ชีวิตเราทุกคนต่างก็มีบทบาทหน้าที่ที่ต้องทำกัน ตั้งแต่เกิดไปจนตาย
หากเรามองกันดีๆทุกชนชาติ ศาสนาล้วนแล้วแต่ต้องทำบทบาทหน้า
ที่ของตัวเองให้มันดีที่สุด ต่างกันตรงที่ผู้กำกับบทละครชีวิตก็คือ กรรม
ทุกอย่างล้วนมีปัจจัยเกื้อหนุนกันทั้งนั้น หากจะมองกันให้ดีเมื่อก่อนที่โลก
ยังไม่เข้าสู่ยุคทุนนิยมที่เงินทองเข้ามามีอำนาจเหนือทุกสิ่งอย่างจนบางครั้ง
ถึงกับต้องฆ่าล้างทำร้ายให้ถึงแก่ชีวิต
เมื่อม้องย้อนกับไปในวิถีชีวิตและสังคมในอดีตทุกคนต่างทำมาเลี้ยงชีวิต
เพื่อความอยู่รอดและผาสุข สันติภาพที่แท้จริงจึงเกิดขึ้นเมื่อโลกเปลี่ยนทุกคน
ล้วนแสวงหาผลประโยชน์เพื่อตัวเองจนเราลืมอะไรบางอย่างไป นั่นก็คือ
คุณก็ต้องจากโลกนี้ไปอยู่ดี ไม่มีอะไรเป็นแก่นแท้
ทุกสรรพสิ่งมนุษย์เป็นทั้งผู้สร้างและผู้ทำลาย แต่ในท้ายที่สุดธรรมชาติมักจะ
สร้างสมดุลให้กับสรรพสิ่งเสมอ เราไม่สามารถลบล้างกฎธรรมชาติไปได้
การทำตัวเหนือโลก หรือแบกโลกไว้ย่อมไม่มีอะไรดีหรอกครับ ปล่อยให้หัวใจ
คุณกลับสู่บ้านที่แท้จริง บ้านที่เราเคยจากมาคืนสู่ธรรมชาติของจิตที่มีแต่ความ
ว่างเปล่า เมื่อความต้องการของเราน้อยลงเราก็จะเห็นอะไรมากขึ้น หรือที่เรียกว่า
การเห็นถูกหรือเห็นตามความเป็นจริงอย่างที่มันควรจะเป็น
ไม่มีเงื่อนไขของสิ่งใดทั้งนั้นที่จะทำให้มนุษย์อยากเราจะพบกับความสุขที่แท้จริง
การคาดหวัง ความรัก ความต้องการล้วนสร้างทุกข์ทั้งนั้น การมองชีวิตอย่างที่มัน
ควรจะเป็นเลือกทางเดินในแบบที่เหมาะกับตัวเรา และความปรารถนาของใจเรา
เมื่อทุกอย่างลงตัวแล้ว ความสุขย่อมเกิดขึ้นกับเราได้เอง การสร้างสรรสังคมให้
น่าอยู่การรู้จักเสียสละและให้กับผู้คน ให้ความรัก ความสุข รอยยิ้มหรืออะไรก็แล้ว
แต่ผู้ให้ย่อมได้รับในสิ่งนั้นกลับมาอย่างแน่นอน