วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2564

shaper (นักปั้น)


บุคคลที่มีชื่อเสียงในระดับโลกส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่มีความเป็น Shaper เขาเหล่านั้นเป็นทั้งนักคิด นักสร้างสรรค์ และมีความพยายามเป็นอย่างมาก  พวกเขามีความต้องการเป็นอย่างสูงที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตในสิ่งที่พวกเขาคิด  โดยไม่สนใจถึงความผิดหวัง ความล้มเหลวเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมา 

คุณสมบัติของ Shaper ที่มีคล้าย ๆ กันได้แก่

1.มีวิสัยทัศน์ที่กว้างกว่าคนทั่วไป ไม่ว่าจะมาด้วยตนเองหรือเรียนรู้วิธีการหาวิสัยทัศน์จากผู้อื่นที่กว้างกว่าตน

2.เห็นภาพใหญ่และสามารถมองรายละเอียดเล็ก ๆ ผสมรวมกันทุกขั้นตอนเพื่อสร้างระบบให้เป็นจริง โดยอาศัยความคิดสร้างสรรค์อย่างแน่ว บวกกับความมีใจกว้าง

3.ไม่ทนกับคนที่ไม่สามารถทำงานได้ดีเท่ากับตนเอง และต้องการสร้างความแตกต่างที่ใหญ่หลวงบนโลกใบนี้


ตัวอย่างของคนที่เป็น Shaper  ได้แก่ อิลอน มัสก์

ในตอนที่เริ่มสร้าง Space x  จุดเริ่มต้นของเขาก็คือ  การเข้าไปศึกษาค้นคว้าในเวปของนาซ่า เกี่ยวกับการเดินทางไปดาวอังคาร (ผลคือไม่มี) สิ่งที่เขาทำก็คือ "การเริ่มอ่านหนังสือศึกษาอย่างจริงจังเกี่ยวกับมันเพื่อจะเดินทางไปดาวอังคาร"  นี่คือวิธีคิดแบบ Shaper

อิลอน มัสก์  นิสัยเป็นคนที่พยายามอย่างสุดโต่ง  ในการบรรลุเป้าหมาย หัวรุนแรง ก้าวร้าวหรือไม่สนโลก  รหว่างช่องว่างของสิ่งที่เป็นไปได้ และสิ่งที่เป็นไปไม่ได้  ในอารมณ์เศร้า ๆ ประกอบกับแรงผลักดันลึก ๆ

การเลือกระหว่างประสบความสำเร็จในเป้าหมายที่ตั้งไว้  หรือการเอาอกเอาใจผู้อื่น Shaper จะเลือกการบรรลุเป้าหมาย แบบนักประดิษฐ์  เป็นคนมีวิสัยทัศน์ที่ดีที่สุด กล่าวคือ คนที่มีความกว้างไกลระหว่างที่ร่วมงานกับคนเก่งอื่น ๆ ที่มีวิสัยทัศน์ที่แตกต่างกันออกไป

จะเห็นได้ว่าคนที่มีความสามารถนั้นคือผู้ที่นั่งกังวลเกี่ยวกับอนาคต  คนโง่เป็นคนที่ไม่กังวลอะไรเลย  นี่แหละครับความแตกต่างที่ฟังดูแปลก  แต่คือเรื่องจริงของงคนที่ประสบความสำเร็จ


กองทุน SSF และ RMF


เวลาคือ เพื่อนแท้ ของนักลงทุน  แต่  การจัดพอร์ตคือ คู่แท้ ของนักลงทุน

โลกของการลงทุน  หากใครที่รู้ตัวเองว่าไม่เหมาะกับการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง  หรือความผันผวนที่สูงมาก และมีผู้จัดการกองทุนที่ดี คอยจัดการให้  ทางเลือกของกองทุน SSF และ RMF คือไม่เลวทีเดียว


SSF และ RMF เหมาะกับใครและช่วงไหน

ช่วงอายุ 25+   SSF  ดูจะเป็นตัวเบือกที่เหมาะกว่า เพราะจำนวนปีที่ต้องถือสั้นกว่า RMF สามารถขายเพื่อทำตามเป้าหมายได้โยไม่ต้องรอนานเกินไป

ช่วงอายุ 35+   SSF หรือ RMF ก็ได้ มีระยะเวลาในการลงทุนพอสมควรก่อนที่จะเกษียณ เกิน 10 ปี ขึ้นไปไม่ว่าจะเลือกลงทุนผ่าน RMF หรือ SSF  ก็ไม่น่าจะมีปัญหาใด ๆ

ช่วงอายุ 45+    SSF หรือ RMF ก็ได้ มีระยะเวลาไล่เลี่ยกันมาก ๆ คือ 10 ปี จึงซื้อ SSF หรือ RMF ก็ได้

ช่วงอายุ 50+     RMF เป็นหลัก ที่หลือค่อยซื้อ SSF  เพราะถือแค่ 5 ปีก็สามารถขายคืนได้เเล้ว  แต่ถ้ามีเงินเหลืออยากลดหย่อนเพิ่ม ค่อยซื้อ SSF

ช่วงอายุ 55+   RMF ไว้ลดหย่อนไปเลยเพราะถือแค่ 5 ปี เท่านั้น

 

หลักในการคัดเลือกกองทุน

การจะลงทุนในกองไหน จำเป็นจะต้องเข้าใจกองทุนนั้นให้ดีซะก่อน ถ้าไม่รู้จักก็ยิ่งมีความเสี่ยงสูงมากที่จะไม่ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน หรือขาดทุนได้  วันนี้มีหลัก 3 ข้อ ดังนี้

1.ประเภทและนโยบายการลงทุนต้องเป็นกองทุน (สินทรัพย์) เติบโตในระยะยาว

2.มีกำหนดผลตอบแทนที่ชัดเจน และผู้จัดการกองทุนต้องมีฝีมือดี  มีความรู้ความสามารถในการจัดการกองทุนนั้น ๆ

3.ค่าธรรมเนียมไม่แพง

หนังสือชี้ชวนการลงทุนบอกอะไรบ้าง มี 7 ข้อ

1 คุณกำลังลงทุนอะไร ?  บอกถึงนโยบายการลงทุนและกลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุนของกองทุน เช่น แบบเชิงรุกหรือเชิงรับ

2.กองทุนรวมนี้เหมาะกับใคร ? บอกถึงผู้ที่เหมาะสมไม่เหมาะสมกับการลงทุนในกองทุนนี้เพื่อให้นักลงทุนได้ประเมินตัวเองก่อนตัดสินใจลงทุน 

3.คุณต้องระวังอะไรเป็นพิเศษ ?  บอกถึงคำเตือนที่สำคัญ แผนภาพแสดงตำแหน่งความเสี่ยงของกองทุน (ระดับ 1-8) และปัจจัยความเสี่ยงที่สำคัญ

4.สัดส่วนของประเภททรัพย์สินที่ลงทุน  บอกถึงสัดส่วนการลงทุนและทรัพย์สินที่ลงทุนสูงสุด 5 อันดัยแรก

5.ค่าธรรมเนียม  บอกถึงค่าธรรมเนียมที่สำคัญของกองทุนที่คิดรวมภาษีแล้วทั้งค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากกองทุน  และที่เรียกเก็บจากผู้ถือหน่วย

6.ผลการดำเนินงาน  บอกถึงผลการดำเนินงานย้อนหลังที่ผ่านมาของกองทุนเทียบกับดัชนีชี้วัด และค่าความผันผวนของผลการดำเนินงาน

7.ข้อมูลอื่น ๆ บอกถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจลงทุน เช่น นโยบายการจ่ายเงินปันผล จำนวนขั้นต่ำในการซื้อขาย เวลาเปิดปิดทำการ และชื่อผู้จัดการกองทุน เป็นต้น

และนอกจากนี้คุณต้องรู้จักวิธีการบริหารพอร์ตการลงทุนให้ดี  ปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม ดูเเนวโน้มการเติบโตทรัพย์สิน พิจารณาในเรื่องราคา การกระตุ้นเศรษฐกิจและแนวโน้มของตลาดหุ้น ศึกษาให้มาก อย่าทำตามคนอื่นและหาแนวทางตัวเองให้เจอ เคล็ดลับความสำเร็จ ก็คือ การมีเส้นทางของตัวเราเองครับ 


ขอบคุณที่มา SET




วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2564

ความคิดกำหนดดวงชะตาชีวิต


ผู้คนรอบตัวมีผลต่อความสำเร็จขอเราเป็นอย่างมาก  อยู่กับคนแบบไหน  เราก็จะกลายเป็นคนแบบนั้น  แล้วถ้าเราต้องอยู่ในองค์กรที่เหล่าผู้คนเต็มไปด้วยคนหมดไฟ  คิดแต่เรื่องที่่ไม่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับตัวเอง  ถ้าชีวิตแบบนี้ไม่เกิน 5 ปี รับรองว่าชีวิตเราคงถอยหลังลงคลองกันแน่

การหมดไฟ ไม่ใช่เรื่องที่ดี  เพราะนั้นหมายถึงคุณเริ่มหมดพลังงานในร่างกาย  และยากที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต  วิธีที่ดีที่สุดคือ ปล่อยวางครับ  แต่ในความปล่อยวางคุณก็ต้องติดต่อกับพวกเขาเฉพาะเรื่องงานเท่านั้น  ติดต่อเท่าที่จำเป็น  ถ้าไม่ก็เลือกที่จะนิ่ง ๆ ดีกว่า


เทคนิคที่ดีที่สุดคือ

1.ชัดเจนกับเป้าหมายของเรา  พยายามค้นหาผู้คนที่มีความคิดเห็นที่ตรงกับคุณ  ทำตัวเองให้มีไฟ  มีพลังงานอยู่ตลอดเวลาเพื่อขับเคลื่อนเราไปสู่เป้าหมาย

2.พัฒนาทักษะใหม่ ๆ อยู่เสมอ การเรียนรู้ทักษะใหม่ก็เป็นการเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับตัวเอง ศึกษาแบบจริงจังและทุ่มเท ทำจนตัวเองเป็นคนประเภท Expert geralists ลงลึกไปในทุกศาสตร์  เเล้วนำข้อมูลเหล่านี้มาเชื่อมต่อกันเพื่อสร้างเป็นศาสตร์ใหม่ 

3.ลองคิดแบบเด็กแล้วทำแบบผู้ใหญ่ดูครับ  ความคิดเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมและคำพูดต่าง ๆ  การยึดติดย่อมทำให้เราไปไม่ถึงทางที่ฝันไว้  เพราะฉะนั้นทลายกำแพงที่อยู่ตรงหน้า  ลองคิดในมุมที่ต่างออกไป จินตการจะพาคุณไปได้ทุกที่ครับ  ลองคิดนอกกรอบดูนะครับ

4.เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในกลุ่มคนที่มีความคิดในเชิงบวก  แล้วมีความคิดในเรื่องของการพัฒนาตัวเองและการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ อยู่เสมอ ถ้าหากยังไม่เจอก็หาหนังสือดี ๆ มาอ่าน  การอ่านคือการเปิดโลกทัศน์  ทำให้คุณมีความรู้ที่หลากหลาย และก้าวหน้าอยูตลอดเวลา อย่าคิดว่าจมอยู่แค่นี้  แค่เปลี่ยนความคิด  ชีวิตก็เปลี่ยนได้ครับ

5.ฝึกทักษะการเป็นผู้ฟังทีดีบ้าง  การเป็นผู้ฟังที่ดีย่อมจะทำให้เราได้ความรู้มากมายจากการฟัง  ที่สำคัญคือต้องฟังเรื่องที่มีประโยชน์แล้วสามารถนำไปคิดต่อยอด หรือเชื่อมโยงได้  หากไม่สามารถเชื่อมโยงได้ ก็ต้องหาเส้นทางใหม่  ฝึกคิดที่จะต่อยอดและพัฒนาสิ่งใหม่  ไม่ใช่การย้อนหลัง

6.ถอยห่างจากคนที่หมดไฟ คนที่ไม่สนับสนุนคุณ หรือคนที่ขี้อิจฉา  การจะเล่าความฝันอะไรให้ใครฟังคุณต้องดูก่อนนะครับว่า นิสัยใจคอของคน ๆ นั้นเป็นแบบไหน  คบกับคนแบบไหนเราจะกลายเป็นแบบนั้น  การรู้จักวางตัวเองให้ดี  มีสัมมาคารวะ มีความอ่อนน้อมถ่อมตน และที่สำคัญคือ ต้องมีความมั่นใจในตัวเองด้วย

โลกที่พร้อมจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา  จนเราไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าอีก 5 ปี 10 ปี  โลกจะเปลี่ยนไปในทิศทางไหน  แต่ยังผู้คนก็ยังต้องใช้ชีวิตแล้วดำเนินต่อไปให้ได้  ถ้าถามตัวผมเอง  ผมในฐานะคนที่นับถือพุทธศานาก็คงจะตอบว่า  ทุกอย่างเป็นสิ่งไม่จีรังยั่งยืน  มีได้ก็เสื่อมได้  บนพื้นฐานของอนัตตา ความไม่เที่ยงทั้งหลายแม้กระทั่งตัวเราเอง การไม่ยึดมั่นเพื่อทำให้ตัวเองเป็นทุกข์  จึงดีที่สุด  อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด และเป็นไปตามเหตุและปัจจัยอย่างนั้น  อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด  การเห็นและเข้าใจตัวเองนั่นแหละคือสิ่งที่มนุษย์พึ่งมีและกระทำ  อย่าไปวิ่งตามทุกอย่างจนเราหาทางให้กับชีวิตของเราไม่เจอ ท้ายที่สุดเราอาจกลายเป็นคนหลงทางได้  ฝากไว้เป็นข้อคิดเตือนใจนะครับ


วันอังคารที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2564

สุดยอดที่ปรึกษา


เชื่อว่าหลายคนมีความฝันที่อยากจะประสบความเร็จ  อยากจะพบเจอใครสักคนที่เข้ามาช่วยให้การเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวคุณนั้นดีขึ้นแบบที่  ไม่สามารถจำตัวเองได้เลย  เรียกได้ว่าดีแบบพลิกชีวิต วันนี้ผมก็มีหลักการพื้นฐานง่าย  เพื่อให้คุณเลือกที่ปรึกษาในแบบที่ตัวคุณไม่ต้องโดยหลอกมาฝากกันครับ

การให้คำปรึกษานั้นเป็นเรื่องของการใช้สติปัญญาที่บริสุทธิ์  วิเคราะห์สถานการณ์นั้น ๆ แล้วพิจารณาเหตุการณ์ตามความเป็นจริงแบบถูกต้อง  โดยไม่เอาความรู้สึกส่วนตัวมาปะปน  ผู้ที่จะเป็นที่ปรึกษาที่ดีนั้น ต้องมีคุณสมบัติที่นิ่งสงบ  และให้คำปรึกษาอย่างมีเมตตาและมั่นใจในความถูกต้องของคำปรึกษา


มีคำกล่าวหนึ่งของพระพุทธองค์ว่า "พระพุทธองค์ไม่สอนบัวใต้น้ำ"


มีหลักการ 2 ข้อ สำหรับที่ปรึกษาควรมี 

1 หลักกาลามสูตร  กล่าวคือ  การไม่หลงเชื่อเพียงเพราะว่า เขาว่า...../ก็เห็นเขาทำกันแบบนั้น  หรือข่าวลือต่าง ๆ /หรือบ้าทฤษฎี ยึดในหลักการทั้งที่ไม่มองว่าโลกปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน  ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน  อย่าเดาหรือใช้ความรู้สึก มีฐิฑิ หรือชอบคนพูด อย่าเชื่อเพราะเขาเป็นครูบาอาจารย์ของเรา  สิ่งเหล่านี้แหละจงจำไว้ให้ดี

จงเชื่อในปัญญาของตัวเอง  เชื่อในปัญญาของตัวเอง แล้วตัวคุณจะกลายเป็นคนพิเศษที่ไม่ธรรมดา

2.ธรรมของสัตตบุรุษ  กล่าวคือ ต้องเป็นคนรู้จักเหตุ รู้จักผล  รู้จักตน รู้ว่าเรานั้นไม่ถนัดอะไร แล้วจะทำให้ตัวเองเก่งมาได้อย่างไร  นานวันเข้าเราจะเก่งขึ้น  และต้องรู้จักประมาณตนเอง  เลือกเดินทางสายกลาง  รู้จักกาลเวลาที่เหมาะสม  รู้จักบริษัท  รู้จักบุคคล

มันก็คือหลักการง่าย ๆ ที่คนเรามักหลงลืม  หากคนเป็นที่ปรึกษาไร้ซึ่งคุณสม่บัติเหล่านี้ก็ยาก  ที่จะเป็นสุดยอดที่ปรึกษาที่ดีได้  เพราะไม่ว่าจะอาชีพอะไรทุกอย่างมีจุดเริ่มต้นเหมือนกัน ก็คือ รักในอาชีพนั้น และที่สำคัญคือ ต้องมีความซื่อสัตย์และเคารพในวิชาชีพของเราเอง

ท้ายที่สุดผมอยากฝากข้อคิดนี้ไว้ครับ

เมื่อคนพยายามจะสร้างชีวิตให้เต็มไปด้วยความร่ำรวยคน ๆ นั้นจะไม่รวย ด้วยเหตุผลเพราะจดจำทุกการกระทำไม่ได้  ไม่ได้กระทำได้ด้วยสติปัญญา แต่ทำไปด้วยความโลภ การเร่งอะไรให้สำเร็จเร็วเกินไป  ความสำเร็จที่ได้จะไม่ยั่งยืน

ความเก่งจะไม่มีความหมายใด ๆ ทั้งสิ้น  ความเข้าใจต่างหากที่มีความหมายยิ่งใหญ่กว่า คนที่เข้าใจอะไร ๆ ได้ ก็คือ คนที่ใช้ชีวิตตัวเองเดินไปในเส้นทางที่ถูกต้อง ไม่ใช่เดินไปเพียงเพราะหวังว่า "ฉันต้องรวย"  โดยไม่สนใจวิธีการที่ถูกต้อง

ลองคิดภาพของตัวเองเมื่อต้องใช้ชีวิตในปั้นปลายดูนะครับว่า  ตัวเองต้องการชีวิตแบบไหนกันแน่  แล้วให้นึกทบทวนตัวเองเลยว่า ถ้าย้อนเวลากลับมาได้ถึงตอนนี้อะไรบ้างที่ตัวเราเองนั้นจะไม่ทำมันเด็ดขาด  อะไรบ้างที่เราจะไม่ไปเสียเวลากับมัน  กำหนดทิศทางให้ชัดเจน  แบบนี้รับรองว่าคุณจะได้ในสิ่งที่คุณต้องการอย่างแน่นอน





วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2564

การเป็นคน Expert geralists


โลกนี้มีคนอยู่หลายประเภท  แต่ประเภทที่เป็นสุดยอดจริงจะเเบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ได้แก่ พวก Specialist (พวกที่มีความสามารถในด้านนั้น ๆ แบบโดดเด่น) กับประเภท Expert geralists  วันนี้ผมของพูดถึงคนประเภทที่ 2 นี้นะครับ

 Expert geralists  จะเป็นพวกที่เรียนรู้ในหลาย ๆ ด้านให้ลึกถึงแก่นของหลาย ๆ เรื่อง เพื่อหาแก่นแท้ที่สามารถเชื่อมโยงให้ด้วยกัน  หรือที่เรียกว่า Connecting the dots  สาเหตุที่พวก  Expert geralists   มีเหนือกว่าคนอื่น ๆ เพราะเขาได้ศึกษาลึกลงไปในหลาย ๆ เรื่องที่จะทำให้ตัวเขามีข้อมูลที่มากและนำไปสู่การสร้างสรรค์สิ่งใหม่

ยกตัวอย่างบุคคลที่เห็นได้ชัด ได้แก่  Elon Musk เขาเป็นบุคคลต้นแบบที่หาคนเปรียบเทียบได้ยากเลยในยุคปัจจุบัน  ถ้าหากเราไปแกะรอยความสำเร็จของเขาตั้งแต่เริ่มต้น ปัจจัยหลัก ๆ มาจากหนังสือที่เขาอ่านครับ

เขาใช้เวลาอ่านหนังสือเฉลี่ยวันละ 2 เล่มต่อวัน

ในช่วงเริ่มต้น         เขาศึกษาเกี่ยวกับหนังสือวิทยาศาสตร์,ศาสนา,ปรัชญา,Programming

ในช่วงตอนโตขึ้น   ฟิสิกส์ ,วิศวกรรม,โปรดักส์ดีไซน์,ธุรกิจ,พลังงาน, เทคโนโลยี

เมื่อเขาศึกษาจะเข้าใจถึงแก่นแท้ของเรื่องนั้น ๆ แล้ว  Elon musk ก็ได้นำศาสตร์เหล่านี้มาประยุกต์ใช้กับธุรกิจ จากธุรกิจหนึ่งไปสู่ธุรกิจหนึ่ง (Learning transfer) ประกอบด้วย 2 ขั้นตอน ดังนี้

1.การศึกษาเข้าไปให้ลึกซึ้งถึงแก่นแท้ หรือเรารู้จักในงานวิจัยในชื่อ Contrasting cases คือการศึกษาแบบเปรียบเทียบ  ได้แก่การศึกษาโครงสร้างของสิ่งนั้น ๆ เพื่อให้เรารู้ว่าอะไรคือ แก่น  อะไรคือ โครงสร้างที่สำคัญ ของแต่ละเรื่อง  จากนั้นมาดูว่าสามารถปรับใช้กับชีวิตกับเราได้หรือไม่

ข้อสำคัญ  อย่าไปศึกษาวิธีที่ดีที่สุด แต่ควรศึกษาหลาย ๆ วิธีแล้วนำมาเปรียบเทียบแต่ละวิธี เพื่อที่จะทำให้เราเข้าใจเนื้อหาแก่นแท้ในเรื่องน้้น ๆ

2.การประกอบ Fundamental principles นั้นขึ้นมาใหม่  เช่น การศึกษาเรื่องเทคโนโลยี  นาโนเทคโนโลยี วิศวกรรมการเงิน เพื่อสร้างศาสตร์ใหม่ ๆ ขึ้นมา เป็นอีกหนึ่งองค์ความรู้ที่เราได้สร้างขึ้นด้วยตัวเราเอง

จะเห็นได้ว่าโลกใบนี้ความรู้ไม่ได้อยู่ที่ตำราเรียนอย่างเดียวนะครับ  โลกปัจจุบันทุกอย่างสามารถเรียนรู้ได้ จากทุกที่และทุกเวลา  หากเราศึกษาความหลากหลายในด้านต่าง ๆ เราอาจจะพบแก่นแท้ของเรื่องนั้น ๆ ในแบบฉบับของตัวเราเองก็ได้  เพราะความสำเร็จนั้นไม่ใช่การลอกเลียนแบบ  แต่มันคือการทุ่มเท และลงมือทำครับ

การเข้าใจในศาสตร์นั้น ๆ อย่างแท้จริง การศึกษาเรื่อง First principle จะทำให้เรารู้ว่าอะไรสำคัญกับเราจริง ๆ เราอาจสร้างเส้นทางใหม่ ๆ ขึ้นมาเพื่อวัดคุณภาพมาตรฐานในแบบฉบับของเราเอง  แทนที่จะไปทำตามตำราเรียนในแบบที่เหมือน ๆ กัน  ไม่มีสิ่งใดจะสำคัญไปกว่ากระบวนการเรียนรู้  นี่แหละครับคือเคล็ดลับความสำเร็จ






บัญญัติ 10 ประการของวิชาเศรษฐศาสตร์


เรื่องของเศรษฐศาสตร์ไม่มีอะไรซับซ้อน เศรษฐกิจก็เป็นแค่เรื่องของคนกลุ่มหนึ่งที่ทำข้อข้อตกลงกับกับอีกกลุ่มหนึ่งในเรื่องทั่ว ๆ ไปของพวกเขา  ศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์กันด้วยบัญญัติ 4 ประการ ที่เกี่ยวกับการตัดสินใจของแต่ละบุคคล

คนเราตัดสินใจอย่างไร (How people make decisions)

1.บัญญัติข้อที่ 1 ผู้คนต้องเผชิญกับการได้อย่างเสียอย่าง

2.บัญญัติข้อที่ 2 ต้นทุนของสิ่งหนึ่งคือสิ่งที่ต้องเสียไปเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมา

3.บัญญัติข้อที่ 3 คนที่มีเหตุผลจะคิดแบบส่วนเพิ่ม

4.บัญญัติข้อที่ 4 ผู้คนตอบสนองต่อสิ่งจูงใจ

คนเรามีปฎิสัมพันธ์ต่อกันอย่างไร (How people Interact)

5.บัญญัติข้อที่ 5 การค้าทำให้ทุกฝ่ายดีขึ้น

6.บัญญัติข้อที่ 6 โดยทั่วไปแล้วตลาดเป็นหนทางที่ดีในการบริหารจัดการกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

7.บัญญัติข้อที่ 7 บางครั้งรัฐบาลก็ช่วยทำให้ผลลัพธ์ของตลาดดีขึ้นกว่าเดิมได้

ระบบเศรษฐกิจโดยรวมทำงานอย่างไร (How the economy as whole works)

8.บัญญัติข้อที่ 8 มาตรฐานการครองชีพของประเทศขึ้นอยู่กับฝีมือ ความสามารถในการผลิตสินค้าและบริการ

9.บัญญัติข้อที่ 9 ราคาสินค้าจะสูงขึ้น เมื่อรัฐบาลเพิ่มปริมาณเงินตราเข้าสู่ระบบมากเกินไป

10.บัญญัติข้อที่ 10 สังคมเผชิญภาวะได้อย่างเสียอย่างในระยะสั้นระหว่างภาวะเงินเฟ้อกับภาวะการว่างงาน

สรุป (Summary)

.        หลักการพื้นฐานเกี่ยวการตัดสินใจ คือ ผู้คนเผชิญกับภาวะได้อย่างเสียวอย่างระหว่างเป้าหมายหลายแบบ ต้นทุนของการกระทำใด ๆ วัดได้จากมูลค่าของทางเลือกใด ๆ  ที่ละทิ้งไป ผู้คนที่มีเหตุผลจะตัดสินใจโดยการเปรียบเทียบต้นทุุนส่วนเพิ่มกับผลประโยชน์ส่วนเพิ่ม และผู้คนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตัวเองเพื่อตอบสนองต่อสิ่งจูงใจที่ตนได้เผชิญ

        หลักการพื้นฐานเกี่ยวกับปฎิสัมพันธ์ระหว่างผู้คน คือ การค้าและการพึ่งพาอาศัยกันก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันได้ ตลาดโดยทั่วไปแล้วเป็นหนทางที่ดีต่อการทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจร่วมกันของผู้คน และรัฐบาลช่วยทำให้ผลลัพธ์ของตลาดดีขี้นกว่าเดิมได้ด้วยการเยี่ยวยาแก้ไขความล้มเหลวของตลาด หรือส่งเสริมความเสมอภาคของเศรษฐกิจให้สูงขึ้น

        หลักการพื้นฐานเกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจโดยรวม คือผลิตภาพเป็นสิ่งที่นำไปสู่มาตรฐานการครองชีพที่สำคัญที่สุด  การเติบโตของปริมาณเงินตราเป็นสิ่งที่นำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อที่สำคัญที่สุด และสังคมเผชิญกับภาวะการได้อย่างเสียอย่างระหว่างภาวะเงินเฟ้อกับภาวะการว่างงานระยะสั้น










วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2564

เทคนิคการเริ่มต้น เทรดหุ้น RAY DALIO

วันนี้ผมขอเล่าเทคนิคง่าย ๆ สำหรับการเริ่มต้นเทรดของ RAY DALIO นะครับ  ผมมองวิธีการของเขานั้นน่าสนใจยิ่ง  เลยอยากเอามาเล่าต่อให้เพื่อน ๆ ได้ลองฟังกันดูครับ

RAY DALIO  พูดไว้ว่า  เมื่อผมจะเริ่มเทรด  ผมจะใช้เกณฑ์ในการตัดสินใจจากนั้นผมจะปิดสถานะ  ผมสามารถบอกตัวเองได้ว่า ผมทำได้ดีเพียงใด  จากนั้นผมได้เขียนเกณฑ์ในรูปแบบคำนวณสูตรการคำนวณ "อัลกอริทึม"  แล้วประมวลจากข้อมูลนั้นย้อนหลัง

สูตร

สัญชาตญาน ---- ตรรกะในการตัดสินใจ ---- การคิดระบบสร้างแผนความคิดเพื่อรับมือสิ่งต่าง ๆ (ตามแต่สถานการณ์) ----  จากนั้นประมวลผลด้วยระบบที่สร้างขึ้นมา ----  ถ้าไม่ดีพอ (ปรับการตัดสินใจให้เหมาะสมมากขึ้น)  

*อาศัยข้อมูลย้อนหลัง 1 ศรรตวรรษ ในประเทศที่เรามีข้อมูล*

จากนั้นนำระบบข้อมูลย้อนหลัง  เปรียบเทียบ  สิ่งที่มีอยู่จริงของเรา

ความจริงที่ควรรู้ไว้ก็คือ การพยากรณ์ไม่ใช่สิ่งที่คุ้มค่ามากนัก และส่วนใหญ่ที่ทำมักจะไม่ได้เป็นคนที่หาเงินจากตลาด เนื่องจากไม่มีอะไรที่แน่นอน ดังนั้น หากปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่ออนาคต  มันจะมีความเป็นไปได้หลาย ๆ ทางด้วยความน่าจะเป็นที่แตกต่างกัน ไม่ได้มีผลลัพธ์ที่น่าจะเกิดขึ้นมากที่สุดเท่านั้น

การเคลื่อนไหวของตลาดสะท้อนถึงการเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจ การเคลี่ยนไหวทางเศรษฐกิจสะท้อนอยู่ในสถิตทางเศรษฐกิจ  และการเคลื่อนไหวของตลาด เราได้พัฒนากฎที่แม่นยำสำหรับการตรวจสอบเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจสภาวะตลาด  และทิศทางการเทรดของเรา  กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ แทนที่จะเป็นการคาดการณ์การเปลี่ยนในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ  และปรับปรับแผนการเทรดให้สอดคล้องกับข้อมูลที่ได้   เราเลือกที่จะยอมรับการแปลงที่กำลังเกิดขึ้น และย้ายเงินของเราไปในที่ที่เหมาะสมที่่สุด ในสภาพแวดล้อมแบบนั้น


เข้าไปคลุกคลีในธุรกิจจนกว่าผมจะอยู่ในจุดที่รู้สึกว่ากลยุทธุ์ที่ผมใช้นั้น สามารถนำมาดำเนินธุรกิจนั้น ๆ ได้ด้วยตัวเอง  บางอย่างถ้าเราไม่สะดวกใจกับสิ่งที่ต้องทำ เพื่อที่จะลงทุนกับมัน  ผมได้เรียนรู้ว่าถ้าคุณทำงานหนักและสร้างสรรค์  คุณสามารถมีทุกอย่างที่คุณต้องการได้  แต่สิ่งที่คุณได้จะไม่ใช่ทุกอย่างที่คุณต้องการ  ความเป็นผู้ใหญ่คือ ความสามารถในการปฎิเสธทางเลือที่ดีเพื่อที่จะทำในสิ่งที่ดีกว่า

หลักการงานสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที  เพราะชีวิตคุณเองก็เลือกได้  ถ้าเราจดจ่อกับอะไรเราก็ย่อมได้สิ่งนั้นครับ  ไม่มีใครเก่งตั้งแต่เกิด  เพราะฉะนั้นจงค่อย ๆ ฝึกฝนไปทีละนิด  เรียนรู้ไปแล้วคุณจะพบคำตอบที่คุณต้องการ



ผู้ที่หวังพึ่งพาดวงชะตา ท้ายที่สุดก็ต้องพบกับความล้มเหลว


การดูดวงชะตาโดยคาดหวังว่าจะทำให้ชีวิตเรานั้นดีขึ้น  ผมว่าไม่มีอยู่จริงหรอกครับ  สิ่งที่จะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นนั้น  ก็คือ  การคิดดี พูดดี และก็ทำดี  สิ่งเหล่านี้คือของจริง และสามารถเห็นผลได้ทันที  หลายคนทำผิดพลาดไปคาดหวังว่าชีวิตนั้นเราสามารถพึ่งพาดวงชะตา  พอเราไปแก้ไขดวงชะตาก็จะทำให้ชีวิตเปลี่ยน  แต่สิ่งที่เราไม่ยอมเปลี่ยนคือ นิสัยของเราเอง พฤติกรรมของเราเอง  ทั้งที่่สิ่งเหล่านี้  นี้แหละครับคือตัวกำหนดดวงชะตาของเรา  

จากประสบการณ์ของผมก่อนหน้าผมก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบการดูดวงมาก  เชื่อว่าดวงชะตานั้นสามารถกำหนดความเป็นไปในชีวิตของเราได้จริง  แท้ที่จริงแล้วไม่ใช่เลย ยิ่งเราดูดวงมากขึ้น ก็ทำให้เรารู้ได้ว่า  การไม่รู้อนาคตของตัวเองนั้นย่อมเป็นเรื่องที่ดีที่สุด  มันสามารถทำให้เราสามารถแยกแยะและวิเคราะห์   สถานการณ์ตามความเป็นจริง   โดยอาศัยข้อมูลที่มีอยู่ในช่วงเวลานั้น ๆ  เพื่อใช้ในการตัดสินใจในบางเรื่องที่สำคัญในชีวิต  เมื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับเรา  ไม่ว่าจะดี หรือไม่ดี  เราก็จะสามารถรับมือกับสถานการณ์นั้น ๆ ได้

ในความเป็นจริงแล้วบุคคลจะร่ำรวย หรือยากจน  ความยิ่งใหญ่หรือความน่าเกรงขามของมนุษย์นั้นไม่ได้สัมพันธ์กับความมั่งคั่ง หรือมาตรวัดความสำเร็จอื่น ๆ การจะไปตัดสินผู้คนก่อนที่เราจะได้เห็นสิ่งต่าง ๆ ผ่านความคิดเห็นของพวกเขา หรือก่อนที่จะเข้าใจในสถานการณ์ของพวกเขานั้น  มันเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดนัก  ผมขอให้คุณลองศึกษาให้มากขึ้น  จนเข้าใจถึงความต้องการว่า คนที่มองเห็นสิ่งที่แตกต่างจากตัวเรานั้น เขามองกันอย่างไร ?  

แล้วคุณจะพบว่าสิ่งนี้น่าสนใจ และมีคุณค่ามาก มีมุมมองที่กว้างขึ้น  ที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าคุณต้องทำอย่างไร  บางทีถ้าคุณต้องพบเจอกับคนแบบนี้ตลอดเวลา  เราก็แค่ไม่ต้องไปอะไรมากมายกับเขาหรอก  ปล่อยไป  การอยู่ตัวคนเดียวนั้นย่อมจะดีที่สุด  ขอจงทำใจให้สบายนะครับว่าคุณนั้นได้เดินมาถูกทางแล้ว  การที่คุณรู้สึกทุกข์  นั้นเท่ากับว่าสิ่งที่คุณเป็นอยู่นั้น  คุณต้องฝึกฝนและพยายามให้มากขึ้น  โลกจะดึงดูดคนที่คู่ควรกับคุณเข้ามาเองในเวลาอันใกล้  อดทนอีกสักนิด  ข้อสำคัญคือ  อย่าไปเล่าความฝันของตัวเองให้กับคนที่คุณไม่สนิทใจฟังเด็ดขาด  เพราะเขาพร้อมจะนำเรื่องของคุณไปเปิดและเป็นอันตรายกับคุณมาก  จงฝึกให้ตัวเองเป็นคนนิ่งให้เป็น  พูดให้น้อยหรือเท่าที่จำเป็นสิ่งนี้ดีที่สุด  ใครจะว่าอะไรยังไงอย่าไปสนใจเขาครับ  เราทำดีเป็นพอ  

อะไรที่มันดีอยู่แล้วก็ต้องทำต่อไป  อะไรที่ไม่ดีก็ต้องเลิกไป ลดฐิฑิในใจของตัวเอง  ทำตัวให้สงบนิ่งดุจพญาราชสีห์  มีสติอยู่เสมออย่าประมาณกับชีวิตให้มาก รู้จักการปล่อยวางแล้วชีวิตคุณจะมีความสุข  เพียงแค่นี้แหระครับชีวิตของคณก็จะพบแต่ความสุข  ไม่ต้องพึ่งพาดวงชะตาเลย


วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2564

เทคนิคสำหรับการเป็นนักพูดที่ดี


มีเคล็ดลับอย่างหนึ่งในการประสบความสำเร็จในชีวิตที่ผมอยากให้คุณได้รับรู้นะครับ  นั่นก็คือ  การเป็นผู้ฟังที่ดีครับ  ทำไมเป็นงั้นละครับ  นั่นก็เพราะว่าการจะเป็นนักพูดที่ดีเราต้องเป็นนักฟังที่ดีก่อนครับ อย่างที่ทุกท่านทราบดีครับว่าธรรมชาติของมนุษย์นั้นสร้างให้มนุษย์มี สองหู หนึ่งปาก  ซึ่งก็แสดงให้เห็นได้ชัดเจนเลยครับว่า  การพูดนั้นสำคัญก็ต่อเมื่อ เรื่องที่เราพูดนั้นมีประโยชน์หรือไม่   ถ้าไม่ก่อให้เกิดประโยชน์นั่นก็หมายความว่าเป็นเรื่องไร้สาระ  พูดไปก็ไม่มีอะไรดี  มีแต่จะทำให้เราได้รับความเสียหาย  หรือไม่ก่อประโยชน์ให้กับเราและผู้อื่น  

ผมมีเทคนิคสำหรับคนที่ช่างพูด  แล้วจะฝึกอย่างไรให้ตัวเองเป็นผู้ฟังที่ดีและเป็นนักพูดที่มีความสร้างสรรค์ด้วย

1.ต้องดูผู้ฟังก่อนครับว่า  เรากำลังคุยเรื่องอะไรและตัวเขานั้นมีความสนใจในเรื่องนั้นมากน้อยแค่ไหน  

2.ต้องวางแผนการพูด (คิดก่อนพูด)  คำนึงถึงผู้ฟังด้วยว่าเขารู้สึกนึกคิดอย่างไรด้วย หากพูดไม่คิดอาจพาความเดือนร้อนมาสู่เราได้

3.ฝึกรับฟังความคิดเห็นต่าง  ลองหาเพื่อนที่เขามีความสนใจแตกต่างจากเรา  เรียนรู้วิธีคิดจากเขา ว่าทำไมเขาคิดอย่างไร?  มีเหตุผลอะไรที่เขาคิดแบบนั้น ?

4.ต้องวิเคราะห์และแยกให้ออกครับว่า  การพูดเก่งและพูดมากนั้นต่างกันอย่างไร  ศึกษาดูให้ดีนะครับ  พูดดีก็จะนำพาประโยชน์มาสู่เรา


ยิ่งเตรียมตัวนะครับ  ความเสียหายก็ยิ่งจะเสียหายน้อยลง  คิดก่อนพูด  บางอย่างต้องรู้จักเก็บความลับให้เป็น  เพราะเราไม่อาจรู้ได้ว่ามีคนอิจฉาเราหรือเปล่า  การใช้ชีวิตให้ธรรมดาแบบไม่ธรรมดา  มุ่งมั่นทุ่มเทกับมันให้มาก ๆ ความสำเร็จไม่ได้มีแบบแผนชัดเจน  มันอยู่ที่การฝึกฝนทักษะนั้น ๆ อย่างสม่ำเสมอจนชำนาญ  เราต้องฝึกโฟกัส  อย่าไปวิ่งตามคนอื่นการเป็นคนชัดเจนกับเป้าหมาย  ย่อมทำให้เราเข้าถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น  สิ่งนั้นที่เราไม่ถนัดก็พยายามศึกษาและใช้วิธีอื่นที่เหมาะสมกับเรา  เช่น  การเข้าไปร่วมทุนหรือซื้อหุ้นในกิจการนั้น ๆ  ย่อมจะดีกว่า  

ลองฝึกให้ตัวเองเป็นคนคิดอะไรง่าย ๆ  อย่าให้มีความซับซ้อนให้มาก  เราไม่สามารถเก่งไปทุกด้าน  จงทำตัวเองให้เป็นคนที่ศึกษาให้ลึกในเรื่องที่เราถนัด  แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องรู้กว้างในทุกเรื่อง  โลกในยุคใหม่เราจำเป็นต้องฝึกฝนทักษะใหม่ๆ  เพื่อความอยู่รอดในอนาคต เราต้องเปลี่ยนถ้าคุณไม่เปลี่ยนเราต้องมีความเสี่ยงเป็นอย่างมาก ลมเปลี่ยนทิศได้เสมอ  มองภาพอนาคตให้ออกถ้าคุณมองออก  จะสามารถทำให้คุณได้เปรียบ  โลกในศตรววษที่ 21  เป็นยุคแห่งข้อมูลข่าวสาร  ใครมีข้อมูลที่แม่นยำและเรียลไทม์คนนั้นย่อมได้เปรียบ  เมื่อระบบ AI สามารถเข้ามาทำงานกับมนุษย์ได้เต็มร้อย  การปรับปรุงที่เกิดขึ้นจะทำให้มนุษย์เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก  มากจนคุณไม่อาจคาดเดาได้เลย  ขอให้จำไว้ครับว่า จินตนาการ+ความรู้+ทักษะใหม่+เทคโนยี  ทุกอย่างต้องไปพร้อม ๆ กันครับ

วันพุธที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2564

การจดจ่อกับเป้าหมายชีวิต


เชื่อว่าหลายคนคงมีสักครั้งในชีวิต  ที่ชีวิตต้องมีทางเลือกบางอย่างในการต้องตัดสินใจกับอะไรบางอย่าง  บางอย่างที่อาจเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราไปตลอดกาลเลย  หากเราเพียงแค่ตัดสินใจผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย  ก็อาจทำให้เราเปลี่ยนไปทั้งชีวิต  อย่างที่เคยกล่าวไปแล้วก่อนหน้า  คนที่ไม่มีแบบแผนในชีวิตนั้น  ย่อมทำให้ชีวิตคุณนั้นหลงทาง  และหาทางออกบางอย่างให้กับชีวิตสักที  อารมณ์เหมือนชีวิตที่ยังคงวนเวียนอยู่ในวงจรเดิม ๆ  ที่พยายามจะหาทางออกให้กับชีวิตยังไงก็ยังรู้สึกว่าลังเล  และก็ไม่กล้าที่จะตัดสินใจทำอะไรทันที

เพราะชีวิตเป็นของเรานะครับ  เพราะฉะนั้นจงเลือกและวางแผนมันให้ดี  ถ้าวางแผนผิดชีวิตมันก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทันที  เวลาที่คุณกำลังลังเลกับอะไรบางอย่าง วันนี้ผมมีเทคนิค 3 ข้อง่าย ๆ เพื่อให้คุณง่ายกับการตัดสินใจกับเรื่องบางเรื่องในชีวิต ดังนี้ 

1.ขั้นตอนที่ 1 ให้วิเคราะห์ดูให้ดีกว่าเรื่องที่เราสนใจนั้นมันสามารถสร้างรายได้ หรือหาเงินให้เราได้จริง ๆ หรือไม่  เพราะแค่ความชอบอย่างเดียวมันก็ไม่ก่อประโยชน์  ต้องสามารถหาเลี้ยงปากท้องให้เราได้ด้วย

2.ขั้นตอนที่ 2 ต้องมานั่งดูว่าเราสามารถจดจ่อกับมันได้นาน ๆ หรือไม่  ถ้าใช่แล้วเราหมกหมุ่นอยู่กับมันตลอดเวลานั้นก็เท่ากับว่าเรามาถูกทางแล้ว  จากนั้นมุ่งหน้าต่อไป  อย่าได้ล้มเลิกไปซะก่อนนะครับ

3.ขั้นตอนที่ 3  เราสามารถต่อยอดหรือพัฒนาอะไรต่อได้หรือไม่  มีความเป็นไปได้มากน้อยขนาดไหนที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิตได้ ศึกษาวิเคราะห์ประเมินความเสี่ยงที่เกิดขึ้น  มองหาทุกวิกฤตแล้วคุณจะเห็นโอกาสที่อยู่ตรงหน้า  และที่สำคัญคือต้องมีศรัทธาต่อตัวเองอย่างแรงกล้า  อย่าท้อคำคน  แล้วมุ่งหน้าพัฒนาตัวเองต่อไปอย่างไม่ลดละ


การที่เรารู้จักตัวเอง  และสามารถบอกตัวเองได้นั้น  รู้ว่าอะไรคือความต้องการในชีวิตของเรากันแน่ จะทำให้เราง่ายสำหรับการใช้ชีวิต  นั่นเพราะเราได้เห็นภาพที่ชัดเจน  และรู้ว่าอะไรคือความต้องการที่แท้จริง  ข้อสำคัญคือ เราต้องมานั่งวิเคราะห์ก่อนว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต  รู้ว่ามันเหมาะสมกับชีวิตของเราจริง ๆ หรือไม่  อย่าไปเสียเวลากับเรื่องที่ไร้สาระ  หรือไม่จำเป็นมากนัก เพราะในท้ายที่สุดสิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณห่างไกลจากความสำเร็จมากยิ่งขึ้น  อดทนสักนิด มองภาพถึงสิ่งที่เราต้องการจะไปข้างหน้า  นึกภาพมันให้ออก ตลอดเวลา และชัดเจนอยู่กับมัน  ภาพจะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น แล้วทุกอย่างจะเป็นจริงขึ้นมา.

มีแผนสำรองดีที่สุด


ชีวิตนั้นหากไม่มีแผนการที่แน่นอนเราย่อมทำอะไรไม่อยู่กับร่องกับรอย  ไม่มีเป้าหมายในชีวิต  ก็จะทำให้ชีวิตเราวนอยู่กับที่มีคำกล่าวหนึ่งที่ว่า  ถ้าเรายืนผิดแม้แต่องศาเดียวนั้น  เมื่อเวลาผ่านไป 7 ปีทุกอย่างจะวนกลับมาที่เดิม  ผมว่าเรื่องนี้มีส่วนจริงนะครับ  บางทีการที่เราปล่อยชีวิตให้ไม่มีแก่นสาร  หรือไม่รู้คุณค่าของการใช้ชีวิต  ไม่กล้าตัดสินใจอะไรให้มันแน่นอน  นั้นย่อมส่งผลต่ออนาคตของเรา  ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีความเสี่ยง  บนพื้นฐานของความเสี่ยงนั้น  คุณรับมันได้มากน้อยขนาดไหน  การไม่เสี่ยงนั้นแหละจึงเป็นความเสี่ยงที่น่ากลัวที่สุด

แผนการสำคัญอย่างไร ?   สำคัญมากครับ มันก็เหมือนกับการที่เราได้วางแผนการเดินทาง  เพื่อที่จะเดินทางไปที่ไหนสักแห่งเราจำเป็นต้องมีการวางแผน  และกำหนดแผนการไว้อย่างชัดเจน  ศึกษาเส้นทางและเลือกเส้นทางให้เหมาะสม  เพื่อง่ายและกำหนดแผนการเดินทางที่จะไปอย่างชัดเจน

ถ้าหากคุณไม่มีแผนละจะเป็นอย่างไร ?   คุณก็ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะไปไหน  และต้องใช้เวลากับมันนานแค่ไหน  บางทีคุณอาจหลงทางและเสียเวลาไปกับมัน  เห็นหรือยังครับว่าการวางแผนนั้นสำคัญอย่างไร




ในการวางแผนชีวิตก็ไม่แตกต่างกัน  คุณคุณจะมีแผนที่ 1 2 3  เพื่อรองรับและหาลู่ทางใหม่ ๆ สำหรับตัวคุณเองด้วย  มีคำกล่าวหนึ่งของ Jemie Dimon  พูดไว้ว่า  ถ้าความฝันแรกของคุณยังไม่เป็นจริง  ให้หาอีกความฝันหนึ่งและไล่ล่าตามความฝันด้วยความมุ่งมั่นเหมือนกัน   ไม่สำคัญหรอกครับว่าตอนนี้คุณเป็นอะไรและทำอะไรอยู่  สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นคือคุณมองเห็นตัวเองเป็นใคร  และอะไรคือสิ่งที่คุณต้องการในชีวิต  ทุ่มเทกับมันให้หนัก  อย่าลดละ  อย่าทิ้งความฝันของตัวเอง  วันนี้อาจมองไม่เห็นทางแต่ถ้าคุณมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละ  มันจะค่อย ๆ มองหาหนทางของชีวิตคุณออกมาให้เอง  ลองวิเคราะห์ง่าย ๆ ดูครับว่า  อะไรที่เป็นขีดจำกัดของตัวคุณเอง  อะไรที่คุณกำลังรู้สึกกลัวและไม่กล้าตัดสินใจไปกับมัน  วิเคราะห์มันออกมาแล้วศึกษาความเป็นไปได้  แล้วมุ่งหน้าอย่างไม่ลดละ  ก้าวแรกยากเสมอ  แต่ถ้าคุณก้าวข้ามมันไปได้  ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองได้  ย่อมทำให้คุณเติบโตอย่างมั่นคง  และประสบความเร็จตามที่คุณต้องการ  มองตัวเองให้ออก  บอกตัวเองให้ได้  อะไรคือสิ่งที่เรียกร้องอยู่ในหัวใจ ฟังเสียงตัวเองให้ดี  ทำตามเสียงหัวใจของตัวเอง  การฟังคนอื่นมากไปก็ไม่ได้ช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครับ เพราะฉะนั้นจงเริ่มที่ตัวเราเอง

 


วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2564

ปัญหาการลงทุนที่ยากลำบากฉบับ RAY DALIO


โลกในระบบทุนนิยม  ผู้คนต่างมองหาช่องทางการทำเงินในรูปแบบใหม่ ๆ กันมากขึ้น  เรามองระบบการทำงานในรูปแบบเดิม ๆ ที่สร้างรายได้ที่แน่นอนนั้น  อาจไม่สามารถอยู่รอดในยุคที่เงินเฟ้อมีอัตตราที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ  ดูเหมือนว่ายิ่งยากมากที่จะประสบความสำเร็จทางด้านการเงินในปัจจุบัน

การมองหาทางเลือกจึงเป็นเรื่องที่ดี  และเรื่องที่สำคัญมาก  เพื่อให้เรามีช่องทางในการหารายได้ที่มากขึ้น  ตามแต่ความถนัดของคนเราแต่ละคนนั้นเอง แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าผู้คนต่างก็คิดอะไรเหมือน ๆ และทำอะไรเหมือน ๆ กันเข้าไปอีก  แล้วอย่างนี้จะทำอย่างไรดีละ วันนี้ผมลองเอาเทคนิคเกี่ยวกับการลงทุน ของ Bernard Baruch เขาพูดไว้ว่า

"ถ้าคุณพร้อมที่จะละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง  จงศึกษาภูมิหลังของตลาดทั้งหมดและหลักการต่าง ๆ  ของบริษัทที่มีหุ้นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์  ด้วยความละเอียดรอบคอบเหมือนนักศึกษาแพทย์ศึกษากายวิภาคศาสตร์ หากคุณทำได้ทั้งหมดและมีความนิ่งสุขุมของนักเสี่ยงโชค  มีสัมผัสที่ 6 ของหมอดู และความกล้าหาญของสิงโต  คุณจะประสบความสำเร็จ"

นี่จึงเป็นเทคนิคหนึ่งที่ท่านผู้อ่านสามารถนำเอาไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ ทีนี้ถ้าว่าด้วยเรื่องการลงทุนต่างก็มีความยากลำบากไม่น้อย  ทั้งในแง่ของมือใหม่  และคนที่คุ้นเคยกับตลาดทุกคนล้วนอยู่บนสนามการแข่งขันเดียวกันที่ตัวเราไม่มีทางรู้เลยว่า  เราจะสามารถชนะการแข่งขันในตลาดนี้ได้หรือไม่ วันนี้ผมจึงได้ขอนำเอาข้อผิดพลาดนำไปสู่ความล้มเหลวของ RAY DALIO เพื่อมาเล่าสู่ท่านผู้อ่านไว้ 3 ข้อ มีดังนี้

1.อย่ามั่นใจตัวเองเกินไป อย่าใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล  

2.ศึกษาประวัติศาสตร์อีกครั้ง พยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเคลี่ยนไหวในตลาดทั้งหมดในระบบเศรษฐกิจและตลาดที่สำคัญย้อนหลังไปนับร้อย ๆ ปี  เพื่อพิจารณาในการตัดสินใจอย่างรอบคอบ ที่เป็นอมตะและเป็นสากล

3.เปิดใจกว้างอย่างมาก  มีความอ่อนน้อมถ่อมตน  พยายามรักษาสมดุลของความก้าวร้าวต่อตัวเอง  รู้ซึ้งในความกลัวที่จะคิดผิด  จนเปลี่ยนความคิดจากเดิมที่จะเชื่อว่า "เรานั้นถูก" ให้กลายเป็น "ตัวเราจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเราถูก" 


สำหรับการแนะนำของ RAY DALIO เขาได้พูดเอาไว้ว่า  วิธีการทีดี่ที่สุด คือ หาคนที่มีความแตกต่างจากเราและมีส่วนรวมในสิ่งที่เห็นไม่ตรงกัน  ด้วยเหตุผลที่จะทำให้เราเข้าใจเหตุผลของพวกเขาเพื่อทดสอบแนวคิดของเรา  ดั้งนั้นเราทุกคนสามารถเพิ่มความน่าจะเป็นของความถูกต้องได้  เป็นคนใจกว้างเพื่อให้ผู้อื่นชี้แนะให้เห็นในสิ่งทีตัวเราเห็น

แนวทางประสบความสำเร็จ

1.หาคนฉลาดที่สุดที่ไม่เห็นด้วยกับเรา เช่นนั้นจึงจะเข้าใจเหตุผลของเขาได้

2.รู้ว่าเมื่อไหร่ที่จะไม่เเสดงความเห็น

3.พัฒนา ทดสอบและจัดระเบียบหลักการที่ยั่งยืนและเป็นสากล

4.ปรับปรุงความเสี่ยงด้วยวิธีที่ช่วยให้มีข้อดีเพิ่มขึ้นและลดข้อเสียลง

ความล้มเหลวจึงเป็นยาดีนะครับ  ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย  ใครที่พูดว่าไม่ดีนั้น  เขายังไม่รู้ถึงพลังอำนาจของความล้มเหลวที่กำลังจะเป็นบันได  ให้เราก้าวข้ามไปสู่ความสำเร็จ  ข้อสำคัญคือเราต้องก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวคุณเองให้ได้ก่อน  ความล้มเหลวจะเป็นจริงถ้าคุณนั้นล้มเลิก  แต่ถ้าคุณไม่ล้มเลิกและเดินหน้าต่อไป  คุณจะพบกับเส้นทางใหม่ ๆ  และพบกับโอกาสอื่น ๆ มากมาย ที่รอคุณอยู่ข้างหน้า ถึงแม้ว่าเวลานี้เราอาจจะยังไม่พบเห็นก็ตาม  เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่สู้ชีวิตนะครับ  ท้อได้แต่อย่าหยุด อย่ายอมแพ้กับโชคชะตาของชีวิต

วันพฤหัสบดีที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2564

ความล้มเหลวเป็นยาดี สูตรแห่งความสำเร็จที่หาซื้อไม่ได้


ความล้มเหลวเป็นยาดี  ความล้มเหลวเป็นสิ่งวิเศษที่ทำให้เราสร้างรูปแบบความสำเร็จในแบบที่เราต้องการให้เป็น  แท้ที่จริงความสำเร็จนั้นไม่มีสูตรตายตัว  มันขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละคน  ไม่มีใครจะมาการันตีให้เราได้หรอกครับว่า  ถ้าเราทำสิ่งนี้แล้วตัวเรานั้นจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน  เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วก็คงมีคนรวยเต็มบ้านไปหมดแล้วครับ

ในโลกวิชาความรู้ทางการเงินนั้น  ทุกอย่างไม่ได้ง่ายอย่างที่เราคิดไว้  ถ้าทุกคนทำตามแบบที่ตำราบอกเอาไว้  มันก็ไม่ต่างกับการวิ่งอยู่ในสนามที่ดุเดือน  การแข่งขันที่ดุเดือนย่อมหาทางเอาชนะได้ยาก  เราต้องแตกต่าง  เราต้องมีความโดดเด่ดในแบบที่เราเป็น  และมีจุดยืนที่ชัดเจนในตัวเอง

ความสำเร็จในวันนี้อาจไม่ได้การันตีความสำเร็จในอนาคตได้อีกต่อไป  ทุกอย่างต้องปรับปรุง  และยอมรับกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น  โลกในยุคใหม่ความรู้เกี่ยวกับ DATA  เป็นสิ่งที่ทำจำเป็นมาก  คุณจำเป็นต้องมีทักษะมากยิ่งขึ้น  เช่น  ด้านเทคโนโลยี  วิศวกรรมทางการเงิน วิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์  ศาสตร์เหล่านี้อาจเป็นตัวเเปรที่สำคัญที่จะทำให้เราอยู่รอดได้ในสังคมที่การเปลี่ยนแปลงน่ากลัวขึ้น  


การศึกษาค้นคว้าใหม่ ๆ  การวิจัยและพัฒนาจะเข้ามามีบททาทสำคัญแทนที่เรื่องเก่า ๆ ในอดีต  หรือไม่แม้กระทั่งการใช้ระบบ AI เข้ามาเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ  ให้สามารถวิเคราะห์ความเป็นไปได้ต่าง ๆ  ได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ  มนุษย์จำเป็นต้องมีความรู้แบบครบเครื่อง  มีความสามารถทั้งในด้าน IQ และ EQ ไปพร้อม ๆ กัน  สิ่งนี้คือสิ่งที่คุณจะสามารถอยู่รอดได้

ประกอบกับการใช้ชีวิตบนพื้นฐานของความไม่ประมาท  มีเป้าหมายที่ชัดเจน  และมองถึงความเป็นไปได้  มองหาโอกาสในทุก ๆ ปัญหา  อย่าคิดจะเป็นผู้ตาม  คุณต้องเป็นผู้นำ  แล้วสร้างรูปแบบความสำเร็จที่เราต้องการในสิ่งที่เราสามารถทำได้  ล้มเหลวกี่ครั้งไม่เป็นไร  ขอให้ทำต่อไปมันคือบทเรียน  มันคือประสบการณ์ที่ดี  คนเราถ้าไม่ล้มเลิกบางทีการที่เราไม่ลดละและทำต่อไปอีกสักนิด  อาจทำให้ความสำเร็จแค่ครั้งเดียวนั้น  อาจเปลี่ยนแปลงชีวิตเราไปได้ตลอดกาลเลยครับ  มันขึ้นอยู่กับว่าวันนี้คุณเริ่มมันหรือยัง

วันอังคารที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2564

กำจัดความคิดลบออกจากหัว


วิธีกำจัดความคิดลบในหัวเราได้ดีที่สุดก็คือ สมาธิ  การฝึกสมาธิจึงเป็นขั้นพื้นฐานในการต่อยอดในการทำกิจกรรมต่าง ๆ  ฝึกให้เราอยู่กับปัจจุบัน  ถ้าจิตเรานิ่งเป็นปัจจุบันก็สามารถทำอะไรก็คล่องสะดวกไปหมด  คนที่ไม่อยู่กับปัจจุบัน  ไม่อยู่กับเหตุกับผล  คนนั้นยากที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต  และที่สำคัญคือเราต้องหลีกหนีให้ไกล

แล้วถ้าต้องอยู่กับคนจำพวกนี้เราต้องวางตัวอย่างไร  สิ่งที่ผมแนะนำก็คือต้องปล่อยวางครับ  เราคุยได้เท่าที่จำเป็น  เราไม่สามารถไปเปลี่ยนความคิดใครได้  ไม้แก่ดัดยาก  มันก็จะยากแบบนั้น  ข้อสำคัญคือ เราต้องทำตัวให้เป็นนกอินทรย์ที่บินสูง  ยิ่งเราบินสูงและเก็บชั่วโมงบินไว้มากเท่าไหร่  เราก็ยิ่งจะแตกต่างมากขึ้นเท่านั้น  

การไปเห็นโลกกว้าง  การได้พบเจอกับประสบการณ์ใหม่ ๆ  นำมาซึ่งความตื่นเต้นมาสู่ตัวเองอย่างไม่ยิ่งหย่อน  สนุกกับสิ่งใหม่ ๆ  หลีกหนี้ความวุ่นวายไปบ้าง  ลองทำอะไรใหม่ ๆ  เพื่อให้ตัวเองได้กระชุ่มกระชวย  การเป็นต้นแบบที่ดีนั้น  ย่อมทำให้เราเป็นที่เคารพน่าเชื่อถือต่อผู้ที่พบเห็น   และสร้างความประทับใจได้ไม่อยาก

ลองหากิจกรรมใหม่ ๆ ทำ  ลองทำอะไรในสิ่งใหม่เพื่อให้สมองปลอดโปร่ง  แล้วชีวิตของคุณจะรู้สึกดีขึ้น  ความอดทนถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการพัฒนาศักยภาพของตัวเราเอง  ความอิจฉาริษยาก็จะนำพามาซึ่งไฟร้อนที่เผาอยู่ในจิตใจของคุณ  คุณต้องฝึกให้ตัวเองเป็นคนใจกว้าง  คนใจกว้างก็มักจะเป็นคนที่รู้จักเห็นอกเห็นใจคนอื่นเสมอ

บางทีเราไม่อาจเปลี่ยนความคิดของใครได้  เราก็ทำได้แค่ปล่อยวาง และก็แผ่เมตตาให้กับเขา  ขอให้เขาได้เจอสิ่งที่ดีงาม  พบเจอแต่เรื่องที่จะทำให้เขาสมหวังในสิ่งที่เขาต้องการถึงแม้ว่าจะยังไงก็ตาม  ยิ่งไปห้ามก็เหมือนยิ่งยุ  และจะผิดใจกันเปล่า ๆ  ปล่อยให้เขาได้รับบทเรียนในแบบที่เขาสมควรได้รับ  แล้วเติบโตขึ้นในแบบที่เขาควรจะเป็น  เรื่องบางเรื่องเราสอนเป็นคำพูดไม่ได้ครับ  ต้องให้เขาพบเจอด้วยตัวเขาเอง  

เลือกคบคนแบบไหนชีวิตเราก็จะเป็นแบบนั้น  คบค้าสมาคมกับคนที่เขาชอบทำมาหากิน  เราก็จะเป็นคนชอบทำมาหากิน  คบคนที่คิดบวกเราก็จะเป็นคนคิดบวก  พลังงานที่ส่งต่อนั้นส่งผลอย่างแรงกล้า  เพราะฉะนั้นจงเลือกคนรอบตัวของคุณให้ดี  แล้วชีวิตของคุณก็จะเป็นไปตามที่คุณได้คิดไว้  ไม่ต้องดีที่สุด  แต่เราก็สามารถเป็นเราในแบบดีที่สุดได้  สนุกกับชีวิต ใช้ชีวิตแบบมีวินัยและแบบแผนที่ชัดเจน  วางแผนให้ชัดเจนไปเลย ว่าอีก 5 ปี  10 ปีเราต้องการอยู่ตรงไหน  จากนั้นรออะไรละครับ  ก็ลุยไปเลย


วันเสาร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2564

ของฟรีไม่มีในโลก



โลกทุนนิยม  ถ้าเรามองกันให้ดีไม่ว่าจะแพลตฟอร์มต่าง ๆ แล้วล้วนสร้างระบบมาเพื่อหารายได้ให้กับตัวเอง  ถึงแม้ว่าจะมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นช่องหาในการหารายได้ก็ตาม  แต่ธุรกิจก็ย่อมเป็นธุรกิจ  ทุกคนล้วนแล้วต่างต้องการได้รับผลตอบแทนด้วยกันทั้งนั้น  เราจึงเห็นได้ว่าของฟรีไม่มีในโลก

บุคคลที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มีพื้นฐานในด้านความกล้า  มากกว่าความรู้ด้วยซ้ำ  ปัจจุบันธุรกิจขายความรู้จึงเป็นที่นิยมในสังคมของเรา  แต่ก็น้อยรายนักที่จะสอนเรื่องการเงินการลงทุนแบบตรงไปตรงมา  เพราะถ้าทุกอย่างมันง่ายแบบนั้น  คนทุกคนก็คงรวยกันไปหมดแล้ว

ที่ผมต้องการจะบอกท่านผู้อ่านก็คือว่า  อยากให้เน้นไปที่การลงมือทำนะครับ  ศึกษาได้แต่ก็อย่าไปทำตามจนลืมหูลืมตา  จนไม่แยกแยะอะไรถูก อะไรผิด  อย่าปล่อยให้ความโลภ เข้ามาครอบงำจิตใจของเราให้มาก  สิ่งนี้เป็นเหมือนไฟ  ในท้ายที่สุดพวกที่หวังจะกอบโกยจะเข้ามากอบโกยเงินเรา  พอมารู้ตัวอีกทีก็เงินหมดแล้ว

โลกความทุกอย่างไม่ได้อะไรมาฟรี ๆ ครับ  มันก็ต้องแลกเปลี่ยนและมีการลงทุนบางอย่างทั้งนั้น  ใครที่บอกคุณว่ามีสูตรความสำเร็จ  สูตรตายตัว  ผมว่าไม่มีอยู่จริงหรอก  มีแต่คุณต้องลงมือและทุ่มเทด้วยตัวของคุณเอง  ถ้าเขารวยจริง  เขาคงไม่มานั่งบอกวิธีของเขาหรอก ถึงจะบอกจริงยังไม่รู้เลยว่าเขาจะมีเวลาจริง ๆ หรือเปล่า   เขาไม่เอาเวลาไปหาเงินเพิ่มจะง่ายกว่าไหม

นี่คือความจริงอีกด้านของสังคมเรา  ที่บางทีเราก็หลับหูหลับตา  ไม่ยอมเปิดใจที่จะเรียนรู้กัน ถ้าเปิดหู เปิดตาเปิดใจแล้ว  ผมว่าโลกนี้คงดีขึ้นไม่น้อย  อย่าน้อยก็ไม่โดยพวกมิจฉาชีพหลอกลวงไปได้ง่าย ๆ  ฟังเเล้วเจ็บปวดใจครับ  

อยากรวย อยากประสบความสำเร็จจริง ต้องมุ่งมั่น ลงมือทำ มีวินัยและทำอย่างไม่ลดละ  ทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดครับ  อย่าไปทำอะไรที่ตัวเองไม่รู้จัก ไม่ถนัด  หรือบริหารความเสี่ยงไม่ได้   จำไว้ครับว่าไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ ทุกอย่างมันมีเวลาของมัน  การทำตามคนอื่น ท้ายที่สุดคุณก็ไม่ต่างจากวิ่งตามเงาของใครไม่รู้  จนในที่สุดก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นหลงทาง  หาตัวเองไม่เจอ  และก็ไม่พบหนทางที่ใช่ต้องมาเสียเวลาอีก  ในท้ายที่สุดก็ล้มเลิก และหยุดไปในทันที  รักษาพลังงานดี ๆ ไว้ครับ  ค่อย ๆ ทำ ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป  นี่คือพื้นฐานความมั่นคง ยั่งยืนนั่นเองครับ 

วันพุธที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2564

อย่าอายที่จะเรียนรู้ และไปขอความรู้จากคนอื่น

 


อย่าอายที่จะขอความรู้และเรียนรู้สิ่งใหม่นะครับ  โลกที่เต็มไปด้วยการเเข่งขันมากมาย  มีคนพร้อมที่จะก้าวเข้ามาแทนที่คุณอยู่ตลอดเวลา  ถ้าตัวคุณปล่อยตัวเองให้ย่ำอยู่กับที่ตัวคุณก็จะอยู่กับที่  แต่ถ้าคุณเป็นนักพัฒนาเป็นบุคคลต้นแบบที่พยายามจะฝึกฝนพัฒนาทักษะใหม่ ๆ  เพื่อให้ตัวเองก้าวข้ามจากจุดที่คุณเป็นอยู่  เพื่อเป้าหมายอะไรบ้างอย่าง  คุณต้องแตกต่างและทำเป็นตัวอย่างให้ทุกคนเห็นอย่างชัดเจน   มันไม่สำคัญหรอกครับว่าตัวคุณนั้นเป็นใคร  แต่สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ คุณพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงหรือไม่  โลกจะดึงดูดและพาเราไปหาคนที่เหมาะกับเรา  และอยู่ในที่ในระดับเดียวกับเรา

คุณอาจไม่เชื่อเรื่องของกฎแห่งแรงดึงดูด  แต่ผมอยากจะบอกคุณนะครับว่ากฎนี้คือของจริง  และในท้ายที่สุดแล้วคุณจะเจอคนที่เหมาะสมเอง  ผมไม่อาจบอกได้หรอกนะครับว่าตัวคุณนั้นจะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด  แต่สิ่งที่รู้ได้อย่างแน่นอนว่า  สิ่งที่คุณทำนั้นคุณจะสำเร็จได้อย่างแน่นอน  ถ้าคุณวางแผนการเอาไว้  อยากประสบความสำเร็จตัวคุณต้องมีวินัย  ถ้าคุณขาดวินัยมันยากมากครับที่ตัวคุณจะประสบความสำเร็จ

คนทีประสบความสำเร็จ  มันคือการปูพื้นฐานทุกอย่างให้กับตัวเองไว้ก่อน  โลกนี้ไม่มีอะไรมาได้ง่าย ๆ  บางคนพ่อแม่อาจให้คุณได้ในระดับ  แต่ไม่สามารถวัดความสำเร็จในชีวิตของคุณได้  ตัวคุณนั้นต้องสร้างมันขึ้นมาเอง  การสร้างมันขึ้นมานั้น  ต้องอาศัยแรงกายและแรงใจ  เพื่อให้คุณนั้นได้มีพลังใจและกายที่เข็มแข็ง  อาจมีบางอย่างที่ตัวคุณนั้นต้องได้รับบททดสอบที่ยาก  ยากเกินกว่าที่จะบอกได้ว่าตัวคุณนั้นจะผ่านมันไปได้อ่ย่างไร  แต่ความอดทนกับประสบการณ์ที่คุณได้นั้น  จะนำพาคุณไปหาคนที่ใช่  ข้อสำคัญคือตัวคุณก็ต้องพร้อมด้วย  เมื่อตัวคุณพร้อมทุกอย่างก็จะปรากฎให้คุณได้เห็นเอง



ผมเป็นคนหนึ่งนะครับว่า  ตัวเรามีความมั่นใจแต่เราก็ต้องไม่ประมาทในชีวิต  พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่เสมอ  อย่าทำตัวเองเป็นน้ำเต็มแก้ว  วันนี้อาจทำได้แค่นี้ก็ไม่เป็นไร  ค่อย ๆ คิดค่อยๆ ทำไป สักวันหนึ่งมันก็ต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน  ขอให้คุณอดทนไม่ย่อท้อ  นกอินทรีย์กว่าจะเป็นพยาอินทรีย์ฺ  ก็ผ่านความยากลำบากมานักต่อนัก  ฝึกให้ตัวเองคิดบวก  อย่าให้ตัวเองเป็นคนคิดลบ  หรือปล่อยให้พลังงานลบเข้ามากัดกินหัวใจคุณได้  หยุดสนใจคำคน  และชัดเจนกับเป้าหมายของตัวเอง   อย่าไปเสียเวลากับเรื่องที่ไม่จำเป็นในชีวิต  อย่าหลงคิดว่าโลกนี้จะได้อะไรมาง่าย ๆ  ทุกสิ่งทุกอย่างต้องขยันและใช้ความเพียรพยายามให้มากกว่าคนอื่น  สำหรับวันนี้ผมก็อยากจะฝากไว้เป็นข้อคิดเตือนใจสำหรับคนที่กำลังหรือสึกท้อใจ  หรือหมดพลังก็ให้คุณอย่าเพิ่งท้อใจไปนะครับ  อย่างน้อยก็มีผมที่คอยเป็นเพื่อนให้กำลังใจคุณอยู่ตรงนี้เราจะสู้ไปด้วยกัน

วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2564

ความรู้คืออำนาจ ในโลกยุคดิจิตอล

ถ้าหากจะว่ากันไปแล้วความแตกต่างระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้ว กับประเทศกำลังพัฒนานั้นช่างแตกต่างกันเหลือเกิน  ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของระบบโครงสร้างพื้นฐาน ระบบการศึกษา ความรู้ในเรื่องการเงินซึ่งเป็นหัวใจที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งในและระหว่างประเทศ  บุคลากรจึงเป็นกำลังที่สำคัญอย่างยิ่ง  ในการช่วยพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวผู้นำ และบุคลากรในประเทศ  ถ้าเราสามารถปลูกฝังความรู้ใหม่ ๆ ให้กับคนในชาติได้  ทั้งความรู้ ความเข้าใจทางด้านการเงิน   การศึกษาค้นคว้าวิจัยและพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ  มุ่งเน้นการสร้างนวัฒกรรมที่สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับโลกใบนี้  โลกที่เต็มไปด้วยการแข็งขันอย่างดุเดือน  ทุกคนต่างต้องการเอาตัวเองรอดเพื่อให้สามารถยืนหนึ่งได้

ดังนั้น  เราจึงต้องมุ่งเน้นให้คนพัฒนาทักษะใหม่ ๆ อย่าไปยึดติดกับกรอบเดิม ๆ  ทั้งศาสตร์ต่าง ๆ  เพื่อที่จะสามารถนำสิ่งเหล่านี้มาใช้ในการขับเคลื่อนสิ่งต่าง ๆ ให้กับโลกใบนี้  ในอนาคตถ้าทุกคนเข้าถึงอินเตอร์เน็ตกันหมด  ทุกสิ่งทุกอย่างจะแคบลง  การเข้าถึงข้อมูลก็จะมากยิ่งขึ้น  ความสามารถและโอกาสก็จะมากับสิ่งเหล่านี้  ทั้งนี้มันก็ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายในชาตินั้น  ได้มีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและทิศทางของคนในชาติไว้อย่างไร  ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารมากมาย  แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ  ใครมีข้อมูลข่าวสารที่แน่นกว่ากัน  และข้อมูลนั้นมีความน่าเชื่อถือและเที่ยงตรงที่สุด

การจะก้าวข้ามบางสิ่ง จากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งนั้น  ตัวเราต้องปรับเปลี่ยนมุมมองและแนวคิด  ฝึกตัวเองให้มองในมุมมองทิศทางที่แตกต่างออกไป  คบเพื่อนใหม่ๆ  ออกจากโซนเดิม ๆ ของตัวเอง  ฝึกฝนทักษะใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยฝึกฝนมาก่อน  ยิ่งถ้าเราฝึกฝนและมีความรู้มากยิ่งขึ้น  ความรู้จะเป็นมรดก เป็นอำนาจในการต่อรองได้เป็นอย่างดี  ไม่ว่าจะในทางการค้า การลงทุน หรือการทำธุรกิจ  ขอเพียงแค่ให้คุณอย่ายอมแพ้หรือลดละที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ทัศนคติจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก  การมีมุมมองที่ดี  ย่อมจะส่งผลดีกับตัวเรา


ความกลัว  ความไม่กล้าเสี่ยงนั้น  สาเหตุก็มาจากเราไม่มีความรู้  คนเราถ้าไม่มีความรู้ความเข้าใจก็จะมีคนอยู่ 3 ประเภท   

1.ทำไปเลยทั้งที่ไม่รู้ ลองผิดลองถูกเอาเผื่อว่าสักวันจะได้เข้าใจเอง   

2.คนที่ศึกษาทำความเข้าใจอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนแล้วค่อยลงมือทำ หรือก็ไม่ลงมือทำ

3.คนที่ไม่เคยคิดจะศึกษาอะไรเลย และไม่คิดจะลงมือทำเพราะมองว่าทุกอย่างมันคือความเสี่ยง ไม่มีทุน และก็ปล่อยไปตามโชคชะตา

ความจริงแล้วไม่ว่าจะเส้นทางไหน  ความรู้ก็ต้องเกิดจากการศึกษา+การลงมือปฎิบัติ จึงจะเกิดความ (สำเร็จ) ขึ้นได้  ไม่ว่ายุคสมัยไหนคนมีความรู้  ก็คือคนที่ได้เปรียบและมีอำนาจอย่างลึกลับ  ในการทำทุกอย่าง   ไม่ว่าจะในแง่ไหน  คนที่มีความรู้ก็จะสามารถใช้ปัญญาในการแก้ปัญหาชีวิตให้กับตัวเองได้  รวมไปถึงการแก้ปัญหาให้กับผู้อื่นและสังคมได้ด้วย  การเรียนรู้จึงไม่มีวันสิ้นสุด  สมองมนุษย์นั้นยากเกินกว่าจะเข้าใจ  เมื่อเรารู้จักการสร้างรอยยักในสมองมากเท่าไหร่  มันก็จะยิ่งสร้างสิ่งใหม่  สร้างเส้นทางใหม่ ๆ ให้กับเรา  เราจะมีแนวคิดใหม่ในการใช้ชีวิต  และความรู้ก็ทำให้เราสามารถมีทางเลือกในชีวิตที่มากขึ้น  ถ้าคุณรู้จักที่จะพัฒนาและใช้ความรู้นั้น  ในการทำมาหากินและสร้างมูลค่าให้กับเรา  ข้อสำคัญอย่านำไปใช้ในทางเสื่อมนะครับ  ของที่เสื่อมสักวันก็จะนำความเสียหายมาสู่เราได้เช่นกัน  วันไหนว่าง ๆ ผมจะไปเขียนหัวข้อการเงิน การวางเเผนการเงินให้เพื่อน ๆ ไว้ศึกษากันครับ  ใครที่มีไอเดียอะไรก็สามารถแนะนำผมเข้ามาได้นะครับ


กล้าที่จะแตกต่างและเป็นตัวเอง

เรียกว่าห่างหายกันไปนานมากเลยครับ  ช่วงที่ไปพักกายพักจิตใจ  ทำให้เราสามารถแยกแยะได้ว่า  อะไรที่จำเป็นและสำคัญกับชีวิตของเรากันแน่   คนบางคนผ...