วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

9 เทคนิคเก่งภาษาอังกฤษให้คล่องและเร็ว

               
                           

                ผมได้อ่านข้อความนี้จากเฟสบุ๊คของคุณ บัณฑิต อึ้งรังษี  เกี่ยวกับ 9 เทคนิคเก่งภาษา (ทุกภาษา) ได้ง่ายๆ แค่ปรับ Mindset หรือเรียกสั้นๆได้ว่า  "หลักคิด" ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สำหรับการเรียนภาษาแต่กลับเป็นสิ่งที่หลายคนที่เรียนภาษาอยู่มองข้ามกันมากที่สุดหลักคิดสำคัญในการเรียนภาษาอังกฤษ คือ "เราคือผู้ลิขิตชะตาของตัวเอง"  ไม่มีใคร หรืออะไรช่วยให้เราเก่งภาษาได้นอกจากตัวเราเองเท่านั้น  ต่อไปนี้ คือ ไอเดียสำคัญในการปรับ Mindset จากหนังสือ "เก่งภาษา 50 ล้าน" มีดังนี้

          1.อยากเก่งภาษาต้องมีแรงจูงใจ Motivation fuels the engine ตอบตัวเองให้ได้ว่า เรียนภาษาไปทำไมเมื่อมีเหตุผลลที่จูงใจมากพอ คุณก็จะมีพลังในการเรียนภาษาที่ทวีคูณ
  
(ประสบการณ์ส่วนตัว)    สำหรับผมแล้ว ข้อนี้เป็นข้อที่สำคัญที่สุดแต่ก่อน ผมแทบพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยจนพัฒนาตัวเองได้ จากแรงจูงใจที่สร้างให้กับตัวเอง  บอกตัวเองว่า คุยกับฝรั่งได้ มันเท่ห์ดี เราเองก็ทำได้หนี เอาวะ สู้โว้ย จงอย่าดูถูกพลังขับเคลื่อนจากภายในเด็ดขาดเพราะพลังมันทวีคูณกว่าที่คิดไว้มาก
            2.ภาษาไม่ยาก และคุณเองก็เก่งได้  Believe in yourself  เลิกบอกตัวเองว่า "ฉันไม่เก่งภาษา" สู้คนอื่นไม่ได้หรอก แล้วให้พลังความเชื่อในตัวเองว่า "ฉันเก่งภาษาได้และเก่งได้กว่าคนอื่นด้วย"

(ประสบการณ์สวนตัว)  ผมเองมักบอกตัวเองเสมอในทุกเรื่องว่า  ความเชื่อคือจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ เราไม่มีวันสำเร็จในสิ่งที่เราไม่เชื่อได้อย่างแน่นอน  วันที่ผมเริ่มลุยฝึกภาษาอังกฤษอย่างจริงจัง ประโยคที่ผมใช้ปลุกความเชื่อตัวเองคือ... "You can and you will" (No excuss!)  

           3.ตั้งเป้าให้สูงเข้าไว้ -Aim high- ก่อนเรียนภาษา เราควรตั้งเป้าให้ตัวเองว่า "เราจะเก่งภาษาให้ได้แค่ไหน" ตั้งเป้าหมายที่ท้าทาย ไม่เวอร์ไป และรู้ว่าทำได้เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเอง ถึงเราจะไปไม่ถึงเป้า 100 เปอร์เซนต์ แต่ผลที่ได้คือ "เราเดินหน้าไปสู้ร้อยทุกวัน"

(ประสบการณ์ส่วนตัว) เป้าหมายอันหนึ่งที่ผมเคยตั้งไว้ก่อนเรียนภาษาอังกฤษ คือ "การอ่านหนังสือภาษาอังกฤษโดยไม่ต้องเปิดดิก" หลังจากที่ผมตั้งเป้านี้ขึ้นมา  ผมก็ลุยอ่านบทความและหนังสือแนวที่ชอบอ่านในภาษาอังกฤษ โดยพยายามไม่เปิดดิก และใช้บริบทอย่างเดียวเท่านั้น เพราะผมรู้ว่า ไม่มีทางหรอกที่ผมจะรู้ศัพท์ทุกคำได้ในเวลาสั้นผมจึงเลือกสร้างทักษะการเดาความจากคำแวดล้อมเรื่อยๆ จนวันนี้ ผมสามารถอ่านหนังสือภาษาอังกฤษได้ โดยไม่ต้องเปิดดิกแล้ว  ไม่ใช่เพราะรู้ศัพท์ทุกคำ แต่เป็นเพราะ "ผมฝึกเดาจนชิน"และนี่เอง คือ เหตุผลที่ทุกคนควรมีเป้าหมายก่อนเรียนภาษา

          4.หา Idol เก่งภาษา Find Role Models การมี idol ที่ชื่นชมด้านความเก่งภาษาจะช่วยเราผลักดันตัวเองให้เก่งเหมือน idol เราได้ แค่นึกภาพตัวเองพูดได้คล่องเหมือนกับ idol ของเราบ่อยๆ แค่นี้ก็ช่วยให้ความรู้สึกดีกับเรา และเป็นแรงผลักให้เราเก่งภาษาได้อย่างมหาศาลแล้ว

Tips: ลองหา idol ที่เป็นคนไทย สำเนียงภาษาอังกฤษดีเหมือนเจ้าของภาษาแต่ไม่เคยไปเรียนต่อ หรือ อยู่ต่างประเทศเลย อาศัยแค่การฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองเท่านั้นดูสิครับ.. รับรองว่าจะมีกำลังใจให้ตัวเองเยอะขึ้นทันทีและไม่ต้องมีข้ออ้างอีกด้วยว่า "เก่งภาษาอังกฤษไม่ได้สักที เพราะไม่ได้ไปนอก"

            5.ภาษาต้องสนุก Learning should be fun การเรียนภาษาต้องสนุก ไม่เครียด และไม่น่าเบื่อ ยิ่งสนุก>> ยิ่งอยากเรียน>>ยิ่งเก่งขึ้น>>ยิ่งจำ>>ยิ่งหมดสนุก>>ยิ่งลืมง่าย

(ประสบการณ์ส่วนตัว) ผมเองเคยเป็น "นักทอง" มาตอนสมัยเรียนและพบว่าที่ท่องมา ลืมเกือบหมดหลังสอบและหลังเรียนนจบ แถมเอาสิ่งที่จำนั้น ใช้มาช่วยสื่อสารในชีวิตจริงได้ไม่ถึงครึ่งผมเลยตัดสินใจ "เลิกท่อง" แล้วหันมา "คลุกคลี" กับภาษาอังกฤษผ่านสื่อต่างๆที่ตัวเองชอบและสนุก "ทุกวัน" ผมพบว่าเป็นวิธีที่ดีและเร็วที่สุดแถมไม่ฝืนธรรมชาติและไม่รู้สึกเหมือนกำลังเรียนภาษา แต่ "สนุกกับภาษา" ซะมากกว่า 

             6.ซ่อม ซ่อม และก็ซ่อม The more you practice the easier it gets การฝึกฝนบ่อยๆ คือหัวใจของการเก่งภาษา ไม่ใช่ "ผู้ที่มีความจำเป็นเลิศ" แต่คือ "ผู้ที่มีชั่วโมงบินสูง" 

(คำแนะนำส่วนตัวเเบบง่ายๆ)  
อยากฟังให้ออก...ฟังให้เยอะ
อยากพูดให้คล่อง...พูดให้เยอะ
อยากเขียนให้ดี...เขียนให้เยอะ
อยากอ่านให้รู้เรื่อง...อ่านให้เยอะ

            7.ปูพื้นฐานภาษาด้วยการฟังและอ่าน  Input equals Output  เริ่มปูพื้นฐานภาษาด้วยการฟังและอ่านให้เยอะก่อนแล้วทักษะการพูดและเขียนจะพัฒนาได้ง่ายขึ้น

(ประสบการณ์ส่วนตัว) ผมเองแต่ก่อนเคยมีปัญหาด้านการเขียนแกรมม่ามาจนหลังจากที่เริ่มอ่านหนังสือและบทความภาษาอังกฤษเยอะๆ ทักษะการเขียน และพื้นฐานแกรมม่าก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ไปโดยอัตโนมัติและนี่เองคือ เคล็ดลับอีกอย่างของการเก่งแกรมม่าให้เร็ว "อ่านให้เยอะ+เขียนให้เยอะ"

             8.ผิดได้ ไม่เป็นไร  Mistakes are inevitable เป้าหมายของการเรียนภาษา คือ "การสื่อสารให้เข้าใจ"  อย่างมองภาษา เป็นเหมือนข้อสอบที่มี "ถูกและผิด" จนทำให้กลัวและ "อายที่จะผิด"

(ประสบการณ์ส่วนตัว) สมัยก่อน ตอนผมฝึกพูดภาษาอังกฤษใหม่ๆ จะเกิดอาการ "เกร็ง" พูดออกมาเป็นภาษาเขียนเพราะมัวแต่ "กลัวผิด" และนึกแต่ประโยคที่เคยเรียนมา ซึ่งไม่เป็นธรรมชาติเอาซะเลยจนวันหนึ่ง ก็พบกับความจริงที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ว่า "พูดไปเถอะ พูดแบบไม่ต้องคิดมากด้วยนะ ผิดได้ผิดไป แค่เขารู้เรื่อง เกราก็โครตเก่งแล้ว"

             9.การเรียนภาษา ไม่มีวันสิ้นสุด Learning language is a journey of a lifetime การเรียนภาษา ไม่มีเส้นชัย แต่คือการเดินทางไปเรื่อยๆ เจอสิ่งใหม่ๆให้พัฒนาและเรียนรู้ไปแบบไม่มีที่ส้ินสุด จงอย่าหยุดเรียนรู้และอย่าหยุดฝึกฝน

(ประสบการณ์ส่วนตัว) หลังจากที่ภาษาเราพัฒนาได้ดีระดับหนึ่งแล้วภาษาเราจะไม่ดิ่งลงเหวไป เวลาที่ห่างหายไปไม่ได้ใช้ภาษาเป็นเวลานาน แต่ "ภาษาเราจะถดถอยลง" และจำเป็นจะต้องฟื้นฟูใช้เวลาปัดฝุ่นใหม่ เทคนิครักษาภาษาไม่ให้ถดถอยคือ "ลับคมภาษา" บ่อยๆ ง่ายๆ ด้วยการคลุกคลีกับสื่อภาษาที่เรียนเรื่อยๆเมื่อมีโอกาส  แค่นี้ ภาษาก็จะไม่ห่างไกลจากเรา จนต้องใช้คำว่า "รื้อฟี้น" แล้ว

             นี่เเหละครับเป็นเคล็ดลับดีๆที่ผมนำมาฝาก อ่านแล้วผมมีเเรงบันดาลใจเลยว่า ผมจะต้องเป็นคนที่เก่งภาษาเอามากๆ ไม่ว่าภาษาไหนผมผ่านหมด เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ




ไม่มีความคิดเห็น:

กล้าที่จะแตกต่างและเป็นตัวเอง

เรียกว่าห่างหายกันไปนานมากเลยครับ  ช่วงที่ไปพักกายพักจิตใจ  ทำให้เราสามารถแยกแยะได้ว่า  อะไรที่จำเป็นและสำคัญกับชีวิตของเรากันแน่   คนบางคนผ...