วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ปัญหาคือทางออกที่ดี


เวลาเจอปัญหาทุกอย่างดูจะมือมนไปหมด คุณว่าจริงไหม
ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกครับเพราะคุณยังไม่พยายามเข้าใจความจริงไงละครับ
ถ้าเราเรียนรู้เเละยอมรับความเป็นจริงเราก็จะทราบอย่างแน่ชัดและแก้ปัญหา
ได้อย่างถูกจุด สิ่งที่คุณจำเป็นต้องทำมีดังต่อไปนี้

1.ปัญหาของคุณคืออะไร
2.ปัญหานี้จะแก้ไขมันอย่างไร
3.เมื่อทราบแล้วก็ดำเนินการตามที่ได้วางไว้อย่างไม่ลังเล
4.วิเคราะห์ประเมินปัญหา

มนุษย์เรามีสัญชาตญาณในการแก้ปัญหาได้เป็นอย่างดี  นั่นเป็นเพราะเรามีสัญชาตญานการเอาตัวรอด
อยู่ในตัวเองไงครับ  เวลาเจอปัญหาอย่าเพิ่งหนีปัญหานะครับ ให้เราตั้งสติให้ดียอมรับในปัญหาและยอมรับในความเห็นแตกต่างที่เกิดขึ้น  ประสบการณ์ชีวิตของคนเราแตกต่างกัน  มิเช่นนั้นก็คงไม่มีมีฉลาดและคนโง่  เราจะมาคาดหวังว่าเขาจะต้องเหมือนเราหรือคิดเหมือนเราย่อมเป็นไปได้ยาก

บางอย่างเราต้องนิ่ง เพื่อรอเวลาที่เหมาะสมอย่าใจร้อนไปเดี๋ยวงานใหญ่จะเสียได้  คนมีสติย่อมทราบและรู้การกระทำของตัวเองดี  ถ้าเครียดนักก็หาอะไรทำ  เดี๋ยวก็ลืมมันไปเองครับ  วิธีแก้ปัญหาความเครียดก็คือ  การหยุดคิด หยุดการกระทำต่างๆในทางลบ  มีคำกล่าวหนึ่งของใครผมจำไม่ได้แล้วแต่ท่านบอกไว้ว่า คุณจะเป็นในสิ่งที่คุณทำ ไม่ใช่สิ่งที่คุณคิด  ทุกอย่างอาศัยการลงมือทำ การลงมือทำคือยาวิเศษที่ทำให้ทุกอย่างเป็นจริงขึ้นมาได้

วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น



เวลาที่เรานึกอะไรบางอย่างไม่ออก  มิใช่เพราะความไม่รู้หรอกครับ  แท้จริงเรามีความรู้มากมายอยู่เต็มหัว  สิ่งไหนเป็นข้อเท็จจริง  สิ่งไหนเป็นข้อคิดเห็น  ตรงนี้ต่างหากที่ทำให้เราสามารถหาทางออกให้กับปัญหาได้

อริยสัจ 4 ของพระพุทธองค์เป็นอะไรที่มนุษย์ทุกท่านต่างก็ให้การยอมรับเป็นอย่างดีอันได้แก่
ทุกข์  
สมุทัย
นิโรธ
มรรค

ความจริง 4 ประกาศที่พระองค์ทรงเห็นสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันของเราได้เป็นอย่างดี
ในบางครั้งมนุษย์เราเวลาอยู่ร่วมกันมากๆ ย่อมมีเรื่องทะเลาะกันเป็นธรรมดา  ทั้งนี้ทั้งนั้นหากมองด้วยเหตุผลก็ไม่มีอะไรมาก  เราต้องรู้จักปล่อยวางและยอมรับฟังความคิดเห็นของแต่ละฝ่าย  อย่าเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง  สิ่งต่างๆล้วนแล้วแต่ไม่เที่ยงเราจะมายึดมั่นถือมั่นย่อมไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์เราพึ่งควรปฎิบัติ  ธรรมชาติล้วนให้ความแตกต่างเป็นเรื่องธรรมดาขึ้นอยู่กับว่าเราจะจัดสรรอย่างไรให้เกิดความลงตัวเเละพอเหมาะพอดีกับชีวิตของเราต่างหาก

จงอย่านึกถึงแต่อดีตให้อยู่กับปัจจุบัน  เพราะถ้ามนุษย์เราทำเหตุไว้ดีผลย่อมดีตาม  ไม่มีสิ่งไหนที่ไม่เป็นไปตามนั้น  เราปลูกอะไรก็ย่อมได้รับผลของต้นแบบนั้น  เราปลุกข้าวก็ย่อมได้ข้าวคงเป็นอื่นไม่ได้  มีแต่บุคคลที่เห็นผิดเท่านั้นที่หลงในโลก หลงในวัฏสงสารแล้วก็หมุนวนไปอย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุด  

วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ผีตาโขนเสน่ห์เมืองเลย





ไปเที่ยวอีสานทั้งทีผมขอเล่าเกี่ยวกับประเพณีอีสานดั้งเดิม นั่นคือ ประเพณีผีตาโขน ซึ่งพอเห็นสัญลักษณ์นี้รู้ทันทีว่าเรามาเยือนอีสานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  สิ่งนี้แหละครับที่สามารถสร้างแรงจูงใจให้กับชุมชนอีสานเป็นอย่างดี

ตาโขนเป็นประเพณีชาวบ้านในจังหวัดเลยสือต่อกันมาอย่างยาวนาน  กล่าวคือ ผู้ที่สวมบทบาทเป็นผีตาโขนนั้นจะสวมหน้ากากที่น่ากลัว  (สำหรับผมดูน่าสนใจมากครับ)  หน้ากากของผีตาโขนก็ทำจากหวดของข้าวนึ่งที่ใช้หุ้งขาวเหนียว  และมีการแต่กายสีสันสดใส  เพื่อแห่ขบวนแห่งานบุญ


ตามตำนาน  ตีตาโขน มีข้อสันนิษฐานอยู่ 2 ทาง
1. มาจากเรื่องราวของพระเวสสันดรชาดก เมื่อพระเวสสัดรและพระนางมัทรีเสด็จออกจากป่า กลับสู่เมืองนั้น ก็มีผีป่าและสิงสาราสัตว์ทั้งหลายต่างพากันมาส่ง จึงนิยมเรียกกันว่า ผีตามคน จะกระทั้งเพื้ยนเสียงมาเป็น ผีตาโขน

2.เป็นการละเล่นเพื่อบวงสรวงดวงวิญญาณบรรพชน เนื่องจากชาวบ้านมีความเชื่อกันว่าบรรพชนที่เสียชีวิตไปแล้วจะกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สามารถดลบันดาลให้เกิดสิ่งต่างๆได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีและร้าย

การละเล่นพื้นบ้านนี้จะจัดรวมกับงานบุญสงกรานต์  งานบุญบั๋งไฟ และงานบุญซำฮะ จะอยู่ในช่วงระหว่างเดือน มิถุนายน - กรกฎาคม ของทุกปี



เสน่ห์ชุมชน (เชียงคาน)



การเดินทางก็เหมือนการที่เราเรียนรู้โลกให้มากขึ้นทำให้เราได้เห็นอะไรมากมายในการเดินทาง  หรือที่เราเรียกมันว่าเสน่ห์ชุมชน  ผมออกเดินทางจากกรุงเทพไปเชียงคาน  การเดินทางใช้เวลาประมาณ 10 ชั่วโมง   ผมไปถึงที่เชียงคานประมาณเที่ยงวันรู้สึกชอบบรรยากาศที่นี้มากตั้งแต่ได้ไปสัมผัส  ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของชุมชน  และประเพณีพื้นบ้านที่เห็นแล้วประทับใจมากๆ

เมื่อถึงที่พักสถานที่แรกที่ไป ก็คือ แก่งคุดคู  เป็นเรื่องเล่าตำนานพื้นบ้านของที่นี้นะครับ  มีชื่อว่าจึ่งขึ้งดังแดง  เป็นนายพรานเขาตามควายเผือกมาแล้วถูกกลลวงจากพระฤาษีแล้วมาตายเอาที่แก่งแห่งนี้  บริเวณที่นี้ก็จะมีของขายมากมายเลยครับ  อาทิเช่น  มะพร้าวแก้ว กุ้งฝอยทอด ผ้าพื้นบ้าน และตระกร้าสานเป็นต้น


ไม่ไกลจากที่พักก็จะมีพระพุทธรูปปางห้ามญาติที่ใหญ่ที่สุด  ทางขึ้นเขาขอบอกว่าชันมากครับ  แต่ก็ดีใจมากแค่เห็นวิวตรงแม่น้ำก็หายเหนื่อยไปเลย



บรรยากาศตอนเย็นใกล้พระอาทิตย์ตกดิน  หากมีเวลาลองไปปั่นจักรยานชมวิวดูครับ  ได้บรรยากาศสุดๆไปเลย   ตกเย็นก็เที่ยวถนนคนเดินต่อ   อากาศที่นี้กำลังเย็นสบายสองข้างทางเต็มไปด้วยของขายและกลิ่นอายของความเป็นชุมชนได้อย่างน่าลงตัว  เมนูสุดยอดของที่นี้เลยก็คือ ปลาท่องโก๋ยัดไส้  เมนูนี้จะมีอยู่ 2 ชนิดคือ ไส้กล้วย  ไส้หมู  ขอบอกว่าอร่อยมาก  สินค้าขายดีของที่นี้น่าจะเป็นเสื้อยืดครับ  เห็นขายแทบทุกร้านเลย  บรรยากาศเหมาะกับการจิบเบียร์ชิวๆมากเลย  แต่ที่นี้โอเคนะครับ  ไม่มีเซเว่น ไม่มีผับมีแต่ร้านอาหารนั่งกินทั่วไป


ตอนเช้าก็จะมีตักบาตรข้าวเหนียว  ผมนึกถึงบรรยากาศนี้เหมือนตอนที่ผมเป็นเด็กที่ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อ
ช่วยยายเตรียมของเพื่อไปฟังเทศน์ที่วัด  เห็นแล้วก็แสนจะอบอุ่นจังเลย  หลังจากที่ตักบาตร   เดินไปข้างหลังก็จะเห็นแม่น้ำโขง  บรรยากาศนึกว่าตัวเองอยู่เมืองนอก  แม่น้ำโขงเต็มไปด้วยทะเลหมอกบรรยากาศสุดแสนโรแมนติกมากครับ  อากาศตอนเช้าสดชื่นมาก  หายใจโล่งโปร่งสบาย  เหมาะกับการวิ่งออกกำลังกายในตอนเช้า




ชมบรรยากาศริมน้ำโขงเสร็จ ก็ต่อด้วยเมนูยอดฮิตของที่นี้เลยครับ  ได้แก่ ไข่กระทะ กับ ข้าวต้ม  ขอบอกว่าอร่อยมากครับ


จากนั้นก็เดินทางต่อครับสถานที่ท่องเที่ยวที่แรกของวันนี้เราได้ที่ ฟูจิเมืองเลย บรรยากาศลูกทุ่งมาก เหมือนตอนเด็กๆที่วิ่งตามรถไถ่นา  แต่นี้เท่ห์กว่าคือ เรานั่งมันเพื่อขึ้นไปชมวิว  ปลายทางเป็นยังไงผมอยากให้เพื่อนลองไปชมกันดูครับ  แต่ระหว่างทางที่ขึ้นเขาและลงเขาบอกได้เลยว่ามีความสุขมากๆ


จากนั้นก็เดินทางไปต่อที่คุณหมิงเมืองไทย  บรรยากาศที่นี้เหมือนที่คุณหมิงเมืองจีนเลยอยากให้ทุกท่านลองไปสัมผัสดูครับ  การเดินทางไม่ว่าจะเป็นสถานที่ไหนก็ตามแต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ มิตรแท้ที่ร่วมเดินทาง และเสน่ห์ของชุมชนที่ทำให้เราประทับใจไม่มีลืมเลย  ใครว่างๆก็ไปเที่ยวเชียงคานกันดูนะครับ

วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เผชิญหน้ากับความกลัว



ขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์แล้วล้วนมีหลายสิ่งหลายอย่างในตัวคนๆเดียวกัน  วันนี้ผมขอพูดถึงตัวหนึ่งนะครับ
นั่นคือ ความกลัว

เวลาที่เราพบเจอกับปัญหาและอุปสรรค์ต่างๆมากมาย  หากเราเอาจิตใจไปหมกหมุ่นอยู่กับมันมากเกินไปก็ทำให้เรามองไม่เห้นปัญหานั้น  วิธีการขจัดความกลัวที่ดีที่สุดคือ

1.ต้องเผชิญหน้ากับมันอย่าหนีปัญหาการหนีปัญหาไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น  การยอมรับกับมันและตัดสินใจแก้ไขปัญหาต่างหาก
2.คำนึงถึงผลดี ผลเสียที่เกิดขึ้นจากตัวปัญหาและยอมรับมันตามความเป็นจริง
3.ลงมือแก้ไขปัญหาและหาวิธีการใหม่ๆเพื่อลดปัญหาหรือทำให้มันดีขึ้นกว่าเดิม

หลักการก็มีง่ายๆแค่นี้แหละครับ  เรามักจะคิดอะไรซับซ้อนเกินไปจนไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ทะลุปรุโปร่ง  เราจะเห็นได้ก็ต่อเมื่อเราหยุด  หยุดทบทวนกับปัญหา  อยู่กับตัวเองให้มากๆ  ลองฟังเสียงข้างในของตัวเอง  แล้วค่อยๆแก้ปมออกทีละนิดๆ  ปัญหาทุกอย่างก็จะคลี่คลายเอง

ปัญหาบางอย่างที่เราไม่สามารถที่จะแก้ไขในเวลานั้นได้เราก็ต้องปล่อยวางมันลงซะ  เพราะเมื่อเวลาผ่านไปแล้วทุกอย่างจะคลี่คลายเองเช่นกัน ขอแค่คุณต้องมีสติและรู้จักอดทน อดกลั้นต่อปัญหา  อย่ากลัวปัญหาแต่จงกลัวที่ไม่กล้าจะเริ่มต้นทำอะไรใหม่ อย่าติดกับดักที่ขังตัวเองในความรู้สึกปลอดภัยเพราะในท้ายที่สุดคุณก็หนีพยามัจจุราชไม่ได้หรอกครับ

วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558

จงทำตามสัญชาตญานของตัวเอง



สองวันที่ผ่านมาผมดูรายการโปรดรายการหนึ่งของตัวเอง  ทำให้เริ่มเข้าใจอะไรมากยิ่งขึ้นผมก็มานั่งคิดถึงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับตัวผมมันช่างห่างกันจากจุดนั้นมาก  แต่ยังไงผมก็จะไม่ท้อครับ  สิ่งที่สร้างความสำเร็จให้กับบุคคลเหล่านั้นล้วนเรียบง่ายและไม่มีอะไรซับซ้อนเลยครับ

1.คุณต้องรักในสิ่งนั้น  เมื่อมีความรักและแรงบันดาลใจจิตใจเราจะมุ่งมั่นไปหาสิ่งนั้นโดยอัตโนมัติ  ถามว่าเขาเหล่านั้นมีความกลัวไหม  ทุกคนมีความกลัวเป็นพื้นฐานครับ  แต่ความกล้ามันมีมากกว่า  ความกล้าและยอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อความฝันของตัวเอง
2.เอาใจใส่  นอกจากความรักแล้วความทุ่มเทเอาใจใส่ในสิ่งที่รักอย่างละเอียด  ทำเสมือนว่ามันคือส่วนหนึ่งของความสำเร็จและทุกๆอย่าง  เมื่อสิ่งที่คุณทำคือผลงานแล้วใยเล่าคนอื่นเขาจะมองไม่เห็น
3.ความอดทนไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก  คนที่สำเร็จทุกคนล้วนมีบาดแผลเต็มตัวครับ  ไม่มีความสำเร็จไหนได้มาอย่างง่ายดาย  ทุกอย่างต้องอาศัยการฝึกฝน ฝึกปฎิบัติ ความอดทน อดกลั้นให้ถึงที่สุดจึงจะได้เพื่อสิ่งนั้นมา
4.การปล่อยวาง  เมื่อถึงจุดหนึ่งแล้วคุณต้องเป็นผู้ให้  การให้คือการสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ไม่มีจบสิ้นอย่าเป็นคนโลบที่แต่จะเอาทุกอย่างบนโลกใบในมาไว้ในมือของตัวเอง  สุดท้ายคุณจะไม่เหลืออะไร


ความทุ่มเท เอาใจใส่ ขยัน อดทน และรู้จักให้ท้ายที่สุดคือการปล่อยวาง  เหล่านี้ช่างเรียบง่ายมาก  ไม่ต้องไปศึกษาจากตำราอะไรมากมาย  อาศัยแค่การลงมือทำซ้ำๆ  จนเกิดความชำนาญในสิ่งนั้น  สิ่งที่ยากคนอื่นทำไม่ได้นั่นแหละครับ  คือสิ่งที่จะนำพาความยิ่งใหญ่และความสำเร็จมาสู่ตัวคุณ  รักและเคารพตัวเองให้มากๆ  ให้กำลังใจตัวเอง ถึงจะมีบาดแผลเต็มตัวก็ต้องสู้และเดินหน้าต่อไป พรุ่งนี้ยังมีอีก ทำวันนี้ให้เป็นวันที่ดีที่สุดของคุณ

วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558

พอใจในสิ่งที่มี ยินดีในสิ่งที่เป็น


ความสำเร็จที่ยั่งยืนคงไม่มีใครตอบได้หรอกครับว่ามีอยู่จริงหรือเปล่า
ใดๆในโลกล้วนไม่เที่ยงแท้ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ไม่มีใครจะอยู่ช่วยเราได้ตลอดชีวิตหรอกครับ  ตนและเป็นที่พึ่งแห่งตน
สติเท่านั้นที่จะเป็นเพื่อนแท้ที่ไม่ทอดทิ้งเราไปไหนไม่ว่าจะตอนอยู่หรือตาย

บุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิตล้วนฝึกสติอยู่ตลอดเวลา
นั่นคือ การอยู่กับปัจจุบันขณะคิดพูดทำให้มีสติอยู่ตลอด
ไม่กังวลถึงอดีต หรือ อนาคต  ทำตรงหน้าของเราให้ดีที่สุดถึงแม้จะยัง
ไม่ใช่สิ่งที่รักแต่ก็ต้องทำมันให้ดีที่สุด

คนที่สนใจอยู่แต่ปัจจุบันตรงหน้าคือบุคคลที่ได้กำไรสูงสุดในชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิต หน้าที่การงาน ย่อมสำเร็จได้ตามที่หมาย
การมัวแต่พะวงอยู่กับสิ่งที่ยังไม่ถึงย่อมเป็นทุกข์ใยเล่าจะเอาความทุกข์
มาใส่ตัวเรา

คนที่ฉลาดที่สุดก็คือคนที่อยู่กับปัจจุบัน  ในทุกเช้าให้คุณฝึกฝนตัวเองเลยครับ
และพูดกับตัวเองในทุกเช้าอยู่เสมอว่า ฉันจะเริ่มต้นวันนี้ให้ดีที่สุด
การปลูกต้นไม้ยังต้องอาศัยเพื่อให้ต้นไม้เติบโตเป็นไม้สูงใหญ่ฉันใด
บุคคลผู้ประความสำเร็จสูงสุดก็ต้องอาศัยการลงมือทำอย่างสม่ำเสมอฉันนั้น

วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2558

บางอย่างที่ขาดหาดไป


พลังงานมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง  มนุษย์สามารถนำแหล่งพลังงานเหล่านี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้
โดยที่ไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ  การเปลี่ยนแปลงของโลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็วมากส่งผลให้
เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบนิเวศอย่างรวดเร็ว  อีกไม่นานภัยธรรมต่างๆจะเกิดขึ้น มนุษย์จะได้รับบท
เรียนจากการกระทำของมนุษย์เอง  เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว  และความแห้งแล้ง

ประเทศที่พัฒนาแล้วหลายๆประเทศพยายามที่หาพลังงานทดแทนเข้ามาใช้แทนการสร้างหรือทำลาย
สิ่งแวดล้อม  และหันมาใส่ใจร่วมกันรณรงค์กันมากขึ้น  จะเห็นได้จากการพึ่งพาพลังงานด้านต่างๆที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ  เป็นต้นว่า  พลังงานแสงอาทิตย์  พลังงานลม

สิ่งเหล่านี้ประเทศที่พัฒนาแล้วล้วนแต่ทราบเหตุผลดีว่าทำไมต้องเป็นเช่นนั้น  แต่ประเทศไทยของเรา
แหละที่น่าเป็นห่วงต่างแยะชิงกันและพยายามพัฒนาสิ่งรอบตัวให้เจริญรุดหน้าเท่าประเทศที่พัฒนาแล้ว
และในท้ายที่สุดก็ต้องหันมาพึ่งพาธรรมชาติรอบตัว  ช่างน่าสงสารชาติบ้านเมืองของเรามาก

แต่เรายังโชคดีครับ  ประเทศไทยมีอาหาร  มีพระมหากษัตริย์  มีพระสงฆ์องค์เจ้าที่ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบอีกหลายท่าน  ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเมื่อประเทศไทยเจริญถึงที่สุดแล้ว  ยังไงซะรากฐานเหล่านี้ก็ยัง
จะคงอยู่กับประเทศไทยเราต่อไป

วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2558

You job is not your dream






มนุษย์ทุกคนมีความฝัน  ความฝันเป็นแรงบันดาลใจให้เราตื่นขึ้นมาเพื่อทำให้มันเป็นความจริง
ผมว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่สอนคนให้อยู่ในกรอบ  จึงทำให้คนส่วนมากไม่กล้าที่จะลงมือทำ
ความฝันของตัวเอง

ที่ผมพูดขึ้นมาไม่ใช่เพราะต้องการจะตำหนิสังคมไทยเรานะครับ  ในแง่มุมของการมีเมตตากรุณา ก็ยังมีให้เห็นและเป็นเสน่ห์อยู่ทั่วไปตามท้องถิ่นตามต่างจังหวัด แค่อยากจะให้คนที่มีความฝันออกเดินตามหาความฝันของตัวเอง  เมื่อรู้สึกว่างานที่ทำมันไม่ใช่สิ่งที่คุณฝันไว้  ก็จงออกไปตามหาสิ่งที่ใช่ และลงมือทำมันทันที  ความสำเร็จอยู่ระหว่างความล้มเหลวกับความสำเร็จ  เป็นเส้นแบ่งระหว่างกัน

แต่ถ้าให้ถามแต่ละคนที่ประสบความสำเร็จ  คงไม่มีคำตอบที่ชัดเจนหรอกครับเพราะความฝัน วิถีชีวิต และปัญหาอุปสรรค์ที่พวกเขาเจอล้วนแล้วแต่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง  ไม่มีใครที่จะให้คำตอบคุณได้ดีเท่าตัวคุณเองหรอกครับ

จงกล้าในขณะที่คนอื่นกำลังกลัว
จงเริ่มลงมือทำในขณะที่คนอื่นกำลังนั่งคิด
จงลงมือแก้ปัญหาในขณะที่คนอื่นหนีปัญหา
จงลงมือทำให้ถึงที่สุดจนว่าจะพบกับความสำเร็จ

ความสำเร็จไม่มีอะไรคงที่ถาวรหรอก  ทุกอย่างก็ต้องอาศัยความต่อเนื่อง สม่ำเสมอในการเรียนรู้และพัฒนาต่อยอดไปเรื่อยๆ  เปรียบเหมือนปลาในแม่น้ำลำคลอง  ปลามักจะว่ายทวนกระแสน้ำเสมอ ปลาที่ว่ายตามกระแสน้ำย่อมเป็นปลาตาย  คนเราก็เช่นกันต้องฝ่าฝันกับอุปสรรค์ปัญหาต่างๆมากมายเพื่อให้เราก้าวข้ามไปสู่สิ่งที่ดีกว่า  และสามารถนำกลับมาถ่ายทอดให้กับคนรุ่นต่อๆไปได้อย่างน่าภาคภูมิใจ

วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เมืองแห่งนวัฒกรรมที่ยิ่งใหญ่

เมื่อโลกเข้าสู่ยุคที่เจริญสุดขีดสุดท้ายมนุษย์ก็ต้องหันมาพึ่งพาธรรมชาติจากสิ่งรอบตัว  ทุกวันนี้เราพยายามแย่งชิงอำนาจความเจริญทางวัตถุกัน  แต่ในท้ายที่สุดมนุษย์จะหันหลังให้กับสิ่งเหล่านี้และหันมาคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้น




ภาวะโลกร้อนที่ตอนนี้กำลังใกล้เข้ามาสู่โลกของเรามากขึ้นทุกที  โดยที่มนุษย์เราไม่ค่อยให้ความสนใจกันมากนัก  มันก็เป็นเรื่องธรรมดาครับอะไรที่ยังไม่ส่งผลกระทบโดยตรงโดยเฉพาะคนไทยจะยังไม่เห็นคุณค่าของมัน  จนเกิดขึ้นกับตัวเองพอปัญหาเกิดทีนี้ก็จะพยายามหาทางป้องกันไม่ให้เกิดอีก  ดังสำนวนที่ว่า  "วัวหายล้อมคอก"  



หากเราทุกคนร่วมมือร่วมใจกันอนุรักษ์  รณรงค์กันให้เต็มที่ไม่นานประเทศไทยของเราต้องเป็นเมืองแห่งนวัฒนกรรมที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก  ประเทศเรามีนักออกแบบที่มีชื่อเสียงมากมาย  และไม่เป็นสองรองจากที่ใดในโลก  หากนโยบายภาครัฐให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในอนาคตประเทศไทยคงไม่น้อยหน้าประเทศไหนในโลกครับ

วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เพราะชีวิตออกแบบได้



เมื่อก่อนผมเคยสงสัยเกี่ยวกับอะไรหลายอย่างเลยครับที่เป็นปัจจัยให้บุคคลคนหนึ่งไปถึงจุดหมาย
ปลายทางในสายอาชีพของเขาได้ กล่าวคือ

บุคคลเหล่ามีศิลปะในการทำงานให้ประสบความสำเร็จในอาชีพนั้นๆ  เรื่องนี้มีกล่าวในมงคลชีวิต 38 ประการที่พระพุทธองค์ได้ทรงบัญญัติไว้ อยู่ในข้อที่ 8 ครับ มีรายละเอียดดังนี้

พระพุทธองค์ได้มีการจัดประเภทศิลปะได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ

1.ทางกาย  คือ ฉลาดทำการช่างต่างๆ เช่น ช่างทอ ช่างวาด ช่างออกแบบ นอกจากนี้ก็รวมถึงอาชีพ การทำนา ทำสวน การเขียนหนังสือ วิทยากร  นักดนตรี ก็จำเป็นต้องมีศิลปะทั้งนั้น

2.ทางวาจา คือ ฉลาดในการพูดจา มีวาทศิลป์ รูจักเลือกพูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์สามารถยกใจตัวเองและผู้อื่นได้

3.ทางใจ  คือ ฉลาดในการคิด มีสติ สามารถควบคุมความคิดให้ไปในทางบวก คิดในทางสร้างสรรค์  คิดในทางที่จะยกจิตใจของเราให้สูงขึ้น

เห็นไหมละครับว่าศิลปะแทรกตัวอยู่ในทุกสาขาอาชีพ และในทุกอิริยาบทการดำเนินชีวิต  บุคคลผู้ฉลาดมีปัญญามากย่อมสามารถนำศิลปะเหล่านี้มาใช้แก้ปัญญาในชีวิต และการทำงานได้  ผลดีของการเป็นบุคคลผู้มีศิลปะย่อมทำให้ตัวเราเป็นบุคคลผู้มีปัญญา  น่าคบค้าสมาคมไปที่ไหนก็มีแต่คนรัก  ชีวิตก็เจริญงอกงามตามแต่สิ่งที่ได้ปลูกไว้  ไม่ว่าจะทางกาย วาจา และใจ  ฝากไว้เป็นข้อคิดนะครับ



วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ความสำเร็จที่เรียบง่าย




หลายครั้งที่เราเอาแต่วิ่งไปหน้าโดยไม่หยุด
หลายครั้งที่เราเอาแต่สนใจเรื่องของตัวเองจนไม่มองเห็นคนอื่น
หลายครั้งที่เราเอาแต่เรียกร้องจากคนอื่นทั้งที่ไม่เคยให้คนอื่น
หลายครั้งเรามัวแต่มองแต่ปัญหาของตัวเองจนไม่เห็นภาพใหญ่


ทัศนคติเป็นตัวกำหนดภาพในการมองเห็นของคนแต่ละบุคคล

ในมุมมองของนักคิด :  มองกว้าง มองแบบมีวิสัยทัศน์กว้างไกล  ทำอะไรต้องมีขั้นตอนแบบแผนที่ชัดเจน
รู้จักคิดให้เป็นระบบ

ในมุมมองของนักปฎิบัติ : รู้ลึก รู้ในงานและหน้าที่ของตัวเองอย่างเข้าใจถ่องแท้

ทัศนคติการมองโลกต่างกัน  ไม่มีถูกผิดเพราะคุณมองคนละมุม  จงรักและเคารพตัวเองและให้เกียรติผู้อื่นเฉกเช่นเขาเป็นปถุชนเหมือนกัน  ธรรมชาติของมนุษย์มักเห็นแก่ตัวเองและพวกพ้อง  เราเรียกร้องและรับมามากพอแล้ว  จงเป็นผู้ให้บ้าง  การให้ที่ยิ่งใหญ่เกิดเป็นคนทั้งทีให้ตั้งคำถามให้สุดไปเลย

ถ้าเป็นคนดีจะดีกว่านี้อีกได้ไหม

ถ้าเป็นคนเก่งจะเก่งกว่านี้อีกได้ไหม

คำถามที่ตั้งกับตัวเองนั่นแหละถึงจะบอกอนาคตของบุคคลนั้น  เราเอาแต่วิ่งหาความสำเร็จแบบสำเร็จรูปทุกอย่างต้องเฟคเฟก  ไม่มีอยู่จริงหรอกครับ  ความสำเร็จไม่มีแบบฉบับเป็นข้อๆ  วิถีชีวิตของคนแต่ละคนไม่เหมือนกันมิเช่นนั้นก็ประสบความสำเร็จกันหมดซิครับ  ภาพลวงตากับสภาพความเป็นจริง ห่างกันแค่เส้นบางๆเท่านั้นเอง  ค้นหาเส้นบางๆเหล่านั้นแล้วคุณจะพบว่า  ความสำเร็จมันช่างเรียบง่ายอะไรอย่างนี้  

วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สังคมสำเร็จรูป




มีหลายครั้งครับที่มักจะมีผู้สัมภาษณ์สอบถามเกี่ยวกับเคล็ดลับของทุกอย่างที่ทำให้เราประสบความสำเร็จในชีวิต

คำตอบที่ได้คือ  ไม่มีหรอกครับมีแต่ลงมือทำอย่างสม่ำเสมอเรียนรู้จากความผิดพลาดแล้วค่อยๆพัฒนามันขึ้นไปให้ดีเรื่อยๆ  คิดแล้วต้องลงมือทำอย่าปล่อยให้เป็นแค่ความคิด

ส่วนตัวเเล้วผมชอบวัฒนธรรมญี่ปุ่นมากในเรื่องแบบฉบับของความมีระเบียบวินัย และการสร้างเอกลักษณ์ของเมืองหรือสถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆให้โดดเด่นและแตกต่างกันไป  มนุษย์เราเวลาอยู่ร่วมกันเป็นสังคมแล้วสร้างสรรค์แต่สิ่งที่ดีงาม  จนกลายเป็นวัฒนธรรมของชาติ  นี่แหละที่จะทำให้ชาติบ้านเมืองมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว  ไม่ไหวโอนไปตามกระแสสังคมโลกที่เปลี่ยนแปลงไปมาจนหาจุดยืนของตัวเองไม่ชัดเจน

คุณเคยสังเกตไหมครับว่า ถ้าเราให้น้ำหนักกับสิ่งไหน  สิ่งนั้นจะเข้ามามีอิทธิพลกับตัวเราอย่างยิ่ง  การจะสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ก็เริ่มจากจุดเล็กๆนี้แหละ   ปลายทางอาจไม่ใช่ความสำเร็จก็ได้แต่สิ่งที่เราได้ก็คือ การเรียนรู้และใช้ชีวิต

จงเป็นตัวของคุณเองในแบบที่ดีที่สุด  สังคมที่เรียนแบบกันไปกันมาเรียกได้ว่าเป็น สังคมสำเร็จรูป คือมองอะไรสั้นๆ  มีอยู่มากมายเลยครับในสังคมไทย  พอเห็นใครประสบความสำเร็จก็เอาแบบเขาบ้างทั้งที่ในความเป็นจริงไม่ได้มีใจรักหรือชอบมันจริง  หวังแค่ความร่ำรวยที่ปลายทาง  บอกเลยครับว่าคนแบบนี้คือหลอกตัวเอง  มันอาจดีในระยะสั้นแต่ระยะยาวคุณเตรียมตัวพบกับ นายล้มเหลวเลยครับ  เพราะความสำเร็จไม่มีคำว่าบังเอิญ  ไม่ใช่โชค  แต่เพราะการลงมือทำอย่างสม่ำเสมอและเตรียมพร้อมเพื่อไปสู่ความสำเร็จที่ยั้งยืน

วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ถูกผิดใครตัดสิน





วันนี้ไปนั่งกินข้าวกับเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเพื่อนคนนี้เป็นอะไรที่แปลกมากสำหรับผม
คือ ผมได้มุมมองใหม่ๆ จากเขาเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น

- เรื่องการมองคน
- เรื่องการคบหาผู้คน
- เรื่องทัศนคติ

แต่ก่อนเรามักจะตัดสินคนอื่นด้วยความคิดเห็นของเรา  แต่พอมานั่งคิดอีกทีก็รู้เลยว่าแท้จริงแล้ว
การที่คนเราคิดต่างมันก็ไม่ผิด เพราะคนแต่ละคนล้วนแล้วแต่มีภูมิหลังไม่เหมือนกัน  การที่เขาคิด
แบบนั้น  เขาก็มีเหตุผลของเขา  เพียงแต่เหตุผลของเขาอาจขัดแย้งกับความคิดเห็นของเราเท่านั้นเอง

ผมไม่ขอตัดสินหรอกว่าความคิดเห็นของผมหรือเพื่อนผมถูก  เอาเป็นว่าอยากให้ทุกท่านระลึกเสมอว่าหากเราตั้งจุดหมายปลายทางของตัวเองได้ถูกต้อง  และรู้จักควบคุมอารมณ์ ความคิด และสติของตัวเองอยู่เสมอ  ทุกชีวิตย่อมประสบความสำเร็จตามที่หมายได้

เส้นทางเดินชีวิตของแต่ละบุคคลล้วนแล้วแต่จัดสรรมาจากกรรม  กรรมก็คือการกระทำที่ส่งผลมาจากอดีต ปัจจุบัน และจะเป็นไปอย่างนี้เรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด ตราบที่มนุษย์ยังไม่เข้าถึงที่สุดของธรรม  ยังไงฝากไว้เป็นข้อคิด ข้อเตือนใจนะครับ









กล้าที่จะแตกต่างและเป็นตัวเอง

เรียกว่าห่างหายกันไปนานมากเลยครับ  ช่วงที่ไปพักกายพักจิตใจ  ทำให้เราสามารถแยกแยะได้ว่า  อะไรที่จำเป็นและสำคัญกับชีวิตของเรากันแน่   คนบางคนผ...