คำสอนนี้เป็นคำสอนของพระราชาในรัชกาลที่ 9 ของประเทศของฉัน ฉันมีความรู้สึกภาคภูมิใจในตัวท่านเป็นอย่างยิ่ง ช่วงใดที่เรารู้สึกท้อแท้ เจอปัญหาหรือมรสุมเข้ามาในชีวิต ก็เหมือนมีท่านที่คอยเป็นดวงตาที่ส่องประกายให้กับคนไทยทุกคน
เหตุผลที่ผมหยิบยกเรื่องราวนี้ขึ้นมาพูดในตอนนี้ ก็เนื่องมาจากสถานการณ์ในปัจจุบันที่ผู้คนต่างก็หวาดกลัวกับโรคร้าย ที่ตอนนี้แพร่ระบาดไปทั่วโลก และสร้างความเสียหายทั้งต่อผู้คน และระบบเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ในแต่ละประเทศก็มีวิธีการแก้ไข และจัดการกับปัญหาที่แตกต่างกันออกไป
หน้าที่นี้ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง ทุกคนต้องร่วมมือกันแก้ไข ปัญหาจึงจะสามารถคลี่คลายลงไปได้ ถ้าจะมาพูดถึงว่าหน้าที่ของคนดี หรือพลเมืองที่ดีต้องทำอย่างไร ผมมองอย่างนี้
1 ในสถานการณ์แบบนี้ต้องไม่เสพข่าวร้าย และไม่สร้างความแตกแยกให้กับผู้คนในสังคม
2 มีสติให้มาก ๆ ถ้าคุณมั่นใจว่าคุณเป็นคนดีคุณต้องทำแต่ความดี และความดีจะส่งต่อผู้คนเอง
3 ต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเอง อย่าไปทำให้จิตตกจนเกินไปจนกลายเป็นคนวิกลจริตได้
4 ในช่วงที่คับขันอะไรที่เราช่วยเหลือผู้อื่นได้ก็ควรช่วย อย่าเป็นคนเห็นแก่ได้
5 ฟังและติดตามข่าวสารอย่างมีสติ และใช้ชีวิตให้เรียบง่าย ทำตัวเองให้เป็นคนง่าย ๆ และธรรมดาที่สุด
มันอาจมีบ้างแหระครับบางทีเราอาจไม่ถูกใจคนนั้น คนนี่ ที่เขามีความเห็นต่างไปจากเรา แต่มนุษย์ก็มีสิทธิ์ที่จะคิดเห็นแตกต่างจากเราได้ สิ่งที่จะทำให้เราไม่เกิดความแตกแยก นั่นก็คือการให้ความรัก และความปรารถนาดีต่อเขา คนเราพอเรารู้จักรัก เราก็จะทิ้งตัวตนบางอย่างของเรา และมองข้ามข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคน ๆ นั้นไป ชีวิตมันสั้นนัก ผมไม่อยากให้ตัวคุณเป็นคนเจ้าคิด เจ้าแค้นอยากที่จะเอาตัวเองเป็นใหญ่ และเป็นผู้ชนะแต่เพียงฝ่ายเดียว
การแพ้ชนะสำหรับผมมองว่า มันอยู่ที่ความพอใจของเรามากกว่า ถ้าเราชนะใจตัวเองได้ก็ถือว่าเราชนะทุกอย่างได้แล้ว คนบางคนไปตั้งความหวังเอาไว้ที่ว่าตัวเองต้องเก่ง ต้องชนะไปทุกอย่าง แต่แล้วที่สุดแล้วก็ต้องพัง เหตุผลก็เพราะว่า พวกเขากลัวว่าตัวเองไม่เก่ง จะไม่ชนะก็เลยยอมทำเรื่องที่ไม่ควรทำ ทำผิดศีล ผิดกฎหมาย ผิดกติกาต่าง ๆ จนหลงลืมความตั้งใจแรกของเรา มนุษย์เราสิ่งที่สำคัญก็คือการทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด และมั่นใจ เชื่อมั่น ในสิ่งที่เราทำ ไม่ได้วันนี้ก็พยายามให้มากขึ้น พยายามให้มากกว่าคนอื่น แล้วความสำเร็จจะเป็นของเราเอง
คนที่เเพ้ไม่เป็นก็ยากที่จะประสบความสำเร็จที่ยั้งยืนได้ เพราะคุณไม่มีบาดแผล คุณไม่มีภูมิคุ้มกันในตัวเองที่ดี ความทะเยอทะยานเป็นเรื่องที่ดีนะครับ แต่ความทะเยอยานมันก็ยังแบบออกได้ 2 ประเภท ได้แก่
1.ทะเยอทะยาน เพราะต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต ร่ำรวย และมั่นคงในชีวิต
2.ทะเยอทะยาน เพราะความรักในสิ่งที่ทำ รัักในงาน โดยที่ไม่ต้องไปวิ่งหาความสุขจากที่ไหนอีก
เพราะฉะนั้นตัดสินใจและบอกตัวเองให้ดี มันไม่ผิดหรือถูก มันขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเลือกเส้นทางไหน บางทีเราอาจจะไม่ได้ในทุกอย่างในเวลาเดียวกัน แต่ขอให้เป็นทางที่คุณแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์มันจะออกมาอย่างไร คุณได้ตัดสินใจมันไปแล้ว และจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง วันนี้ก็ขอฝากไว้เท่านี้นะครับ ขอให้คุณอยู่บ้านรักษาดูเองให้ดี แล้วเราจะปลอดภัย.....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น