มีกลอนของสุนทรภู่บทหนึ่ง ที่ผมชอบและบทกลอนนี้ ก็สามารถใช้ได้ทุกยุคทุกสมัยจริง ๆ ครับ
"แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน
มนุษย์นี้ที่รักอยู่สองสถาน บิดามารดารักมักเป็นผล
ที่พึ่งหนึ่งพึ่งได้แต่กายตน เกิดเป็นคนคิดเห็นจึงเจรจาฯ"
ยิ่งมาถึงยุคสมัยปัจจุบันของเรา มนุษย์นี้เริ่มจะใส่หน้ากากให้กับตัวเอง ในภาพลักษณ์ต่าง ๆ ที่เราจะพบเห็นได้ทั่วไป บ้างก็มาในคราบของผู้ดีมีเงิน บ้างก็มาในคราบของคนมีการศึกษา บ้างก็มาในคราบของผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญต่างๆ
ผมมีอะไรอยากจะขอพูดนิดหนึ่งนะครับว่า ผู้คนยุคใหม่นี้ชอบคิดว่าตัวเองรู้ทุกอย่าง แต่ก็กลับหลงลืมไปว่า ใครเป็นคนสอนพวกเขาให้รู้กันแน่ (ช่างน่าคิดนะครับ มนุษย์ไม่ได้เกิดมาแล้วก็รู้เอง) ผมขอพูดถึงเหตุการณ์ในปัจจุบันสัก 2 - 3 เหตุการณ์นะครับ
ในคราบของผู้รู้ ก็จะสร้างกลุ่มขึ้นมา เพื่อถกประเด็นหารือในหัวข้อต่าง ๆ ที่กำลังอยู่ในความสนใจของบุคคลหรือกลุ่มนั้น จากนั้นก็ใช้วิธีทางการตลาด เพื่อขายสินค้าและบริการ เช่น คอร์สสัมนาต่าง ๆเป็นต้น
ในคราบทำงานเป็นทีม ผู้หญิงไทยหลายท่านอยากมีแฟนเป็นชาวต่างชาติ ก็พยายามหาลู่ทางต่าง ๆ ทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเอง ได้พบรักกับชาวต่างชาติ โดยหวังว่าจะได้รวย และสบาย แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่ทุกคนจะไปได้สวยแบบนั้น และยังมีกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ทำงานเป็นทีม เพื่อหลอกว่าจะมาหาเราให้โอนเงินไปหาบ้าง มาถึงสนามบินติดอยู่ ตม.(เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองบ้าง) ให้เราจ่ายค่าภาษีสินค้าออกให้ สารพัดกลโกง (ขอที่อยู่เราเพื่อส่งของมาให้ระวังให้ดีนะครับ)
ในคราบของนายหน้าจัดหางานต่างประเทศ อันนี้ไม่ต้องให้พูดมาก หลายต่อหลายคนโดนหลอกมาก็เยอะแล้ว แนะนำครับว่าไปแบบถูกต้องกับกรมแรงงานจะดีที่สุดครับ อยู่ที่ไหนก็รวยได้ถ้าคุณมีวินัยทางการเงิน
บางครั้งนะครับ การพยายามพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นว่าคุณเก่ง คุณมีความสามารถมากแค่ไหน กับบางเรื่องกับบางสิ่งที่มันไม่คู่ควร มันก็ไม่ต่างอะไรกับการดูถูกตัวเองนะครับ ขอให้จำไว้นะครับ โลกนี้มีอะไรมากมายที่เราต้องมีสติให้ดีครับ
หลักที่ใช้ได้ดีในยุคนี้ก็คือ หลักกาลามสูตร 10 ประการ ขอบคุณพระพุทธเจ้าจริงๆ ธรรมมะของท่านยังใหม่เสมอครับ
- อย่าเพิ่งเชื่อโดยฟังตามกันมา
- อย่าเพิ่งเชื่อโดยถือว่าเป็นของเก่าเล่าสืบๆ กันมา
- อย่าเพิ่งเชื่อเพราะข่าวเล่าลือ
- อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างคัมภีร์หรือตำรา
- อย่าเพิ่งเชื่อโดยคิดเดาเอาเอง
- อย่าเพิ่งเชื่อโดยคิดคาดคะเนอนุมานเอา
- อย่าเพิ่งเชื่อโดยตรึกเอาตามอาการที่ปรากฏ
- อย่าเพิ่งเชื่อเพราะเห็นว่าต้องกับความเห็นของตน
- อย่าเพิ่งเชื่อว่าผู้พูดควรเชื่อได้
- อย่าเพิ่งเชื่อว่าผู้พูดนั้นเป็นครูของเรา
ก็อย่างว่านะครับ โลกก็จะมีคนอยู่ 2 ประเภทแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ตราบใดที่ยังมีโลกใบนี้อยู่ แต่วิธีการอาจเปลี่ยนไปตามยุค ตามสมัยให้ทันกับกลวิธีใหม่ เพื่อหลอกล่อผู้คนให้ไปหลงติดกับดักเหล่านี้ เพราะฉะนั้นการจะใช้ชีวิตในทุกขณะ จงมีสติตื่นรู้อยู่เสมอนะครับ จะได้ไม่โดนหลอกกันง่าย ๆ อย่าโลภจนเกินไป บางทีความโลภอาจทำให้เราเสียทุกอย่างที่มีตรงหน้าทั้งหมดก็ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น