได้  เพียงเพราะว่าความสุขของแต่ละคนนั้น  ไม่เหมือนกัน ข้อสำคัญที่สุดก็คือ คุณต้องทำตามเสียงหัวใจของคุณจริง  ไม่ใช่เพียงแค่ใครมาบ่งการคุณ  หรือทำตามความต้องการของคนอื่น  เพราะถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่ต่างจากคุณฝากความสุขไว้กับคนอื่น  เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า เราจะพึงพอใจหรือไม่  ถ้าไม่ (นั่นก็เท่ากับว่าคุณจะมีความทุกข์ใจเกิดขึ้นทันที)  ทั้งที่ในความเป็นจริงมันอาจไม่ได้แย่อย่างที่คิดไว้

การเอาความสุข ความคาดหวังของคนอื่นมาแบกไว้ที่ตัวเราเองนั่น  หาใช่เรื่องที่ควรทำไม่  มันยิ่งทำให้คุณไม่รู้จักตัวเอง  เหมือนเรือที่ไม่มีหางเสือ  และจะเเล่นไปในทิศทางไหนก็ไม่รู้  จะถึงฝั่งหรือไม่ก็ไม่สามารถตอบได้  หรือแม้แต่จะพาคุณไปยังเป้าหมายที่คุณต้องการหรือไม่ก็ไม่ทราบได้  จงศรัทธาในตัวคุณเอง  และเอาความคาดหวังของคนอื่นมาแบกไว้  การทำทุกอย่างตามความรู้สึก  ตามสิ่งที่เราต้องการนั่นแหละคือ สิ่งที่จะทำให้คุณได้ในทุกอย่างที่คุณต้องการ

คนมีปัญญาย่อมหาทรัพย์ได้  นั่นคือ หลักการธรรมชาติเพราะไม่มีอะไรที่เหนือกว่าสติปัญญาแล้ว  ใครที่ผิดพลาดและล้มเหลว  ผิดพลาดในชีวิต  ก็ให้เป็นบทเรียนสอนใจตัวเอง  ก้าวต่อไป...สักวันหนึ่งจะเป็นของคุณอย่างแน่นอน  โลกนี้กว้างใหญ่พอที่จะให้คุณมีจุดยืนของตัวเอง  และสำเร็จได้ในรูปแบบที่คุณได้ออกแบบด้วยตัวเอง   เพราะฉะนั้น เป็นตัวของตัวเองครับ

วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ขอบเขตความสุขของคุณอยู่ไหน


ธรรมชาติของมนุษย์บางทีการอยู่ร่วมกันเป็นสังคมได้  อาจมีขัดหูขัดตาไปบ้าง  ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าในความเป็นจริง  ไม่มีมนุษย์คนไหนจะทำอะไรถูกใจเราไปหมดซะทุกอย่าง  การจะมาหาสาเหตุหรือความผิดอะไรนั้น  เพื่อรบกวนจิตใจหาใช่เรื่องที่ดีไม่  มีรังแต่จะทำให้เราปวดหัวมากขึ้น  และไม่มีความสุขในการอยู่ร่วมกัน  คนเราเวลาอยู่ร่วมกันมักมีเรื่องความคิดเห็นหรืออะไรที่ไม่ตรงกันบ้าง  นั่นก็เพราะว่ามนุษย์เรามีความแตกต่าง  ไม่ว่าจะจากปัจจัยแวดล้อม และอื่นๆ  ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถ้าคุณได้เรียนรู้ให้มากขึ้น  ก็จะทำให้คุณได้รู้จักตัวเขาเหล่านั้นมากยิ่งขึ้น 

การเข้าใจผู้อื่นในแบบที่เขาเป็น  ฟังดูอาจเป็นเรื่องที่ยาก  แต่ถ้าหากมองดี ๆ แล้วมันคือการเรียนรู้ผู้อื่น  เรียนรู้ความแตกต่างและทำให้เรารู้จักตัวเราเองมากยิ่งขึ้น  บางทีคนเราค้นหาตัวเอง  อยากเป็นนั่น โน่น นี่ พยายามหาตัวเองอยู่เรื่อยไป  แท้ที่จริงเเล้วมนุษย์เรา  ถ้าเราตัดบางสิ่ง บางอย่างที่ไม่จำเป็นต่อชีวิตออกไป  เราจะเห็นว่าอะไรกันแน่คือความต้องการที่แท้จริงของเรา

บางคนถามว่าอะไรคือความสุขของเรา  แล้วเราจะหาความสุขได้จากที่ไหน  คำนิยามนี้มันกว้างมาก  เราไม่อาจรู้ได้เลยว่าขอบเขตของความสุขของคนเรานั้นอยู่ตรงไหน  สำหรับผมมองว่ามันขึ้นอยู่กับความต้องการส่วนบุคคล  คนบางคนเขาพึ่งพอใจแค่นี้ เขาก็มีความสุขแล้ว  บางคนมีความต้องการมากขึ้น ความสุขก็จะขยายความต้องการไปเรื่อย ๆ 

แต่ในความเป็นเเล้วสิ่งที่ดีที่สุดก็คือ "การพึ่งพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี"  เพียงแค่นี้ก็คือสุดยอดของความสุขแล้วครับ  ของบางอย่างแทบไม่ต้องใช้ความพยายามเลย  ของบางอย่างพยายามแทบตายก็คว้าน้ำเหลว  ถ้าเราจะมาจำกัดคำนิยามว่า ....แล้วอะไรละคือความสุขที่แท้จริง  แบบนี้ตอบยากมากครับ  เพราะชีวิตของเรามีขึ้น-มีลง  มีทุกข์-มีสุข เป็นของธรรมดา

มันขึ้นอยู่กับว่าเวลาที่คุณสุข  คุณรู้สึกดีกับมันมากแค่ไหน  และในขณะที่คุณทุกข์คุณทำอย่างไรที่จะทำให้ตัวเองมีความสุขในขณะที่ช่วงเวลานั้นคุณกำลังทุกข์ใจอยู่  นั่นและคือสิ่งสำคัญที่สุด  ปลายทางของแต่ละคน ก็อาจมีประสบความสำเร็จบ้าง  ล้มเหลวบ้าง  แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็คือชีวิต  สิ่งที่สำคัญที่สุดคุือ  เราอย่าประมาทกับการใช้ชีวิตของเรา  เพราะความประมาทคือหนทางแห่งความเสื่อม  ขอให้ทุกท่านโชคดี

กล้าที่จะแตกต่างและเป็นตัวเอง

เรียกว่าห่างหายกันไปนานมากเลยครับ  ช่วงที่ไปพักกายพักจิตใจ  ทำให้เราสามารถแยกแยะได้ว่า  อะไรที่จำเป็นและสำคัญกับชีวิตของเรากันแน่   คนบางคนผ...