ผู้คนรอบตัวมีผลต่อความสำเร็จขอเราเป็นอย่างมาก อยู่กับคนแบบไหน เราก็จะกลายเป็นคนแบบนั้น แล้วถ้าเราต้องอยู่ในองค์กรที่เหล่าผู้คนเต็มไปด้วยคนหมดไฟ คิดแต่เรื่องที่่ไม่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับตัวเอง ถ้าชีวิตแบบนี้ไม่เกิน 5 ปี รับรองว่าชีวิตเราคงถอยหลังลงคลองกันแน่
การหมดไฟ ไม่ใช่เรื่องที่ดี เพราะนั้นหมายถึงคุณเริ่มหมดพลังงานในร่างกาย และยากที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต วิธีที่ดีที่สุดคือ ปล่อยวางครับ แต่ในความปล่อยวางคุณก็ต้องติดต่อกับพวกเขาเฉพาะเรื่องงานเท่านั้น ติดต่อเท่าที่จำเป็น ถ้าไม่ก็เลือกที่จะนิ่ง ๆ ดีกว่า
เทคนิคที่ดีที่สุดคือ
1.ชัดเจนกับเป้าหมายของเรา พยายามค้นหาผู้คนที่มีความคิดเห็นที่ตรงกับคุณ ทำตัวเองให้มีไฟ มีพลังงานอยู่ตลอดเวลาเพื่อขับเคลื่อนเราไปสู่เป้าหมาย
2.พัฒนาทักษะใหม่ ๆ อยู่เสมอ การเรียนรู้ทักษะใหม่ก็เป็นการเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับตัวเอง ศึกษาแบบจริงจังและทุ่มเท ทำจนตัวเองเป็นคนประเภท Expert geralists ลงลึกไปในทุกศาสตร์ เเล้วนำข้อมูลเหล่านี้มาเชื่อมต่อกันเพื่อสร้างเป็นศาสตร์ใหม่
3.ลองคิดแบบเด็กแล้วทำแบบผู้ใหญ่ดูครับ ความคิดเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมและคำพูดต่าง ๆ การยึดติดย่อมทำให้เราไปไม่ถึงทางที่ฝันไว้ เพราะฉะนั้นทลายกำแพงที่อยู่ตรงหน้า ลองคิดในมุมที่ต่างออกไป จินตการจะพาคุณไปได้ทุกที่ครับ ลองคิดนอกกรอบดูนะครับ
4.เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในกลุ่มคนที่มีความคิดในเชิงบวก แล้วมีความคิดในเรื่องของการพัฒนาตัวเองและการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ อยู่เสมอ ถ้าหากยังไม่เจอก็หาหนังสือดี ๆ มาอ่าน การอ่านคือการเปิดโลกทัศน์ ทำให้คุณมีความรู้ที่หลากหลาย และก้าวหน้าอยูตลอดเวลา อย่าคิดว่าจมอยู่แค่นี้ แค่เปลี่ยนความคิด ชีวิตก็เปลี่ยนได้ครับ
5.ฝึกทักษะการเป็นผู้ฟังทีดีบ้าง การเป็นผู้ฟังที่ดีย่อมจะทำให้เราได้ความรู้มากมายจากการฟัง ที่สำคัญคือต้องฟังเรื่องที่มีประโยชน์แล้วสามารถนำไปคิดต่อยอด หรือเชื่อมโยงได้ หากไม่สามารถเชื่อมโยงได้ ก็ต้องหาเส้นทางใหม่ ฝึกคิดที่จะต่อยอดและพัฒนาสิ่งใหม่ ไม่ใช่การย้อนหลัง
6.ถอยห่างจากคนที่หมดไฟ คนที่ไม่สนับสนุนคุณ หรือคนที่ขี้อิจฉา การจะเล่าความฝันอะไรให้ใครฟังคุณต้องดูก่อนนะครับว่า นิสัยใจคอของคน ๆ นั้นเป็นแบบไหน คบกับคนแบบไหนเราจะกลายเป็นแบบนั้น การรู้จักวางตัวเองให้ดี มีสัมมาคารวะ มีความอ่อนน้อมถ่อมตน และที่สำคัญคือ ต้องมีความมั่นใจในตัวเองด้วย
โลกที่พร้อมจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จนเราไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าอีก 5 ปี 10 ปี โลกจะเปลี่ยนไปในทิศทางไหน แต่ยังผู้คนก็ยังต้องใช้ชีวิตแล้วดำเนินต่อไปให้ได้ ถ้าถามตัวผมเอง ผมในฐานะคนที่นับถือพุทธศานาก็คงจะตอบว่า ทุกอย่างเป็นสิ่งไม่จีรังยั่งยืน มีได้ก็เสื่อมได้ บนพื้นฐานของอนัตตา ความไม่เที่ยงทั้งหลายแม้กระทั่งตัวเราเอง การไม่ยึดมั่นเพื่อทำให้ตัวเองเป็นทุกข์ จึงดีที่สุด อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด และเป็นไปตามเหตุและปัจจัยอย่างนั้น อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด การเห็นและเข้าใจตัวเองนั่นแหละคือสิ่งที่มนุษย์พึ่งมีและกระทำ อย่าไปวิ่งตามทุกอย่างจนเราหาทางให้กับชีวิตของเราไม่เจอ ท้ายที่สุดเราอาจกลายเป็นคนหลงทางได้ ฝากไว้เป็นข้อคิดเตือนใจนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น