โลกจากนี้ไปผู้คนก็จะขาดศีลธรรมกันมากขึ้น แยกไม่ออกว่าสิ่งไหนควรไม่ควร ถูกหรือผิด เห็นทีเราต้องมารือรากฐานกันใหม่ โดยต้องเริ่มปลูกฝังตั้งแต่เด็ก ๆ ให้พวกเขารู้และตระหนักถึงศีลธรรม พ่อแม่ก็ควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก สังคม ครู เพื่อน และสภาพแวดล้อมโดยรวม ทั้งหมดทั้งมวลนี้ เราต้องแก้ให้หมด ส่วนตัวผมเชื่ออยู่แล้วครับ มนุษย์ที่เอาแต่ผลประโยชน์และทำลายทุกอย่างโดยไม่คำนึงถึงส่วนรวม ในขณะเดียวกันก็มีมนุษย์อีกกลุ่มหนึ่ง อยากที่จะเป็นผู้ให้ และสร้างสรรค์โลกใบนี้ให้ดียิ่งขึ้น
เราเอาแต่นึกถึงตัวเองมากเกินไป จนหลงลืมไปว่ามนุษย์ในรุ่นลูก รุ่นหลายของเราก็ต้องใช้โลกใบนี้เช่นกัน พวกเขาต่างก็ต้องการน้ำ อากาศที่บริสุทธิ์ และธรรมชาติที่สวยงามไม่แพ้กับเรา เพราะฉะนั้นควรรักษาไว้ให้พวกเขาด้วย อย่าคิดเอาแต่ได้ จนหลงลืมว่าคนที่เสียผลประโยชน์มากที่สุดก็คือมนุษย์ในรุ่นต่อ ๆ ไป นั้นแหละ หากไม่รักโลก โลกก็ไม่รักเรานะครับ
ต่อให้คุณจะมีเงินเป็นแสนล้าน แต่ถ้าธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทำลาย คุณก็อยู่ไม่ได้และในที่สุดเงินที่คุณสะสมเอาไว้ก็ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้คุณเลย เพราะฉะนั้นจงจำไว้ว่าทุกอย่างมีเหตุและผลของมัน ทำอย่างไรก็ต้องได้ผลตอบแทนอย่างนั้น มนุษย์มักจะคิดว่าเหตุผลของตัวเองนั่นดีที่สุดแล้ว โดยไม่สนใจว่า เหตุผลนั้นมันเป็นเหตุผลส่วนตัวหรือไม่ จะกระทบกับเหตุผลส่วนรวมหรือส่งผลในวงกว้างไปมากมายแค่ไหน มนุษย์จะรู้ตัวอีกทีก็เมื่อมันสายไปแล้ว
เช่นเดียวกับในยุคปัจจุบัน มนุษย์เรามักจะโฟกัสไปแต่เรื่องร้าย ๆ ก่อน ผมก็ไม่แน่ใจว่าระบบความคิดผิดพลาดไป หรือเป็นเพราะธรรมชาติจิตของมนุษย์กันแน่ ที่ชอบแต่จะสนใจแต่สิ่งร้าย ๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งกับคนอื่น และตัวเอง เลยทำให้ตัวเองกลายเป็นคนโชคร้าย ไม่มีโชค แล้วก็เที่ยวไปโทษนั่น โทษนี่ตลอด ขอให้คุณหยุดคิดสักนิดนะครับว่า ใครกันแน่ที่เป็นคนนำเรื่องราวร้าย ๆ ต่าง ๆ เขามาหาคุณ ก็ตัวคุณนั่นแหละ เพราะฉะนั้นต่อแต่นี้ไป เวลาเจอเรื่องร้าย ๆ ก็อย่าไปสนใจ อย่าไปโฟกัสจนจิตตก ตั้งสติให้ดีแล้วก้าวผ่านมันไป มองทุกอย่างด้วยความมีสติ ไม่จำเป็นต้องไปเป็นนักวิจารณ์ใคร มองตัวเอง สำรวจตัวเองให้ดี ก่อนจะไปตำหนิใคร เรานั้นดีพอหรือยัง ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำครับพี่น้อง สวัสดีเช้าวันจันทร์...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น