วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ยอมรับในความต่างและนำมาพัฒนาตัวเอง



วันนี้ผมขอเล่าเรื่องขำ ๆ แล้วกันนะครับ  เพื่อนฝรั่งคนหนึ่งที่ผมรู้จัก  ด้วยความสงสัยผมเลยถามเขาว่า

ทำไมฝรั่งถึงชอบคนผิวสีแทน ?  แทนที่จะชอบคนขาว (ในที่นี้ขาวบ้านเราคือผิวเหลืองของฝรั่ง)

- เรื่องนี้เขาได้ตอบผมว่า  สีผิวสีน้ำตาลคือสีผิวที่เป็นธรรมชาติ  และดูมีสุขภาพผิวที่ดี


ทำไมฝรั่งไม่ชอบอาบน้ำแต่ชอบใส่น้ำหอมแทน?

- เขาตอบผมว่าการน้ำบ่อยและทำตัวให้สะอาดเกินไปก็ไม่ดีต่อสุขภาพผิว  ส่วนเรื่องน้ำหอมมันแล้วแต่บุคคลส่วนตัวเขาแล้วไม่ได้ชอบใส่มัน


จากนั้นผมก็เล่าเรื่องประเทศไทยให้เขาฟังว่า  คุณรู้ไหมเวลาคุณนัดคนไทย  ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามคุณต้องเผื่อเวลาไปอีก 1 ชั่วโมงนะ

-เขาฟังแล้วตกใจบอกว่า  เขาไม่ชอบเลยมันแสดงถึงความเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบ  (ผมฟังแล้วก็เข้าใจจุดนี้)  แต่ก็อธิบายเขาว่าประเทศยังมีมุมดีๆ อีกหลายอย่างที่คุณจะไม่เห็นที่ใดในโลกเลย  

และนอกจากนั้นคนไทยมองว่าฝรั่งกลิ่นตัวจะแรงมาก  สาเหตุอาจเพราะไม่ชอบอาบน้ำ  เขาก็พูดกับผมว่ามันก็เหมือนคนต่างชาติไม่ค่อยชอบกลิ่นตัวคนผิวเหลือง  และคนผิวดำที่เป็นนิโกร  เพราะอยู่ใกล้แล้วพวกเขาก็รู้สึกว่ากลิ่นตัวเราเหม็นเหมือนกัน

พอมาฟังอย่างนี้ผมก็รู้สึกว่า  ความแตกต่างนั้นมันมีอยู่ทุกที่เป็นเรื่องปกติของมนุษย์นะครับ  การยอมรับความแตกต่างจึงเป็นเรื่องที่มนุษย์เราควรให้ความสำคัญที่สุด  คนเรามาจากต่างชาติ ต่างศาสนา แต่สำหรับคนไทยผมมั่นใจครับว่า  คนไทยรับรู้และเข้าใจในความแตกต่างในเรื่องนี้เป็นอย่างดี  นี่อาจเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งในเมืองไทย  ที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้นทุกที  เพราะการเข้าใจและยอมรับในข้อนี้ได้

การมีเพื่อนต่างชาติผมว่ามันก็ดีนะครับ  ทำให้เราได้เข้าใจและรับรู้ถึงความแตกต่าง  ในหลายๆด้าน  แล้วนำกลับมาทบทวน  ปรับปรุงแก้ไขให้มันดีขึ้น  เรามองจากมุมของเราฝ่ายเดียวก็ไม่ต่างอะไรจากการที่เราเข้าข้างตัวเองไปหน่อย  โลกก็แบบนี้แหละครับ  คุณต้องการสร้างอะไรใหม่ ๆ  ก็ต้องหัดเป็นผู้ฟังที่ดีบ้าง  ไม่ใช่แต่เอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่อย่างเดียว  อาจเพราะวัฒนธรรมต่างชาติ  ปลูกฝังในเรื่องการสร้างความมั่นใจในตัวเอง  และเชื่อมั่นในตัวเอง  มีความรับผิดชอบสูงและตรงต่อเวลา (ถือว่าสำคัญกับเขามาก)

คนไทยเราสิ่งที่ควรปลูกฝังให้มากก็คือ เรื่องความรับผิดชอบ  และตรงต่อเวลา  อาจเพราะเราติดนิสัยเคยชิน คนไทยเป็นคนง่าย ๆ  มันใช้ได้กับบ้านเรานะครับ  แต่นานาชาติไม่มีที่ไหนยอมรับ  คุณอยากแตกต่างคุณต้องทำตัวเองใหม่  การเปลี่ยนตัวเองไปสู่สิ่งใหม่แรกๆ ผมเข้าใจนะครับว่ามันยาก  แต่พอทุกอย่างมันเริ่มปรับตัวได้แล้ว  คุณจะเกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องแบบไร้ขีดจำกัด  ข้อสำคัญควรมีแบบอย่างที่ดี  โดยเฉพาะผู้ใหญ่ในยุคนี้ควรเป็นต้นแบบที่ดีให้เด็กรุ่นใหม่  ถ้ามีต้นแบบที่ประเทศชาติก็จะพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว  ไม่ต้องเป็นที่ 1 ในภูมิภาคแค่ชนะใจตัวเราเองได้ก็ถือว่าเยี่ยมแล้วครับ

วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ปัญหาขยะในประเทศไทย


4-5 ปีที่ผ่านมานี้ประเทศไทยได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยว  ที่ผู้คนจากหลากหลายชาติเข้ามาพักผ่อนและท่องเที่ยวในประเทศไทย  และปัญหาที่ตามมาก็คือ  ปัญหาขยะและมลพิษที่เพิ่มขึ้น  ยอมรับว่าประเทศไทยของเรา  ระบบในการบริหารจัดการขยะยังทำไม่ค่อยดี   เป็นปัญหาใหญ่ที่ภาครัฐให้ความสนใจน้อยมาก  โดยเฉพาะปัญหาขยะตามแหล่งชุมชน

ที่ผมหยิบยกตามเเหล่งชุมชนก็ด้วยเหตุผลประการหลัก ๆ ก็คือ  ในหลายปีที่ผ่านมานี้  นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาเที่ยว  นิยมเดินทางด้วยรถไฟ  สิ่งที่เขาต้องพบเจอระหว่างสองข้างทางก็คือ  ชุมชนนั้นเอง  แต่ตอนนี้ปัญหาขยะในชุมชนเพิ่มมากขึ้นทุกวัน  ผมเพิ่มนั่งรถไฟไปเที่ยวน้ำตกไทรน้อย  โอโห้ยอมรับว่าชอบบรรยากาศสองข้างทางมันสวยมาก  แต่ติดเรื่องขยะและฝุ่นละอองนี่แหละครับ  หากภาครัฐต้องการสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวจริง  ๆ  ควรเร่งแก้ปัญหาในจุดนี้นะครับ

คนไทยจำนวนไม่น้อยชอบดูถูกชาติตัวเอง  โดยเฉพาะล้อเรื่องรถไฟนิแหละ  ว่าบ้านอื่นเมืองอื่นเขาพัฒนาไปไกลแค่ไหนแล้ว  มันก็จริงนะครับ  แต่ผมอยากจะฝากไว้สำหรับคนไทยนะครับว่า  รถไฟคนไทยเป็นอะไรที่อะเมซิ่งที่สุดแล้วครับ  คุณจะเห็นทั้งวิว  บรรยากาศชุมชนสองข้างทาง  ด้วยวิธีความเป็นอยู่ที่เขาเป็นจริง ๆ  ชาติอื่นที่พัฒนาแล้วคุณไม่มีทางได้เห็นแบบนี้หรอกอย่างมากก็แค่วิวสวย ๆ   แต่ด้วยความที่คนไทยเป็นคนที่ติดนิสัยเคยชิน  เห็นบ่อยๆ เจอบ่อย ๆ จนไม่รู้ว่าสิ่งที่มีนั้น  คือสิ่งที่มีคุณค่ามากที่สุด  ต้องได้ลองออกเดินทางไปต่างประเทศ  ไปใช้ชีวิตจริง ๆ  ในต่างแดนดูบ้าง  คุณจะรักเมืองไทยมากขึ้นไปอีกเท่าตัวเลยครับ

ปัญหาขยะนี้ถ้าหากจะจัดการมันก็ไม่ยากนะครับ  แค่ต้องมีการรถรงค์และให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงปัญหานี้ จะส่งผลกระทบยังไงบ้างในวงกว้าง  โดยเริ่มจากระดับชุมชนไปก่อนเลย  อย่าไปหวังรอรัฐบาลเพราะคงยาก  หากเราทำแบบนี้เป็นหมู่บ้านต้นแบบ  พี่ไทยเราไม่ยอมน้อยหน้าใครหรอกครับ  รับรองทำตามกันแน่ ๆ เผลอ ๆ อาจทำได้ดีกว่าต้นแบบด้วยซ้ำ

สิ่งที่เราขาดก็คือ  ผู้นำที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงกันแบบจริงจัง  ผู้นำที่เข้ามาส่วนใหญ่ก็มาเพื่อชื่อเสียง หน้าตาทางสังคม และผลประโยชน์บางอย่าง  มันก็เลยไม่สามารถแก้ปัญหานี้ในระยะยาวได้  ทุกคนก็เลยไปโฟกัสแค่เรื่องปากท้องประชาชนไว้ก่อน  เอาเข้าจริงถ้าความเป็นอยู่มันดีขึ้น  เรื่องปากท้องก็จะดีตามมาเองแหละครับ  อะไรที่มันขัดกับธรรมชาติมาก ๆ  ย่อมส่งผลกระทบรุนแรงกับสิ่งที่ตามมา  ส่วนตัวผมแล้วเมืองรองต่าง ๆ ในประเทศไทยยังพัฒนาได้อีก และต่อไปจะเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น  ถ้าหากภาครัฐสนับสนุนในเรื่องของการคมนาคมให้มากกว่านี้  รวมถึงที่พักในราคาที่ไม่สูงจนเกินไป 

มุ่งพัฒนาชุมชนในเรื่องของการท่องเที่ยวในเชิงอนุรักษ์  เพราะเทรดในภายหน้าการท่องเที่ยวแบบนี้  จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก  รณรงค์ในเรื่องของการใช้ถุงผ้าและเศษวัสดุที่ทำจากธรรมชาติ ได้แก่ ใบตอง  ใบจาก  เป็นต้น  เราอยากให้ประเทศไทยไปยืนอยู่จุดไหน  ก็ขึ้นอยู่กับคนไทยแล้วละครับว่าจะร่วมมือ ร่วมใจกันอย่างไร  เมืองจะเป็นเมืองที่สวยงามได้ก็ด้วยสองมือของพวกเราครับ  ฝากไว้เป็นข้อคิดนะครับ

วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

จงเป็นคนไม่เยอะ


โลกเรานี้เปลี่ยนแปลงไปมากมาย  กลับกลายเป็นว่าเราต่างแข็งขันและอวดความเจริญรุ่งกับประเทศเพื่อนบ้าน  จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องน่าตลกนะครับ  แท้ที่จริงการจะเปรียบเทียบแค่ลักษณะทางกายภาพนั้น  หาเป็นสิ่งควรทำหรือไม่  โดยส่วนตัวของผมความวัดค่าจากความสุขของมวลรวมประชาชนในประเทศนั้น ๆ ดีกว่า

มันจะดีกว่าไหม  ถ้าคนในชาติรักและสามัคคีปรองดองกัน  ไม่ทะเลาะกัน

มันจะดีกว่าไหม  ถ้าประเทศเรามีกฎหมายที่ศักดิ์สิทธิ์และประชาชนอยู่ภายใต้ระบบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง 

มันจะดีกว่าไหม  ถ้าเราภูมิใจและรู้สึกพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีโดยไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับคนอื่น  ประเทศนั้นประเทศนี้

แท้ที่จริงไม่ว่าประเทศไหนก็ตาม  ต่อให้จะเจริญถึงขีดสูงสุด  หรือต่ำสุด  ต่างล้วนแต่ต้องประสบปัญหาด้วยกันทั้งนั้น  มันก็ขึ้นอยู่กับว่าปัญหานั้นเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่สำหรับเขาเหล่านั้น  เราไม่สามารถเอามาตรฐานของประเทศนั้น  มาเปรียบกับอีกประเทศได้หรอกครับ 

ยิ่งถ้าหากคุณติดตามข่าวสารทางอินเตอร์เน็ต  คุณจะเห็นได้ว่าคนไทยยุคใหม่  ชอบการแสดงความคิดเห็นในโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก  โดยไปตัดสินผู้คนต่าง ๆ นา ๆจากสิ่งที่ตัวเองเห็นแค่ด้านเดียว  เป็นเรือ่งที่ผมเศร้าใจมาก  หลายท่านถึงขั้นดูถูกประเทศตัวเอง  ว่าไม่ดีอย่างนั้น อย่างนี่  แท้ที่จริงผมจะบอกว่าประเทศไทยนี่อิสระกว่าเขาแล้ว  ในเรื่องการแสดงออก  และหลายๆเรื่องทีเดียว  คนที่ไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศ  หรือไปใช้ชีวิตในต่างแดน  ยากที่เข้าใจในเรื่องนี้ได้จริง ๆ ครับ

สำหรับผมแล้วประเทศประชาธิปไตยคือประเทศที่ผมรักที่สุด  เพราะเราสามารถออกแบบชีวิตของเราเองได้  ลองคุณได้ไปเกิดในระบบคอมมิวนิสต์ หรือสังคมนิยมดูซิครับ  ทางเลือกของคุณถูกจำกัดอย่างแน่นอน  และที่สำคัญคนไทยนั้นแหระจะอกแตกตายก่อนคนอื่น ๆ เลย  ตลอดระยะเวลากว่าสองร้อยปี  เราได้รับความสะดวกสบายอย่างมาก  ถ้าเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านด้วยกัน  คุณภาพชีวิตถ้าวัดจากตัวเลขเราอาจไม่ได้เป็นที่ 1 ของย่าน  แต่เรื่องของความสุขเราไม่แพ้ที่ไหนแน่นอนครับ  คนไทยมีความเป็นศิลปินและรักอิสระเป็นอย่างมาก 

การที่เราสบายมาตลอดไม่ค่อยเรียนรู้ความถึงความลำบากกันมากนัก  ก็เลยทำให้คนไทยกลายเป็นเยอะ  ติดนิสัยช่างติ  เห็นอะไรไม่ถูกตาเข้าหน่อยก็พลอยแต่จะมองในแง่ร้ายละครับ  ผมอยากจะฝากไว้นะครับ  ให้เราห่างจากคนที่คิดลบเอาไว้นะครับ  เพราะชีวิตเราจะดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับความคิด  การกระทำ และทัศนคติของเรา  ที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จในชีวิต  หยุดฟังเสียงหัวใจของคุณดู  ทำตามความเรียกร้องของหัวใจ  อย่าไปฟังคนอื่นให้มันมาก  ถ้าคุณไม่รู้ว่าใครอยู่ข้างคุณ  จงเลือกยืนหยัดในตัวของคุณเอง

วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

รีเซ็ตตัวเอง


ชีวิตคนเรานะครับ  บางทีเรารู้สึกหนักเกินไป  รู้สึกว่าต้องแบกอะไรไว้มากมาย  มันถึงเวลาแล้วหรือยังครับ  ที่เราต้องรีเซ็ตตัวเองบ้าง  อะไรที่ไม่จำเป็นกับชีวิตก็ตัด ๆ ออกไปบ้าง  เช่น

- ลบเพื่อนที่ไม่รู้จักจริงออกจาก Facebook,Line,Twitter,Instagram  และอื่น ๆ  

- พยายามลดการติดตามผู้คนจะโลกออนไลน์ให้น้อยลง  โดยเฉพาะคนที่ชอบดราม่า  มีทัศนคติในทางลบ เพราะมันทำให้เสียสุขภาพจิตและเสียเวลาในชีวิต

- ติดตามผู้คนใหม่ ๆ  ที่จะชักพาเราไปในทางที่ดีและสร้างสรรค์  

- ฝึกการออกไปเรียนรู้โลกการเดินทาง  ศึกษาความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรมบ้าง  อยู่กับโลกของความเป็นจริงให้มาก  เข้าใจตัวเอง  เรียนรู้กับสิ่งรอบตัว อย่าหมกมุ่นกับโลกอินเน็ตให้มาก  

แรก ๆ อาจดูขัดแย้งนะครับ  ผมลองทำดูแล้ว  รู้สึกว่ามันดีขึ้นเรามีเวลาทำอะไรมากขึ้น  และว่างมากขึ้น  ชีวิตมันต้องหาความพอดี และลงตัวให้ได้นะครับ  ก่อนที่คิดจะทำอะไรใหม่ ๆ  สิ่งที่เราควรเริ่มก่อนเลยก็คือ การรีเซ็ตการปรับทัศนคติของตัวเองให้ได้ก่อน

คนที่มีทัศนคติที่ดีไม่ว่าคุณจะไปอยู่ที่ไหน  คุณอยู่ได้และอยู่เป็นแน่นอน  ความลำบากก็จะสร้างคนให้เป็นคนที่เหนือคน  มีความมุ่งมั่น  มุมานะมากกว่าเดิม  และสามารถประสบความสำเร็จได้แน่นอน  มนุษย์เราก็แปลกนะครับ  กว่าจะมารู้จักตัวเอง  ก็ใช้ชีวิตไปแล้วกว่าครึ่งชีวิตไปแล้ว  มันจะเป็นการดีกว่าไหมที่คุณได้เรียนรู้ และเข้าใจตัวเองได้เร็วขึ้น  มันจะทำให้คุณได้เสียเวลากับเรื่องที่ไม่จำเป็นของชีวิตได้

สามารถที่จะโฟกัสกับบางสิ่ง  หรือเป้าหมายที่คุณได้ตั้งใจเอาไว้  เพราะบางทีชีวิตมันไม่ได้เป็นไปตามรูปแบบที่เราได้คาดหวังเอาไว้  มันอาจจะมีเรื่องราวต่าง ๆ มากมายที่เข้ามารบกวนเรา  ให้เราหันเหความสนใจและห่างออกจากเป้าหมายไปมากขึ้นทุกที  ดังนั้นข้อสำคัญคือ  ควรเลือกใช้ชีวิตในแบบที่เป็นตัวของตัวเอง  แล้วมองหาประโยชน์จากสิ่งรอบตัว  จิตใจที่ปล่อยวางและสงบ  มักจะทำอะไรได้ดีกว่า จิตใจที่ว้าวุ่นไม่เป็นสุข

มองเป้าหมายควรมองจากระยะยาว  อย่ามองอะไรที่สั้น ๆ แล้วรีบด่วนตัดสินใจกับชีวิตไปนะครับ  บางทีสิ่งที่อยู่ตรงหน้านั้น  รสชาติมันอาจหอมหวานกว่าเป้าหมายที่เราตั้งใจเอาไว้  แต่ระยะยาวมันก็ไม่มีอะไรมาการันตีความสำเร็จในชีวิตของเราได้เลย   มากเสียยิ่งกว่าการได้เห็นพัฒนาการในความสำเร็จของเป้าหมายที่แท้จริงของเรา  ได้รับการต่อยอดและสามารถทำให้มันเป็นจริงขึ้นมาได้  พิสูจน์ให้โลกเห็นครับว่าคุณแตกต่าง  และทำได้ดี  ยิ่งมีใครดูถูกยิ่งต้องพิสูจน์ให้เห็นว่า  คุณไม่ได้ไก่กาอย่างที่ใครหลาย ๆ คนคิด  มันใช่อยู่ครับว่าบางทีคำพูดของคนอื่น  มันจะมีอิทธิพลหรือก็อยู่ที่คุณใส่ใจมันหรือไม่  แต่ธรรมดาของมนุษย์ยังตัดกิเลสไม่ได้  ร้อยทั้งร้อยมักจะใส่ใจคำพูดเหล่านั้น  ข้อสำคัญคือ  คุณต้องมีสติและตั้งสติให้ดี  ในกับรับมือกับทุกสถานการณ์ให้ได้ 

ผมนะรู้สึกคนใจไม่น้อยชื่นชอบในความเป็นญี่ปุ่น  แต่แปลกว่าทำไมไม่เอาพฤติกรรมบางอย่างของคนญี่ปุ่นมาใช้บ้าง  เช่นเรื่องความตรงต่อเวลา และเรื่องภาพลักษณ์และการระมัดระวังในคำพูดคำจา  ถ้าเป็นแบบนี้นะ  ประเทศไทยเราน่าอยู่อีกเยอะเลยครับ  ใครพูดจาไม่ดีไม่เหมาะก็โดนแบนจากสังคมไปเลย  คงไม่มีพวกปากดีและค่อยว่าร้ายคนอื่นไปทั่วหรอกครับ  แต่ยังไงก็ช่างเถอะทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราครับ  คิดดี ทำดี พูดดีเข้าไว้นะครับ แล้วสิ่งดีๆจะเข้ามาสู่ตัวคุณเอง

วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

เลิกพึ่งพาคนอื่น


โลกของความจริงทถูกสอนมานานแสนนานก็คือ  "ตนเป็นพึ่งแห่งตน"  เราไม่สามารถไปคาดหวังจากคนอื่นได้ทั้งหมดหรอกครับ  เส้นทางของชีวิตหากคุณต้องการที่จะประสบความสำเร็จ  คุณต้องหยุดพึ่งพาคนอื่น  มันเป็นไปไม่ได้หรอกถ้าหากคุณจะยืมจมูกคนอื่นหายใจ  แล้วคาดหวังกับผลลัพธ์และประสบความสำเร็จ  คนเราต่อให้ไม่เก่งหรือเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นจริง ๆ  แต่ถ้าหากฝึกฝนและไม่ลดละต่อความพยายาม  ก็ย่อมที่จะประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน

ปัญหาหนึ่งของคนไทยที่ผมคิดว่าเจอบ่อยก็คือ  คนไทยเป็นคนที่ได้รับมากจนเกินไป  พอตัวเองไม่ได้ก็รู้สึกว่าเขาไม่มีน้ำใจต่อเรา  กลายเป็นว่าผู้ให้นั้นแหละเป็นผู้ผิดไปซะงั้น  ทั้งที่ในความเป็นจริง  ตัวคุณเองต้องหยุดพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น  ที่เขาช่วยเหลือคุณนั้นเพราะเห็นว่าตัวเขาก็อยู่ในสถานะการณ์ที่สามารถจะช่วยเหลือคุณได้  แต่ไม่ได้ตลอดไปหรอกครับ  เพราะในความเป็นจริงคุณเท่านั้น  ที่จะต้องเดินหน้าด้วยตัวของคุณเอง

การทำงาน  หรือการใช้ชีวิตประจำวัน  เราต้องแยกให้ออกว่า  อะไรคือข้อดี  ข้อเสีย  จุดบกพร่องที่จะต้องปรับปรุงให้ดีขึ้น  มองและเข้าใจอย่างไม่มีอคติ  รู้จักเป็นผู้ฟังที่ดี  เรียนรู้จากความผิดพลาดและก้าวไปข้างหน้า  บางทีสิ่งที่คุณคิดมันอาจไม่ใช่สิ่งที่คุณคาดหวังไปซะทุกอย่าง  เพราะในความเป็นจริง  โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอนอยู่แล้ว  เพราะฉะนั้นจงอย่าเปรียบเทียบวันนี้ของคุณกับผู้อื่น  เพราะมันต่างกัน  วันนี้คุณอาจจะยังไม่ดีพอ  ไม่เก่งพอแต่ผมมั่นใจได้ครับว่า  อีกไม่เกิน 10 ปี 20 ปีต่อจากนี้ไป  คุณต้องเหนือกว่าอย่างแน่นอน  ถ้าคุณยังทำมันแบบไม่ลดละ 

บางทีพูดไปมันก็เหลือเชื่อนะครับ  อย่างตัวผมเริ่มแรกการเขียน  ผมแทบไม่มีความรู้อะไรเลย  ใช้อินเตอร์ยังไม่ค่อยเก่ง  ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง  แต่ผมก็รู้ว่าทำได้ดีขึ้นกว่าเมื่อ 5 ปีก่อนมาก  เนื้อหาและวิธีเขียนในช่วงแรกอาจดูฝืดและไม่เป็นแนวทางที่ชัดเจน  จนมาทุกวันนี้ก็เริ่มจับทางได้บ้างแล้ว  มีแนวทางของตัวเอง  สิ่งสำคัญของงานไม่ว่าจะอาชีพไหนก็ตามนะครับ  ข้อสำคัญที่สุดคือ  คุณต้องตั้งใจทำมันอย่างที่สุด  อย่าละความพยายาม  ไม่ต้องไปสนใจใครจะว่าหรือพูดอะไรยังไง  เพราะคนที่ตัดสินคุณได้ก็คือตัวคุณเอง  หากเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาว่า  เราก็ไม่จำเป็นต้องเดือนร้อน

การสร้างทัศนคติที่ดีต่อตัวเอง  เป็นเรื่องที่จำเป็นมากต่อการจะประสบความสำเร็จกับอะไรสักเรื่องในชีวิต  เพราะในความเป็นจริงเราต้องยอมรับก่อนว่า  ไม่มีความสำเร็จหรือสูตรที่มันตายตัว  ทุกคนล้วนมีประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างกันออกไป  ความสำเร็จจึงเป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนเป็นอย่างมาก  ข้อแนะนำสำหรับผมก็คือ  จงทำตัวเองให้อยู่กับปัจจุบัน  ฝึกฝนพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อย ๆ  ไม่ว่าตอนนี้คุณจะยังอยู่ในสถานการณ์อย่างไรก็ตามแต่  ทุกที่ล้วนมีโอกาสถ้าคุณใช้ปัญญาในการมองเห็น  และแก้ปัญหาจนเป็นนิสัย  คนเก่งคือคนที่อยู่เป็น  รู้จักประเมินสถานการณ์และแก้ไขปัญหาได้  ไม่กลัวปัญหาแต่สนุกกับทุกสิ่งที่เข้ามาในชีวิต  แบบนี้จะไม่ให้เก่งได้ยังไงละครับ

ทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรเราไม่อาจคาดเดาได้  สิ่งที่ดีที่สุด ก็คือ วันนี้  และปัจจุบันคุณต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด  ยิ่งคุณฝึกฝนได้มากเท่าไหร่คุณก็จะไปได้ไกลมากเท่านั้น  ไม่ต้องคิดจะไปแข่งกับใคร  แข่งกับตัวเองให้ได้ก่อน  ถ้าเอาชนะใจตัวเองได้  ไม่ว่าจะเจออุปสรรค์ยากเย็นจะแค่ไหน  คุณก็ต้องผ่านมันได้  มันคือกฎง่ายๆ  ที่ได้ผลมาทุกยุคทุกสมัยครับลองเอาไปใช้ดู

วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

เหตุผลที่คุณต้องออกเดินทางบ้าง


การเดินทางออกจะแตกต่างจากการใช้ชีวิตสักหน่อย  แต่คุณเชื่อไหมว่า  ไม่ว่าทริปที่คุณไปมันอาจจะแย่  หรือดีเยี่ยมทุกอย่างล้วนให้อะไรคุณมากมาย  การเดินทางสำหรับผมมันเสมือนส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว  ผมได้เจออะไรต่าง ๆ มากมาย  และพบแรงบันดาลใจใหม่ ๆ  ในการใช้ชีวิต  และสิ่งที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น ก็คือ  การยอมรับความแสดงต่างจากสังคม ผู้คน ในแต่ละประเทศและชนชั้น

เราไม่อาจปฎิเสธได้หรอกครับว่า  มนุษย์นั้น  ต่างมีความต้องการไม่แตกต่างกันมากนัก  ในการที่จะใช้ชีวิต  มันขึ้นอยู่กับตัวคุณมากกว่า  ว่าคุณจะเลือกจัดสรรเวลาชีวิตของคุณไปกับสิ่งใด  ในมุมของผม ผมเกิดมาเพื่อใช้ชีวิต  ไม่ใช่แค่ทำงาน เก็บเงิน และแก่ตัวมาก็เกษียณอยู่บ้านแบบนี้คงน่าเบื่อตาย  การได้ลองออกไปเห็นอะไรใหม่ ๆ  มันทำให้เรายิ่งกลับเข้ามาเห็นตัวเองได้มากยิ่งขึ้น

ทุกที่ที่คุณได้ไป  อาจมีบางที่คุณไม่ได้ชอบมัน  แต่พอเวลาผ่านไปนั่นแหละ  มันกลับรู้สึกว่าคุณได้อะไรเยอะมากจากสิ่งที่เราไม่ชอบ  มากกว่าสิ่งที่เราชอบ  สิ่งที่จะทำให้มนุษย์เราไม่ต้องเป็นกังวลหรือทุกข์ใจ  นั่น ก็คือ  การไม่ยึดติด พอคนเราไม่ยึดติดหรือไปคาดหวังอะไรกับผลลัพธ์มากจนเกินไป  เราก็จะไม่เครียดหรือกังวลจนเกินเหตุ  การใช้ชีวิตควรเลือกใช้ในแบบที่เราคิดว่ามันพอดี  และเรามีความสุขดีกว่า  การเป็นคนธรรมดาฝึกฝนพัฒนาตัวเราเองไปเรื่อยๆ  ในที่สุดเราก็จะประสบความสำเร็จได้เอง

เช่นเดียวกับการใช้ชีวิตของเรานั่นแหละครับ  สิ่งที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว  ปัจจัยหลัก ๆ ก็มาจากตัวเรานั่นแหละ  อันได้แก่  ความมีอัตราจนเกินเหตุ  ความอิจฉาริษยา การดึงเองให้ไปสู่ที่ต่ำ  สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้คุณตกต่ำ  หาใช่ดวงชะตาฟ้าลิขิตอะไรไม่  ปัจจัยพวกนี้เป็นแค่ตัวเสริมเข้ามาเท่านั้นมันจะวิ่งเข้ามาทุกโอกาส  ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานการณ์ไหนและมองเห็นมันหรือไม่ 

ยิ่งถ้าเราได้เดินทางบ่อย ๆ  มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนพูดคุยกับผู้คนแปลกหน้า  มันยิ่งทำให้คุณเข้าใจโลกได้มากขึ้น  รู้ทันผู้คนและปล่อยวางกับบางเรื่อง  สิ่งที่สำคัญอยู่อย่างหนึ่งก็คือ  "อยู่เป็น"  คุณจะรู้จักคำนี้ได้ดีขึ้น  มนุษย์กลัวและไม่กล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า  เวลามีโอกาสก็มักจะไม่คว้าเอาไว้  และมองแบบเปรียบเทียบไปต่าง ๆ นา ๆ แท้ที่จริงคุณมีความกลัวอยู่ในใจนั่นเอง  ถ้าคุณก้าวข้ามมันไปได้  คุณจะกลายเป็นประวัติศาสตร์  แรก ๆ อาจมีคนไม่เห็นด้วยกับคุณอย่างแน่นอน  ขอให้คุณเชื่อมั่นในตัวคุณเอง 
แล้วคุณจะก้าวข้ามทุกอย่างไปได้

บางทีการใช้ชีวิตมันก็ไม่จำเป็นต้องใช้เหตุผลอะไรมากมาย  

ใช้หัวใจ สมองในการนำทาง  
ใช้สติปัญญาในการแก้ปัญหา  
ใช้ความสุจริตและยุติธรรมกับบางเรื่อง  

มองทุกอย่างในชีวิตให้เป็นเรื่องง่าย  แล้วคุณจะ Happy กับทุกอย่างที่เข้ามาแน่นอน เพราะชีวิตเป็นของเราและคุณเท่านั้นคือผู้เลือก

วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

หยุดคาดหวังจากคนอื่น



การคาดหวัง  ก็ไม่ต่างอะไรจากการยืมจมูกคนอื่นในการหายใจ  ถ้าอยากยืนด้วยขาของตัวเราเองจริง ๆ  เราต้องหยุดพึ่งพาคนอื่น  และใช้ควมสามารถที่มีของเราอย่างเต็มที่  ผมคนหนึ่งนะครับที่เชื่อว่าความสามารถที่จะพัฒนาและต่อยอดฝึกฝนกัน  ระหว่างคนที่เก่งที่สุด กับ คนที่ลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ  ผมเลือกแบบนะครับ  เพราะเขาคือคนที่ใช่สำหรับผม

โลกเรานี่ก็แปลกนะครับ  ชอบวัดความสำเร็จหรือความสามารถจากอันดับ  หรือจากสิ่งภายนอกที่ผู้คนเขาตัดสินให้ แต่แท้ที่จริงเราต้องดูจากเนื้อแท้ต่างหาก  เราถึงจะเข้าใจในความสามารถและความแตกต่างของบุคคลนั้น ๆ  สังคมไทยเราถูกเลี้ยงดูมาแบบ  เด็กต้องเคารพผู้ใหญ่ ซึ่งนั้นถือเป็นเรื่องที่ดีนะครับ  แต่ในยุคปัจจุบัน  ผู้ใหญ่บางท่านกลับเป็นเเบบอย่างที่ไม่น่าเคารพให้กับเด็ก  นอกจากเด็กจะหมดความศรัทธาแล้ว  ยังมองว่าการทำเรื่องแบบนี้ไม่น่าเสียหายอะไร  ขนาดตัวผู้ใหญ่เองยังทำได้

บางทีพูดแล้วเครียดและน่าใจหายนะครับ  ไม่รู้อนาคตเด็กไทยจะเป็นอย่างไรกันต่อไป  ผมก็ไม่เข้าใจนะครับ ตกลงคนไทยรักกันจริง ๆ  หรือเปล่า  ยิ่งไปดูในโลกอินเตอร์หากคุณไปอ่านคอมเมนต์ของคนต่างชาติ  ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามแต่  เขาจะรักชาติและรักคนของประเทศเขามาก  ผิดกันกับพี่ไทยเรา  ถ้าประสบสำเร็จจะยกยอจนเกินหน้าเกินตา  แต่ถ้าล้มเหลวมาซ้ำเติมจนแทบจะไม่มีที่ยืน 

ผมลองมาวิเคราะห์สาเหตุนี้ดูนะครับว่าเป็นเพราะอะไร  อะไรคือสาเหตุที่เป็นแบบนั้น  แน่นอนครับว่า ระบบการปกครองนั้นเอง  เรามีความเป็นประชาธิปไตยอยู่ไม่น้อย  แต่ในขณะเดียวกันด้วยเพราะคนไทย  เป็นคนง่าย ๆ  นิสัยการให้อภัยจึงเป็นเรื่องที่เห็นได้ทั่วไปในสังคมบ้านเรา  ต่างชาติอาจมองเป็นเรื่องมหัศจรรย์แต่ไทยเรามันคือเรื่องปกติ  และไอ้เพราะที่อะไร ๆ ก็ได้นี่แหละครับ  จึงทำให้คนไทยขาดความอดทน และไม่ชอบความลำบากมากมายนัก  เพราะคิดว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวเริ่มใหม่ได้  มันก็เป็นแบบนี้กันไป

บางทีการไม่จริงจังกับอะไรเลย  แม้กระทั่งการใช้ชีวิต  ไม่ยอมแก้ไขข้อบกพร่องของตัวเอง  หรืออุดรูรั่วตั้งแต่แรก  ในท้ายที่สุดปัญหาก็บานปลายไปเป็นเรื่องใหญ่จนได้  หาแก้ไขจุดเหล่านี้ได้  คนไทยนะครับจะเป็นชาติที่เก่งไม่น้อยหน้าใครเลย  ด้วยเพราะเรามีสิ่งหนึ่งที่เหนือกว่าชาติอื่น  "นั่นก็คือ  หัวใจของนักการฑูต"  ใช่ครับเรื่องการเจรจาในเรื่องผลประโยชน์อะไร  เราเก่งมากไม่แพ้ใครเลย  เพียงแต่บางทีอาจใช้ไม่ถูกต้องจากกลุ่มคนบางพวกแค่นั้นเอง 

สังคมไทยยุคใหม่  เราควรปูพื้นฐานเด็กๆ  ตั้งแต่วันนี้เลยนะครับ  ไม่ว่าจะเรื่องการศึกษา ระเบียบวินัย ความตรงต่อเวลา  ฝึกจนเป็นนิสัย  ยังไงผมก็รักประเทศนะครับ  ผมภูมิใจที่ได้เกิดบนแผ่นดิน  แผ่นดินที่บางทีมันก็มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด  แต่ก็ทำให้เราผ่านไปได้ และเเข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม  ทั้งที่ในสายตาของเพื่อนบ้าน  มองเราว่าแย่ลงแต่ในความจริง  ผมว่า...มันดีขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำถ้าเทียบกับหลายๆปีที่ผ่านมา

วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

หาความพอดีของชีวิตคุณให้เจอ



ช่วงนี้ผมเงียบหายไปนานเลยครับ  ยอมรับว่าปีนี้ปีทองจริงๆ  งานเข้าตั้งแต่ต้นปีกับหลายเรื่อง  แต่ก็อย่างว่าและครับ  มีปัญหาก็แก้กันไปเครียดไปก็ไม่ได้อะไร  แค่อยากจะบอกเราต้องมีสติเท่านั้นเองครับ  บางสิ่งบางอย่างผมต้องบอกเลยครับว่า  เราต้องรู้จักปล่อยวางกันจริงๆ  ปัญหาบางอย่างเรารู้อยู่แล้วแต่ก็ต้องปล่อยให้ตัวต้นตอของปัญหาเขาแกhกันไป  เราก็แค่เป็นผู้ที่ดูอยู่ห่าง ๆ ก็พอ

ชีวิตบางทีถ้ามันตึงเกินไปก็ไม่ดี  หย่อนเกินไปก็ลำบาก  มันต้องหาจุดที่พอดีกับตัวเราเองให้ได้  ไม่อย่างนั้นหากคุณหาจุดที่สมดุลไม่เจอ  เราก็จะพบแต่ความทุกข์ใจ  ไม่รู้จักจบสิ้นจริง ๆครับ  คนบางคนโลกสวย  โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ชอบความสบายมาก  พยายามหาสูตรลัดหรือวิธีลัดที่จะทำให้ตัวเอง  ไปสู่ความสำเร็จได้เร็วๆ  มันอาจจริงแค่บางส่วนนะครับ  แต่ในโลกของความเป็นจริง  คนที่เขาประสบความสำเร็จก็คือคนที่ลงมือทำมากๆ  ทำไม่อย่างไม่ลดละไม่ท้อ  โอกาสที่คุณประสบความสำเร็จก็มากกว่าคนอื่น

โลกเรามันก็อยู่ยากขึ้นทุกวันนะครับ  เพราะความเอาแต่ใจของมนุษย์เรานั่นแหละ  เมื่อเทคโนโลยีมากขึ้นเราก็เรียกร้องมากขึ้น  จนหาแก่นแท้ของทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตแทบไม่  เราหลงทางและก็ตกอยู่วังวนแบบนี้ไปเรื่อย ๆ  สิ่งที่แก้ไขยากที่สุดของมนุษย์ก็คือ  เราหาความพอดีให้กับตัวเองไม่เจอ  ทุกวันนี้เราเอาแต่วิ่งหาสิ่งที่คิดว่ามันจะอำนวยความสะดวกสบายให้เราได้มากขึ้น  แต่ยิ่งหามันก็ยิ่งห่างไกลขึ้นเรื่อย ๆ  นั่นเพราะมันไม่ได้อยู่ที่สิ่งภายนอกยังไงละครับ  มันอยู่ภายในตัวเราต่างหาก  ถ้าคุณหามันเจอคุณแทบจะไม่ต้องวิ่งไปไหนละครับ  เพราะความสุขมันจะอยู่รอบตัวคุณอยู่แล้ว

มันก็แปลกอะไรที่เราห่างหายมันนาน ๆ  บางทีมันก็ทำให้เราคิดอะไรไม่ออกจริง ๆ  เช่นเดียวกันการเขียนบทความ  บางทีพอเราห่างมันนาน ๆ ก็มีความรู้สึกว่า  ความคิดมันก็ตันมาเฉย  เกิดอาการคิดอะไรไม่ออก  ก็กลายเป็นต้องวางมันครับ  จริงนะยิ่งเราไปฝืนมันมากกลายเป็นว่าเราจะเขียนอะไรออกมามั่วไปหมดครับ  หาแก่นแท้ไม่ได้เลย

ปีใหม่ก็ต้องเริ่มต้นใหม่นะครับ  ทำแต่สิ่งที่ดีกว่าเหนือกว่าเดิม  ไม่ต้องอะไรมากแค่ตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ว่าวันนี้ฉันจะทำให้ดีขึ้นมากกว่าเมื่อวาน  เพียงเท่านี้มันก็ดีขึ้นแล้วละครับ  ให้กำลังใจตัวเองบ้าง หัดหัวเราะบ้าง  ชีวิตก็มีความสุขแล้วละครับ  หาความพอดีในชีวิตคุณให้เจอ  อย่ามัวเอาชีวิตของตัวเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่นให้ทุกข์ใจเลยครับ  แต่ละคนต่างก็มีดีในแบบของตัวเอง จงมองเห็นแต่ข้อดีของผู้คนแล้วชีวิตคุณจะมีความสุขมาก

คนเก่งที่สุดก็คือ  คนที่ทำอะไรอย่างสม่ำเสมอ  ไม่ลดละ ทำอย่างตั้งใจและใส่ใจ  เชื่อเถอะครับว่าผลงานที่ออกมาย่อมดีเสมอ  บางทีคนที่เก่งที่สุด เราจะสังเกตว่าสิ่งที่เขาแนะนำเราจริง ๆ  ก็คือเรื่องของพื้นฐานทั้งนั้นเลย  เพราะมันคือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง  ถ้าเข้าใจพื้นทุกอย่างมันก็จะง่ายไปหมดครับ  ยังไงก็ขอฝากไว้เป็นข้อคิดเตือนใจกันด้วยนะครับ

กล้าที่จะแตกต่างและเป็นตัวเอง

เรียกว่าห่างหายกันไปนานมากเลยครับ  ช่วงที่ไปพักกายพักจิตใจ  ทำให้เราสามารถแยกแยะได้ว่า  อะไรที่จำเป็นและสำคัญกับชีวิตของเรากันแน่   คนบางคนผ...