ทักษะเบื้องต้นของการสร้างนวัฒกรรมใหม่

สิ่งที่ต้องมี (จำเป็นและขาดไม่ได้)
1.ฝึกคิดนอกกรอบ
2.เชื่อมั่นว่าเราทำได้ และทำได้ดีไม่ว่างานนี้นจะยากสักแค่ไหน
3.มีทัศนคติที่ดีในงานที่ทำ
4.หาแรงบันดาลใจใหม่ๆ หางานอดิเรกทำ รับฟังสิ่งใหม่  ท่องเที่ยว  อ่านหนังสือ  ฟังเพลง
5.ทำสมาธิ

สิ่งที่ต้องเรียนรู้ (พัฒนาอย่างต่อเนื่อง)
1.ศึกษาความเป็นมาของศิลปะแต่ละแขนงวิชาที่สนใจ
2.ทักษะเบื้องต้นที่ต้องใช้ในการทำงาน
3.การลงมือทำ เรียนรู้ฝึกฝนพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง
4.โชว์ผลงานส่งประกวด
5.สร้างผลงานให้ลูกค้าเพื่อสร้างการยอมรับ

ปัญญาญาณของชีวิต

บางครั้งที่จิตใจเราสับสนวุ่นวายใจ  หาทางออกกับบางเรื่องไม่เจอ  ให้คุณหยุดคิดก่อนนะครับ  หยุดเพื่อทบทวนบางสิ่งบางอย่าง  ห่างไกลจากทุกเรื่องปัญหามันไม่หายไปก็จริง  แต่มันก็ทำให้เราคิดได้  บางครั้งเราต้องรู้จักการวางใจกับปัญหาบ้าง  ไม่อย่างนั้นเราก็จะเป็นทุกข์ไปตลอดทั้งชีวิต

ช่วงนี้ผมว่างมาก  ว่างจนตัวเองรู้สึกฟุ่งซ่านบางครั้งก็รู้สึกว่าในแต่ละวัน  วันนี้เรามาทำอะไรวะ  ตลกสิ้นดีขอให้รู้เอาไว้เลยครับ  ช่วงนี้เป็นจังหวะที่ดีในชีวิต  ให้เรามีเวลานึกทบทวนถึงปัญหาและสถานการณ์ต่างๆ

หยุด = เพื่อรับรู้เสียงข้างใน
หยุด = เพื่อทบทวนตัวเอง
หยุด = เพื่อค้นหาสิ่งใหม่ๆที่ใช่

จะอะไรยังไงก็แล้วแต่กาลเวลาไม่อาจย้อนกลับไปได้  คุณเป็นคุณ  เวลาที่เจอปัญหาหนักนั่นก็คือ บททดสอบ พอคุณผ่านจุดนี้ไปได้  มันจะทำให้คุณเติบโตขึ้นทำให้คุณเป็นผู้ใหญ่ที่รอบคอบมากขึ้น  หนักแน่นขอให้อดทนเอาไว้ครับ  อดทนให้ถึงที่สุด  สงบนิ่งเหมือนสายน้ำเมื่อคุณเข้าใจทุกอย่าง  ปัญญาจะเกิดขึ้นเอง

นิทานจากชายที่อยากเป็นข้าราชการ

ชายผู้หนึ่งพยายามสอบเข้ารับราชการครั้งแล้วครั้งเล่า  แต่ต้องล้มเหลวมาตลอด  จนกระทั่งถึงช่วงบั้นปลายชีวิต  ผมขาวโพลนทั้งศรีษะ  เขานั่งคร่ำครวญอยู่ริมถนนผู้คนผ่านไปมาเห็นเขาร่ำไห้จึงพากันถามไถ่ถึงสาเหตุ  เขาเล่าว่าตนพยายามสอบเข้ารับราชการหลายครั้งทว่าไร้ผล  ช่วงวัยหนุ่ม เรียนเพื่อจะเป็นเสมียนเตรียมพร้อมรับราชการแต่ฮ่องแต้ต้องการผู้ที่อาวุโสกว่าเขาจึงหมดโอกาส  ต่อมาครั้นฮ่องเต้นิยมชมชอบคนที่มีผีมือการต่อสู้เข้ารับราชการเขาก็ไปศึกษาการต่อสู้ แต่เมื่อเขาเรียนสำเร็จฮ่องเต้ก็สิ้นพระชนม์  ฮ่องเต้องค์ต่อมาก็นิยมคนหนุ่มเขารับราชการถึงตอนนี้เขาก็แก่ชราจึงหมดโอกาสเข้ารับราชการ

จากนิทานเรื่องนี้  สอนให้รู้ว่าการทำงานใดๆจำเป็นต้องมีการพัฒนาตนเองก่อนไม่ใช่รอให้เหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นก่อนจึงจะเริ่มศึกษาและลงมือทำ เพราะหากสถานการณ์เปลี่ยนไปสิ่งที่เราวางแผนไว้หรือกำลังทำยังไม่สำเร็จเป็นรูปธรรมก็ต้องเปลี่ยนวิธีทำงานเพื่อสนองต่อสิ่งกระตุ้นนั้น ถ้าเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆก็เหมือนชายผู้นี้ที่จะวนเวียนไม่รู้จบสิ้นและไม่สำเร็จ

ความลงตัวของชีวิต

ทุกอย่างคือความลงตัวของชีวิต
เคยได้ยินไหมครับที่เขาบอกว่าชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร  จริงๆแล้วไม่ว่าชีวิตจะเป็นยังไงก็แล้วแต่
เราต่างหากคือผู้สร้างละครเรื่องนั้นขึ้นมา   หลายคนชอบที่จะสร้างเงื่อนไขสร้างข้อจำกัดให้กับตัวเอง

ฉันทำไม่ได้บ้างละ  ฉันสู้เขาไม่ได้บ้างละ

แท้ที่จริงแล้วไม่มีอะไรทั้งนั้น  ความกลัวลึกๆในใจคุณต่างหาก  สาระสำคัญของเนื้อหาคือ  เราจะสลัดความกลัวนี้ออกไปได้อย่างไร  ?

ก่อนอื่นต้องตั้งคำถามก่อนครับว่าคุณกลัวอะไร ?  อะไรที่คุณกลัวคุณต้องลงมือทำมันครับ  การลงมือทำจะทำให้เราเอาชนะความกลัวไปได้  บางสิ่งอาจไม่สำเร็จแต่เชื่อได้เลยครับ  ทุกบาดแผลคือบทเรียนที่ดี ชีวิตไม่มีอะไรได้มาง่ายๆหรอก  คุณต้องให้บางสิ่งเพื่อแลกกับบางสิ่ง  ทุกอย่างเป็นเรื่องปกติธรรมดาของชีวิต

หากหมอดูบอกคุณว่าคุณจะประสบความสำเร็จแบบสูงสุด  แต่คุณไม่ลงมือทำอะไรมันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว  ทุกอย่างต้องเกิดจากการลงมือสร้างมันขึ้นมาจากความกลัวลึกๆในใจเรานั้นแหละครับ  เมื่อกลัวจงลงมือทำ  อย่าให้ความกลัวมากัดกินหัวใจคุณ ศึกษาหาความรู้ให้มากๆแล้วความกลัวคุณจะลดลง  ความเสี่ยงยังไงก็ต้องเกิดขึ้นในชีวิตของเราทุกคนอยู่แล้ว  เราต้องยอมรับมันและลดความเสี่ยงให้น้อยที่สุด  ขอให้ทุกคนโชคดีครับ

คุณให้ในสิ่งที่ไม่มีไม่ได้หรอก

ผมอ่านหนังสือ HOW TO หลายเล่ม มักจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเราต้องเป็นผู้ให้  ยิ่งให้ยิ่งได้  เรื่องนี้ถ้าย้อนกลับมาดูกันจริงๆ  ผมเชื่อนะแต่การที่เราจะให้ในสิ่งที่เราไม่มีเป็นไปไม่ได้อย่างเเน่นอน

เช่น

คุณยังไม่รักตัวเองเลย                 คุณจะให้ความรักกับคนอื่นได้ยังไง
คุณเป็นคนจิตใจคับแคบ              คุณจะแบ่งปันให้กันคนอื่นได้ยังไง
คุณเป็นคนไม่เคยยิ้มให้ตัวเอง    คุณจะยิ้มให้ผู้อื่นได้ยังไง
คุณไม่เคยจริงใจกับตัวคุณเอง   คุณจะจริงใจกับคนอื่นได้ยังไง
คุณไม่เคยซื่อสัตย์กับตัวเอง       คุณจะซื่อสัตย์กับคนอื่นได้ยังไง

เห็นไหมละครับว่าเราไม่สามารถให้ในสิ่งที่เราไม่มีได้หรอก  ก่อนจะเป็นผู้ให้ที่แท้จริงคุณต้องฝึกฝนตัวเองให้มีในสิ่งเหล่านี้ก่อน  ลองย้อนกลับมามองที่ตัวเองก่อนครับว่าคุณมีดีอะไร  จากนั้นค่อยๆพัฒนาสิ่งนี้แล้วส่งมอบให้กับผู้อื่น  เชื่อเลยครับว่า คุณจะได้สิ่งที่คุณต้องการกลับมา จงให้ในสิ่งที่เขาต้องการก่อนแล้วคุณจะได้ในสิ่งที่คุณต้องการ

คนเราในสังคมปัจจุบันชอบทำให้ตัวเองดูสมบูรณ์แบบ  ทั้งที่จริงก็แค่หน้ากากที่สวมไว้เท่านั้น  ไม่มีใครไม่รู้หรอกครับว่า  คุณมีจุดอ่อนอะไร  ในตอนแรกเขาอาจจะเชื่อจากคำพูดของคุณแต่พอนานเข้าการกระทำเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์คุณได้ดี  คำพูดจะค่อยๆลดความน่าเชื่อถือลงหากคุณไม่สามารถเป็นในสิ่งที่คุณพูดได้  ฉะนั้น จงรักษาคำพูด  และจงเป็นในสิ่งที่คุณพูด  ง่ายๆเท่านี้เองครับ

ถ้าโลกหยุดหมุน

ตอนเป็นเด็กผมเคยได้ยินผู้ใหญ่บางท่านบอกว่าโลกจะแตก  ด้วยความเข้าใจแบบเด็กเราก็เชื่อแบบเด็กว่าโลกจะแตกจริง  เมื่อโตขึ้นเราได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น  ก็ทำให้รู้ว่าแท้ที่จริงโลกไม่ได้แตก  แต่โลกร้อนขึ้นจากการกระทำของมนุษย์และภัยธรรมชาติต่างๆ  ที่ทำลายล้างโลกของเราอยู่ทุกขณะ  นานวันเข้ามนุษย์อาจไม่มีเหลืออยู่บนโลกใบนี้

สมมติถ้าโลกหยุดหมุนตอนนี้  คุณเคยตั้งคำถามกับตัวเองไหม  คุณจะทำอะไรและจะอยู่กับใคร ?
ถึงตอนนั้นเป้าหมายอะไรก็ไม่สำคัญแล้วละครับ  ใจคุณนั้นแหละอย่าวิตกกับสิ่งที่เกิดขึ้น  อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดครับ  มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีหัวใจ  อย่าให้อะไรมาทำให้จิตใจคุณหดหู่หรือย่ำแย่  คุณควบคุมมันได้  ปล่อยวางทุกอย่างเมื่อใจคุณสบายอะไรก็ง่ายไปหมด  ปัญหาทุกอย่างมีทางออก ถึงแม้โลกจะหยุดหมุนก็ทำอะไรคุณไม่ได้หรอกถ้าจิตใจคุณยังเป็นปกติ  ขอให้สู้ต่อไปอย่าได้ท้อแท้กับชีวิต  เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ

ความหนักแน่นในใจคน

มนุษย์เรามีข้อเสียอย่างหนึ่งครับ  ที่แก้ยากมากคือ มองเห็นข้อเสียของผู้อื่นไปหมด ทีข้อเสียของตัวเองกลับหาข้ออ้างสารพัดต่างๆ  ตัวผมก็เคยเป็นแบบนั้น  สาเหตุหลักๆ มาจากตัวเรา  ชอบเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับผู้อื่นที่เหนือกว่า ถ้ามองกันตามตรงนะ  คนเราไม่เหมือนกันหรอกใครจะมาดีกว่าใครไม่ได้  แต่ละคนล้วนมีทางเดิน มีเป้าหมายของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น  การเปรียบเทียบคนนั้นดีกว่าคนนี้ เป็นเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ  ถ้าผมถามคุณกลับว่าลองบอกนิสัยแย่ๆของคุณหรืออะไรที่คุณถนัดมาสัก 5 อย่าง เชื่อไหมครับคุณแทบจะตอบไม่ได้เลย เพราะอะไรหรือครับก็คุณไม่เคยสำรวจตัวเองเลย  คนที่ไม่เคยอบรมกายใจจะไปรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองได้อย่างไร  วันๆเอาแต่เพ่งโทษคนอื่น ไม่รู้ทำไปเพื่ออะไรทุกข์ใจเปล่าๆ

ชีวิตนี้มันสั้นนัก  เลือกใช้ชีวิตในแบบพอเหมาะพอดีรู้จักเดินทางสายกลาง  อยู่กับปัจจุบันเฝ้าดูจิตของเราเอง  ชื่นชมความสำเร็จของตัวเอง  ชื่นชมในความสำเร็จของผู้อื่นบ้าง มนุษย์ล้วนต้องการกำลังใจในการใช้ชีวิต  หากคุณไม่เติมเต็มพลังใจของคุณ นานเข้าชีวิตคุณก็จะหดหู่ได้  ยังไงก็หมั่นเติมเต็มกำลังใจให้กันและกันทุกวันนะครับ   

การฝึกจิตภายใต้ภาวะความกดดันสูง

คุณเคยเห็นลูกตุ่มนาฬิกาไหมมันจะแหว่งจากซ้ายไปขวา  และจากขวาไปซ้าย

เปรียบได้กับชีวิตคนเราจะมีด้วยกัน 2 ด้านก็คือ จากดีไปชั่ว จากชั่วมาดี

เรากำหนดปัจจัยภายนอกไม่ได้ แต่เราสามารถควบคุมความรู้สึกนึกคิด

ภายในจิตใจเราได้  การฝึกจิตจึงเป็นศาสตร์ที่สำคัญเป็นอย่างมาก

จิตใจมนุษย์เป็นอะไรที่ควบคุมยากเหมือนลิงเลย  มันจะวิ่งวุ่นไม่หยุดอยู่ตลอดเวลา  ยิ่งคิดก็ยิ่งวุ่นปัญหาต่างๆที่เข้ามาในชีวิต  แท้จริงไม่ใช่ปัญหาหากแต่เป็นใจคุณต่างหากที่ไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ปล่อยให้ความมีอัตตาเข้ามาความทุกข์จึงเกิดขึ้น  วิธีทำให้เราไม่ทุกข์คือ รู้ทุกขณะจิต  รู้ว่าตอนนี้ทุกข์แล้วก็ปล่อยวาง  รู้ว่าสุขแล้วก็ปล่อยวาง  ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอนการที่เรามาอยู่จุดนี้ได้   ก็มาจากบางสิ่งที่อยู่ในใจเรานั่นแหละผลักดันเราเข้ามา  วิธีแก้คือ ยอมรับความจริงและเรียนรู้จากมัน  เมื่อคุณเข้าใจปัญญาจะเกิดขึ้น  

ตัวปัญญานี้สามารถแก้ปัญหาได้ทุกอย่างไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานการณ์ใด  บุคคลที่ประกอบด้วยปัญญาคือ บุคคลที่ฝึกฝนตัวเองมาเป็นอย่างดี  ใครก็ทำอะไรเขาไม่ได้  ดังสุภาษิตไทยที่ว่า "คนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้"  ขอให้คุณจงยืนหยัดในคุณงามความดีของคุณให้มาก

การสร้างคุณค่าให้กับตัวเองสำคัญไม่น้อยที่จะพัฒนาสติปัญญาของคุณให้อยู่ในระดับที่สูงขึ้น  ในทุกวันผมอยากให้คุณลองพูดกับคนในกระจกว่า  ฉันจะพัฒนาคุณค่าของฉันให้เพิ่มขึ้นวันละ 100 เท่า ทุกวันติดกันสัก 30 วัน  คุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงทันที ยังไม่ต้องเชื่อผมนะ ลองนำไปทำดูก่อนแล้วค่อยมาว่ากัน

เอาละครับวันนี้ก็พอจะทราบเบื้องต้นกันแล้ว  ยังไงผมก็อยากให้ทุกท่านทำอย่างสม่ำเสมอนะครับ  ความสม่ำเสมอ เป็นหัวใจของความสำเร็จที่ยั่งยืน  ตื่นเช้ามาลองฝึกสมาธิวันละ 5 นาที หรือเจอเหตุการณ์อะไรมากระทบกระทั่งคุณ  จงบอกกับตัวเองมันสำคัญกับคุณจริงๆเหรอ หากไม่ก็อย่าเอามาคิดให้ปวดหัวเลย  เดินหน้าทำตามความฝันของคุณต่อไป รางวัลมีแด่ผู้ชนะเท่านั้น

องค์กรที่สร้างสรรค์ต้องสรรค์สร้างสิ่งใด

หลายคนปรารถนาอยากให้มีองค์กรในฝันตามที่ตัวเองต้องการ (แต่ก็ผิดหวัง)
บรรยากาศในการทำงานสำคัญมากต่อความสำเร็จของงาน
ถ้าเราอยากให้องค์กรน่าอยู่ควรทำอย่างไร ?

1.ระบบ    ง่ายและคล่องตัวลดขั้นตอนและความซับซ้อนในการทำงาน
2.ส่วนร่วม  ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในทุกกิจกรรมที่องค์การจัด  ต้องเปิดโอกาสให้พนักงานได้มีส่วนในการแสดงความคิดเห็น มิใช่แค่อยากทำก็จัดขึ้น  เชิงบังคับทางอ้อมสิ่งนี้ย่อมไม่ดีแน่
3.สามัคคี  การทำงานต้องมีภาพรวมอย่าแบ่งแผนกใครแผนกมัน  ตัวข้ารอดคนอื่นไม่สน  หมดยุคแล้วครับเพราะการทำงานแบบนี้มีแต่ทำให้องค์กรเน่าแล้วผลประกอบการก็เน่าไปด้วย
4.การประชุม  หลายองค์กรประชุมบ่อยมากเป็นว่าเล่น  เสียเวลาในการทำงานเป็นอย่างมาก การประชุมเป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องชัดเจนและมีข้อสรุปที่นำไปใช้ได้ทันที
5.หาเวลาพักบ้าง  การทำงานที่มีประสิทธิภาพ  ควรให้เวลาพนักงาน Relax บ้างมิใช่เอาแต่ทำงาน  ประสิทธิภาพของการทำงานย่อมสำคัญกว่าตัวงานที่ได้

องค์กรที่สร้างสรรค์  จะสรรค์สร้างได้ต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย  "ผู้นำองค์กร" ต้องมีส่วนที่พลักดันและเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกทีม  รับฟังปัญหา พบปะพูดคุย สร้างวัฒนธรรมองค์กรให้น่าอยู่  ต้นแบบที่ดีก็ทำให้เกิดสิ่งดีดีได้เสมอ  การจะรักษาคนเก่งให้อยู่กับองค์กรยากมาก  ยิ่งในยุคปัจจุบันที่ลูกจ้างไม่ค่อยภักดีต่อองค์กร  พฤติกรรมการเปลี่ยนงานบ่อยมากต้องร่วมมือร่วมใจกันครับ  แล้วองค์กรของคุณจะน่าอยู่มีแต่คนเก่ง คนดีๆ วิ่งเข้ามาทำงานด้วย โดยที่คุณไม่ต้องเสียต้นทุนในการสรรหาคนเลย  จัดไป..

คำมั่นสัญญา

หลายปีมานี้ตั้งแต่ที่ยายผมเสียไป  รู้สึกว่าชีวิตผมมีเรื่องราวต่างๆเข้ามากมาย  จนบางครั้งชีวิตแทบจะล้มทั้งยืน  ขอบคุณยายจริงๆที่คอยเฝ้าพร่ำสอนผมตลอดมาให้ผมเป็นคนจิตใจดี  และขอบคุณพุทธศาสนาทำให้ผมเป็นคนใจเย็นมากขึ้น   เวลาที่เรารู้สึกผูกพันกับบางอย่างจนไม่สามารถปล่อยวางมันไปได้ก็ทำให้เราเป็นทุกข์  ชีวิตคนเรายังไงก็ต้องเดินหน้าต่อ  ไม่มีอะไรดีไปหมดหรอกครับ  แม้แต่สิ่งที่ดีที่สุดก็ยังมีจุดที่ผิดพลาดได้

ผมมั่นใจในตัวเองมาตลอดว่าตัวเองไปได้ไกลกว่านี้  ผมพร่ำบอกตัวเองตลอดเวลาทุกอย่างเริ่มจากความเชื่อ  เชื่อมั่นในตัวเอง  ทัศนคติคือตัวปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กเรื่อยมาจนเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่  แรงบันดาลใจจากคนที่เรารักสำคัญมาก  ยายสอนให้ผมเรียนรู้การใช้ชีวิต สอนแบบอย่างการใช้ชีวิต  รู้จักแบ่งปันผู้อื่นไม่ทำตัวให้เป็นคนใจเเคบ  ขอบคุณจริงๆครับยาย

ฟังเสียงเรียกร้องข้างในของคุณให้ดี

คุณเป็นเช่นผมไหมเวลาที่พักผ่อนไม่เพียงพอ  หรือโรคนอนไม่หลับพอตื่นขึ้นมาอีกวันทำให้คุณรู้สึกจิตใจหดหู่   เหมือนร่างกายถูกดึงดูดพลังไปเสียหมด  บางครั้งสิ่งที่คุณกังวลหรือรบกวนจิตใจคุณนั้นแหละคือสาเหตุ  ชีวิตยังไงก็ต้องการสร้างความสมดุลให้กับชีวิต  การทำอะไรสุดโต่งไปก็ไม่ดี  จะอะไรก็แล้วแต่ครับ  วิธีการง่ายๆเลย หายใจเข้า หายใจออกให้ลึกๆเข้าไว้ครับ  อย่าไปนึกถึงเรื่องที่ทำให้คุณหดหู่  แต่ให้โฟกัสไปในสิ่งที่คุณต้องการดีกว่า

หลายคนคงรู้จักบุคคลในภาพกันดี  ผมไม่ขออธิบายให้ยาวหรอกครับ  เวลาที่ผมท้อแท้หมดกำลังใจผู้ชายคนนี้เป็นตัวจุดพลังใจให้ผมได้ตลอดเลย  วิธีคิดและทัศนคติของเขาเป็นเสมือนยาดีเลยทีเดียวลองไปฟังดูครับ

1.ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
2.คุณสมบัติของคนที่ประสบความสำเร็จ คือ กระตื้อรื้อร้น มีเสน่ห์ และคิดบวก
3.เชื่อมั่นในตัวเองว่าทำได้
4.ทำงานให้สนุกและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
5.ทำตามเสียงเรียกร้องภายใน ระหว่างสิ่งที่คุณอยากทำ หรืออยากเป็น
6.อย่าทำสิ่งไม่ดี
7.การจดบันทึก กิจวัตรประจำวันที่ต้องทำ เช่น รายชื่อคนรู้จัก  จดความคิดต่างๆ จดประเด็นสำคัญๆ

อย่าอ้างว่าเพราะโชคชะตาให้คุณมาอย่างนี้  ทุกอย่างไม่ได้อยู่ที่โชคชะตา  ขอเพียงแค่คุณอย่าไปสร้างข้อจำกัดให้ตัวเอง  ปิดหู ปิดตา ลองฟังเสียงของหัวใจของคุณดู  แล้วคุณจะพบแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

อะไรคือสิ่งที่คุณรู้สึกหนักใจ

ปัญหาถือไว้ก็หนักใจ
ปล่อยวางปัญหาก็เบาใจ

เคยสงสัยไหมครับว่าอะไรคือสิ่งที่ชักนำชีวิตของคุณให้ต้องวิ่งไปข้างหน้า  เหมือนหนูที่วิ่งในวงล้อสุดท้ายก็ไปไม่ถึงไหนสักที  เหนื่อยเปล่า

เงินทอง  ชื่อเสียง  ความสำเร็จ  การยอมรับ สิ่งเหล่านี้คือความสุขที่แท้จริงหรือไม่?

คำนิยามของความสุขในแต่ละคนแตกต่างกัน  บางคนคาดหวังมาก (ทุกข์มาก) บางคนคาดหวังน้อย (ทุกข์น้อย) บางคนก็ไม่คาดหวังอะไร (สบายใจ)  คุณอย่าเอาปัจจัยภายนอกมาเป็นตัววัดความสุขภายในของคุณเลย  ไม่อย่างนั้นคุณก็หาไม่เจอหรอกชีวิตนี้

วันก่อนผมดูรายการช่อง Thaipbs  เกี่ยวกับประวัติ ชาร์ลี  แชปลิน  มีประโยคหนึ่งที่ผมชอบมาก  ชาลีพูดว่า  "เขาคิดอยู่เสมอว่าเขาคือนักแสดงมืออาชีพ"  ทั้งที่ในตอนนั้นเขายังเป็นแค่คนพเนจรไม่มีชื่อเสียงอะไร  ชีวิตคนเราไม่แน่จริงๆ  ทุกอย่างอยู่ที่ตัวคุณทั้งนั้นเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตให้กับตัวเอง  คุณมองตัวเองเป็นยังไงพฤติกรรมการแสดงออกของคุณย่อมแสดงแบบนั้นอย่างชัดเจน  ที่เหลือก็คือมั่นใจในสิ่งที่คุณทำ  คุณอาจกำหนดโชคชะตาไม่ได้แต่ทัศนคติของคุณกำหนดมันได้แน่นอน

อย่าตกเป็นทาสของคนอื่น

ทุกวันนี้เปิดเวปเกี่ยวกับการพัฒนาตัวเอง มีแต่ขายคอร์สสัมมนาทั้งนั้น  ในฐานะที่ผมก็คนหนึ่งนะครับที่ชอบเข้าสัมมนามากแท้จริงแล้วการเข้าสัมมนามันก็มีส่วนดีอยู่บ้างในเรื่องการสร้าง Connection แต่หากสิ่งที่สำคัญยังไงก็คือ การลงมือทำที่เป็นความสำเร็จทุกประการ  ผมเห็นหลายท่านเข้าสัมมนาเยอะมากแต่ก็หาจะประสบความสำเร็จไม่  เป็นเพราะจิตใจมัวแต่กลัวเลยพยายามหาคนที่จะมาเป็นบุคคลต้นแบบให้  เอาจริงๆนะครับ  ไม่มีใครเป็นต้นฉบับให้ใครได้ทั้งหมดหรอกครับ  ทุกคนต่างมีทางเดินของตัวเอง สิ่งที่เราทำได้แค่รับฟัง  แต่ตัวเราต้องเชื่อในสิ่งที่เราทำอย่าไปฟังคนอื่นให้มาก ความสำเร็จของเขาย่อมเป็นผลประโยชน์ของเขาครับ

เคล็ดลับความสำเร็จวันนี้
1.อย่าเชื่อคนอื่นให้มาก
2.อะไรที่เขาว่าดี แสดงว่ามันใกล้หมดความนิยมแล้วจงอย่าไปทำตามเขา
3.หาจุดเด่นของตัวเอง เช่น ศึกษาพฤติกรรม ความชอบ งานอดิเรก
4.ฝึกการใช้เหตุผลให้มากกว่าอารมณ์
5.รู้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการศึกษาข้อมูลให้มากๆ อย่าเอาแต่ให้ผู้อื่นป้อนข้อมูลให้

ความสำเร็จไม่มีอะไรตายตัว  คุณเท่านั้นที่รู้เชื่อในตัวเอง  ลงมือทำเท่านั้นคือ หัวใจของความสำเร็จ

Queen of Hope (ราชินีแห่งความหวัง)

ชีวิตจริงของเราไม่เหมือนกับเกมส์  เมื่อเวลาพลาดไปแล้วจะสามารถกลับไปเริ่มต้นใหม่ได้  เทียบกับชีวิตจริง เมื่อคุณเจอทางตัน ท้อแท้ หมดหวัง หมดกำลังใจในชีวิต  เราทำแบบเกมส์ไม่ได้  ทางเดียวที่เราทำได้ ก็คือ  "ลุกขึ้นมาใหม่"

เมื่อวานผมไปนั่งทำตุ๊กตาล้มลุกที่สวนโมกข์เพื่อผู้ป่วยโรคไต  (เครือข่ายพุทธิกา)

วัตถุประสงค์  ของการทำคือ เราต้องการให้ผู้ป่วยที่กำลังท้อแท้ หมดกำลังใจ ได้ลุกขึ้นสู้ใหม่ กับมามีชีวิตในแบบที่เขาสามารถเลือกทางเดินของตัวเองได้

ตุ๊กตาทุกตัวที่เราทำเป็นเสมือนตัวแทนของทุกคนที่ต้องการให้กำลังใจกับผู้ป่วย  ไม่ว่าจะล้มสักกี่ครั้งก็ตาม  เราก็ต้องลุกขึ้นมาให้ได้  ความผิดพลาดเป็นหนทางแห่งความสำเร็จ เมื่อล้มบ่อย ๆ ก็ย่อมรู้ถึงจุดผิดพลาดที่ผ่านมา  ทำให้เราได้รู้จักนึกทบทวนตัวเองไปด้วย

ตุ๊กตาที่ผมทำ "Queen of Hope" ราชินีแห่งความหวัง  ชื่อนี้ผมตั้งเองครับมีตัวเดียวในโลก ก็ขอเป็นตัวแทนของทุกคนในการเป็นกำลังใจให้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วย  คนที่ท้อแท้ หมดกำลังใจ คนที่กำลังคิดสั้น
เมื่อเห็นตุ๊กตาตัวนี้  ขอให้ทุกท่านจงได้รับพลังที่ยิ่งใหญ่เหมือนกับราชินีที่เป็นแต่ผู้ให้  ให้ด้วยความเสียสละที่แท้จริง  ใกล้ถึงวันแม่เข้ามาทุกทีแล้วครับ  วันแม่ปีนี้ก็ขอพรให้ "สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ" จงพบแต่ความสุข มีอายุยืนนาน มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตลอดไปครับ

1. 
   

ทุกอย่างคือเสน่ห์ของเรื่องราว

ทุกครั้งที่ผมเขียนบทความ  เสน่ห์ของเรื่องราวที่เราต้องถ่ายทอดให้ผู้อ่านคือที่สุดแล้ว  ผมเพิ่งทราบไม่นานมานี้เองว่า อิริยาบทมีผลต่อความสำเร็จในชีวิตเป็นอย่างยิ่ง  ทุกคนจะเชื่อว่าคุณเป็นอย่างไรก็ต่อเมื่อคุณได้แสดงสิ่งนั้นออกมา ไม่ใช่แค่คำพูดเท่านั้น

ถามว่า  คำพูดมีผลต่อความสำเร็จไหม มีครับแต่ไม่มาก ยกตัวอย่างนะ คุยเคยเห็นคนรู้จักหรือเพื่อนหลายคนของคุณที่พูดเก่งๆ  ถามว่าเขาขายของเก่งไหม?  น่าคิดนะครับว่าสาเหตุมาจากอะไรกันแน่วันนี้ผมมีเคล็ดลับมานำเสนอสัก 3 ข้อลองนำไปปรับใช้ดูนะครับ

1.การแสดงออกทางสีหน้า  มีประโยคเด็ดครับพูดไว้ว่า "จงเป็นคนเปิดเผยอย่าทำตัวลึกลับเกินไปทำให้คุณหมดเสน่ห์ลงได้"  จำไว้เลยครับ ถึงคุณไม่พูดมันก็แสดงออกทางสีหน้าคุณอยู่แล้ว

2.การยิ้ม  เวลาที่คนเรายิ้มมันมีพลังบางอย่างให้ตัวเราและบุคคลที่สนทนาด้วยรู้สึกผ่อนคลายและเป็นมิตร

3.การทบทวนอิริยาบทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การพูด ยืน นั่ง และการแต่งกาย ผู้คนตัดสินคุณจากการกระทำไม่ใช่คำพูด  จงทำตัวเองให้เป็นอย่างที่คุณต้องการที่คุณจะเป็น

คนทุกคนต่างก็มีเรื่องราวที่น่าสนใจ ผ่านเข้ามาในชีวิตมากมาย  การเลือกนำเสนอแต่มุมมองที่ดี และปกปิดในส่วนที่ไม่ดี  หากคิดพิจารณาดูแล้วสิ่งที่พูดออกไปไม่ได้ทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นก็อย่าพูดดีกว่าครับ  คิดก่อนพูด  เพราะคำพูดเมื่อพูดออกไปแล้วเราเอากลับคืนมาไม่ได้ ต่อให้คุณลบล้างด้วยการทำความดีเป็นร้อยเท่า พันเท่า  แต่ภาพที่อยู่ในใจอีกคนมันให้เราติดลบไปแล้ว ฝากไว้ด้วยนะครับ

ต้นทุนที่ดีที่สุดในชีวิต

หลายคนวิ่งวุ่นเพื่อหาความร่ำรวย  ความสุข  ความสมหวัง  แท้จริงแล้วสิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องวิ่งหาที่ไหน  มันอยู่รอบตัวเราอยู่แล้ว เข้าเรื่องกันดีกว่า

คุณว่าคนๆหนึ่งประสบความสำเร็จมากมายเกิดจากอะไร?

เกิดจากการพัฒนาตัวเองไงครับ  การพัฒนาตัวเองเป็นทักษะที่ดีที่สุดที่จะเป็นบันไดให้คุณไปสู่ความสำเร็จได้   โลกหมุนเร็วมาก  หากคุณไม่ต่อยอดทักษะและเรียนรู้พัฒนาทักษะในด้านต่างๆในตัวคุณ คุณอาจเป็นคนที่ถูกลืมได้  วันนี้ผมขอยกตัวอย่างทักษะที่จำเป็นเบื้องต้น ดังนี้

1.ทักษะด้านการสื่อสาร  สิ่งนี้สำคัญมากการสื่อสารเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของความสำเร็จ
2.ทักษะด้านการเจรจาต่อรอง
3.ทักษะด้านการจดจำ
4.ทักษะด้านการสร้างความสัมพันธ์  

ทักษะเหล่านี้เป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง ล้วนมีผลต่อการสร้างพื้นฐานที่ดีที่ไปสู่ความสำเร็จสูงสุดในชีวิต  การรู้จังหวะ รู้กาลเทศะ รู้จักอดทนอดกลั้นและรู้จักรอ  บางครั้งโลกจะส่งบทเรียนซ้ำๆมาให้คุณเพื่อให้คุณรู้ตัวว่าถึงเวลาที่คุณต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง  หาไม่แล้วคุณก็ต้องเจ็บปวดกับเรื่องที่เกิดขึ้นจนคุณต้องยอมแพ้ไปเอง  เลือกโฟกัสเฉพาะสิ่งที่ใช่และจำเป็นกับเป้าหมายของเราในอนาคต  เวลาเจอคนที่ไม่ใช่ เรื่องเล็กๆน้อย ให้คุณฝึกตั้งคำถามกับตัวเองว่า มันส่งผลกับอนาคตของเราหรือไม่ หากไม่ก็อย่าเอาเวลามาหมกหมุ่นอยู่กับมันเลยครับ   ชีวิตคุณเลือกทางเดินของคุณได้ไปเริ่มค้นหากันได้แล้วครับ

อยู่ที่ตัวคุณต่างหากหาใช่สิ่งอื่นไม่

ผมเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือแนวปรัชญาชีวิตเอามากๆ  ผมว่ามันสอนอะไรได้ดีเลยทีเดียว
บางครั้งผมเฝ้าถามตัวเองตลอดเวลาว่า  ผมเกิดมาเพื่ออะไร  และผมต้องการทำอะไร  หลายปีมานี้ผมเริ่มแน่ใจตัวเองมากขึ้นแล้วครับว่า  สิ่งที่ผมต้องการทำ คือ

1.ได้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับโลก
2.สันติภาพที่ยั่งยืน
3.ความสุขสงบภายในจิตใจ
4.สอนธรรมมะให้กับผู้อื่นและแนะนำแนวทางที่ถูกต้องในการดำรงชีวิต
5.เป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับทุกคน

สิ่งเหล่านี้คือความต้องการลึกๆในใจของผม  แล้วของคุณละ   อย่าปล่อยให้โชคชะตามาเป็นตัวกำหนดคุณ   คุณกำหนดตัวของคุณเองได้  เริ่มจากความคิดก่อน  มนุษย์เราเป็นสิ่งวิเศษที่จักรวาลสรรสร้างมา เราคือที่สุดของสุด เราสามารถเป็นอะไรก็ได้ที่เราต้องการจะเป็น อย่าสร้างกำแพงขวางกั้นตัวเองจงทลายกำแพงนั้นเสีย  จัดไปครับ

อย่ากลัวไปเลยครับ

มนุษย์ทุกคนมีความกลัวเป็นพื้นฐาน  

ถ้าเรามองย้อนเข้าไปใน "ความกลัว"  

แท้จริงแล้วมันไม่มีอะไร  มันก็คือ  "ความว่างเปล่า"

ความกลัวคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร ?

ความกลัว =  ความคิด +  ความรู้สึก + ขาดการลงมือทำ

เราจะเห็นได้ว่าทุกสรรพสิ่งเป็นของไม่เที่ยง  ธรรมชาติสอนให้มนุษย์ทุกคนเกิดมาเพื่อเรียนรู้  เพื่อให้พ้นทุกข์  ไม่ว่าคุณจะเจอกับเรื่องที่ดี  หรือแย่สุดๆ  ขอให้คุณอดทนมีสติอยู่ตลอดเวลา  อย่าไปหลงติดสุขติดทุกข์  เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่มีอยู่จริง เป็นแค่อารมณ์เฉยๆ เมื่อจิตใจคุณปล่อยวางเห็นการเกิดดับคุณจะเริ่มทำในสิ่งที่ถูกต้อง  คุณจะกล้าใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ  คุณจะรู้จักให้ รู้จักเสียสละให้กับเพื่อนร่วมโลก  และจะพบหนทางแห่งความสงบ

ทุกอย่างเกิดขึ้นจากการกระทำทั้งสิ้นจง "คิด พูด ทำ" แต่สิ่งที่ดีอยู่ตลอดเวลา  อย่ากังวลกับอดีต หรือห่วงอนาคตจนลืมมีความสุขอยู่กับปัจจุบัน  จงจำไว้เสมอว่า "ปัจจุบันสำคัญที่สุด"

เมื่อรู้ตัวว่าอยู่ที่สูงก็จงเตรียมตัวลงที่ต่ำ

ชีวิตเป็นสิ่งไม่แน่นอน  เมื่อวานผมมีโอกาสได้ขับมอเตอร์ไซต์เที่ยวรอบเกาะล้าน  เป็นอะไรที่ไม่ได้ทำมานานมาแล้ว โดยเฉพาะการขับรถขึ้นลงเขา บางคนกลัวที่จะขึ้นไปที่สูง  แต่ความจริงการขึ้นที่สูงไม่น่ากลัวเท่าการลงจากที่สูงหรอกครับ  ถ้าใจไม่เด็ดพอทำไม่ได้นะ คุณต้องใจแข็งและมีสติตลอดเวลาเพราะต้องคอยเบรครถเพื่อลดแรงต้าน

แท้จริงแล้วธรรมชาติรอบตัวสอนเราทุกอย่างอยู่แล้ว  เราแค่เปิดใจเรียนรู้จากมัน  บางครั้งจิตใจเราว้าวุ่นกลัวอะไรไปหมดจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้  การมีสติจึงเป็นเรื่องพื้นฐานที่สำคัญของคนเรา  นอกจากตัวสติแล้วก็คือ "ความอดทน อดกลั้น" เพื่อรอคอยจังหวะที่เหมาะสมในชีวิต  เลือกอยู่ในสนามที่เหมาะกับตัวคุณ  เลือกอยู่กับสิ่งที่ใช่ คนที่ใช่ แล้วชีวิตเราก็มีแต่จะขึ้นไปสู่จุดที่สูง  ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงขาลงก็ลงแบบไม่เหมือนการพุ่งแหลม

ทุกวันผมพยายามใช้ชีวิตอย่างช้าๆ  พยายามซึมซับแต่เรื่องดีๆเข้าไปในจิตใจ  ก็เหมือนกับการปลูกต้นไม้คุณอยากให้ต้นไม้คุณออกดอกผลสวยงามแค่ไหน  ก็คือสิ่งที่คุณรับเข้าไปในใจคุณนั่นเอง  ผมอาจไม่ใช่คนที่ดีที่สุด  แต่ผมจะทำตัวเองให้มี "คุณค่า" มากที่สุดให้กับโลกใบนี้ ผมสัญญา

บทเรียนชีวิตที่ดีที่สุดไม่มีหรอก

การอยู่กับปัจจุบัน  ยอมรับการเปลี่ยนแปลงโดยที่ไม่ต้องไปคาดหวังอะไรให้มาก บทความนี้ผมเขึยนขึ้นตอนขึ้นเรือไปเที่ยวเกาะล้าน  แท้จริงแล้วสถานที่มิใช่องค์ประกอบทั้งหมดหรอกครับ  หากแต่เป็นตัวบุคคลต่างหาก(คนที่ร่วมเดินทางไปกับเรา) มิตรภาพนั้นสำคัญกว่าสิ่งอื่น  คุณไม่สามารถเลือกเก็บทุกอย่างในชีวิตได้  แต่คุณเลือกว่าจะเก็บสิ่งไหนไว้กับตัวเอง

หลายครั้งที่ชีวิต  โหยหาเรียกร้องบางสิ่งบางอย่างเป็นเพราะใจเราต่างหากที่ไม่รู้จักหยุด  เราพยายามหาบางสิ่งบางอย่าง  เพื่อเข้ามาเติมเต็มในชีวิตของเรา ยิ่งเติมก็ยิ่งขาดเพราะแท้ที่แล้วจริงคนเราไม่ได้ขาดอะไรเลย  มีแต่ใจของเราเท่านั้นที่ยังไม่รู้จักพอ

ลองใช้ชีวิตในแบบที่เป็นตัวของตัวเอง  โดยที่ไม่ใช้ตัวเงินเป็นที่ตั้ง  ใช้เงินให้น้อยหรือไม่ต้องใช้เลยหาความสุขจากสิ่งรอบตัว  บางทีชีวิตก็ทำให้คุณพบทางออกที่แท้จริง

คุณเคยคิดอะไรไม่ออกไหมครับ ?

ไม่ต้องแปลกใจหรอกครับ  นั่นแสดงว่ามีอะไรบางอย่างที่คุณต้องรีบเปลี่ยนแปลงแล้ว  เราอาจกำลังสร้างข้อจำกัดอะไรบางอย่างให้กับตัวเอง  ถึงเวลาที่ต้องพักผ่อนแล้วครับ  ลองเปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนสถานที่  ถึงเวลาที่ต้องออกเดินทางแล้วครับ ถึงแม้ว่าการเดินทางจะพาเราไปที่ไหน  อย่างน้อยมันก็คือ การเดินทางย่อมต้องมีเรื่องราวต่างๆ ให้เราได้เรียนรู้จากมัน

เรามักปล่อยให้ความอยากมาควบคุณจิตใจของเรา  แท้จริงแล้วความอยากนี่แหละตัวทุกข์เลย  ลองเปลี่ยนความอยากเป็น "ความจำเป็นต้องได้"  มันท้าทายกว่า  ลองคิดดูว่า  ถ้าไม่ได้สิ่งนั้นจะมีผลอะไรต่อชีวิตของคุณ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ยังไง  มันไม่ใช่การคาดหวังแต่มันคือ การ กระตุ้นให้ "ลงมือทำครับ"

ลองใช้ชีวิตในแบบที่ไม่เคยใช้มาก่อน  อ่านหนังสือในแนวที่คิดว่าตัวเองไม่คิดจะอ่าน  ไปในที่ที่ไม่เคยไป  ทำอะไรในสิ่งที่ตรงกันข้าม  ทำอะไรที่เสี่ยงๆ  ในชีวิตบางครั้งการออกจาก  Comfort zone บางทีคุณอาจเจอสิ่งที่ใช่  และไม่อยากกลับไปทำในสิ่งที่กำลังทำอยู่ก็เป็นไปได้  ลองหยุดทบทวนทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของคุณ  หาที่เงียบๆ สงบๆ บางทีความเงียบก็คือ "เพื่อนที่ดีที่สุด"  เพียงแค่นี้ชีวิตคุณก็ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว

อยู่กับสิ่งที่เป็นทุกข์ด้วยใจที่ไม่ทุกข์

ความทุกข์  มีอยู่ทุกที่    ความทุกข์  เกิดจากใจ
วิธีที่ทำให้เราไม่ทุกข์  ก็คือ ลดอัตตรา  (ความมีตัวตน)

เมื่อใจคุณสงบ  ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนความทุกข์ก็ทำอะไรคุณไม่ได้
เมื่อปัจจัยภายในดี  ปัจจัยภายนอกจะดีตาม

มีหลายคนบอกว่าทำไมชะตาชีวิตมักจะเล่นตลกกับตัวเอง  หากย้อนกลับไปแล้วถามว่าแล้วคุณว่าทำไมละ  เพราะคุณไม่ระวังความคิดไง  ความคิดเป็นตัวกำหนดการกระทำและนิสัย  ชีวิตเราสามารถกำหนดให้มันขึ้นหรือลงได้  คุณสามารถเป็นอะไรได้ทั้งนั้น

พยายามรู้ทันความคิดของตัวเอง  ฝึกใจของตัวเอง  อดทน อดกลั้น  ต่อความโกรธต่างๆ  เราเปลี่ยนปัจจัยภายนอกไม่ได้ก็จริง  แต่เมื่อภายในเราดีจริงจะมีแรงผลักให้ส่งไม่ดีไกลจากตัวคุณเองครับ  ผมชอบประโยคนี้มาก  "เมื่อศิษย์พร้อมอาจารย์จะปรากฎ"  ลุยครับ

อย่าลด "คุณค่า" ของตัวเองจากคนไม่สำคัญ

บางครั้งเรามักกังวลเกินไปกับบางเรื่องที่ไม่จำเป็น  

หลายครั้ง  พาให้ใจเราทุกข์กังวลกับปัญหาไปหมด

หลายครั้ง  เราก็วิ่งหาความสงบความสุข

หลายครั้ง  เราเอาแต่โทษคนอื่น

พอเถอะครับ  คุณอย่าเอาคนอื่นมาตัดสินคุณ  แต่จงใช้ความเป็น "ตัวตน" ของคุณเป็นที่ตั้ง  อย่าไปคาดหวังการยอมรับจากคนอื่น  คุณต้องยอมรับในตัวเอง เริ่มจากเห็น "คุณค่า" ของตัวคุณเองก่อน

อย่าให้ความสำคัญกับคนที่ไม่ "เห็นคุณค่า" ของคุณเลยครับ  เดินหน้าต่อไปอย่าได้ท้อใจไป  ชะตาชีวิตของคุณ  คุณเลือกกำหนดมันได้  เมื่อโลกภายในของคุณเปลี่ยน  โลกภายนอกของคุณจะเปลี่ยนตาม

เชื่อเถอะครับ  ทำดีให้มากๆเข้าไว้  รักษา ศีล สมาธิ ปัญญาให้สม่ำเสมอ  เคยมีคนบอกว่า  คนเราจะผูกพันหรืออยู่กันได้ยืดยาว คือ "ศีล สมาธิ ปัญญา" ต้องเสมอกัน  เป็นเรื่องจริงครับ  ถ้าคนที่ ศีล สมาธิ ปัญญา ไม่เสมอกัน เมื่อถึงจุดๆ หนึ่ง  ถ้าไม่เราก็เขาโลกต้องผลักให้ออกจากกันอยู่ดี  คนสองคนที่ไม่มีบุญวาสนาร่วมกันย่อมไม่สามารถดำรงชีวิตได้อย่างราบรื่น  ทีนี้ก็อยู่ที่คุณละจะพัฒนาตัวเองไปในด้านไหน  จงใช้ชีวิตทุกวินาทีอย่างมีสติ  เมื่อเจอปัญหาใดๆคุณจะผ่านมันไปได้เอง