วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2562

ปล่อยวางเรื่องความรัก


วันนี้ผมขอพูดประเด็นเกี่ยวกับเรื่องความรักแล้วกันนะครับ  หลายท่านก็คงมีนิยามความรักที่แตกต่างกัน

บางคนมองว่า ความรักคือการที่เราต้องเสียสละซึ่งกันและกัน

บางคนมองว่า  ความรักคือการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน

บางคนมองว่า  ความรักคือความทุกข์ใจและไม่อยากให้คนที่เรารักจากไปหรือไปมีคนอื่น

บางคนมองว่า  ความรักคือการเข้าใจซี่งกันและกันบางทีอาจไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน

แท้ที่จริงคนเรามีสิทธิ์ที่จะรัก  และไม่รัก  การที่เราจะมีความสุขหรือความทุกข์จากความรักนั้น  ผมมองว่ามันอยู่ที่เราเข้าใจความรักมันมากแค่ไหนต่างหาก  ถ้าเราเข้าใจไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบไหนกับเรา  เราก็จะไม่ทุกข์  นั่นเพราะเรามองความรักด้วยความเข้าใจและปล่อยวางนั่นเอง

เราอยู่บนโลกนี้ที่ทุกอย่างรวดเร็วมาก  ทุกคนสามารถติดต่อสื่อสารกันโดยไม่จำเป็นต้องเห็นหน้ากัน  และนี้ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้หลายคู่พบเจอกัน  แม้จะอยู่ต่างชาติต่างภาษา  หรือแม้กระทั่งมีโอกาสที่คู่รักจะนอกใจกันมากขึ้น  เพราะมีโอกาสพบเจอคนใหม่ ๆ ได้ตลอดเวลา  เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนคงต้องพูดกันยาวเลยทีเดียว 

โลกที่เต็มไปด้วยสถานการณ์มากมาย  นั่นเพราะน้ำมือของมนุษย์ทั้งนั้นที่สร้างมันขึ้นมา  หาใช่ใครอื่นไม่  พออายุมากขึ้นเรากลับพบว่าสิ่งที่มีค่าและวิเศษที่สุดในชีวิต  นั่นก็คือการได้อยู่นิ่งๆ  ได้ใช้ชีวิตอยู่กับตัวเองให้มากที่สุด  เลิกหวัง  เลิกโกรธ  คนอื่นให้เร็ว  ชีวิตนี้มันแสนสั้นจนอย่าเอาใครเข้ามาเป็นประเด็นในชีวิตให้คุณต้องลำบากใจ  บางทีเราคาดหวังกับชีวิตมากจนเกินไป  อยากเป็นใหญ่เป็นโต  อยากมีหน้ามีตา  อยากเป็นที่ยอมรับในทางสังคม  แต่ในที่สุดสิ่งที่เราอยาก  ก็ไม่สามารถที่จะตอบสนองความอยากให้กับมนุษย์เราได้  เพราะมันคือสิ่งภายนอกที่บริโภคเท่าไหร่   ก็อยากจะได้มากขึ้นทุกวัน 

ยิ่งไม่อยาก  ยิ่งเจอสุข  นั่นจึงเป็นธรรมมะพื้นฐานง่าย ๆ ในชีวิตประจำวันของเรา  มันจะมีบางช่วงที่ชีวิตคุณรู้สึกเบื่อ ๆ  เหมือนอาการของคนเป็นโรคซึมเศร้า  นั่นเพราะช่วงเวลาที่คุณกำลังขาดแรงจูงใจอะไรสักอย่างในชีวิต  นี่จึงเป็นโอกาสดีที่คุณต้องเริ่มทำอะไรใหม่ๆ  ให้กับตัวคุณเอง  ไม่ใช่มานั่งจมอยู่กับความสุข  จนคุณมองหาความสุขในชีวิตของตัวคุณเองไม่เจอ  ยิ่งค้นมันก็ดูเหมือนว่าชีวิตจะยิ่งไกลออกไปทุกที

โดยเฉพาะความรัก  บางคนเป็นทุกข์เป็นร้อนจะเป็นจะตายกับมันมาก  เสมือนว่าถ้าขาดมันไปแล้วชีวิตทุกอย่างต้องจบ  เราเอาใจไปผูกกับมันมากจนเกินไป  เขาไม่รักก็แค่ปล่อยมือเขาไปเท่านั้นเองครับ   อย่าไปดึงดัน  ถ้ารักเเละเข้าใจแบบปล่อยวาง  ชีวิตคุณก็จะพบแต่สุขไม่ทุกข์หรอก  ความรักที่มีแต่ความทุกข์คุณจะให้มันเข้ามาชีวิตคุณทำไม  แล้วในที่สุดชีวิตก็จะส่งเรื่องเเย่ ๆ เข้ามาเพราะคุณไปดึงพลังงานเหล่านั้นเข้ามา  ฝึกสร้างพลังงานให้กับตัวคุณเอง  สร้างกำลังใจให้ตัวเองอยู่เสมอ  เพื่อเปิดรับสิ่งดี ๆ เข้ามา  อะไรที่ผ่านมาแล้วก็ปล่อยมันผ่านไปเถอะครับ  ทุกอย่างสามารถเริ่มต้นใหม่ได้  สู้ไปด้วยกันครับ

วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2562

ความพอดีของชีวิต

ช่วงนี้ผมไปพักผ่อนยาวเลยครับ  เลยไม่มีเวลามานั่งเขียนบทความหลังจากปีใหม่เลย  ชีวิตหลังปีใหม่ใหม่  ถือว่าได้รับแต่เรื่องดี ๆ เข้ามาในชีวิตมากมายเลยทีเดียว  แต่ก็อย่างที่เรารู้ ๆ กันนั้นแหละครับ  ชีวิตเราจะดีขึ้นหรือไม่  มันก็อยู่ที่ตัวเรานั่นแหละครับ 

ถ้าเราคิดดี  พูดดี และทำดี  ชีวิตเราก็ย่อมจะได้รับเเต่สิ่งที่ดีๆ กลับมา  บางคนเอาแต่น้อยใจในโชควาสนา  เฝ้ารอแต่โอกาสดีๆ  เข้ามาหา แต่หายังไงก็หาไม่เจอสักที  ก็เพราะบางทีโชคดีมันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราได้สร้างมันขึ้นมาเองแล้วหรือไม่  หาใช่โชควาสนาอะไรที่ไหน  เราทุกคนต่างก็ผ่านเรื่องราวมามากมาย  แต่ละเรื่องราวก็ล้วนแต่สอนบทเรียนที่สำคัญ  และจุดเปลี่ยนในชีวิตให้กับเราทุกคนด้วยกันทั้งนั้น

บางคนเอาแต่พูดว่าไม่เห็นชีวิตจะดีขึ้นมาสักที  การเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา  เพียงแต่คุณมองไม่เห็นหรือไม่ได้สักเกตมันต่างหาก  บางสิ่งบางอย่างคุณต้องเปิดใจที่จะต้องเรียนรู้เพื่อก้าวข้าม  สิ่งใหม่  และเริ่มต้นทำอะไรใหม่ ๆ อย่าจำกัดตัวเองหรือไปสร้างข้อจำกัดให้กับตัวคุณเอง  บางทีคุณอาจได้พบโลกใหม่ ๆ  สิ่งใหม่ๆ  อาจนำท่านไปสู่เส้นทางที่ท่านหวังไว้อยู่ก็ได้  ใครจะไปรู้ได้

ชีวิตตอนนี้พอเริ่มปล่อยวางกับทุกสิ่ง  ก็เริ่มมองเห็นอะไรใหม่ ๆ  เข้ามาในชีวิต บางทีก็รู้สึกว่าเรากังวลจนเกินไป  จนมองไม่เห็นสิ่งดีๆ และโอกาสตรงหน้า  การมีชีวิตด้วยความว่างและปราศจาคความกังวลนั่นแหละ  ยิ่งทำให้คุณสามารถสร้างพลังชีวิตได้ดียิ่งขึ้น  ช่วงปีใหม่นี้อะไรที่เป็นความคิดลบ ๆ พลังงานลบ ๆ หรือแม้กระทั่งการบริโภคข่าวสารลบ ๆ  มันยิ่งทำให้ชีวิตผมมีความสุขมากยิ่งขึ้น 

เพียงแค่เราเลือกที่จะใส่ใจกับบางเรื่อง  และปล่อยวางหรือทิ้งกับบางเรื่อง  ชีวิตมันก็ต่างกับลิบลับทีเดียว  เราไม่สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงกับสถานะการณ์บางอย่างได้  แต่เราก็เลือกที่จะมองในมุมมองชีวิตที่ดีงามได้  ไม่มีมนุษย์คนไหนอยากให้จิตใจตัวเองตกอยู่ในความเศร้างหมองหรอกครับ  ทุกคนต่างต้องการชีวิตที่สงบ  และมีอิสรภาพด้วยกันทั้งนั้น  รู้แบบนี้แล้วทำไมต้องเอาชีวิตของตัวเองเข้าไปอยู่หรือจมอยู่กับความทุกข์ทำไมละครับ 

ชีวิตยังไงก็ต้องเดินหน้าต่อไป  เพื่อสร้างเส้นทางใหม่ให้กับชีวิต  ขออย่าหยุดเดินคุณก็จะพบทางเลือกใหม่ๆ  ได้เสมอๆ ยังไงผมก็จะคอยเป็นกำลังใจให้ทุกท่านนะครับ  อย่าคิดว่าชีวิตตัวเองไม่มีทางเลือก  คุณมีทางเลือกเสมอและสามารถเลือกทางเดินให้ตัวเองได้ตลอดเวลา  ถอดใจก็ลุกขึ้นมาใหม่  อย่าหยุดฝันเพราะคนมีฝันเท่านัันแหละครับที่จะทำให้ชีวิตเป็นจริงขึ้นมาได้  หวัดดีครับพรุ่งนี้พบกันใหม่

วันจันทร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2562

ปัญหาการท่องเที่ยวไทยและศิลปะวัฒนธรรมไทย



ปี 2018 ที่ผ่านไปมีเรื่องราวต่าง ๆ มากมายนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว  ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวงก็มาจากน้ำมือของมนุษย์ด้วยกันทั้งนั้น  ถ้าหากต่างคนต่างลดละ  ไม่คิดจะเอาเปรียบซึ่งกันและกัน  ปัญหาเหล่านี้คงไม่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง  ผมขอหยิบยกมาพูด 2 ประเด็นนะครับที่เกิดขึ้นในประเทศไทย  ได้เเก่เรื่องของการท่องเที่ยวที่จังหวัดภูเก็ต  และการขึ้นทะเบียนมรดกโลกของโขน

ทำไมถึงอยากเล่าถึงสองเหตุการณ์นี้  ผมว่ามันกำลังเป็นประเด็นร้อน  ที่ทางโลกโซเซียลต่างมุ่งหาคำตอบกันอยู่ไม่น้อย  ว่าความจริงคืออะไรกัน  ใครคือผู้ที่ต้องเข้ามารับผิดชอบกับการกระทำในครั้งนี้  เริ่มจากเรื่องแรกก่อนนะครับ

เหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ตส่งผลให้นักท่องเที่ยวหายไปในพริบตา แทบจะกลายเป็นเมืองร้าง

เหตุการณ์ก็เริ่มจากมีทัวร์ศูนย์เหรียญก่อนครับ  ซึ่งก่อนหน้านี้ทางรัฐบาลก็ไม่ได้มีกฎกติกาที่เคร่งครัด  ด้วยหวังตัวเลขนักท่องเที่ยวจีน  เพื่อทำยอดรายได้ท่องเที่ยวให้มากขึ้น  มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ  พอเกิดเหตุการณ์เรือล่มปุ๊ป  เลยต้องมานั่งทบทวนกันใหม่หมดเลย  เริ่มจากการปราบทัวร์ศูนย์เหรียญก่อนเลย  จากนั้นของแก้ไขข้อกฎหมายการจัดตั้งธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจค้า  กรณีที่ต้องทำทัวร์ต้องขอใบอนุญาตก่อน 

ปัญหานี้จบไป ผลกระทบที่ตามมาก็คือ นั่งท่องเที่ยวจีนก็หายไปตามเพราะทัวร์หาย  ในส่วนภาคประชาชนก็มากล่าวโทษรัฐบาลและเรียกร้องให้ทางภาครัฐหาแนวทางแก้ไขให้  ปัญหานี้เป็นปัญหาเรื้อรังครับ  มันต้องช่วยกันแก้ทั้งสองฝ่าย

ภาครัฐ  ควรเข้ามากำกับดูแลเรื่องการขายสินค้าและบริการที่สูงกว่าราคามาตรฐานมาก  รวมถึงค่าเช่าสถานที่ต่าง ๆ ด้วย  ไม่ว่าจะที่พักหรืออื่น ๆ  ควรอยู่ในราคาที่เหมาะสม  ไม่ใช่แพงจนคนไทยด้วยกัน  ยังไม่อยากไปเที่ยวเลยครับ  (ถ้าแพงแบบนี้ไปญี่ปุ่นดีกว่า)

ภาคประชาชน/ธุรกิจ  ควรมีน้ำใจกับนักท่องเที่ยว  ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติ  ไม่ใช่หวังแต่จะกอบโกยเขาลูกเดียว  บางทีคุณให้เหตุผลว่าค่าเช่าแพง  เลยทำให้ต้องขายแพง  แต่มันแพงไปหรือเปล่าครับ  คุณกะจะขายของเเล้วเป็นเศรษฐีภายในพริบตาเลย 

ผมก็เข้าใจนะครับว่าจังหวัดนี้ผู้มีอิทธิพล  และนายทุนค่อนข้างมาก  ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากต่างชาติทั้งนั้น  เงินที่ได้จากการท่องเที่ยวไหลเข้ากระเป๋าคนไทยหรือเปล่าผมไม่แน่ใจด้วยซ้ำ  เรื่องแบบนี้จะไปโทษแต่ชาวบ้านตาดำ ๆ แถวนั้นก็ไม่ได้ครับ  ทุกอย่างก็สะท้อนด้วยตัวของมันเองนั่นเเหละ

หตุการณ์ที่ไทยได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกของโขน

เป็นที่ร้อนแรงมากในกระแสชาวเน็ต  ทางฝั่งกัมพูชาแสดงความไม่พอใจ  กล่าวอ้างว่าเป็นวัฒนธรรมของกัมพูชาที่คนไทยขโมยมา  ฟังแล้วผมก็เศร้าใจมาก  จริง ๆ โขนเป็นวัฒนธรรมร่วม  ที่ทางเราได้รับอิทธิพลมาจากอินเดีย  คือผมก็ไม่แน่ใจว่าทำไมคนเราต้องไปยึดติดกับอดีต  หรือประวัติศาสตร์ที่มันผ่านมาแล้วก็ไม่รู้นะครับ  เพราะปัจจุบันสำคัญที่สุด  เราอยู่ในยุคที่ผู้คนมีสิทธิ์มีเสียงเท่าเทียมกัน 

และอีกอย่างพวกเราเป็นอาเซียนด้วยกัน  พวกคุณควรภูมิใจนะ  ที่ประเทศไทยสามารถนำวัฒนธรรม  ชาติ อาหาร และภาษา  ให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก  การที่ประเทศไทยดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากเท่าไหร่  มันก็มีผลพลอยได้ให้พวกคุณไปด้วย  พวกเขาอาจจะไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านรอบ ๆ  ไม่ว่าจะ พม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนาม

อีกทั้งเป็นการกระจายรายได้อีกทาง  ถ้าคุณมาดูข้อมูลประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะกัมพูชา ลาว เวียดนาม และพม่า ที่เข้ามาใช้แรงงานในประเทศไทย  มีจำนวนมากขึ้นทุกวัน  และมีแนวโน้มจะมากขึ้นไปอีก  แล้วแบบนี้พวกคุณจะมาดราม่า  ใส่คนไทยทำไมละครับ 

สำหรับตัวผม  ผมมองว่าทุกคนเป็นเพื่อนร่วมโลก  ผมไม่เคยมองว่าเขามาจากประเทศไหน  เพราะถ้าเราเอาชนชาติมาเป็นตัวกั้นซะแล้ว  ไม่มีใครอยากจะมาเปิดใจอะไรกับคุณหรอกครับ  ความรัก  ความสามัคคีก็จะไม่เกิด  นี่แหละครับเป็นเหตุผลที่ทำให้ต่างชาติสนใจมาเที่ยวประเทศไทย    คือเราถูกสอนให้มองทุกคนเท่าเทียมกัน  ไม่แบ่งแยกไม่ว่าเขาจะมาจากที่ไหนในโลก  หน้าที่ของเราก็คือ  เป็นเจ้าบ้านที่ดี  ให้สมกับคำว่า "สยามเมืองยิ้ม"


วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2562

หยุดคาดหวังจากคนอื่น


มนุษย์เราต่างอยู่บนความคาดหวัง  เราหวังจากสิ่งรอบตัวของเรามาก  ไม่ว่าจะเรื่องใด ๆ ก็ได้  ไม่ว่าจะเป็นคนรัก  ครอบครัว ลูก เพื่อนร่วมงาน  เพื่อนฝูง  ญาติมิตรสหาย  เราอยากที่จะให้พวกเขาเป็นไปในรูปแบบที่เราต้องการ  พอเขาไม่เป็นอย่างที่เราคาดหวังเอาไว้  ในหัวของเราก็จะมีแต่ภาพลบ ๆ ของคนเหล่านั้นขึ้นมา  นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร  เพราะธรรมชาติของมนุษย์มักจะมองเห็นสิ่งที่ลบมากกว่าสิ่งดีๆ อยู่แล้ว

การฝึกจิตใจในยุคปัจจุบันจึงถือเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก  เราเอาแต่หลงและปล่อยให้ชีวิตของเรา วนอยู่กับวงจรชีวิตแบบโลกทุนนิยม  โดยไปกำหนดค่าของทุกสิ่งด้วย "เงิน"  เราให้คุณค่ามันมาก  มากเสียจนมันกลับมาทำลายทุกอย่างได้  เป็นต้นว่าการใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิต  หลายท่านมองว่าเป็นเรื่องน่ากลัว สำหรับคนไม่รู้จัก  แต่ถ้าเราใช้อย่างมีสติ  ประมาณตนเองผลดีมันก็มีมากกว่าผลเสียนะครับ  แค่ต้องรู้จักการวางแผนทางการเงินที่ดี

ผมไปศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องการวางแผนทางการเงิน  คนไทยเรามีความสนใจในเรื่องเหล่านี้น้อยมาก  ถ้าเทียบกับประเทศอื่นในฝั่งตะวันตก  ผมก็มานั่งคิดนะครับว่ามันไม่สำคัญจริงๆ หรือ  คนไทยถึงไม่สนใจเรื่องเหล่านี้  ผมก็พบเหตุผลว่า 

1.คนไทยยังห่วงเรื่องปากท้องที่กินอยู่ในปัจจุบัน  ไม่มีเวลาไปคิดถึงเรื่องอนาคต

2.ขาดความรู้ทางด้านการเงิน  พอไม่มีความรู้ก็ทำให้มองเห็นแบบที่คนอื่นทั่วไปเห็นนั่นก็คือ  การสร้างหนี้จากการผ่อนบ้าน ผ่อนรถ และซื้อของหรูหราฟุ่มเฟื่อย  คือสิ่งที่สร้างความมั่งคั่งและฐานะหน้าตาในทางสังคมให้กับตัวเองได้

3.ด้วยปัจจัยพื้นฐานทางด้านภูมิศาสตร์  ต่อให้คนไทยที่ยากจน  ไม่มีที่อยู่อาศัยพวกเขาก็สามารถหาเลี้ยงตนเองได้ ไม่ลำบากมากด้วยอาหารการกิน  และทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์ตลอดทั้งปี

4.หลักพุทธศาสนาที่สอนให้คนเราไม่ยึดติดกับวัตถุและกังวลกับอนาคตมากจนเกินไป  ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน  ไม่ต้องไปคาดหวังหรือกังวลกับอนาคตให้มาก  ทำให้คนไทยส่วนใหญ่ยึดถือหลักนี้  โดยลืมนำมาปรับใช้กับยุคสมัยและความจริงในชีวิตของโลกทุนนิยม

5.ความเหลื่อมล้ำในสังคม  เป็นเรื่องจริงของทุกประเทศที่มีเรื่องนี้  จึงมีคนพูดว่า "คนจนจ่ายแพงกว่าคนรวย"  นั่นเป็นเรื่องจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ  ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิต และการจับจ่ายใช้สอยที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ

พอเรามาศึกษาลึกเข้าไปถึงแก่น  ก็ทำให้เราเข้าใจวิถึชีวิตของคนในชาติเราได้มากขึ้น  ไม่ผิดหรอกที่เขาคิดแบบนั้น  แต่สิ่งหนึ่งที่ผมแย้งว่าคนไทยเป็นคนขี้เกียจไม่เอาไหน  ถ้าเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านหลาย ๆชาติ  ที่จริงมันก็ส่วนน้อยครับ  คนขยันก็มีเยอะมากแต่ไม่เอามาพูดเอง  บางทีนะครับการไปตัดสินคนอื่นก่อนรู้จักเขาให้ดีพอ  มันก็สร้างความสัมพันธ์ในทางลบได้นะ 

ส่วนตัวผมแล้วระหว่างคนขยันแต่ขี้โกง  กับคนขยันปานกลางแต่ทำงานแบบสม่ำเสมอมีความซื่อสัตย์สุจริต  ผมขอเลือกแบบที่สองครับ  คนขี้โกงต่อให้เก่ง ต่อให้ขยันมากแค่ไหน ก็ไม่ต่างจากคุณเอามีดไว้ข้างกาย  มันจะแทงคุณได้  เอาที่ปลอดภัยและสบายใจดีกว่าครับ   เพราะฉะนั้นหยุดคาดหวังจากคนอื่นได้แล้วครับ  ยอมรับและเคารพในสิ่งที่เขาเป็น  มนุษย์ทุกคนต่างก็ต้องการการยอมรับด้วยกันทั้งนั้นแหละครับ  ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหนก็ตาม 

มันก็เช่นเดียวกับการเดินทางของชีวิตเรานั่นแหละครับ  บางทีเราก็รู้สึกเสียดาย กับการตัดสินใจที่ผิดพลาดอะไรบางอย่างของตัวเอง  แต่พอเวลามันผ่านไปแล้วเรากลับรู้สึกขอบคุณมันด้วยซ้ำ  ที่เราผ่านเรื่องร้าย ๆ แบบนั้นมาได้  มันทำให้เรามีภูมิคุ้มกันที่ดี  และไม่หวั่นไหวกับเรื่องเหล่านี้มากนัก  เราได้เห็นและเข้าใจโลกมากยิ่งขึ้น  ประสบการณ์ชีวิตของคนเราแต่ละคน  ทำให้เรามีความเห็นต่าง  หรือแม้กระทั่งการวางตัวในสังคมก็ตามแต่  คุณเคยสังเกตไหมว่า  คนสองคนพูดประโยคเดียวกัน  แต่ทำไมอีกคนสามารถโน้มน้าวใจผู้อื่นได้ดีกว่า  (นั่นแหละครับก็คือประสบการณ์ชีวิต   ที่เขาเหล่านั้นได้ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาด้วยประสบการณ์จริง เลยทำให้เข้าใจได้ดี และถ่ายทอดอารมณ์ไปสู่ผู้ฟังได้อย่างน่าประทับใจ)

ความฝันและจินตนาการ  คือรากฐานที่จะนำเราไปสู่ชีวิตที่เราต้องการ  อย่าทิ้งความฝันของเรา และอย่าไปดูถูกความฝันของใคร  ทุกคนต่างมีเส้นทางที่ตัวเองต้องการ  อาจมากน้อยต่างกัน  คนที่มีความฝันใหญ่ก็ย่อมคิดใหญ่กว่าเป็นของธรรมดา  นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้มนุษย์แตกต่างกัน  แต่เราก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขได้  ภายใต้ความแตกต่างด้วยการยอมรับในความแตกต่าง  โลกต้องการสันติสุขครับ  เพราะฉะนั้นอย่างได้ทะเลาะกันเลยพี่น้อง

วันศุกร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2562

ชะตาชีวิตเราคือผู้สร้างมันเองนะ


มีคำพูดติดปากของฝรั่งที่พูดว่า "YOU ARE WHAT YOU IS"  มันเป็นเรื่องจริง  เช่นเดียวกับชะตาชีวิตของเรา  ถ้าเราบริโภคอะไรเข้าไปเยอะ ๆ  เราก็มักจะได้รับสิ่งนั้น


  • บางคนชอบดูละครตบตีแย่งสามีภรรยากัน
  • บางคนชอบดูข่าวเกี่ยวกับการเมือง คดีฆ่ากรรม ตลก
  • บางคนชอบศึกษาเรื่องการเดินทาง อาหาร วัฒนธรรม
  • บางคนชอบศึกษาเรื่องธุรกิจ การเงิน การพัฒนาตัวเอง
  • บางคนชอบศึกษาเรื่องแต่งบ้าน จัดสวน พัฒนาออกแบบ

แล้วคุณละชอบแบบไหน  คุณก็จะเป็นคนแบบนั้นแหละ  ชีวิตก็เปรียบเหมือนละครฉากหนึ่ง  ที่เราเป็นทั้งผู้เล่น และผู้กำกับ  การที่เราซึมซับอะไรเข้าไปมาก ๆ  ล้วนส่งผลต่อชีวิตเราอย่างหลีกเลี่ยงเสียไม่ได้  มนุษย์เราส่วนใหญ่  ต้องการที่จะมีตัวตน  เป็นคนที่ก้าวหน้าในชีวิต การงาน การเงิน รวมไปถึงเรื่องสุขภาพ

แล้วถ้าย้อนกลับมาดูว่า  เพราะเหตุใด  อะไรที่พาเรามาถึงจุดนี้ได้  ก็เพราะเรื่องราวที่เข้ามามีอิทธิพลกับตัวเรานั่นแหละครับ  ที่ส่งผลกระทบมากับเราอย่างมากทีเดียว  หลายคนพร่ำบ่นและอิจฉาชีวิตคนอื่น  ทั้งที่ถ้าคุณไปทราบความจริง  กว่าที่เขาจะได้ในสิ่งนั้น  เขาก็ต้องลำบากและใช้ความพยายามมากแค่ไหน  ไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ

คนบางคนก็ให้เหตุผลต่าง ๆ นา ๆว่า  ก็เพราะเขามีต้นทุนที่ดีกว่าเราบางละ  เลยทำให้ชีวิตเขาดียิ่งขึ้น  ผมอยากจะพูดแค่ว่า .... ต่อให้คุณจะมีสถานะยังๆ ไง  อาชีพไหน  คุณก็มีความสุขและร่ำรวยในแบบของคุณได้ครับ  ขอเพียง..ใช้ให้น้อยกว่าที่หามาได้แค่นั้นเองครับ  (สูตรง่าย)  ไม่แม้กระทั่งเรื่องนี้หลอก  ทำการค้า ลงทุน ทำธุรกิจ  สิ่งแรกเลยคือ อย่าขาดทุน กำไรน้อยก็ไม่เป็นขอกำไร  ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆรับรองคุณรวย..

บางทีเราเอาแต่หวังว่าจะมีทางลัดไปหาความสำเร็จ  เหมือนยานอวกาศอะไรแบบนั้น  ถ้ามันมีจริง  มนุษย์คงไม่ต้องดิ้นร้นทำมาหากินกันหรอกครับ  ทุกคนคงรวยเท่า ๆ กันหมด  ไม่มีความลำบากและความยากจน  ความเหลื่ยมล้ำในสังคม  อย่างที่เราเห็นในทุกวันนี้หรอกครับ  การยอมรับความเป็นจริง  และตั้งใจทำงาน มุ่งมั่นในทางที่ชอบ  ย่อมนำพาความสำเร็จมาสู่เราได้

แล้วจะทำยังไงละให้เราเป็นคนคิดบวก  แท้ที่จริงคำว่าคิดบวกหรือการมองโลกในแง่ดี  เราสามารถใช้มันได้ในทุกสถานการณ์  ไม่จำเป็นว่าในตอนนั้นจะดี หรือ ไม่ดี  มันอยู่ที่ใจคุณล้วน ๆ  เพราะมันคือเรื่องของมุมมอง  และการพัฒนาระดับจิตใจ และจิตวิญญานของคุณต่างหาก  โลกจะเปิดรับผู้คนเข้าหาคุณ  เท่าที่คุณได้ให้ไปกับโลกใบนี้    เลิกโทษตัวเอง  และน้อยใจในโชควาสนาของเรา  เอาเวลามาแก้ไขพัฒนาจุดบกพร่อง  และสิ่งที่จะมาเติมเต็มตัวเรา  อย่าไปหวังรอโชคหรือพึ่งพาจากคนอื่น  การพึ่งคนอื่นไม่ได้ทำให้คุณเข็มแข็งขึ้น มันกลับทำให้คุณอ่อนแอลงต่างหาก  ในวันหนึ่งถ้าเขาไม่สามารถเป็นที่พึ่งคุณได้  คุณจะลำบากมากนะครับ  ขอให้จำเอาไว้ว่า "ตนเป็นที่พึ่งของตน คือสิ่งที่ดีที่สุด" สวัสดีปีใหม่นะครับ

วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2562

สวัสดีปีใหม่ 2019 ประเทศไทย


ช่วงปีใหม่เป็นช่วงเวลาที่ดีแห่งการเริ่มต้นใหม่  ขณะเดียวกันประเทศเราก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาการจราจรบนท้องถนนในช่วงปีใหม่ให้ลดลงได้  ผมก็เข้าใจนะครับว่าประเทศไทยเรา  ระบบการปกครองโดยใช้กรุงเทพเป็นศูนย์กลาง  ก็เลยทำให้ผู้คนหลั่งไหลกันเข้ามาทำงานในเมืองหลวงเป็นจำนวนมาก  ไม่เฉพาะแต่คนไทยด้วยกันเท่านั้น  ยังมีเพื่อนบ้านเราได้แก่  ลาว กัมพูชา พม่า  เป็นต้น

นอกจากนี้ยังรวมไปถึงนักท่องเที่ยวที่มาจากหลากหลายชาติด้วย  ประเทศไทยจึงไม่ใช่ของคนไทยอีกต่อไป  แต่กลายเป็นศูนย์กลางของคนทั้งโลกไปแล้ว  ที่ผมหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูดก็เพราะใจหายครับ  ที่เห็นข่าวของคนเสียชีวิตบนท้องถนน และได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เป็นจำนวนมากในแต่ละปี (ช่วง 7 วันอันตราย)

ผมก็เข้าใจนะครับว่า.. สังคมไทยเราต้องเข้ามาทำงานในเมืองหลวง  เพราะค่าแรงที่สูงกว่า  จากความเหลื่อมล้ำในสังคม  และการได้กลับบ้านปีใหม่ไปฉลองกับครอบครัวนั่นคือสิ่งวิเศษที่สุด  นอกจากนั้นบางบริษัทยังมีโบนัสประจำปีแก่พนักงานด้วย  เลยทำให้ผู้คนตัดสินใจกลับบ้านกันในช่วงปีใหม่เป็นจำนวนมาก  จะดีกว่าไหมครับที่ทางภาครัฐควรเร่งสร้างสาธารณูปโภคเพื่อรองรับให้มากขึ้น  หรือไม่ก็บริการรถโดยสารสาธารณะให้มากขึ้น  แทนที่จะให้ผู้คนขับรถกลับบ้านกันเอง

เพราะความปลอดภัยคือเรื่องสูงสุดที่เราควรให้ความใส่ใจ  ประเทศเราคือเมืองท่องเที่ยว  ตัวผมก็เป็นห่วงทั้งพี่น้องคนไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติ  ที่ล่าสุดเวปบล็อกชื่อดังของจีน  ออกมาเขียนเล่าเรื่องตอนที่ตัวเองสูญเสียแขนข้างหนึ่งตอนมาเที่ยวที่ประเทศไทย  (คนไทยก็ใจหายนะครับ)  แต่เรื่องอุบัติเหตุเป็นสิ่งที่เราไม่คาดคิดไว้จริง  ตรงนี้ได้โปรดเข้าใจ

มาพูดในเรื่องของความปลอดภัย  ผมมั่นใจว่าประเทศไทยเป็นเมืองที่อบอุ่นจริง ๆครับ  คุณจะรู้สึกปลอดภัยมากถ้าเทียบกับหลาย ๆ ประเทศ  ที่เป็นเมืองท่องเที่ยว  จะว่ากันไปแล้วเมืองท่องเที่ยวทุกเมืองส่วนใหญ่ก็มีปัญหาด้วยกันทั้งนั้นแหละครับ  แน่นอนว่าผู้คนต้องเยอะ  บางทีการบริหารจัดการอาจไม่ทั่วถึง  นั่นเป็นเรื่องธรรมดา  ข้อสำคัญเราควรระมัดระวังตัวเราเอง  ไม่ประมาท และใช้ชีวิตอย่างมีสติ

เข้าปีใหม่แล้วผมก็อยากให้ทุกท่านได้รับแต่เรื่องดี ๆ  เรื่องเก่าที่มันผ่านไปแล้วก็ขอให้มันผ่านนะครับ  เรามาเริ่มต้นชีวิตใหม่กันดีกว่า  ที่สำคัญพวกนักเลงคีย์บอร์ด  ที่เอาแต่พร่ำบ่น  ด่าคนอื่นไปทั่วในโลกอินเตอร์เน็ต  ยังไงก็ขอหยุดเถอะนะครับ  มันไม่มีประโยชน์อะไร  มีแต่จะบอกถึงตัวตนของคุณ และการเลี้ยงดูที่ไม่ดีของคุณออกมา (ของแบบนี้มันเสียถึงตระกูลของคุณเลยนะครับ  มันไม่คุ้มหรอก)  ถ้าทุกคนร่วมใจกันโลกนี้จะน่าอยู่ขึ้นครับ

ประเทศเรายังต้องอาศัยการท่องเที่ยวไปอีกนาน  และก็จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวมากขึ้นทุกปี  ในอนาคตไม่มีใครจะไม่รู้จักประเทศไทย  อาหารไทย  นวดแผนไทย มวยไทย และวัฒนธรรมไทย  พวกคุณควรภูมิใจช่วยกันอนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลาน และทั่วโลกได้ชมความงดงามกัน  ดินแดนไทยก็คือหนึ่งในพื้นที่โลก  ที่ ๆ เป็นของทุกคนบนโลกใบนี้  ที่สามารถเข้ามาท่องเที่ยวและช่วยกันอนุรักษ์ให้นาน ๆ

การไปตัดสินคนอื่นจากคีย์บอร์ด  โดยที่คุณไม่ได้รู้จักเขาให้ดีนั้น  ถือเป็นเรื่องที่ไม่เคารพสิทธิ์ของเขานะครับ  เลิกเถอะ  ปีใหม่แล้วทำตัวใหม่  มาร่วมสร้างสิ่งใหม่ๆให้กัน  เราคือเพื่อนร่วมโลก  เพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย  เรามาที่นี่แค่พักอาศัยชั่วคราว  สุดท้ายเราก็ต้องจากโลกใบนี้ไปอยู่ดี  อย่าเอาความเห็น ความโกรธแค้นส่วนตัว  มาระบายอารมณ์ในโลกอินเตอร์เน็ต  คนเราเวลามีปัญหาอะไรก็ควรหันหน้าคุยกันดีๆ  ต่อให้ปัญหาจะใหญ่หรือเล็ก  ถ้ารู้จักรับฟังความเห็นของอีกฝ่าย  ด้วยใจที่ไม่เข้าข้างตัวเอง  ยอมรับในแบบที่เขาเป็น  ทุกอย่างก็สามารถคลี่คลายได้  ยังไงก็ขอให้มีความสุขตลอดปี 2019 ทุกท่านนะครับ

กล้าที่จะแตกต่างและเป็นตัวเอง

เรียกว่าห่างหายกันไปนานมากเลยครับ  ช่วงที่ไปพักกายพักจิตใจ  ทำให้เราสามารถแยกแยะได้ว่า  อะไรที่จำเป็นและสำคัญกับชีวิตของเรากันแน่   คนบางคนผ...