จะว่ากันไปแล้ว เอาเข้าจริงสิ่งที่เปลี่ยนได้ยากที่สุดนั่นก็คือ มนุษย์นั่นเอง เราสามารถเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเราได้ หรือแม้กระทั่งตัวเราเอง (ถ้าหากเราต้องการจะเปลี่ยน) มีเหตุผลหลายอย่างที่คนเรามักจะมีความเชื่อ ความคิดเห็น และพฤติกรรม ที่หล่อหลอมให้เขาเป็นคนแบบนั้น คิดและทำแบบนั้น
โลกบางทีก็เปิดไว้สำหรับคนที่พร้อมจริงๆ โอกาสมันมีอยู่ทุกที่ขึ้นอยู่กับว่า ใครจะมองเห็นมากน้อยกว่ากัน สาเหตุที่คนส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จมากกว่าก็เพราะเห็นในสิ่งนั้น บางทีผมก็แอบแปลกใจความคิดของคนบางคน ที่เขายังติดกับดักเดิมๆ รู้ว่าโลกเปลี่ยนแปลงไปมากแล้วแต่ก็ยังไม่ยอมเปลี่ยน และยังคงดำเนินชีวิตในรุปแบบตามความเชื่อเดิมๆ จนในที่สุดก็พาตัวเองเข้าสู่วัยชราโดยที่แทบไม่ได้ทำอะไรให้กับตัวเองจริงเลย
บางคนยิ่งหนักไปกว่านั้น เอาแต่เฝ้าอิจฉาคนอื่น โทษไปหมดว่าตัวเองไม่ได้รับสิ่งดีๆบ้างละ โอกาสไม่มีบ้างละ ต้นทุนในชีวิตน้อยบ้างละ หลายเหตุผลที่เรารู้จักมันก็คือ "คำแก้ตัว" ดีๆนี่เอง ไม่มีพระเจ้าคนไหนจะประทานพรให้คนที่เอาแต่เฝ้าอ้อนวอนอยู่ตลอดเวลา โดยที่ตัวคุณไม่เคยปูพื้นฐาน หรือลงมือทำปัจจุบันเพื่อจะสร้างบันได ไปสู่อนาคตของคุณหรอก พระเจ้าจะช่วยในสิ่งที่เขามองว่า บุคคลนั้นมีความพร้อมทุกอย่างและเขาสมควรได้รับรางวัลแห่งชัยชนะนั้น
เบื้องหลังของความสำเร็จ ทุกคนย่อมรอยแผลแห่งความเจ็บปวดและเคยผิดพลาดล้มเหลวด้วยกันทั้งสิ้น บางคนใช้บทเรียนชีวิตเพื่อเป็นแรงผลักดันตัวเอง ให้มีความหวังในการก้าวข้ามสิ่งต่างๆไปได้ ทุกสิ่งทุกอย่างมี กฎเกณฑ์ของมัน แค่คุณเข้าและทำตามกฎเกณฑ์นั้น คุณก็สามารถที่จะเป็นเป็นแบบนั้นได้
คนรวย เขาก็เข้าใจในกฎบางอย่างที่ทำให้ร่ำรวย
นักลงทุน เขาก็เข้าใจกฎทองแห่งการลงทุนให้ประสบความสำเร็จ
นักธุรกิจ เขาก็เข้าใจกฎในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จและอยู่ได้อย่างยั่งยืน
บนโลกใบนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆหรอกครับ ของฟรีมักจะตามมาด้วยการจ่ายเงินที่แพงกว่าเสมอ ศึกษาและทำความเข้าใจในกฎของทุกสิ่งที่คุณต้องการจะเป็น โลกแห่งตัวหนังสือนี่แหละครับ ผมว่ามันเป็นอะไรที่ใช้ต้นทุนน้อยที่สุดแล้ว คนอ่านมากก็ย่อมรู้มาก คนอ่านน้อยก็รู้น้อยเป็นของธรรมดา "กฎแห่งการตอบแทน" มันแฝงอยู่ในทุกกฎของสิ่งที่เราต้องการจะเป็นก่อนที่คุณจะพบเจอ "กฎแห่งความโชคดี" ซะอีก เพราะฉะนั้นไปลุยกัน
โลกบางทีก็เปิดไว้สำหรับคนที่พร้อมจริงๆ โอกาสมันมีอยู่ทุกที่ขึ้นอยู่กับว่า ใครจะมองเห็นมากน้อยกว่ากัน สาเหตุที่คนส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จมากกว่าก็เพราะเห็นในสิ่งนั้น บางทีผมก็แอบแปลกใจความคิดของคนบางคน ที่เขายังติดกับดักเดิมๆ รู้ว่าโลกเปลี่ยนแปลงไปมากแล้วแต่ก็ยังไม่ยอมเปลี่ยน และยังคงดำเนินชีวิตในรุปแบบตามความเชื่อเดิมๆ จนในที่สุดก็พาตัวเองเข้าสู่วัยชราโดยที่แทบไม่ได้ทำอะไรให้กับตัวเองจริงเลย
บางคนยิ่งหนักไปกว่านั้น เอาแต่เฝ้าอิจฉาคนอื่น โทษไปหมดว่าตัวเองไม่ได้รับสิ่งดีๆบ้างละ โอกาสไม่มีบ้างละ ต้นทุนในชีวิตน้อยบ้างละ หลายเหตุผลที่เรารู้จักมันก็คือ "คำแก้ตัว" ดีๆนี่เอง ไม่มีพระเจ้าคนไหนจะประทานพรให้คนที่เอาแต่เฝ้าอ้อนวอนอยู่ตลอดเวลา โดยที่ตัวคุณไม่เคยปูพื้นฐาน หรือลงมือทำปัจจุบันเพื่อจะสร้างบันได ไปสู่อนาคตของคุณหรอก พระเจ้าจะช่วยในสิ่งที่เขามองว่า บุคคลนั้นมีความพร้อมทุกอย่างและเขาสมควรได้รับรางวัลแห่งชัยชนะนั้น
เบื้องหลังของความสำเร็จ ทุกคนย่อมรอยแผลแห่งความเจ็บปวดและเคยผิดพลาดล้มเหลวด้วยกันทั้งสิ้น บางคนใช้บทเรียนชีวิตเพื่อเป็นแรงผลักดันตัวเอง ให้มีความหวังในการก้าวข้ามสิ่งต่างๆไปได้ ทุกสิ่งทุกอย่างมี กฎเกณฑ์ของมัน แค่คุณเข้าและทำตามกฎเกณฑ์นั้น คุณก็สามารถที่จะเป็นเป็นแบบนั้นได้
คนรวย เขาก็เข้าใจในกฎบางอย่างที่ทำให้ร่ำรวย
นักลงทุน เขาก็เข้าใจกฎทองแห่งการลงทุนให้ประสบความสำเร็จ
นักธุรกิจ เขาก็เข้าใจกฎในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จและอยู่ได้อย่างยั่งยืน
บนโลกใบนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆหรอกครับ ของฟรีมักจะตามมาด้วยการจ่ายเงินที่แพงกว่าเสมอ ศึกษาและทำความเข้าใจในกฎของทุกสิ่งที่คุณต้องการจะเป็น โลกแห่งตัวหนังสือนี่แหละครับ ผมว่ามันเป็นอะไรที่ใช้ต้นทุนน้อยที่สุดแล้ว คนอ่านมากก็ย่อมรู้มาก คนอ่านน้อยก็รู้น้อยเป็นของธรรมดา "กฎแห่งการตอบแทน" มันแฝงอยู่ในทุกกฎของสิ่งที่เราต้องการจะเป็นก่อนที่คุณจะพบเจอ "กฎแห่งความโชคดี" ซะอีก เพราะฉะนั้นไปลุยกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น