วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

คุณนั่นแหละ คือ ผู้สร้างที่ยิ่งใหญ่



เราวิ่งหาทุกอย่างเพื่อต้องการหาความสุขที่แท้จริง ไม่ว่าจะ

     "วิ่งหาการยอมรับจากผู้อื่น"
     "วิ่งหาความรักจากคนอื่น"
     "วิ่งหาความสุขจากภายนอก"
     "วิ่งหาความร่ำรวยเพื่อความสุข"

ทั้งหมดนี้ ไม่มีอยู่จริงหรอกครับ ยิ่งค้นหาก็ยิ่งไกลจากเราไปเรื่อยๆ ลองมองในมุมกลับกันนะครับ

1.หากต้องการการยอมรับ   =  เราก็ต้องยอมรับตัวเองก่อน  เคารพตัวเอง
2.หากต้องการความรัก       =   เราก็ต้องรักตัวเองให้มาก ๆ  ชื่มชมกับความสำเร็จของตัวเองให้มาก ๆ
3.หากต้องการความสุข       =  หัดมองโลกในแง่ดี หยุดบ่น หยุดตำหนิตัวเองและโทษผู้อื่น
4.หากต้องการความร่ำรวย  =  อย่าสร้างหนี้ ใช้จ่ายอย่างประหยัด รู้จักเก็บออม และหาช่องทางในการ
                                                ลงทุน


จริง ๆ คนเราไม่ได้ขาดอะไรในตัวเราเลย  เราดีทุกอย่างเพียงแต่เรามักจะให้  "ข้อจำกัด"  กับตัวเองเท่านั้น  เราไม่ได้ดีเพราะคนอื่นมาให้รางวัลกับตัวเรา  แต่เราดีได้ด้วยใจของเราเอง 


วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สิทธราธะ "ชายพายเรือ" ผู้เห็นดวงตาแห่งธรรม


"อย่าจมปลักอยู่กับอดีต  แต่จงใช้มันเป็นแรงจูงใจ
สำหรับอนาคต  เราจะเห็นว่าสิ่งที่เราทำได้นั้น
มันยอดเยี่ยมแค่ไหน  เมื่อเรามีแรงจูงใจ  ความพยายาม  
ความกระตือรื้อร้น และที่สำคัญ  คือ มีเป้าหมายในชีวิต"

เมื่อวานนี้ผมดูรายการช่อง Thai PBS  พิธีกรชื่อ คุณสิงห์   วรรณสิงห์   คุณสิงห์ได้เข้ามาเล่าเรื่องราวชีวิตในหนังสืออมตะธรรมเล่มหนึ่ง  ชื่อ สิทธารธะ  ชายผู้แสวงหาธรรมจนสามารถบรรลุธรรมสูงสุดในชีวิต  เนื้อหาในเรื่องน่าสนใจมากครับอยากให้ลองไปอ่านดูครับ

มีประโยคหนึ่งที่โดนใจผมมากกล่าวไว้ว่า

จริงๆ ทุกอย่างไม่มีตัวตน  ไม่มีถูก ไม่มีผิด  ไม่มีดี ไม่มีชั่ว  ไม่มีเวลา  ทุกอย่างเป็นแค่สิ่งที่เราสมมติขึ้นมา  เฉกเช่นกับการเรียนรู้จากสายน้ำ ที่ไหลผ่าน  มันช่างสงบ เรียบง่าย เหมือนการเปลี่ยนแปลงในจิตใจของเรา  ปล่อยให้สายน้ำไหลผ่านเราไป เราไม่จำเป็นต้องพัดพาไปตามกระแสน้ำ  ฝึกใช้ชีวิตแบบช้าๆ
ไม่ต้องเร่งรีบ เพราะเราอยู่เหนือกาลเวลา  "นี่แหละครับวิเศษสุดๆไปเลย"

บางครั้งเรามั่วแต่มุ่งหาสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง  หรือสิ่งที่ไม่ยั่งยืนต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็น  ความร่ำรวย ชื่อเสียง เงินทอง  หรือสิ่งต่างๆ  ที่คิดว่าทำให้เรามีความสุข  แท้จริงแล้วความสุขอยู่ "ภายในใจ" ของเราเองไม่ต้องไปวิ่งหาที่ไหนเลย ยังไงชีวิตก็ต้องเดินต่อ  อย่าได้ท้อแท้ใจไปนะครับ


วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558

อย่าดูถูกสิ่งที่คุณกำลังทำ



ชีวิตคนเราไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม  สิ่งสำคัญที่สุด คือ  "ความใส่ใจ"  ไม่ว่างานนั้นคุณจะรักหรือไม่
การเอาใจใส่เป็นเรื่องที่สำคัญงานทุกงานมี  "คุณค่า" เราต้องเริ่มจากการเห็นคุณค่าของตัวเราก่อนแล้วสิ่งที่เรารักจะตามมา

ผมยกตัวอย่างชาวนาแล้วกัน  การเป็นชาวนาเป็นงานหนักล้วนต้องอาศัยประสบการณ์อาศัยความเอาใจใส่เป็นอย่างมาก  เพื่อให้ต้นข้าวทุกต้นออกดอกผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ  นั่นแหละครับชาวนาก็ใช้ศิลปะในการทำงานอย่างหนึ่ง  ถึงแม้ว่าสิ่งที่เขาทำไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรแต่เขาทำด้วยใจที่รักในสิ่งที่ทำ  คนยุคใหม่แปลก  มักจะชอบอะไรที่ "รวดเร็ว"  จนมองข้ามสิ่งสำคัญบางอย่างในชีวิตไป

เมื่อคุณเข้าใจตัวเอง  คุณจะเข้าใจทุกอย่างมากขึ้น
เมื่อคุณเข้าใจผู้อื่น     คุณก็จะเห็นอะไรกว้างขึ้น

ชีวิตก็คือ การเดินทาง  เราไม่รู้หรอกว่าทางที่เดินจะพาเราไปถึงจุดหมายปลายทางเมื่อไหร่ สิ่งที่สำคัญกว่านั้น ก็คือ  "อย่าลืมมองความสุขรอบตัว"  สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่จะทำให้ชีวิตคุณสมบูรณ์มากขึ้น  ไม่มีคำว่า "ทำไม่ได้  มีแต่  ไม่ทำเท่านั้น"

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เศรษฐกิจแย่หรือคุณต้องปรับปรุงตัวเองกันแน่




ช่วงนี้ไม่ว่าจะหันไปทางไหน มีแต่คนพูดคุยแต่เรื่องความผันผวนทางเศรษฐกิจ  หลายบริษัทใหญ่
เริ่มปลดพนักงานออก  เนื่องจากไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นจนไม่สามารถรักษาระดับกำไรให้
คงที่หรือเพิ่มขึ้นได้

วันนี้ผมคุยกับเพื่อนชาวจีน  เขาทำเกี่ยวกับเรื่องการจัดซื้อต่างประเทศ "เขาก็พูดว่าการที่ค่าเงินบาทของไทยสูงขึ้น ส่งผลให้การนำเข้าสินค้าเป็นไปอย่างลำบากมากขึ้น  ทำให้ยอดการสั่งซื้อก็น้อยลงตามไปด้วย  สภาพโดยรวมทางเศรษฐกิจเป็นไปในทิศทางที่ไม่ค่อยจะดีนัก"

ส่วนตัวผมก็มีส่วนที่เห็นด้วยนะครับ  ภาวะเงินเฟ้อกำลังคุกคามเอเชียอยู่  เอาเถอะครับประเด็นผมไม่ได้ให้คุณเสียขวัญกันหรอก  ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา  ส่วนตัวผมมองว่าเป็นโอกาสมากกว่า  เพราะอะไรเหรอครับ  เพราะมันยิ่งต้องทำให้เราพัฒนาตัวเองมากขึ้นไงครับ  หาช่องทางใหม่ๆ ให้กับตัวเองไว้เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขี้น

ปัญหาทุกปัญหา "ย่อมมีทางออก" เสมอ  ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องกลับมาทบทวนอะไรบางอย่าง พร้อมตั้งคำถามกับตัวเองว่า  "อะไรกันแน่ที่เรียกว่าความเสี่ยง" คุณมีวิธีที่จะจัดการความเสี่ยงนั้นอย่างไร  อย่าช้านะครับ  เดี๋ยวจะสายไปซะก่อน

วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ใช้ชีวิตให้เรียบง่ายอย่างมีศิลปะ




การใช้ชีวิตที่เร่งรีบเกินไปก็อาจทำให้เราหลงลืมบางสิ่งบางอย่างไป
ชีวิตก็คือการเดินทาง  การได้สัมผัสความสวยงามระหว่างทางทำให้
เราได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง  แท้จริงแล้วชีวิตเราก็ไม่ได้ต้องการอะไร
มากไปกว่าการได้อยู่กับครอบครัว คนที่รัก และกับธรรมชาติ

เวลาเช้า ๆ คุณลองตื่นเช้าสักนิด มานั่งฟังเสียงนกร้อง  วิ่งออกกำลังกาย รดน้ำต้นไม้
หรือกิจกรรมอะไรบางอย่างดูครับ  ไม่ต้องรีบเร่งมาก  การปล่อยวาง
หรือทำอะไรที่ช้าลงก็ทำให้เราเห็นรายละเอียดบางอย่างมากขึ้น

ปัญหาแท้จริงแล้วไม่ใช่ปัญหาแต่มันคือ  การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นต่างหาก
ไม่ว่าจะทุกข์ เศร้าใจ เหล่านี้ก็คือ บทเรียนที่ดีที่สุดของชีวิตที่แสนสั้น
แต่ก็ให้เราประทับใจไปยาวนานเลย

การใช้ชีวิตอย่างมีศิลปะ  ก็คือการใช้ชีวิตอย่างมีสติ
ไม่คาดหวังแต่ก็ทำอย่างมีเป้าหมายความสุขอยู่รอบๆตัว
เปลี่ยนโลก เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนทัศนคติ แล้วสิ่งรอบๆตัว
ของคุณก็จะเปลี่ยนตาม  ไม่เชื่อ ก็ลองทำดูครับชีวิตนี้เป็นของเรา  จัดไป...

วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ศิลปะการถ่ายภาพคนให้สวย

คุณเชื่อไหมครับว่า  คนเราเกิดมาล้วนมีสิ่งที่ต้องทำ  ทุกอย่างเราคือผู้กำหนดและเลือกทางเดินของเราเอง  "ภาพถ่าย" ก็คือ การใช้ศิลปะในการเล่าเรื่องราว โดยผ่านเป็นรูปภาพ  เสน่ห์ของมันคือ สามารถที่จะสื่อเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมาได้อย่างชัดเจน  วันนี้เราลองมาดูเคล็ดลับในการถ่ายภาพคนให้สวย กันครับ ลองนำไปใช้ดู


1.โฟกัสที่ตา
      การถ่ายภาพคนต้องโฟกัสที่ตา อย่างที่หลายคนบอก ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจมันบ่งบอกและแสดงถึงอารมณ์ออกมาได้อย่างชัดเจน นี่คือเสน่ห์ของภาพรวมของการถ่ายภาพคนครับ

2.บริเวณข้อต่อสำคัญ

     การจะให้องค์ประกอบของภาพสมบูรณ์รายละเอียดเล็กน้อยสำคัญไม่แพ้กัน  ไม่ว่าจะเป็น คอ ข้อมือ หัวเข่า ข้อเท้า ข้อศอก  บุคลิคภาพที่แสดงออกก็ส่งผลทำให้ภาพถ่ายมีเรื่องราวและสะท้อนตัวตนของคนในภาพในอารมณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
          
3.สื่อสารกับตัวคนถ่ายให้ชัดเจน

         การถ่ายภาพคนนั้นเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง "ผู้ถ่ายกับผู้ถูกถ่าย"  การสื่อสารเป็นตัวเชื่อมที่ดีครับ เราต้องบอกเล่าและสื่อสารกันให้เข้าใจให้ได้ว่าเราต้องการอารมณ์และท่าทางแบบไหน เมื่อสามารถสื่อสารได้ตรงกันแล้ว   เราจะได้อารมณ์ของภาพแบบที่ต้องการได้ไม่ยากนัก

 4.เป็นตัวของตัวเอง  
        นี่คือส่วนที่ขาดไม่ได้เช่นกันครับ  ภาพที่มีเสน่ห์ก็คือการสะท้อนความเป็นตัวเอง ของบุคคลในภาพได้อย่างชัดเจน ตรงไป ตรงมา

 5.การควบคุมทิศทางแสง

   ถือเป็นเทคนิคสำคัญอย่างหนึ่งของการถ่ายภาพของคนให้มีความแตกต่าง ในสถานะการณ์ต่างๆ เราสามารถใช้เทคนิคนี้ได้โดยการหาสถานที่ที่มีแสงเข้ามาด้านเดียว เช่นด้านข้างหน้าต่าง ประตู หรือว่าช่องกำแพงก็ได้ ต้องเป็ฯสถานที่ๆสามารถบีบให้แสงเข้ามาจากด้านเดียวได้ แล้วจัดให้แสงเข้ามาด้านข้างของตัวแบบ เท่านี้เราก็จะได้ภาพแสงที่แตกต่างจากเดิมแล้วครับ   ซึ่งเทคนิคนี้ไม่ยากจนเกินไปนัก อยู่ที่เราจะสามารถหาสภาพแสงในสถานที่นั้นๆได้หรือไม่ 
  
6.ถ่ายภาพย้อนแสง
 บางคนชอบบ่นว่าภาพย้อนแสงไม่สวย ทำให้หน้าดำ ภาพไม่ได้ตามที่ต้องการ วิธีแก้ไม่ยากครับ
1. ใช้การวัดแสงแบบเฉพาะจุดวัดแสงที่บริเวณแก้มของตัวแบบ ( วิธีการนี้อาจทำให้ฉากหลังว่างเกินไป)
2. ใช้แฟลชช่วยเติมแสงบริเวณใบหน้า
3. ใช้ Reflex ในการเติมแสงบริเวณใบหน้า ( วิธีนี้จะให้แสงที่นุ่มและมีมิติมากกว่าการใช้แฟลชธรรมดา แต่ต้องมีคนช่วยถือให้)
        
7.การถ่ายวิวกับบุคคล

         วิธีนี้ง่ายมากครับ โดยให้เราทำการวางคนไว้ด้านซ้ายหรือด้านขวาภาพตามกฎของจุดตัด 9 ช่อง จะทำให้สามารถเก็บภาพของทิวทัศน์เบื้องหลังและภาพของตัวแบบเอาไว้ได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ อีกวิธีการหนึ่งก็คือถ้าหากว่าเราต้องการถ่ายร่วมกับตึกหรือสิ่งที่มีลักษณะเป็นทรงตั้ง ให้เราจัดองค์ประกอบภาพเหมือนกับเป็นการถ่ายภาพคู่ก็ได้โดยให้จินตนาการว่าสถานที่นั้นๆเป็นคนอีกคนหนึ่ง

ลูกค้าคือผู้กำหนด เราคือผู้สร้าง

Branding is about telling your audience the same thing, all the time..

การสร้างแบรนด์ คือการบอกเล่าเรื่องราวซ้ำๆเดิมตลอดเวลา

       

       
               การเริ่มทำอะไรสักอย่างเราอย่าไปให้ข้อจำกัดกับตัวเอง  แท้จริงแล้วข้อจำกัดเหล่านี้  “ตัวคุณนั้นแหละที่จะแก้ปัญหาได้”  ไม่มีอะไรยากหรอก  เริ่มเลยดีกว่า


     1. ทำแบรนด์ให้โดดเด่นไว้  การสร้างแบรนด์ก็เพื่อสร้างเอกลักษณ์ความมีตัวตนขึ้นมา  การทำแบรนด์ให้อยู่ในระดับ Top ส่งผลให้สินค้าเรามีราคาที่สูงตามด้วย
    2. สั้น ง่าย ด้วยประโยคเดียว การเลือกใช้สำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็น ข้อความ สัญลักษณ์ หรือรูปภาพ ต้องชัดเจน ยิ่งง่ายและสื่อถึงผู้คนได้ในจำนวนมากๆ ยิ่งดี ไม่ควรลองหลายๆประโยคในครั้ง หรือเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาในระยะเวลาที่ใกล้กัน
3.  ภาษาต้องเข้าต้องเข้าใจง่าย เหมือนประโยคอังกฤษที่ว่า Speak in a way that you can be understood ไม่จำเป็นต้องเป็นภาษาอะไรที่คนเข้าใจยาก   เลือกคำง่ายๆใช้ให้สอดคล้องกันไปในทุกๆการสื่อสาร และ เป็นคำที่คนฟัง เมื่อฟังแล้วสามารถเข้าใจได้ทันที ไม่ต้องตีความอะไรอีก
4. เหรียญมีสองด้าน ใช่ครับไม่ว่าจะทำอะไรเราต้องคิดในสิ่งตรงข้ามเผื่อไว้เสมอ อย่าสุดโต่งไปทางใดทางหนึ่ง เพื่อให้แน่ใจว่า เราได้ข้อสรุปที่เหมาะสมกับกิจกรรมและการสร้างแบรนด์อย่างแท้จริง
5. รับรู้ และ เข้าใจ ถึงข้อความของแบรนด์ ถ้าคนที่ทำแบรนด์หรือคนในองค์กร ต้องทราบเกี่ยวกับแบรนด์ของตัวเองเวลามีคนถามถึงแบรนด์ตัวเอง คุณต้องสื่อให้เห็นเป็นภาพไปเลยครับ ชัดเจนไปเลย 
6. การตีความ ใช่ครับข้อความที่เราสื่อถึงผู้รับตีความหรือเข้าใจมากน้อยแค่ไหน เพราะในท้ายที่สุดแล้ว ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่า เราพูดอะไรแต่ขึ้นอยู่กับว่า พวกเขาได้ยินมันว่าอย่างไร
       7. ยุคนี้ลูกค้า คือ ผู้กำหนด ลูกค้าจะอาศัยประสบการณ์บอกต่อจากการเพื่อนเป็นหลัก ทำให้การตลาดในการสร้างแบรนด์ยุคใหม่เปลี่ยนไปมาก การสร้างแบรนด์จะสำเร็จหรือไม่องค์ประกอบหลักคือ สินค้า ชื่อเสียง และการบอกต่อครับ
       8. สร้างแบรนด์ให้เป็นเสมือนเขามีส่วนร่วม  ใช่ครับการที่ลูกค้ารู้สึกมีส่วนร่วมในแบรนด์จะทำให้เกิดความภาคภูมิใจ  เมื่อมีฐานแฟนคลับก็คือเรามีฐานลูกค้านั่นเอง

วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2558

การเขียนก็คือการใช้ศิลปะอย่างหนึ่ง



ใครที่อยากเป็นนักเขียนโปรดฟังทางนี้ครับ

การเขียน  คือการนำความรู้สึกนึกคิด ของเราจากความรู้ ประสบการณ์ที่ผ่านมา  ออกมาในรูปของตัวหนังสือ  มันก็คือ การใช้ศิลปะอย่างหนึ่งนั้นเอง

งงซิครับ  มันเกี่ยวกันยังไง งานเขียน ก็คือ การเขียนมันออกมา

ใช่ครับ เขียนมันออกมา  แต่ถ้าขาดแรงจูงใจบางอย่าง หรือที่ฝรั่งเรียก Passion ก็ช่างไร้ประโยชน์เสียนี้กระไร  การเป็นนักเขียน  ไม่ว่าจะเขียนในรูปหนังสือ บล็อค หรืออะไรก็แล้วแต่  ล้วนต้องอาศัยเหตุและปัจจัยในการทำมันขึ้นมา  ผมเรียกมันว่า ศิลปะของตัวหนังสือ

เคล็ดลับของการเป็นนักเขียน ไม่ใช่อยู่ที่เขียนได้ดีแค่ไหน  แต่สิ่งที่คุณสื่อออกมาต่างหากโดนใจผู้อ่านหรือไม่  การจะเข้าใจผู้อ่านได้  คุณก็ต้องเข้าใจตัวเอง และมองโลกในหลายมิติ  เพื่อสร้างความแตกต่างและสามารถนำเสนอออกมาในรูปของตัวหนังสือ ทั้งการเล่นคำต่างๆ

การเขียนไม่ยากครับ  แค่ลงมือเขียนมันออกมาเท่านั้น  Toni Morrison นักเขียนรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมกล่าวไว้ว่า  "ถ้ามีหนังสือที่คุณอยากอ่าน แต่ยังไม่มีใครเขียน คุณต้องเป็นคนเขียนมันขึ้นมา"
จัดไปครับ

ศิลปะแห่งการสร้างตัวตน


                                                      ที่มาของภาพ : www.thoenpost.com


ใช่ครับ งานคือศิลปะ มันคือการสร้างตัวตนของเราขึ้นมา

เมื่อวานผมไปตรวจงานห้องลูกค้าที่จะโอนกรรมสิทธิ์คอนโด
เกี่ยวกับรายการข้อผิดพลาดของห้อง หรือที่เรียก Defect
ที่จริงแล้วงานก็คือศิลปะจริงๆครับ  มันอธิบายทุกอย่างในรายละเอียดของงาน
สภาพห้อง การออกแบบ และศิลปะการขาย ตลอดจนการส่งมอบห้องของ ICD

ในยุคสังคมก้มหน้า  ผู้คนต่างมองหาผู้นำ  ที่จะเป็นตัวกำหนด Trend ใหม่ๆ ซึ่งในอนาคตศิลปะจะเข้ามามีบทบาทในสังคมมากขึ้น  โรคที่จะเกิดขึ้นกับผู้คน ก็คือ  โรคส่วนตัวสูง  อย่าหัวเราะไปนะครับ     เรื่องจริงนะ  ผลร้ายที่ตามมาคือ โรคซึมเศร้า

เมื่อถึงวันนั้นผู้คนจะหันมาสนใจสิ่งรอบตัว และพยายามที่จะเรียนรู้เข้าใจธรรมชาติ  หันกลับมาที่ตัวเอง   หนึ่งในวิธีนั้น คือ การใช้ศิลปะบำบัด  วิธีการเป็นยังไงเดี๋ยวผมมาเล่าให้ฟังภายหลังนะครับ  วันนี้อยากให้ทุกคนเข้าใจ เบื้องต้นว่า  ทุกอย่างมีพื้นฐานมาจากศิลปะทั้งนั้นแหละครับ อยากทำตัวเองให้เป็นสุดยอดในด้านไหน คุณต้องเรียนรู้และเข้าใจศิลปะให้มากพอๆ กับการเรียนรู้สิ่งที่คุณสนใจไปด้วย  ยังไม่ต้องเชื่อผมหรอก  ลองนำวิธีผมไปใช้ดูครับ แล้วจะเห็นการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ เอง

วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558

10 ประเภทการออกแบบ

   การออกแบบ(Design) คือ ศาสตร์แห่งความคิด และต้องใช้ศิลป์ร่วมด้วย เป็นการสร้างสรรค์ และการแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ เพื่อสนองต่อจุดมุ่งหมาย และนำกลับมาใช้งานได้อย่างน่าพอใจ     

1ประเภท การออกแบบ

1. การออกแบบสร้างสรรค์

เป็นการออกแบบเพื่อ นำเสนอความงาม ความพึงพอใจ เน้นความคิดสร้างสรรค์ แปลกๆ ใหม่ๆ ให้เกิดความสะเทือนใจ เร้าใจ งานออกแบบสร้างสรรค์นี้มี 5 ลักษณะ คือ

งานออกแบบจิตรกรรม (Painting)

          คืองานศิลปะ ด้านการวาดเส้น ระบายสี เพื่อแสดงอารมณ์ และความรู้สึก ในลักษณะ สองมิติ จำเป็นต้องใช้ ความคิดสร้างสรรค์ ในผลงานแต่ละชิ้นของผู้สร้าง

ที่มาของภาพ:   www.designiti.com


งานออกแบบประติมากรรม (Sculpture)
คืองานศิลปะด้าน การปั้น แกะสลัก เชื่อมต่อในลักษณะสามมิติ คือมีทั้งความกว้าง ยาว และหนา


 งานออกแบบภาพพิมพ์ (Printmaking)
คือ งานศิลปะที่ใช้กระบวนการพิมพ์มาสร้างสรรค์รูปแบบด้วยเทคนิคการพิมพ์ต่างๆ เช่น ภาพพิมพ์ไม้ โลหะ หิน และอื่นๆ



งานออกแบบภาพถ่าย (Photography)
ยุคนี้เป็นยุคที่การถ่ายภาพกลายเป็นเรื่องง่ายๆ สำหรับผู้ที่สร้างสรรค์งานถ่ายภาพ อาจเป็นภาพ คน สัตว์ สิ่งของ ธรรมชาติทั่วๆไป โดยมุ่งเน้นการสร้างสรรค์ เนื้อหาที่แปลกใหม่ เพื่อสนองความต้องการของผู้ถ่ายภาพ



งานออกแบบสื่อประสม (Mixed Media)                                                                         
คือ งานศิลปะที่ใช้วัสดุหลากหลายชนิด เช่น กระดาษ ไม้ โลหะ พลาสติก เหล็ก หรือวัสดุอื่นๆ นำมา
สร้าง ความผสาน กลมกลืน ให้เกิดผลงานที่แตกต่างอย่างกว้างขวาง



2. การออกแบบสัญลักษณ์และเครื่องหมาย (Symbol & Sign)
        เป็นการออกแบบเพื่อสื่อความหมาย เป็นสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายที่ ทำความเข้าใจกับผู้พบเห็น โดยไม่จำเป็น ต้องมีภาษากำกับ เช่น ไฟแดง เหลือง เขียว ตามสี่แยก หรือเครื่องหมายจราจรอื่นๆ
       เครื่องหมาย (Symbol) คือสื่อความหมายที่แสดงความนัยเพื่อเป็นการชี้ เตือน หรือกำหนดให้สมาชิกในสังคม รู้ถึง ข้อกำหนด อันตราย
       สัญลักษณ์ คือสื่อความหมายที่แสดงความนัย เพื่อบอกให้ทราบถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งไม่มีผลในทางปฏิบัติเหมือน เครื่องหมาย แต่มีผลทางด้านการรับรู้ ความคิด หรือทัศนคติ ที่พึงมีต่อสัญลักษณ์นั้นๆ 

3. การออกแบบโครงสร้าง
        ออกแบบเพื่อใช้เป็นโครงยึดเหนี่ยว ให้อาคาร สิ่งก่อสร้างสามารถทรงตัว และรับน้ำหนัก อยู่ได้ อาจเรียกว่า การออกแบบสถาปัตยกรรม คือการออกแบบสิ่งก่อสร้างประเภทต่าง ๆ ออก แบบอาคาร เช่น การออกแบบ ที่พักอาศัย รถยนต์


4.การออกแบบหุ่นจำลอง
        เป็นการออกแบบเพื่อเป็นแบบสำหรับย่อ ขยาย ผลงานตัวจริง หรือเพื่อศึกษารายละเอียดของสิ่งนั้นๆ เช่น                 
·       หุ่นจำลองบ้าน
·       หุ่นจำลองผังเมือง
·       หุ่นจำลองเครื่องจักรกล
·       หุ่นจำลองทางวิทยาศาสตร์ ฯลฯ

5.การออกแบบสิ่งพิมพ์
        เป็นการออกแบบเพื่อการผลิตงานสิ่งพิมพ์ ชนิดต่าง ๆ 

6.การออกแบบผลิตภัณฑ์
        เป็นการออกแบบเพื่อนำมาใช้สอยในชีวิตประจำวัน โดยเน้นการผลิตจำนวนมาก ในรูปสินค้า เพื่อให้ผ่านไปยังผู้ซื้อ ผู้บริโภคในวงกว้าง คือการผลิต ผลิตภัณฑ์ ชนิดต่าง ๆ ซึ่ง มีขอบเขตกว้างขวางมากด และแบ่งออกได้มากมาย หลายลักษณะ นักออกแบบรับผิดชอบเกี่ยวกับประโยชน์ใช้สอยและความสวยงามของ ผลิตภัณฑ์ งานออกแบบ ประเภทนี้ได้แก่
·       งานออกแบบเฟอร์นิเจอร์
·      งานออกแบบครุภัณฑ์
·       งานออกแบบเครื่องสุขภัณฑ์
·       งานออกแบบเครื่องใช้สอยต่างๆ

7.การออกแบบโฆษณา
        เป็นการออกแบบเพื่อชี้แนะและชักชวน ทางด้านผลิตภัณฑ์ บริการ และความคิด จากความคิดของคน คนหนึ่ง ไปยังกลุ่มชนโดยส่วนรวม ซึ่งการโฆษณาเป็นปัจจัยสำคัญที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตของประชาชน และธุรกิจ เพราะจะช่วยกระตุ้น หรือผลักดันอย่างหนึ่งในสังคม เเพื่อให้ประชาชนเกิดความต้องการ และเปรียบเทียบ สิ่งที่โฆษณาแต่ละอย่าง เพื่อเลือซื้อ เลือกใช้บริการ หรือเลือกแนวคิด นำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันของเรา
    การโฆษณาผลิตภัณฑ์ เช่น โฆษณาขายอาหาร ขายสิ่งก่อสร้าง ขายเครื่องไฟฟ้า ขายผลิตผลทาง เกษตรกรรม
    การโฆษณาบริการ เช่น โฆษณาบริการท่องเที่ยว บริการซ่อมเครื่องจักรกล บริการหางานทำ บริการของ สายการบิน
    การโฆษณาความคิด เช่น โฆษณาความคิดเห็นทางวิชาการ ข้อเขียน ข้อคิดเห็นในสังคม ความดีงามในสังคม
นอกจากนี้ยังมีการโฆษณาชวนเชื่อที่เสนอความคิดเห็น เกลี้ยกล่อม สร้างอิทธิพลทางความคิด หรือทัศนคติ เช่น การโฆษณาทางศาสนา โฆษณาให้รักษากฎจราจร โฆษณาให้รักชาติ
    การโฆษณาเหล่านี้มี สื่อที่จะใช้กระจายสู่ประชาชน ได้แก่
·       สื่อกระจายเสียงและภาพ เช่น วิทยุ ทีวี โรงภาพยนตร์
·       สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร วารสาร
·       สื่อบุคคล เช่นการแจกสินค้าส่งคนไปขาย ส่งสินค้าไปตามบ้าน

8.การออกแบบพาณิชยศิลป์
        เป็นการออกแบบเพื่อใช้ฝีมือ แสดงความงามที่ใช้ในการตกแต่ง อาจจะเป็นสิ่งของเครื่องใช้เล็กๆ น้อยๆ ก็ได้ ส่วนใหญ่จะเน้นความสวยงาม ความน่ารัก ซึ่งเป็นความสวยงามที่มีลักษณะเร้าใจต่อผู้พบเห็นในทันทีทันใด และแสดงความสวยงามหรือศิลปะเด่นกว่าประโยชน์ใช้สอย เช่นการออกแบบที่ใส่ซองจดหมาย แทนที่จะมีเพียงที่ใส่ และที่แขวน ซึ่งเป็นหน้าที่หลัก ก็อาจจะออกแบบเป็นรูปนกฮูก หรือรูปสัตว์ต่างๆ แสดงสี สรรค์และ การออกแบบ ที่แปลกใหม่ เร้าใจ เป็นต้น ลักษณะของการออกแบบพาณิชย์ศิลป์ยังมุ่งออกแบบในลักษณะของแฟชั่น ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตามสมัยนิยม

9.การออกแบบศิลปะประดิษฐ์
        เป็นการออกแบบที่แสดงความวิจิตรบรรจง มีความสวยงาม เพื่อให้เกิดความสุขสบาย รื่นรมย์ มากกว่าการ แสดงออกซึ่งความรู้สึกนึกคิดอื่นใด ความวิจิตรบรรจงในที่นี้หมายถึง การตกแต่งสร้างสรรค์ลวดลาย หรือรูปแบบ ด้วยความพยายาม เป็นงานฝีมือที่ละเอียด ประณีต เช่น
·       การจัดผักซึ่งเป็นเครื่องจิ้มอาหารคาวของไทย แทนที่จะจัดพริก มะเขือ แตงกวา ต้นหอม ลงในจานเท่านั้น แม่ครัวระดับฝีมือบางคนจะประดิษฐ์ตกแต่งพืช ผัก เหล่านั้นอย่างสวยงามมาก เช่น ประดิษฐ์เป็นดอกไม้ รูปสัตว์ หรือลวดลายต่างๆ งานศิลปะประดิษฐ์มีหลายประเภท เช่น
·       งานแกะสลักของอ่อน เช่นผัก ผลไม้ สบู่ เทียน
·       งานจัดดอกไม้ใบตอง เช่น ร้อยมาลัย จัดพวงระย้าดอกไม้ โคมดอกไม้
·       งานเย็บปักถักร้อยตกแต่ง เช่น ปักลวดลายต่างๆ ถักโครเชท์


10. การออกแบบตกแต่ง
        เป็นการออกแบบเพื่อการเป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกแบบเพื่อ เสริมแต่งความงาม ให้กับอาคารบ้านเรือน และบริเวณที่อยู่อาศัย เพื่อให้เกิดความสวยงามน่าอยู่อาศัย การออกแบบตกแต่งในที่นี้ หมายถึงการออกแบบตกแต่งภายนอก และการออกแบบตกแต่งภายในการออกแบบตกแต่งภายใน หมายถึง การออกแบบตกแต่งที่เสริมและจัดสภาพภายในอาคาร ให้สวยงาม น่าอยู่อาศัย ซึ่งหมายรวมถึง ภายในอาคารบ้านเรือน ที่ทำงาน ร้านค้า โรงเรียน



วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558

การพักผ่อน คือ ศิลปะคุณว่าจริงไหม

บนเส้นทางแห่งความสำเร็จ  องค์ประกอบที่สำคัญ คือ "ร่างกาย"



ใช่ครับ  ร่างกาย  เป็นสิ่งที่ทำให้ทุกสิ่งเป็นไปอย่างสมดุล
ธรรมชาติจัดสรรให้เรามีชีวิตที่เหมาะสมและดีที่สุด
การพักผ่อนก็คือ ศิลปะอย่างหนึ่งของการใช้ชีวิต
การที่เราไม่สนใจตัวเอง  หรือปล่อยให้ร่างกายใช้งานหนัก
ชีวิตเราอาจไปไม่ถึงไหนก่อนนะครับ

หากรู้สึกว่าตัวเอง เริ่มไม่ไหวกับบางสิ่งบางอย่าง
ควร หยุดพักระหว่างทาง  ไม่ต้องเดินเร็วหรอก
แค่ก้าวเดินไปอย่างสม่ำเสมอ รักษาสมดุล
ของร่างกายและจิตใจ  ให้พอเหมาะพอดี หาไม่
สุขภาพที่ย่ำแย่  ก็นำแต่ปัญหาสารพัดมาหาเรา
รักตัวเองให้มากๆครับ  ดูแลใส่ใจตัวเองให้มาก
ไม่รักตัวเราเองแล้วใครจะรักเรา  มารักตัวเองกันเถอะ

กำหนดเขา กำหนดเราง่ายกว่า



คนเราจะขึ้นที่สูงก็ย่อมต้องมีอุปสรรค์เป็นทางผ่านเสมอครับ

ชีวิตก็เหมือนการต่อจิ๊กซอว์ให้เป็นภาพ  ภาพชีวิตคุณจะใหญ่หรือเล็กก็ขึ้นอยู่กับการหาตัวต่อเพิ่มขึ้น เพื่อนำไปขยายภาพต่อ  หากจะเป็นตัวจิ๊กซอว์ก็คงไม่ต่างอะไรจากการเรียนรู้เพื่อพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา  บางครั้งจิ๊กซอว์ตัวที่ได้อาจยังไม่ใช่ตัวที่เราต้องการในตอนนี้

ชีวิตมีจุดเปลี่ยนเสมอครับ  

ในจุดที่สูงสุดคุณไม่มีทางรู้ได้ว่าใครคือ  เพื่อนแท้
ในจุดที่ต่ำสุด คุณก็ต้องฝึกฝนตัวเองอยู่ตลอดเวลาอดทนรอจังหวะที่เหมาะ

ที่สำคัญ  คือ
อย่าดูถูกตัวเอง  ใครดูถูกเรายังไงก็เรื่องของเขา อย่าเอาคำพูดคนอื่นมาตัดสินเรา ตัวเราเท่านั้นที่รู้ดี



วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ศิลปะกับกระแสอินเทรนด์ของโลกยุคใหม่



ยุคข้อมูลข่าวสาร ใครคือเจ้าแห่งข้อมูล  คือ แม่ทัพ

ในโลก Social Network เป็นอะไรที่ไปเร็วมากไม่ว่าเราจะแชร์อะไรข่าวสารถูกระบาดเหมือน ไวรัสที่แพร่กระจาย  ผู้บริโภคข่าวสารอย่างเราๆ ก็ควรพิจารณาให้รอบคอบ  ถึงแหล่งที่มาของข้อมูลก่อนนะครับว่าน่าเชื่อถือมากไหม
วันนี้ผมขอนำเสนอในเรื่องศิลปะยุคใหม่

รูปลักษณ์+ความทันสมัย+สไตส์ที่โดดเด่น   นี่คือ  ตัวละครเอกในยุคนี้ครับ  คุณไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณแสนแพงและก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ลงทุนไปจะถึงจุดคุ้มทุนเมื่อไหร่

ใช่ครับที่ผมพูดถึงก็คือ การสร้างผลิตภัณฑ์ หรือ แบรนด์สินค้ายุคใหม่มันต้อง โดน  ไม่โดนจริงอย่าทำครับเสียเวลาเปล่า  ศิลปะไม่มีถูกผิดนะครับ มีแต่ระดับความพอใจมากน้อยเท่านั้นเองสิ่งที่ผู้ประกอบการควรคำนึงให้มากที่สุดในปัจจุบันก็คือ "แบรนด์"

คุณต้องเรียนรู้เกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์และแบรนด์อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่   ยุคที่ลูกค้าคือผู้กำหนดไม่ใช่ตลาดกำหนด  หากลุ่มเป้าหมายของลูกค้าเราแล้วโฟกัสในสิ่งที่เขาต้องการ   สร้างนวัฒนกรรมใหม่ๆ  กำหนดความแตกต่าง และโดดเด่นในตัวผลิตภัณฑ์

ที่สำคัญคือ ต้องคำนึงถึงสังคมและแก้ปัญหาสังคมให้มากที่สุด พร้อมลุยหรือยังครับ




นวัฒนกรรมแห่ง "การสร้างแบรนด์"




อาทิตย์ที่แล้วผมพูดเรื่องการสร้างแบรนด์ให้กับตัวเองว่ามีความสำคัญยังไง  ยุคนี้เป็นยุคแห่งการแข่งขันเต็มตัวทุกอย่างพร้อมไปหมด  ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
ถามว่าแล้วเราจะสร้างแบรนด์ให้กับตัวเราได้ยังไง?  
มันยากนะในเมื่อสังคมเราเป็นสังคมที่เรียนรู้อะไรที่ไม่แตกต่างกัน ทำยังไงเราถึงจะโดดเด่นขึ้นมาได้?

อย่าได้กังวลไปเลยครับ  ทุกสิ่งทุกอย่างมันมีจุดที่เหมาะสม  ในโอกาสยังมีอุปสรรค์ ในอุปสรรค์ก็เต็มไปด้วยโอกาส  สิ่งที่ต้องทำคือ

      1.ตั้งธงไปเลยครับว่าจะทำอะไร  สิ่งที่ทำมันอธิบายตัวตนของเราอย่างไร  เรารู้สึกอย่างไรกับตัวตนที่เราสร้างขึ้นมา  หากทำแล้วรู้สึกไม่ใช่ตัวตนของเราจริงแนะนำว่าอย่าดีกว่าครับ
      2.คุณต้องมี Passion ในสิ่งที่ทำจริงๆ  เรียกว่าหายใจเข้าออกเป็นสิ่งนั้นเลย  เมื่อคุณสนใจสิ่ง
ไหนมากๆ สมองจะเกิดการเชื่อมโยงสิ่งต่างๆให้เกิดเป็นภาพขึ้นมา  ภาพนั้นแหละครับให้คุณเขียนมันออกมา แล้วลงมือทำตามแผนภาพนั้น
      3.ภาพลักษณ์  ยังไงผมก็ว่ายังสำคัญครับ  การเป็นตัวของตัวเองดี   แต่ก็ต้องมีขอบเขตและความเหมาะสมกันสถานการณ์ การทำอะไรควรเสมอต้น เสมอปลายจะดีที่สุด
      4.ความไว้วางใจ  Trust สิ่งนี้เป็นตัวบอกทุกอย่าง  คนจะพูดถึงเรายังไงก็คือตัวนี้เเหละครับ จงสร้างความประทับใจและความไว้วางใจทุกครั้งตั้งแต่แรกเห็น  เพราะการรู้จักใครสักคนครั้งแรกเท่านั้นที่คนจะประทับใจคุณไม่รู้ลืม

เมื่อคุณสมบัติเหล่านี้อยู่ในตัวคุณ  เมื่อสปอร์ตไลท์ ส่องเข้ามารับรองครับว่าคุณจะดังเป็นพลุแตก โดยที่คุณต้องเป็นฝ่ายเลือก ไม่ใช่ถูกเลือก  โลกนี้มีที่ยืนสำหรับคนที่พร้อมครับ

วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2558

การฝึกคิดให้รอบด้าน





อยากเชื่ออะไรหาหลักฐานให้ได้ก่อน  
อยากพูดอะไรนึกถึงใจคนฟังก่อน
อยากได้สิ่งใดพยายามให้ดีที่สุดก่อน  
อยากโกรธใครเข้าใจเหตุผลเขาเสียก่อน
อยากทุ่มเทความรักให้ใครดูความจริงใจเขาก่อน
ก่อนจะทำการสิ่งใดใดคิดให้ดีก่อนจะได้ไม่เสียใจภายหลัง

ผมว่าประโยคข้างต้นสั้นและได้ใจความมากเลยครับ  มันอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างในตัวเลย  ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มจาก "ความคิด"  ไม่ว่าคุณจะทำสิ่งใดให้ประสบความสำเร็จหัวใจของความสำเร็จ  ล้วนมีองค์ประกอบด้วยกันทั้งนั้น  ทุกสิ่งมีจุดเริ่มต้นและก็สิ้นสุด  มันเป็นไปตามกฎของธรรมชาติ  เมื่อคุณเข้าใจสิ่งรอบตัวมากขึ้นทุกอย่างก็ไม่มีอะไร

พูดซะยาวเลยวันนี้เรามาฝึกกระบวนการคิดนอกกรอบการศึกษากันดีกว่า  ทุกอย่างต้องเขียนออกมาครับถึงจะนึกภาพออก  อย่าเก็บไว้ในหัว

    ขั้นที่ 1  ความเชื่อ  เมื่อเรามีความเชื่อทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้หมดครับบนโลกอันกว้างใหญ่นี้  เมื่อคุณเชื่อคุณก็จะหาวิธีการต่างๆ มารองรับความเชื่อของคุณเพื่อให้ได้ซึ่งสิ่งนั้นมา
    ขั้นที่ 2  ศึกษา   เรื่องไหนที่เราสนใจศึกษามันเลยครับ  ไม่ต้องไปสนใจระบบการศึกษาลุยไปเลยเอาตามสไตส์ของเรานี้แหละถนัดแบบไหน  เรียนรู้แบบไหนไปเลยครับ
   ขั้นที่ 3 พยายาม  ศึกษาอย่างเดียวยังไม่พอมันต้องพยายามหรือเรียกว่า Passion ต้องมากๆ ชนิดที่พูดกับใครแล้วเขารู้ถึงความต้องการของเราไปเลย ถามจากผู้รู้ เรียนรู้จากความผิดพลาด เหล่านี้เป็นบทเรียนที่ดีครับ
   ขั้นที่ 4 เข้าใจ   มาถึงขั้นนี้เราต้องเข้าใจอะไรบ้างแล้วละ  ถ้าคุณเข้าใจแสดงว่าคุณมาถูกทางแล้วครับ แต่ไม่ก็พยายามต่อไป อาจต้องกลับไปทบทวนขั้นตอนก่อนหน้ามีอะไรที่ต้องแก้ไขปรับปรุงหรือเปล่า ผมว่าหลักการนี้น่าสนนะครับ  กระบวนการ PDCA  ลองศึกษาดูครับ
  ขั้นที่ 5 ความจริงใจ  ทุกอย่างล้วนมีเหตุมีผล  ทุกสิ่งที่คุณทำก็ต้องอาศัยความเชื่อ ความรัก ความชอบและความจริงใจ  โดยเฉพาะความจริงใจเป็นเสน่ห์ที่ยั่งยืนและทำให้คุณประสบความสำเร็จในระยะยาวได้
   ขั้นที่ 6 ลงมือทำ  จุดนี้เป็นหัวใจของความสำเร็จอยู่แล้วลุยไปเลยครับ คุณพร้อมแล้วนิ 

การสร้างแบรนด์ให้ตัวเอง



แบรนด์ ไม่ใช่แค่เพียงชื่อสินค้า , Logo ,โฆษณา และไม่ใช่แค่รูปแบบของตัวบรรจุภัณฑ์เท่านั้น ความหมายของ แบรนด์  ยังหมายถึงการสร้างความประทับใจ  ที่ถูกสร้างขึ้นภายในจิตใจของผู้คน  หนึ่งในนั้นก็คือ "ตัวเราด้วยครับ  ถามว่าทุกวันนี้คุณมีแบรนด์ของคุณเองไหม  

เพื่อนๆ อาจจะถามว่าจำเป็นด้วยเหรอ  จำเป็นมากครับ  ไม่ว่าจะทุกสาขาอาชีพเรายังต้องมีภาพลักษณ์เลยครับ  วันนี้ผมมีเคล็ดลับในการสร้างแบรนด์ให้ตัวเอง

                  1. รู้จักตัวเอง  จากนั้นก็กำหนดผู้คนที่อยากให้เขารู้สึกประทับใจในตัวตนของคุณ
                  2. วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อนในตัวคุณ  
                  3.นำจุดแข็งมาสร้างความโดดเด่นด้วยการพัฒนาทักษะนี้ให้เป็นเลิศ
                  4.ปกปิดจุดอ่อนในตัวคุณแล้วฝึกฝนพัฒนาให้ดีขึ้น
            
            เห็นไหมละครับว่า  การสร้างแบรนด์ หรือ ชื่อเสียง (Reputation ไม่ใช่ Awareness) มันคือการอธิบายตัวตนของเรา เพราะชื่อเสียงสำคัญมากเป็นที่มาของความไว้วางใจ (Trust) เป็นที่มาของเครดิต เป็นสิ่งที่บอกถึงอดีตและกำหนดอนาคต ฉะนั้นแบรนด์คือสิ่งที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่ตัวคุณได้ และที่สำคัญก็คือ เราต้องสร้างแบรนด์แบบมีเอกลักษณ์โดยที่เอกลักษณ์นั้น จะต้องมีความโดดเด่น แตกต่างและเป็นจุดที่ยั่งยืน   หาไม่แล้วการสร้างแบรนด์ก็จะเป็นกระแสระยะสั้นๆ  แล้วก็ถูกลืมไปเท่านั้นเอง

วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558

อนุสรณ์สถานอดีตทหารจีนคณะชาติ





วันนี้นั่งกินข้าวเที่ยงกับเพื่อนคนจีน  คนหนึ่งครับ  ขอบอกว่าการได้รู้จักกับเพื่อนคนนี้ผมได้เรียนรุ้อะไรใหม่ๆ เยอะเลย  โดยเฉพาะวัฒนธรรมเกี่ยวกับจีน  วิถีชีวิต และอื่นๆอีกมาก วันนี้เราคุยกันเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย  ทำไมต้องเชียงราย  "บ้านเกิดผมเองครับ"  เพื่อนผมคนนี้เขาก็แนะนำให้ผมไปเที่ยวสถานที่แห่งนี้  คือ อนุสรณ์สถานอดีตทหารจีนคณะชาติ  อยู่แถวเเม่สลองนอก ซึ่งตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมของนักท่องเทียวชาวจีนมาก

ความเป็นมาคราวชาวจีนก๊กนี้น่าจะอพยพมาจากไต้หวั่นครับ  แล้วมาตั้งรกราก ณ สถานที่แห่งนี้ ความสวยงามเป็นยังไงลองเข้าไปดูในเวปได้ครับ  ที่ผมพูดมาทั้งหมดคือ ผมอยากให้เพื่อนๆ หันมาสนใจจีนให้มากขึ้นครับ  เพราะในอนาคตอันใกล้นี้จีนจะกลายเป็นมหาอำนาจ  ไม่ว่าจะเป็นค่าเงิน  การติดต่อสื่อสาร การทำธุรกิจ  โดยเฉพาะ "ภาษาจีน"  เป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ไปพร้อมกับภาษาอังกฤษที่จะเปิดอาเซียนปลายปีนี้  โลกจะแคบลงเพราะเริ่มเข้าสู่ยุคข้อมูลข่าวสาร  ในขณะเดียวกันโอกาสของคนในแต่ละคนก็จะมากขึ้นเป็นเงาตามตัว

การเตรียมตัวเองให้พร้อมรับกับสิ่งใหม่จำเป็นอย่างยิ่งครับ  โอกาสจะวิ่งหาคนที่พร้อมเท่านั้น แค่เก่งอย่างเดียวไม่พอแล้วครับ  คุณต้องเหนือกว่าคนอื่น ในทุกด้าน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณก็ต้องทำตัวเองให้ได้รับการยอมรับและความไว้วางใจจากคนรอบข้างด้วย  ทุกสิ่งล้วนเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างกัน ยังไงก็สู้ต่อไปครับ

วิธีมองหาพื้นที่สำหรับสร้างสรรค์




เมื่อโลกก้าวเข้ามาสู่ยุคข้อมุลข่าวสาร  ทุกอย่างมันเร็วไปหมดจนเราไม่รู้จะเริ่มอะไรตรงไหนดี  ปัจจุบันนี้ผู้คนก็เก่งกันมากขึ้น มองไปรอบตัวมีแต่คนเก่ง แล้วอะไรละที่จะทำให้เรา  แตกต่าง  และมีจุดยืนของตัวเอง สิ่งนี้น่าคิดนะครับ  

เวทีไงครับ พื้นที่ที่เราสามารถแสดงออกทางความคิดหรือความเห็นของเราได้อย่างอิสระ  ไม่จำเป็นต้องเป็นที่ทำงาน หรือองค์กรที่คุณอยู่ก็ได้  ทุกอย่างเกิดได้ขอแค่คุณกล้าเปลี่ยนแปลง  ทุกคนไม่รู้หรอกว่าคุณคิดอะไร หรือแม้แต่ตัวเขา  เราต้องบอกให้เขารู้ก่อนแล้วผลลัพธ์จะตามมาเอง หลายคนที่อ่านคงมีคำถามแน่ว่า  อย่างนี้ใครก็ทำได้ ใช่ครับใครก็ทำได้ แต่ประเด็นคือแล้วมันโดนหรือเปล่าละ   ก่อนจะทำอะไรก็แล้วแต่  เราต้องหันกลับมามองตัวเองก่อนครับ การตั้งคำถามกับตัวเองสำคัญมาก เริ่มจาก

     1.อะไรคือสิ่งที่ฉันเก่ง ถนัด และทำได้ดี?
     2.ฉันชอบอะไร?
     3.ประสบการณ์ที่ผ่านมาของฉันคืออะไร (ทั้งในแง่ของการใช้ชีวิตและการทำงาน)?
     4.อะไรที่ฉันไม่ชอบหรือทำได้ไม่ดี  และอยากหลีกเลี่ยง?

ลองเขียนออกมาครับ  เพราะการเขียนไม่มีผิดถูก  แล้วคุณจะเห็นภาพของตัวคุณเอง   จากนั้นค่อยกำหนดสิ่งที่คุณต้องการออกมา  ไม่จำเป็นต้องบอกผม หรือใครๆก็ได้ แค่อยากให้คุณรู้จักตัวเองจริงๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป  ถึงคุณไม่คิดจะเปลี่ยนคิดว่าทุกอย่างมันดีแล้ว คุณหลอกตัวเองครับ เพราะในทุกสุดโลกจะเปลี่ยนคุณเอง

วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ล้มเหลวได้ครับ แต่อย่าล้มเลิกนะ



ยุคนี้หันไปทางไหนก็ต้องอาศัยเงินเป็นที่ตั้งกันหมด  จนหลายคนถึงกับเครียดกันไปเลย  ผมอยากให้คุณลองใช้ชีวิตในอีกมุมกลับ  ลองคิดนอกกรอบโดยอย่าเอาเงินเป็นที่ตั้ง  เวลาที่คุณตั้งเป้าหมายอะไรอย่าไปสนใจว่าเป็นไปได้หรือไม่  ให้โฟกัสแค่วิธีการเท่านั้น ย้ำนะครับว่า "วิธีการเท่านั้น"

เมื่อคุณสนใจอะไรมากๆ  คุณจะหาทุกวิธีทาง เพื่อไปสู่เป้าหมายนั้น  หลายคนที่ไปไม่ถึงจุดหมายไม่ใช่เขาไม่เก่งครับ  แต่เขาไปตั้งกำแพงให้ตัวเองต่างหาก  ยกตัวอย่างนะครับ

คนที่จบด้านการเงินมา  แต่ใจรักในงานศิลปะงานออกแบบ  ผมจะยกตัวอย่างวิธีคิดของคน 2 ประเภทดูนะครับ

คนที่ 1 นายสำเร็จ   จะหาวิธีการต่างๆ นานา โดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เขาจะหาความรู้ในเรื่องนั้นๆ ให้                                       มากที่สุดเพื่อความพร้อมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น เมื่อพร้อมเขาก็ลุยเลยครับ

คนที่ 2 นายขี้แพ้      แค่คิดว่าตัวเองไม่มีประสบการณ์ในด้านนี้ ก็ล้มเลิกความคิดตั้งแต่แรกแล้วครับ ทั้ง                                   ที่ยังไม่ได้ลองทำอะไรเลย

เห็นไหมละครับว่า  คนเราต่างกันแค่ "วิธีคิด"   เท่านั้นเอง  ล้มเหลวได้ แต่อย่าล้มเลิก  เพราะในความล้มเหลวของเรา อาจพบหนทางใหม่ๆ ที่จะนำเราไปสู่จุดหมายก็ได้ ขอเพียงแค่อดทนให้ถึงที่สุดครับ 

เราต้องเจ๋งกว่าคนอื่น




        โลกนี้เต็มไปด้วยคนเก่งมากมาย  หากเราแค่เก่งในสิ่งที่คนอื่นทั่วไปเขาเก่ง  เราก็เป็นได้แค่ตัวรองเท่านั้นแหละครับ  ยิ่งคุณทำงานในองค์กรใหญ่ยากมากที่จะโตได้เต็มที่  นอกจากประสบการณ์ไม่มากพอแล้วอะไรมากมาย บราๆๆ  คุณต้องหาอะไรทำที่แตกต่างกว่าคนอื่น  เจ๋งกว่า  เรียกว่าสิ่งที่คุณทำสามารถสร้างความแตกต่างและถ้าไม่ใช่คุณ  คนอื่นก็ไม่สามารถแล้ว

       อย่ามัวแต่หลอกตัวเองหรอกครับ  ทำมันออกให้เป็นชิ้นเป็นอัน  อย่ามัวแต่รอให้คนอื่นมาป้อนให้คุณ  คุณต้องสร้างผลงานขึ้น  สร้างสิ่งที่แตกต่างให้  ไม่จำเป็นต้องเป็นองค์กรที่คุณทำก็ได้ อาจเป็นที่ไหนก็ได้ที่สามารถเปลี่ยนชีวิตผู้คนได้มากๆ  ให้กับสังคม ให้กับผู้คน ให้กับโลกมาก  แล้วทุกอย่างจะต้องแทนคุณโดยที่คุณไม่จำเป็นต้องเรียกร้องอยู่ตลอดเวลา

        แต่ก่อนที่จะไปถึงจุดนั้น  คุณต้องหาตัวเองให้เจอก่อน  และก็มั่นใจด้วยว่าสิ่งที่คุณทำสามารถนำพาประโยชน์ได้จริงๆ และสามารถทำเงินได้  มองโลกด้วยความเป็นจริง  ใช้สติเป็นตัวนำทาง ยังไงก็อย่าได้ท้อครับ  ล้มแล้วก็ลุกเดินหน้าต่อ รางวัลมีแด่ผู้ชนะ

วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เจอตัวเองหรือยัง




      ก่อนที่เราจะลงมือทำอะไร คุณมี Passion หรือยัง  หลายคนก็ยังสงสัยกับคำถามนี้มาก  บางครั้งไอ้ตัวคนพูดยังไม่แน่ใจตัวเองด้วยซ้ำ  ใช่ครับ มันจริงมากครับ  การทำอะไรในสิ่งที่เราไม่ได้รัก หรือชอบมันสุดหัวใจผลลัพธ์ที่ได้คงไม่ง่ายนัก  วันนี้ผมมีวิธีการหา Passion ตัวเองให้เจอแบบง่ายๆกันครับ

      1.ถามตัวเองว่าถ้าหากไม่มีพันธะอะไร  ไม่เอาเงินเป็นที่ตั้ง ไม่เอาตำแหน่งหรือองค์ประกอบอื่นๆ มาเป็นข้ออ้าง คิดว่าคุณจะทำสิ่งนั้นอยู่ไหม  

ถ้าคำตอบ  ไม่  แสดงว่า  คุณต้องหันมาทบทวนในบางเรื่องแล้วครับ
ถ้าคำตอบ  ใช่  แสดงว่า  คุณต้องหาวิธีการเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาหรือเพิ่มทักษะในด้านนั้นให้มากขึ้น

     2.เมื่อคุณเจอในสิ่งที่ใช่แล้วต่อไป ตั้งคำถามกับตัวเลยว่า  สิ่งที่เรารัก ตอบโจทย์ผู้คนได้มากขนาดไหน สามารถที่จะสร้างเงินให้เราได้ไหม  ถ้าไม่ก็อย่าหลอกตัวเองครับ  ทำเป็นแค่งานอดิเรกก็พอ
     3.คุณต้องเจ๋งพอ ในสิ่งที่ทำ  ตั้งใจแบบสุดๆ ศึกษาหาความรู้เชิงลึก ในสายนั้นๆ  เอาให้เป็น Top 3 ไปเลยครับ
     4.ลงมือทำคือความสำเร็จสูงสุด  ต่อให้คิดอะไรดีแค่ไหน  แต่ไม่ลงมือทำก็ไร้ประโยชน์จะลงมือทำ

ปัญหา หรือ จุดเปลี่ยน กันแน่

   


       มีหลายครั้งที่มนุษย์เราท้อแท้และหมดกำลังใจในชีวิต  บางสิ่งบางอย่างมันยากเกินคาดเดาได้  แต่มีสิ่งที่แปลกอยู่เรื่องหนึ่งคุณเคยสังเกต  เวลาที่คุณเจอปัญหา ปัญหาก็พร้อมที่จะรุ้มเร้าคุณได้เลย  เวลาคุณเจอเรื่องโชคดี ทุกอย่างก็มองเป็นโอกาสไปหมด

เอาอย่างนี้นะครับ  ลองทำอะไรในสิ่งที่ตรงกันข้ามดู เช่น

เวลาที่คุณเจอปัญหา  วิธีการคือ  ให้คุณนึกภาพเป็นภาพใหญ่ๆ  แล้วค่อยๆแก้ปัญหาทีละจุด  อย่าไปมองที่ตัวปัญหาแต่มองที่วิธีแก้

เวลาที่คุณเจอโอกาส  วิธีการคือ  ให้คุณปฎิเสธโอกาสนั้นบ้าง  โดยเลือกสิ่งที่เป็นเป้าหมายของเราจริงๆ

         คนส่วนใหญ่ชอบทำอะไรซับซ้อน  โดยลืมมองพื้นฐานของปัญหาหรืออุปสรรค์ที่แท้จริง  เวลาที่เจอปัญหากลับมัวไปหาวิธีการอะไรที่ซับซ้อนขึ้นไปอีก  ยิ่งไปเพิ่มรูรั่วมากขึ้นไปอีก  ในทางตรงกันข้ามโอกาสหากไม่คว้ามันก็เหมือนอากาศ  แต่การรับทุกสิ่งเข้ามาโดยไม่ไตร่ตรองโอกาสที่ได้อาจกลายเป็นอุปสรรค์ในชีวิตก็เป็นไปได้  ถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับคุณแสดงว่ามันถึงเวลาที่คุณต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างในตัวคุณแล้วครับ  หากคุณยังปล่อยไปอย่างนี้ ชีวิตคุณคงต้องเจอขาลงเป็นแน่  หาช่องทางใหม่  เพิ่มโอกาส เพิ่มทางเลือกให้ตัวเอง และก้าวข้ามมันไปให้ได้ครับ  กำแพงสูงอีกฝั่งอาจเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ก็ได้

วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ความอยากของคุณมันยังไม่มากพอหรือเปล่า



         ช่วงนี้เวลาผมไปไหน   สิ่งแวดล้อมรอบตัวผมเริ่มเปลี่ยน  ผมพบว่าผู้ที่ประสบความสำเร็จให้ความสำคัญที่สุด ก็คือ วิสัยทัศน์  เพราะหากคุณมีแต่เป้าหมายแต่วิสัยทัศน์ของคุณไม่ชัดเจนก็อาจนำพาให้เราหลงทางได้  คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่เขาไม่ได้นึกถึงแค่บางช่วงเวลาแต่เขานึกถึงมันตลอดเวลา  ต้องฝึกฝนให้เกิดการเชื่อมโยงใหม่ๆ  ผู้ประกอบการหลายท่าน   มักจะพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า  วิธีคิดสำคัญที่สุด  เพราะการคิดเป็นจุดเริ่มต้นทุกอย่าง
       
        คุณต้องอยากให้มากพอ  เมื่อคนเรามีความต้องการสิ่งนั้นมากๆ  ก็จะเกิดการค้นหา  เมื่อค้นหาเรื่อยๆ ก็จะเกิดความรู้ทักษะใหม่ๆ และ เกิดการแก้ปัญหาไปเรื่อยๆ  การสร้าง Connection ถือเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก ผมว่าผู้คนนี่แหละที่เป็นจุดเริ่มต้นของการนำพาไปสู่การทำธุรกิจใหม่ๆ  หากคุณรู้ความต้องการของลูกค้า รู้กลุ่มเป้าหมาย คุณขายอะไรได้หมดครับ

       การฝึกฝนเรียนรู้ให้มากๆ  เตรียมความพร้อมอยู่ตลอดเวลา เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก วันใดถ้ามีสปอร์ตไล ส่องมากคุณอาจเปลี่ยนตัวเองเพียงชั่วข้ามคืนได้  ขอเพียงกล้าเท่านั้นเองครับ ทำอะไรที่แตกต่าง เรียนรู้จากความล้มเหลว  เพื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า

กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง


เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสไปเข้าอบรมที่ SCB training center  เกี่ยวกับโครงการ  "ภาวะผู้นำกับการเปลี่ยนแปลง"  บรรยากาศเต็มไปด้วยความเป็นกันเองมากครับ 

มีตอนหนึ่งที่ผมประทับใจมากคือ
กิจกรรมการแบ่งกลุ่มเพื่อทำงานเป็นทีม  โดยแบ่งกลุ่มเป็นกลุ่มละ  6  คน  
       - กรรมการก็จะมีโจทย์ให้ในแต่ละคน เสนอโปรเจคของตัวเอง ให้ได้รับการอนุมัติจากทางผู้ใหญ่  ให้เวลาศึกษาโปรเจค 10 นาที แต่ละคนก็นำเสนอในรูปแบบที่น่าสนใจมาก ต้องยอมรับเลยครับว่าเด็กยุคใหม่เก่งและฉลาดขึ้นมาก เวลาในการนำเสนอคนละ 3 นาที  
      - จากนั้นกรรมการก็จะให้ทุกคนไปทบทวน โปรเจคอีกรอบให้เวลา 10 นาที โดยนำโปรเจคของทั้ง 6 คนมานำเสนอร่วมกันภายใต้ วงเงินทั้งสิ้น 60,000 บาท โครงการมีดังนี้ 
     1.สอนอังกฤษให้เด็กโดยครูต่างชาติ 
     2.โครงการซื้อโปรเจคเตอร์เพื่อการเรียนการสอน
     3.วงโยธวาธิต
     4.ชมรมฟุตบอล
     5.ชมรมการท่องเที่ยว
     6.ชมรมกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม

       เราได้ทำกรณีศึกษาร่วมกันและได้ผลสรุปดังนี้ ครับ  ข้อ 1.ใช้งบประมาณ 15,700 บาท ข้อ 2 ใช้เงินไป   22,000 บาท ข้อ 3 ใช้เงินไป 16,000 บาท ตั้งแต่ 4-6 นำมารวมกันโดยใช้เงิน 6,300 บาท  เป็นกิจกรรมที่สนุกมากครับ  เป็นการฝึกทักษะการแก้ปัญหาร่วมกันภายใต้เวลาที่จำกัด และนอกจากนั้นเราก็มานั่งคิดร่วมกันว่าจะทำอย่างไรดีเพื่อจะให้ผลคะแนนสอบ ONET ของเด็กด้วย โจทย์นี้ยากมากพอดีเวลาหมดซะก่อน เสียดาย

         กิจกรรมโดยรวมถือว่าน่าสนใจทีเดียวครับ  ทำให้เราฝึกคิด และทบทวนตัวเองตลอดเวลา  ได้มองเห็นในอีกแง่มุมหนึ่งของตัวเอง  และการเลือกมองอะไรในมุมกว้างๆ หากใครได้มีโอกาสก็ลองทำอะไรใหม่ๆ ในชีวิตให้กับตัวเองนะครับ   ถึงแม้จะไม่ใช่เป้าหมายของเราแต่บทเรียนที่ได้  เป็นอะไรที่ไม่แตกต่างกันมากครับ

วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ฮีโร่ ผู้ไม่เคยแพ้



ตลอดเวลาที่ผ่านมา เชื่อเถอะว่าทุกคนก็ต้องมีฮีโร่ในใจตัวเอง  เราอยากจะเป็นแบบเขานำเขามาเป็นต้นแบบของเรา  ผมก็เช่นเดียวกัน  แต่ฮีโร่ของผมอาจเป็นแนวที่แปลกนิดหนึ่งคือ ผมชื่นชมคนที่ล้มเหลวมากๆ  เพราะเขาคือครูที่ดีของผม  ผมโชคดีมากที่ได้เรียนรู้จากความล้มเหลวของตัวผมเอง และผู้มีประสบการณ์หลายๆท่าน  จงจำไว้นะครับว่าเมื่อคุณมาถึงจุดหนึ่งไม่ว่าอะไรจะเกิดกับคุณก็ตาม  คุณต้องกล้าลุกขึ้นยืน และต่อสู้กับปัญหาอุปสรรค์อย่าได้ยอมแพ้มัน  แพ้ชนะไม่สำคัญ ที่สำคัญคือใจคุณสู้หรือเปล่า  คนตัวเล็กแต่ใจใหญ่ก็สามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้  กลับกันต่อให้คุณตัวโตขนาดไหนแต่ใจไม่สู้ก็ไม่มีประโยชน์

เลือกทางเดินของคุณได้แล้ว เวลาบนโลกใบนี้มันสั้นนักครับ  ไม่ว่าสิ่งที่คุณทำ ผลลัพธ์มันจะเป็นยังไงก็ช่างอย่างน้อยเราก็เคยได้ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ  ล้มแล้วลุก ล้มแล้วลุกใหม่  ทำไปเรื่อยๆ  ความสำเร็จเป็นอะไรที่เรียกน้ำตาให้คุณได้เลยเมื่อคุณถึงจุดนั้น  ไม่มีอะไรมากครับ แค่อยากให้คนที่มีฝัน มีแรงบันดาลใจ ลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่เราชอบ เรารัก อย่าปล่อยให้งานที่เราไม่รักมากัดกินหัวใจเรา  เพราะนานๆไปคุณจะไม่เหลือแม้แต่ความภาคภูมิใจในตัวเองเลย

Co - Working Space





โลกยุคใหม่เต็มไปด้วยสีสัน เทคโนโลยีใหม่ๆ  ผมว่ายุคนี้
ศิลปะเริ่มเข้ามามีบทบาทที่สำคัญกับสังคมไทยมากขึ้น
งานศิลปะเป็นงานที่เข้าใจง่ายและช่วยสะท้อนบางอย่าง
เกี่ยวกับตัวตนของบุคคลนั้น ๆ และเป็นอะไรที่ไม่ล่าสมัย
นักออกแบบหลายท่านไม่ว่าจะยุคไหน ต่างก็เข้าใจในกฎ นี้ดี  


การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ก็เกิดจากจินตนาการแห่งการเรียนรู้
โลกเต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสารมากมาย  ทั้งที่จำเป็นและไม่
จำเป็นการเลือกบริโภคข้อมูลข่าวสารจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น
อย่างยิ่ง  ข้อมูลข่าวสารที่ดีก็ทำให้ทันต่อการตัดสินใจอะไร
ได้มากมายยิ่งขึ้น  


ในอนาคต Co - Working Space จึงเป็นสถานที่เป็นเหมือน
คลังข้อมูลที่ทุกคนสามารถนำข้อมูลข่าวสารต่างๆ มาแบ่งปัน
ร่วมกันและเกิด Innovation ใหม่ๆ ขึ้น รวมถึงการสร้างสินค้า
ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆในอนาคตได้  การเตรียมความพร้อมเป็นสิ่ง
ที่จำเป็นมาก  เพราะหากเมื่อเวลานั้นมาถึง  โลกอาจจะเปลี่ยน
คุณโดยไม่รู้ตัว  โลกก็เป็นแบบนี้แหละครับ  เกิดขึ้น ตั้งอยู่
และก็ดับไป

วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2558

นิทานสอนใจ เกมหมากล้อม


มีแม่ทัพคนหนึ่งเล่นหมากล้อมเก่งมาก ไม่ค่อยมีคนเล่นชนะได้
วันหนึ่ง. แม่ทัพออกรบผ่านหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เห็นบ้านเล็ก ๆ หลังหนึ่ง มีป้ายติดว่า..
“เล่นหมากล้อมอันดับ 1 ของประเทศ” แม่ทัพไม่เชื่อจึงเข้าไปหาเจ้าของบ้านและเล่นด้วย
ปรากฎว่า.. เจ้าของบ้านแพ้ ทั้ง 3 กระดาน แม่ทัพหัวเราะ “555 แกเอาป้ายลงได้แล้ว”
แล้วแม่ทัพก็ไปออกรบด้วยความดีใจไม่นาน.. แม่ทัพรบชนะกลับมา
ผ่านมาที่เดิม ก็ยังเห็นป้ายแขวนอยู่ที่บ้านหลังเดิม
แม่ทัพจึงเข้าไปหาเจ้าของบ้าน  และท้าดวลอีก ปรากฎว่าครั้งนี้
แม่ทัพแพ้ทั้ง 3 กระดาน  แม่ทัพประหลาดใจมาก
ถามเจ้าของบ้านว่าเพราะอะไร  เจ้าของบ้านตอบว่า
“ครั้งก่อน ท่านมีภารกิจออกรบ   ข้าน้อยจะไม่ทำท่านเสียกำลังใจ
ท่านหมดขวัญกำลังใจไม่ได้   แต่ครั้งนี้ ท่านชนะกลับมา
ข้าน้อยก็ไม่ต้องออมมือแล้ว” 

คนที่เก่งจริงในโลกนี้ คือ..ชนะได้ แต่ไม่จำเป็นต้องชนะ มีใจกว้างขวาง ก็พอ
การใช้ชีวิต ก็เหมือนกัน   "รู้ ไม่จำเป็นต้องพูด ไม่พูดใช่ว่าจะไม่รู้"
ต่อหน้าคนใจแคบ คุณต้องใจกว้าง  ถ้าทำใจกว้างไม่ได้ ก็ต้องแกล้งโง่
       ผมได้อ่านบทความนี้ทำให้ผมเข้าใจอะไรในชีวิตได้ดีขึ้นมากเลยครับ  บางอย่างเรามั่นใจในตัวเองเกินไปจนทำอะไรผิดพลาดได้  การยอมรับฟังความเห็นของผู้อื่นบ้างก็ไม่เสียหายอะไร  ผมว่าคนเราต้องเรียนรู้อะไรอีกมากมายเลยครับ  ยิ่งเรารู้สึกว่าตัวเองฉลาดนั้นก็เท่ากับเราโง่  ต้องทำตัวเป็นฟองน้ำ ที่คอยดูดซับน้ำตลอดเวลา  อย่าทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว  คุณละครับ  อ่านบทความนี้แล้วคิดยังไงกับตัวเอง

กล้าที่จะแตกต่างและเป็นตัวเอง

เรียกว่าห่างหายกันไปนานมากเลยครับ  ช่วงที่ไปพักกายพักจิตใจ  ทำให้เราสามารถแยกแยะได้ว่า  อะไรที่จำเป็นและสำคัญกับชีวิตของเรากันแน่   คนบางคนผ...