วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2558

อย่าเดินไปข้างหน้าแบบไม่มีแผน


ชีวิตคุณเคยเป็นไหมครับไม่รู้ตัวว่าทำอะไรเลยพอผ่านไป 1 ปี เหมือนมันวนกลับมาที่จุดเดิมแบบงงๆ
ไม่ต้องแปลกใจหรอกครับ  ก็เพราะคุณไม่เคยตั้งธงให้กับตัวเองไงครับ  ลองตั้งธงให้ตัวเองซิครับอาจ
แบ่งเป้าหมายเป็นเดือนๆ  เริ่มจากความสำเร็จทีละเล็กละน้อย  ค่อยๆไปทีละขั้น  อาจแบ่งได้ ดังนี้

แผนระยะสั้น 1 ปี
- สิ่งที่ต้องทำและจำเป็นมาก
- สิ่งที่อยากทำและจะต้องลองทำ

จากนั้นแบ่งออกเป็นแผนรายเดือน  กำหนดให้ชัดเจนว่าอะไรควรทำในเดือนไหน  อย่าไปลัดขั้นตอน
ทุกอย่างมีขั้นตอนของมัน  ช้าๆได้พร่า 2 เล่มงามครับ

เมื่อกำหนดแผนประจำเดือนได้แล้ว ก็มาแตกย่อยเป็นแผนประจำสัปดาห์  แผนประจำสัปดาห์ตรงนี้ต้อง
อาศัยวินัยอย่างมาก  ทำความดีฝืนใจครับ  กำหนดสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันอย่างชัดเจนอย่าเอามารวมกัน
เช่น

วันจันทร์    วางแผนเรื่องการลงทุน กระแสเงินสด
วันอังคาร   ศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจ
วันพุธ        รวบรวบข้อมูล กำหนดแผนที่ต้องทำให้เสร็จภายในสัปดาห์และแผนในอนาคต
วันพฤหัส   คุยงาน คุยโทรศัพท์
วันศุกร์       จัดตารางชีวิต
วันเสาร์ - อาทิตย์  พักผ่อนอยู่กับตัวเอง

เมื่อกำหนดตารางแล้วก็ควรมีวินัยและอาศัยความสม่ำเสมอเป็นอย่างมาก  ผมเชื่อมั่นเมื่อคุณปฎิบัติแบบนี้  ไม่ว่าจะเจอปัญหาอุปสรรค์อะไรคุณก็จัดการกับมันได้  เพราะทำให้เราฝึกคิดเป็นระบบและเข้าใจตัวเองได้อย่างลึกซึ้ง  ทุกอย่างมีเหตุมีผลของมัน  เมื่อเข้าใจเหตุและผลคุณก็สามารถกำหนดสิ่งต่างๆได้และมีความสุขกับการดำเนินชีวิต

วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2558

อย่าไปสนใจเรื่องพันธ์ุนั้น




อย่าปล่อยให้อดีตมากัดกินหัวใจคุณ  เชื่อว่าหลายคนยังคงฝังใจกับอดีตที่ไม่น่าจดจำกัน
ไม่ใช่เรื่องแปลก  ในที่นี้ผมอยากให้ทุกคนได้เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา

ความกลัวเกิดขึ้นได้ในทุกขณะ  มนุษย์ทุกคนมีความกลัว เราสามารถจัดการกับความกลัวได้
เราไม่อาจเข้าใจคนอื่นได้  หากไม่สามารถปรับมุมมองของตัวเองให้ไปในทิศทางเดียวกับเขา
เราก็มิอาจเข้าใจเขาได้

เมื่อเกิดปัญหาหรืออุปสรรค์ในชีวิตขึ้น ก็ให้ถือว่ามันเป็นบททดสอบของชีวิตเพื่อให้เราก้าวไปอีกจุดหนึ่ง
การเต้นเป็นลิงถูกเจ้าเข้าไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น  สติสัมปชัญญะเท่านั้นที่จะให้เราแยกแยะอะไรได้

คุณต้องเปลี่ยนจิตใต้สำนึกของตัวคุณ  อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ทิ้งมันไป  เริ่มต้นชีวิตใหม่ขึ้นชื่อว่ามนุษย์
ย่อมทำอะไรผิดพลาดได้เป็นเรื่องธรรมดา  ผมเชื่อว่าเวรกรรมมีจริงเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมเวรกรรม
จะส่งผลกับเขาเอง  ไม่ต้องไปแช่งหรือด่าใครเดี๋ยวมันจะเข้าตัวเราเอง  เราปล่อยให้มันผ่านไปเหมือน
สายน้ำที่ไหลผ่าน  ค่อยๆเรียนรู้ความเป็นจริงของธรรมชาติ เรียนรู้สิ่งรอบตัว เรียนรู้จากปัญหาที่ประสบ
พบเจอแล้วคุณจะเข้าใจเองว่าในท้ายที่สุดก็ไม่มีอะไร  มันก็แค่อากาศเท่านั้นเอง

เมื่อเป็นที่สุดไม่ได้  จงทำตัวเองให้มีประโยชน์ให้มากที่สุด บุคคลมีบรรทัดฐานไม่เท่ากัน  ขึ้นอยู่กับความ
สามารถและประสบการณ์ที่ผ่านมาของแต่ละคน  การปูฐานรากให้เข็มแข็งย่อมนำพาความสำเร็จให้คุณ
ในระยะยาวได้  จงมุ่งมั่นทำแต่ความดีต่อไป  อย่าคิดทำชั่วแม้แต่วินาทีเดียว

วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2558

การสร้างจิตสำนึกที่ดีเพื่อวางรากฐานให้สังคม




เมื่อวานผมดูรายการท่านนายกพบประชาชน (คืนความสุขให้กับคนไทย)  บอกได้เลยครับ  เทปนี้มันโดนใจผมสุด  โดยเฉพาะ VTR ในการนำเสนอสิ่งที่ท่านต้องการจะเปลี่ยนแปลงในอนาคต  เพื่อวางรากฐานในแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ฉบับที่ 12  ลองไปหาดูย้อนหลังได้ครับของวันที่ 25/9/2558

การทำให้ดูเป็นภาพหรือตัวอย่างเป็นสิ่งที่ดีมากครับ  จริงๆแล้วหากท่านรณรงค์อย่างต่อเนื่องทางสื่อแทนการสนับสนุนความบันเทิง  ผมว่าจะดีมากๆเลยครับ  ประเทศไทยเราล้าหลังไปมากแล้วถึงเวลาแล้วครับที่พี่น้องชาวไทย ต้องตื่นขึ้นมารับรู้ความเป็นจริง  ยอมรับและพัฒนาสิ่งที่มีอยู่ให้ก้าวไกลไปทั่วโลก  เป็นตัวตนของเราอย่าไปหลงกระแสตะวันตกจนหลงลืมวัฒนธรรมที่ดีงาม  ที่บรรพบรุษเราได้สร้างสมเอาไว้

โลกจะพัฒนาไปในทิศทางไหน  ทั้งตัวผู้นำ  ประชาชน และสื่อล้วนกำหนดอนาคตลูกหลานของคนไทยเราทั้งนั้น   เราอยากให้ประเทศชาติเป็นอย่างไรในอีก 10 -20  ปีข้างหน้า

ต้องการให้ประเทศพัฒนาไปเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว  ก็ต้องพัฒนาคนเป็นอันดับแรก  โดยเฉพาะการศึกษา  การศีกษาเป็นเรื่องที่จำเป็นแต่ต้องเป็นการพัฒนาที่ส่งผลต่อชาติบ้านเมืองมิใช่พัฒนาเพื่อให้การศึกษาแค่จบออกมาแล้วเป็นลูกจ้างตามองค์กรหรือบริษัทนั้นๆ

ควรให้เด็กยุคใหม่ได้เรียนรู้ตามความถนัดและความสนใจด้วยตัวของเด็กเอง  ฝึกความล้มเหลวผิดพลาด ฝึกประสบการณ์และเรียนรู้ที่จะพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น

จินตนาการจะสำคัญกว่าความรู้  จินตนาการจะนำพาประเทศชาติให้เกิดนวัฒนกรรมใหม่ๆ  และสามารถพัฒนาเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยได้  รวมไปถึงการปลูกฝังจิตสำนึกในเรื่องการอนุรักษ์ระบบนิเวศ  และธรรมชาติ ป่าไม้ สิ่งแวดล้อมเข้าไปในจิตสำนึกของเด็กยุคใหม่

ธรรมมะ คือ ธรรมชาติส่วนตัวผมอยากให้เพิ่มหลักสูตรธรรมมะพี้นฐานตามหลักมรรค 8  เพื่อให้เด็กใช้เป็นหลักในการดำเนินชีวิตในสังคมปัจจุบันที่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง  ความเหลือมล้ำทางสังคมนับวันยิ่งทำให้สังคมเสื่อมถอยไม่ต่างอะไรกับการที่มนุษย์ตกเป็น "ทาส" เหมือนยุคเก่าหากแต่ทาสในที่นี้ก็คือ  ทาสทางวัตถุ  ยังไงผมฝากให้ทุกท่านกลับเอาไปคิดนะครับ  ร่วมด้วยช่วยกันคนละไม้คนละมือครับแล้วประเทศไทยของเราจะเป็นประเทศต้นแบบที่ใครๆ ก็อยากเอาเป็นแบบอย่างได้อย่างแน่นอน


วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2558

จินตนาการสำคัญกว่าสิ่งไหน





การคิดนอกกรอบ มองอะไรที่ต่างมุมออกไปจากที่เคยเป็น

จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ครับ  เมื่อคุณสร้างจินตนาการ ฝึกกระบวนการคิด
ในส่วนกระบวนการคิดนี้ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เคยมีอยู่แล้ว  หากเป็นการสร้างสรรค์เพื่อ
สร้างความแตกต่างและเป็นผลดีต่อสังคมล้วนแล้วแต่นำมาซึ่งความเจริญก้าวหน้า

คนไทยเก่ง  ไม่แพ้ชาติใดในโลกในโมเมนของผมนะผมมองว่าคนไทยมีศิลปะวัฒนธรรม
ที่ยาวนานและไม่แพ้ชาติใด  หากคุณสามารถที่จะรังสรรค์และประยุกต์ใช้กับสังคมปัจจุบัน
เราจะมีอะไรที่ชาวโลกทึ่งไปกับนวัฒกรรมใหม่ๆได้เลย

ขอเพียงเเค่.....
อย่าหลงไปกับกระแสของชาวตะวันตกให้มาก  ฝึกเข้ามาเรียนรู้จากสิ่งรอบตัวเรา
คิดในทางสร้างสรรค์  ถ้าคุณสามารถก้าวข้ามจุดนี้ไปได้  ไม่ว่าจะประสบพบเจออะไรที่หนัก
สักเพียงใดก็ย่อมสร้างสรรค์สิ่งแตกต่างเหล่านี้ได้  จงใช้ตัวเองเป็นกระจกเงาส่องเพื่อฝึกฝนตนเอง
และใช้ผู้อื่นเพื่อเรียนรู้และยอมรับในความแตกต่างเข้าใจศิลปะของผู้คน

ผู้กล้าหรือนักรบที่ผ่านสงครามมาอย่างโชกโชนย่อมแข็งแกร่งฉันใด  
บุคคลที่ไม่ย่อท้อต่อปัญหา
และอุปสรรค์ย่อมพบกับความสำเร็จฉันนั้น 

วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2558

อะไรคือแก่นแท้ของชีวิต



เรื่องบางเรื่องเมื่อไม่สามารถพิสูจน์ด้วยตาเปล่าได้   แต่ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีอยู่จริง

โลกมนุษย์เรานี่แปลก  มนุษย์นับวันก็ไม่ต่างอะไรจากสัตว์ไปทุกวัน  เราแก่งแย่งชิงดีเพื่อแสวงหา
ความมั่งคั่ง  แท้ที่จริงในที่สุดเราก็เอาอะไรไปไม่ได้เลย

สิ่งที่จะทำให้เราก้าวข้ามไปกับสังคมในยุคปัจจุบันให้ได้นั่นก็คือ การมีสติ  อย่าไปวิ่งตามกระแสให้มาก รู้จักคิดพิจารณาให้รอบคอบ

อะไรก็แล้วแต่ที่เราไปให้คุณค่ากับมันมากๆ
ไม่ว่าจะเป็นวัตถุ สิ่งของ  ทรัพย์สิน เงินทอง
สิ่งเหล่านี้เมื่อมีมากเข้าก็ทำให้มนุษย์เราเกิดอาการยึดมั่นถือมั่น
ว่าสิ่งนี้เป็นของๆเรา  มันเที่ยง  อย่างนี้เขาเรียกว่าหลงผิด

พระพุทธองค์กล่าวว่าการเกิดเป็นมนุษย์มันมิใช่เรื่องง่าย  เมื่อเกิดเป็นมนุษย์แล้ว
ควรยึดมั่นการการทำความดีให้มากๆ  สุดท้ายเมื่อเราละจากโลกนี้ไปแล้วสิ่งที่ติด
ตัวเราไปก็คือ  บุญกับบาป เท่านั้น  หาเป็นสิ่งอื่นไม่เลย
จงเป็นคนง่ายๆ กินง่าย นอนง่าย อยู่ง่าย
ใช้ชีวิตให้ธรรมดา  จงเป็นนายของเงินอย่างให้เงินมาเป็นนายของเรา

ขึ้นชื่อมนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐทุกคนสามารถฝึกฝนกันได้  ขอให้ตั้งใจฝึกฝนปฏิบัติดีปฎิบัติชอบไว้ในท้ายที่สุดแล้ว  ความดีจะตอบแทนท่านเอง

วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2558

เกษตรอินทรีย์แนวใหม่



ในสภาพสังคมที่เปลี่ยนไประบบทุนนิยมที่เข้ามามีบทบาทล้วนส่งผลให้โครงสร้างทางสังคมไทยเปลี่ยนแปลงไปมาก  แต่ก็ยังมีกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งถึงแม้จะเป็นกลุ่มเล็กแต่จิตใจพวกเขายิ่งใหญ่มาก  เขาพยายามศีกษาเกษตรอินทรีย์แนวใหม่เป็นเกษตรเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ เพื่อสร้างเสริมระบบนิเวศน์ให้สมดุล   วันที่ผมไปนั่งปฎิบัติธรรมได้มีโอกาสรู้จักพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง  (เจ้าของเพสบ้านช่างคิดช่างทำ)  พี่เขาเป็นคนราชบุรี  พี่เขาน่ารักมากและผมเชื่อว่าในอนาคตกลุ่มคนเหล่านี้จะสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้กับสังคมได้

ธรรมชาติมักจะสร้างความสมดุลให้กับชีวิตเสมอ   เมื่อเรารักและเข้าใจธรรมชาติ  ธรรมชาติก็จะส่งมอบสิ่งดีดีให้กับเรา  ทุกสิ่งทุกอย่างคือบทเรียน  บางสิ่งบางอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา  ล้วนแต่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของเรา  มนุษย์เรามีทางเดินของตัวเอง  เมื่อถึงเวลาเราก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง  จงทำประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านให้สำเร็จ

เข้าเรื่องดีกว่าครับ  ตอนที่คุยกับพี่เขาผมก็เข้าใจความคิดของเขาเลยว่า  การที่จะปลูกพืชอะไรสักอย่างไม่ใช่เรื่องง่ายๆ  ล้วนต้องอาศัยการศึกษาทำความเข้าใจปัจจัยต่างๆ ตัวอย่างเช่น

1.สภาพดิน  คือส่วนที่สำคัญการศึกษาทำความเข้าใจสภาพดินจะทำให้เรารู้ว่าควรจะกำหนดอะไรต่อไป
2.อากาศ และน้ำ  สภาพเหล่านี้ย่อมเหมาะกับการปลูกพืชและจำเป็นอย่างยิ่ง
3.พืชที่จะปลูก
4.การรักษาระบบนิเวศน์
5.การปรับปรุงพื้นที่ดินให้อยู่ในสภาพดี

นี้เป็นตัวอย่างที่จำเป็น  หากมีความต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับเกษตรแนวใหม่  ก็ลองเข้าไปศึกษาดูได้ครับ เมื่อประเทศเจริญไปถึงจุดที่สูงที่สุด  สุดท้ายแล้วมนุษย์ก็ต้องหันกลับมาพึ่งพาธรรมชาติอยู่ดี ฝากไว้เป็นข้อคิดนะครับ

วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2558

อุปสรรค์มีไว้ก้าวข้ามมันไป



วันนี้ขอนอกเรื่องนะครับ  สองวันที่ผมหายไป ผมได้มีโอกาสไปใช้ชีวิตทางธรรมที่วัดแห่งหนึ่ง  ชื่อปลายนา  อยู่แถวปทุมธานี  ไม่ต้องพูดถึงบรรยากาศครับ  ดูได้จากภาพเลย

ชีวิตมนุษย์เราแท้จริงก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้  นั่นคือ

กรรมปาก  กับ  กรรมท้อง  กรรมคือการกระทำไม่ว่าจะในทางที่ดีหรือไม่ดี

ทุกอย่างก็คือความโลภ ความโกรธ ความหลง   สามตัวนี้ที่ทำให้มนุษย์ที่ไม่อบรมกายอบรมจิตก็จะต้องตกเป็นเครื่องมือของสิ่งเหล่านี้  คำถามคือแล้วทำได้อย่างไรก็คือ การเจริญภาวนาเพื่อสติของตนให้สูงขึ้น



อุปสรรค์ที่ทำให้การเจริญภาวนาไม่บรรลุวัตถุประสงค์เท่าที่ควรก็คือ นิวรณ์ 5  ได้แก่

1.ความยินดีพอใจในกามคุณทั้ง 5 อันได้แก่ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส
2.ความโกรธแค้นขุ่นเคืองภายในจิตใจ
3.ความหดหู่ ท้อแท้ สิ้นหวัง
4.ความฟุ้งซ่านการปรุงแต่งของจิต
5.ความลังเลสงสัย  ไม่แน่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ตัวอุปสรรค์ทั้ง 5 ตัวนี้ หากเราสามารถก้าวข้ามมันไปได้เสมือนมีกำแพงใหญ่ที่ขวางกั้นเราอยู่  ถ้าเราสามารถก้าวข้ามไปได้  หรือทลายกำแพงเหล่านี้ไปได้  ไม่ว่าปัญหาอะไรที่เกิดขึ้นก็ตามแต่เราก็สามารถก้าวข้ามมันไปได้  ยกตัวอย่างเช่น



1.ความพอใจยินดีในกามคุณทั้ง 5  ระลึกถึงความตายอยู่เสมอ  พิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่าสิ่งใดๆทั้งหลายเหล่านี้ล้วนไม่เที่ยง  เกิดขึ้น  ตั้งอยู่ และก็ดับไป
2.ความโกรธแค้นขุ่นเคือง  พระพุทธองค์เคยตรัสไว้ว่า ทานสูงสุดให้ศาสนาก็คือ อภัยทาน  จงให้อภัยกับเพื่อมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย นอกจากเป็นผลดีกับตัวเราแล้วยังไม่ไปสร้างกรรมต่อไปอีก
3.ความหดหู่ ท้อแท้ สิ้นหวัง  ให้มองทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมดา  เพราะเมื่อเกิดเป็นมนุษย์แล้วล้วนแต่ต้องประสบพบเจอกับสิ่งเหล่านี้  เป็นของธรรมดา  พยายามรับรู้ด้วยความมีสติตามความเป็นจริงของชีวิต
4.ความฟุ้งซ่านปรุงแต่งจิต  วิธีที่ดีที่สุดคือ  การฝึกสมาธิ ฝึกรู้ลมหาย หรือ การเคลื่อนไหวรู้ตัวอยู่ทุกขณะก็จะทำให้เราลดความฟุ้งซ่านลงได้
5.ความลังเลสงสัย  บุคคลจะทำอะไรก็ตามแต่ล้วนต้องอาศัยความเชื่อเป็นเหตุ  ความเชื่อในที่คือ ต้องเชื่อในสติปัญญา  รู้เห็นถูกต้อง  ไม่งมงาย และสามารถพิสูจน์ได้



วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2558

ศิลปะ ความเรียบง่าย ความลงตัว




เมื่อคืนผมไปดูอุดมมา  งานนี้ Concept  งานแหวกแนวกว่าแนวก่อนๆมาก  รู้สึกได้ถึงความเป็นมืออาชีพของการเป็นนักพูดของเขามาก  จริงๆแล้วทุกสาขาอาชีพจำเป็นต้องใช้ศิลปะในการดำรงชีวิตนะครับ  ศิลปะไม่มีถูกผิด  

บางอย่างเรามองไม่ออกว่าภาพที่สื่อหมายถึงอะไร  แต่สามารถรับรู้ได้ถึงอารมณ์และจิตวิญญานของภาพ  ฟังดูแปลกนะครับแต่ก็ไม่แปลกเท่าเราเข้าถึงได้ยังไง

ถ้าคุณมองทุกอย่างรอบตัวให้เป็นศิลปะ  การใช้ชีวิตแบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อนชีวิตก็จะพบกับความลงตัว  ปัจจุบันกำหนดอนาคตเรา  เราจะเป็นอะไรก็ขึ้นอยู่กับตัวเราวางแผนอนาคตเราไว้อย่างไร  การวางแผนที่ให้กับตัวเอง  

คุณภาพจิตใจ = คุณภาพกาย

ทุกอย่างอยู่ที่ใจมีใจเป็นประธาน  ถ้าใจดีชีวิตเราก็ดีขึ้น  
อยากมีเงินทองมากๆ  จิตใจคุณก็ต้องเป็นคนใจกว้างแบ่งปันแก่เพื่อนมนุษย์ให้มากๆ  
อยากเป็นคนมีคุณค่า  ก็ต้องสร้างคุณค่าให้ผู้คนให้มากๆ

ตั้งคำถามกับตัวเองว่าเราเกิดมาทำไม?  เมื่อมีคำถามใจก็จะวิ่งหาคำตอบ  เมื่อพบคำตอบเราก็จะทราบทิศทางที่ตัวเองต้องการจริง  นำทิศทางนั้นมากำหนดเป็นเป้าหมายของเราเอง อนาคตเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอนแต่เราสามารถมีความสุขกับปัจจุบันได้ 




วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2558

คุณคิดยังไงกับระบบทุนนิยม






ระบบทุนนิยม

เป็นระบบเศรษฐกิจเกี่ยวกับเรื่อง ผลิตภัณฑ์และสินค้าที่มีการจำหน่าย    ซื้อขายแลกเปลี่ยนโดยบริษัท หรือกลุ่มเอกชน เพื่อสร้างผลกำไรให้หน่วยงาน  โดยการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ  ที่มีการรองรับทางกฎหมายและมีการแข่งขันการในเชิงการค้าเพื่อทำกำไรสูงสุด  โดยไม่ได้ควบคุมโดยหน่วยงานภาครัฐ

ฟังแล้วก็ฟังดูดีนะครับ  แต่ถ้ามองให้ดีระบบทุนนิยมทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปรวดเร็วมากสังเกตได้
ดังนี้

1.ร้านยี่ปั้วล้มหายตายจาก
2.ผู้คนวิ่งเข้าเมืองเพื่อทำงานตามโรงงานอุตสาหกรรม
3.ค่านิยมของผู้คนเปลี่ยนไปกล่าวคือ ทุกคนให้อำนาจของเงินมากขึ้น
4.เกษตรกรรมเริ่มขาดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
5.ความเหลื่อมล้ำทางสังคมระหว่างคนรวยกับคนจน

นอกจากนั้นยังเกิดปัญหาอีกมากมายเลย  ผมไม่ได้บอกว่าระบบทุนนิยมไม่ดีนะครับ  ระบบทุนนิยมทำให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้ารวดเร็วมาก  แต่ในขณะเดียวกันก็ทำลายสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศไปด้วยเช่นกัน  ความโลบทำให้มนุษย์หน้ามืดตามั่ว  เห็นกงจักรเป็นดอกบัว  นักปราชญ์ผู้มีปัญญาย่อมรู้ดี  ผมเชื่อว่าถ้าทุกท่านร่วมมือร่วมใจกัน  สร้างสรรค์ให้สังคมเป็นสังคมที่น่าอยู่ขึ้นได้ภายใต้ระบบทุนนิยมที่เข้ามาครอบงำเราเช่นทุกวันนี้ประเทศชาติของเราคงไม่ตกเป็นทาสของอะไรในโลกทั้งสิ้น




วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2558

ปล่อย บาง สิ่ง บาง อย่าง



การปล่อยให้ชีวิตคุณนิ่งๆ  ไม่ได้หมายความว่า  ไม่ทำอะไร
แท้ที่จริงการพักผ่อนเพื่อให้ร่างการได้พักฟื้นเพื่อเติมเต็ม
ให้กับชีวิต

บางสิ่งบางอย่างเราไปยึดติดกับมันมากเกินไป   แท้ที่จริงสิ่งที่
เราต้องการมันก็เป็นแค่ของเล่นสนุกๆ  ให้เราเท่านั้นเอง
มนุษย์เราแปลก  มักต้องการความสุขจอมปลอมที่เติมเข้าไป
ในจิตใจยังไงก็ไม่รู้จักเต็มสักที

เมื่อคุณเข้าใจโลก  เข้าใจชีวิต  มองทกอย่างให้เป็นเรื่องธรรมดา
ใช้ชีวิตแบบธรรมดา  แล้วความไม่ธรรมดาจะเกิดขึ้น
เราไม่สามารถควบคุมสถานการณ์บางอย่างได้  แต่เราสามารถ
ควบคุมความคิด  ความรู้สึกของเราได้

หากต้องให้เป็นฝ่ายเลือกอะไรสักอย่าง  ธรรมชาติจะจัดสรรสิ่งที่
เหมาะสมที่สุดให้กับเรา  ในระยะเวลาที่เหมาะสม
ความมุ่งมั่น  ความอดทน ความรัก ความศรัทธา ย่อมนำมาเพื่อสันติ
ขอเพียงมีแรงก้าวต่อไปอย่าได้ท้อ  รางวัลรออยู่ข้างหน้าเราแล้ว

วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2558

ฟรีแลนซ์



เมื่อวานผมไปดูหนังฟรีแลนซ์  ส่วนตัวมองเป็นหนังดีนะ  คือ เนื้อเรื่องสะท้อนให้เห็นถึงอาชีพนี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้นมาก  ข้อคิดที่ผมได้จากหนังเรื่องนี้

1.การทำงานอะไรต้องทำออกมาให้ดีที่สุด
2.บางครั้งเราก็ต้องประมาณความเหมาะสมเพราะบางอย่างเกินความสามารถของเรามากไป
3.การรู้จักปฏิเสธบ้างก็มิใช่เสียหายอะไร เพราะหาไม่แล้วงานใหญ่อาจเสียหายได้
4.คุณภาพชีวิตสำคัญมากจงรักษาชีวิตให้ดีที่สุด
5.การรักษาคำพูดสำคัญมาก
6.เราไม่สามารถทำอะไรคนเดียวได้ทุกอย่าง  บางครั้งต้องรู้จักทำงานกันเป็นทีม

ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรก็ตามครับ  ทุกอย่างต้องอาศัยความตั้งใจไม่มีทุกอย่างได้มาอย่างง่ายดาย  เมื่อรับปากใครแล้วก็ต้องทำให้ได้ตามที่รับปาก  เมื่อรู้ว่าเราทำไม่ไหวจริงๆก็ต้องหยุด  ชีวิตเราต้องตั้งอยู่ความพอดี  และหาจุดที่สมดุลให้กับชีวิตหาไม่แล้วผลเสียต่อร่างกายและสุขภาพย่อมตามมา

วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2558

เพราะชีวิต คือ ชีวิต




ชีวิตเราบางครั้งก็ต้องเลือก 

ถ้าถามว่าสิ่งที่เลือกจะดีที่สุดกับชีวิตเราไหม  ตัวผมก็ตอบไม่ได้แต่ในเมื่อมีการเลือก
ก็ย่อมมีจุดเปลี่ยนในชีวิต  คือ

เปลี่ยนในทางที่ดีขึ้น  หรือ ทางที่แย่ลง  ทุกอย่างอยู่ที่คุณเลือกมัน
มนุษย์ผู้ฉลาดและมีปัญญาย่อมแยกแยะได้ว่าสิ่งไหนดี หรือไม่ดี
และจะนำพาเราไปยังทิศทางไหน

เวลาที่เราท้อแท้ใจในชีวิต แท้จริงชีวิตไม่ได้ท้อแท้ใจแต่เป็นเพราะตัวเรานั่นแหละที่คิดไปเอง
บางครั้งการทำตัวเองให้เป็นคนไม่คิดอะไรมากก็ดีนะ  อย่าเอาเวลาไปนั่งคิดเรื่องที่ไม่ก่อให้เกิด
ประโยชน์กับชีวิตเราเลย  เวลาเกิดความคิดอะไรก็แล้วแต่ก็แค่หยุดคิดเท่านั้นเอง

ความคิด คือ อาวุธที่น่ากลัวมาก  หากคิดดีก็ดีไป แต่หากคิดลบความคิดก็บั่นทอนทำร้ายเราได้ไม่ว่าจะเป็นร่างกายและจิตใจ

ลองอยู่กับตัวเองบ้าง  ไม่ใช่เอาแต่วุ่นวายกับเรื่องของคนอื่น  การอยู่กับตัวเองแบบไม่ต้องคิดอะไรปล่อยให้ชีวิตเป็นไปตามที่มันอยากจะเป็น  ที่นั่นแหละเขาเรียกว่า "ตัวปัญญา"  เมื่อปัญญาเกิดก็สามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้  พระอาทิตย์ยังขึ้นใหม่ในทุกเช้า  คนเราก็ไม่ควรสิ้นหวัง

นิทานสามเกลอ





กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีสามเกลอที่อาศัยอยู่ร่วมกับเรามาช้านาน
ตอนที่เรายังมีชีวิตอยู่

เกลอคนที่ 1  เรารักเขามาก
เกลอคนที่ 2  เรารักเขาปานกลาง
เกลอคนที่ 3  เราไม่รักและไม่ได้สนใจเขาเลย

เมื่อเวลาตายจากโลกนี้ไป

เกลอคนที่ 1  เรากลับมาหาเขาแต่เขาไม่ได้สนใจเราเลย
เกลอคนที่ 2  เขาเป็นเพื่อนเราแต่ไปส่งเราแค่ครึ่งทาง
เกลอคนที่ 3  เกลอที่เราไม่สนใจแต่กลับติดตามเราไปด้วยทุกหนทุกแห่ง

พอจะเดาออกไหมครับว่าเกลอทั้ง 3 คนเป็นใคร ผมเฉลยเลยดีกว่าครับ

เกลอคนที่ 1 คือ ทรัพย์สินเงินทอง
เกลอคนที่ 2 คือ พ่อ แม่ ญาติพี่น้อง
เกลอคนที่ 3 คือ บุญกับบาป

มนุษย์เราเอาอะไรไปไม่ได้จริง ๆ แม้แต่ทรัพย์สินเงินทองที่เคยสร้างสมเอาไว้  มีแต่บุญกับบาปเท่านั้นที่ติดตัวเราไปทุกภพทุกชาติ  การรู้จักใช้ชีวิต  และเลือกทางที่ถูกที่ควร คบหาแต่กัลยานิมิตรที่ดี อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี  ชีวิตคุณก็จะพบเจอแต่สิ่งที่ก้าวหน้า ฝากไว้เป็นข้อคิดนะครับ

วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2558

เริ่มต้นที่ความคิด





ในทุกครั้งเวลาที่เราท้อแท้ใจอะไรกับบางเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น

ความล้มเหลว  ความผิดหวัง  หรือความผิดพลาด

ทุกอย่างคือการเรียนรู้เพื่อให้คนเราได้รู้ว่า  ถึงเวลาแล้วที่เราต้องก้าวจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง  สัญญานบางอย่างส่งมาเพื่อเป็นบททดสอบตัวเรา  คนที่มีความอดใจ ไม่ท้อแท้ และตั้งใจจริง  ลงมือทำให้ดีที่สุด สิ่งเหล่านี้ผมมั่นใจได้เลยว่าทุกคนประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

ในทุกครั้งที่คุณลืมตาให้ถามตัวเองว่า

ถ้าเป็นคนดี       จะดีกว่านี้ได้อีกไหม
ถ้าเป็นคนเก่ง    จะเก่งกว่านี้ได้ไหม
ถ้ากำลังท้อใจ   จะมีวิธีทำให้ตัวเองชนะใจตัวเองได้ไหม
ถ้าคุณแพ้          จะเรียนรู้จะมันยังไง

วิธีคิดสำคัญมาก

เรามีบุคคลต้นแบบกันทุกคน (IDOL) ไม่ผิดนะครับที่ทุกคนต้องมีแรงบันดาลใจเป็นของตัวเอง  แต่ไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องทำตามต้นแบบของเราทุกอย่าง แต่ผมอยากให้ศึกษาในวิธีคิดของเขาต่างหาก  ว่าทำอย่างไรเขาถึงประสบความสำเร็จแบบนี้

เมื่อถึงจุดหนึ่งเราต้องมีจุดยืนของตัวเองที่ชัดเจน  เมื่อมีความชัดเจนในการทำอะไรและทำด้วยความตั้งใจจริงแล้ว  ทุกอย่างย่อมสำเร็จ  แต่ก่อนที่จะไปถึงจุดนั้นทุกคนก็ต้องฝ่าฝันอุปสรรค์ต่างๆ นา ๆ นับประการเพื่อทดสอบความเข็มแข็งของจิตใจคนเราซะก่อน  จำไว้ครับว่า ไม่มีอะไรได้มาโดยง่ายดายทุกอย่างต้องอาศัย เวลา ความอดทน และการเตรียมความพร้อม


วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2558

นิทานเรื่อง ไม้กายสิทธิ์



ณ หมู่บ้านไกลโพ้นแห่งหนึ่งมีชุมชนเล็กๆ ชุมชนหนึ่ง  ชุมชนแห่งนี้เคยอยู่อย่างสงบเสมอมา  แต่แล้วในวันหนึ่งก็เกิดภัยขึ้น  จากหมู่บ้านที่เคยสงบก็เกิดโจรผู้ร้ายชุกชุม  ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับความลำบาก ผุ้คนในหมู่บ้านก็ขาดความสามามัคคีกัน ไม่รักไม่ปรองดองกัน  ปัญหานี้ร้อนไปถึุงผู้เฒ่าที่คอยดูแลหมู่บ้าน  ท่านผู้เฒ่าพยายามคิดหาวิธีแก้ไขปัญหาแต่ก็ไม่สำเร็จสักที จนในที่สุดจึงตัดสินใจมอบไม้กายสิทธิ์ให้กับคนในหมู่บ้าน

ไม้กายสิทธิ์นี้มีอำนาจมหาศาล  สามารถที่จะปราบโจรผู้ร้ายได้  และนำความผาสุขได้  ทว่าผู้ที่ถือไม้กายสิทธิ์ต้องมีคุณสมบัติตามที่ระบุไว้  นั่นคือประกอบไปด้วยปุริสธรรม 7 และอิทธิบาท 4 จึงจะสามารถนำพาความสงบสุขมาให้กับหมู่บ้าน  แต่หากไม้กายสิทธิ์นี้ไปตกอยู่ในอำนาจมืด  ก็จะถูกอำนาจมืดครอบงำทุกอย่างเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ได้มีการคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้ขึ้นมา ทว่าเขาผู้นั้นขาดคุณสมบัติบางประการนั่นคือ  คุณธรรมประจำใจ  เมื่อเขาได้รับอำนาจ  เขาได้ใช้อำนาจที่มีทำร้าย ข่มขู่คนในหมู่บ้านไปทั่ว  ทำให้คนในหมู่บ้านได้รับความเดือนร้อนเป็นอย่างมาก  ชาวบ้านจึงได้นำเรื่องนี้ขึ้นแจ้งแก่ผู้เฒ่าว่าควรจะทำอย่างไรดี  เมื่อท่านผู้เฒ่าได้ทราบเรื่องดังนั้น  จึงได้มีการเรียกประชุมคนในหมู่บ้านขึ้นเพื่อขอความเห็นของทุกคน  และก็ได้ข้อสรุป ดังนี้

1.ทุกคนต้องรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา
2.ให้ทุกคนมีน้ำใจต่อกัน  รักและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกันและให้
3.สร้างความสามัคคีในชุมชุน  ไม่แบ่งชนชั้นและให้ทุกคนอยู่ร่วมกันฉันพี่น้อง
4.ความจริงใจและเป็นน้ำหนึ่งเดียวกัน

เมื่อทุกคนร่วมแรงร่วมกัน ในที่สุดหมู่บ้านก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติ  ไม่มีผู้ร้ายชุกชุมบุคคลผู้ซึ่งใช้อำนาจที่ผิด  ก็มิอาจใช้อำนาจในทางที่มิชอบได้  แท้จริงแล้วไม้กายสิทธิ์ที่ดีที่สุดก็คือ ความมีเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์สิ่งนี้คือสิ่งที่วิเศษกว่าไม้กายสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้น

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  อย่าใช้อำนาจในทางที่มิชอบ  มิฉะนั้นแล้วอำนาจที่มีอาจไม่ศักดิ์สิทธิ์

วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2558

การเตรียมความพร้อมที่สำคัญทีสุด



ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบการเดินทาง  รักการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ

เวลาผมไปพบเจอผู้คน  การเรียนรู้และได้เข้าใจวิถีชีวิตของผู้คนมากมายทำให้ผมเริ่มหันมาสนใจเรื่องการพัฒนาตัวเองทางจิตมากขึ้น  สติปัญญา เป็นสิ่งที่บ่งบอกทุกอย่างเมื่อเราไปร่วมกับผู้คนหมู่มาก  ปัญญาในความหมายของผมไม่ได้หมายถึงการเรียนรู้ให้จบสูงๆทางโลก  แต่เป็นตัวปัญญาที่เกิด
จากการปฎิบัติ  การละเว้นจากความชั่วทั้งปวง ทำจิตใจให้ผ่องใส ยึดมั่นในความดีงามเป็นที่ตั้ง

ผมมีโอกาสได้นั่งคุยกับบุคคลที่ประสบความสำเร็จหลายๆคนใน 1 ปีที่ผ่านมา  ได้สอบถามเหตุผลและปัจจัยต่างๆที่ทำให้เขาเหล่านั้นประสบความสำเร็จ  แท้จริงแล้วพวกเขาเตรียมความพร้อมต่างหาก ทุกอย่างไม่มีคำว่าบังเอิญ  สูตรความสำเร็จของทุกคน ก็คือ ลงมือทำ

ผมมานั่งนึกทบทวนเรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต มีเหนื่อยบ้าง มีท้อบ้าง  แต่เมื่อผมมองย้อนกลับไปผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก ๆ  ผมได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดี  ผมไม่รู้สึกว่าชีวิตผมขาดอะไรเลย  ขอบคุณวันเวลาที่ผ่านมาไม่ว่าจะดีหรือร้าย ต่างก็ได้รับบทเรียนที่ดีที่สุดให้กับตัวผมเอง  ทุกอย่างคือการเดินทางไปสู่สิ่งที่ดีที่สุดเสมอ

กล้าที่จะแตกต่างและเป็นตัวเอง

เรียกว่าห่างหายกันไปนานมากเลยครับ  ช่วงที่ไปพักกายพักจิตใจ  ทำให้เราสามารถแยกแยะได้ว่า  อะไรที่จำเป็นและสำคัญกับชีวิตของเรากันแน่   คนบางคนผ...