ขอบคุณพลังจิตใต้สำนึก

ถึงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงแล้ว  โลกที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีมากมายที่หลายครั้งทำให้เราสับสนไปไม่ถูกกับชีวิตเหมือนกัน  การใช้ชีวิตอย่างมีสติเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญอย่างยิ่ง  เมื่อคนเราเจอทางแยกอะไรบางอย่างในชีวิตให้ลองถามตัวเองว่า  ทางที่ให้เดินมันคือ Passion ของเราจริงๆหรือเปล่า  หากไม่ใช่ก็อย่าไปเสียเวลากับมันเลย  คุณรู้ไหมว่าเวลาที่คนเราเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ สุดท้ายเราจะวนกลับมาที่เก่า  เรื่องแปลกแต่จริง  ตอนนี้ผมดีใจมากที่ผมมีเป้าหมายเป็นของตัวเองแล้วเหลือแต่การหาลู่ทางลงมือทำ เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ  ต้องขอบคุณเวลา ขอบคุณแรงใจจากพ่อแม่  ขอบคุณหลายๆสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต  ขอบคุณโอกาส ขอบคุณพลังจิตใต้สำนึก
เพื่อนๆ คนไหนที่ต้องการทำอะไรเพื่อเป็นความภาคภูมิใจในชีวิตของเรา  ก็ขอได้อย่าท้อแท้ใจนะครับ  มีอาจารย์ผมท่านหนึ่งพูดว่า  "ฮีโร่ ไม่ใช่คนที่เก่งที่สุด แต่ฮีโรคือ คนที่ไม่ว่าจะเจอเรื่องล้มเหลวกี่ครั้งเขาก็ยังสู้ต่อ"  ขอให้คุณเป็นฮีโร่ทุกคนนะครับ

ผู้ชนะที่แท้จริง

บางครั้งผมมั่วแต่นึกกังวลอะไรมากเกินไปจนทำให้การตัดสินใจลำบาก  ความคาดหวังอะไรกับชีวิตที่มากเกินไป  หรือไม่กำหนดเป้าหมายให้แน่ชัดว่าจะเอายังไงกับชีวิตกันแน่  อาจทำให้เดินหลงทางได้  ตอนนี้ผมต้องตั้งธงตัวเองให้แน่ชัดแล้วครับว่าผมต้องทำอะไรที่ชัดเจน  เลิกสนใจความกลัวไปเลยเพราะอะไรที่เรากลัวเรายิ่งต้องลงมือทำมัน

ยิ่งเราเติบโตขึ้น  ได้เรียนรู้โลกมากขึ้น  ก็ยิ่งทำให้เราเข้าใจอะไรมากขึ้น  แท้จริงแล้วสิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามามันก็แค่  บทเรียนชีวิตเท่านั้นเอง  สิ่งที่กำหนดตัวตนของเราคือ  "ทุกอย่างรอบตัวเราที่เราทำ พูด คิด" สิ่งเหล่านี้คือ ที่จะหล่อหลอมตัวเรา  ผมเชื่อว่ามนุษย์เราเป็นอะไรก็ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ  และสามารถเลือกชีวิต เลือกทางเดินของตัวเองได้  โลกหมุนเร็วมาก  การเข้าใจ  การยอมรับในสิ่งที่เราเป็นจริงๆ  และการพัฒนาตัวเราให้ดียิ่งๆ พัฒนาตัวเองไปอย่างไม่หยุดยั้งเหล่านี้เป็นพื้นฐานที่สำคัญที่จะขับเคลื่อนตัวเราไปสู่จุดที่ดีที่สุดเสมอ  ขอเพียงอย่าได้ท้อ

"ผู้ชนะ  ไม่จำเป็นต้องเป็นคนเก่งเสมอไป แต่คือ คนที่ล้มแล้วลุกขึ้นมาสู้ใหม่ต่างหาก"

การตั้งคำถามกับตัวเอง

บางครั้งผมก็นึกเฝ้าถามตัวเองตลอดเวลาว่า  อะไรกันนะที่นำพาเรามายังจุดนี้  หลายครั้งมักจะมีคำถามอยู่ในใจผมเสมอ  มีบางครั้งที่คนเรามักจะสับสนกับบางเรื่อง  หรือมักไม่แน่ใจในบางสิ่งบางอย่าง  ฉันกำลังทำอะไรอยู่แล้วอะไรบงการเราอยู่เบื้องหลังสิ่งที่สำคัญที่สุด อยู่ตรงไหน  การเฝ้านึกหาคำตอบอยู่ในใจตลอดเวลาทำให้ผมรู้ดีว่าชีวิตต้องการอะไร  จริงๆแล้วชีวิตคนเราก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการดำรงชีวิตเพื่อความสุข  การพยายามทำอะไรตามสังคมหรือตามกระแสมากเกินไปก็ทำให้เราหลงทางได้เหมือนกัน  บางครั้งผมนั่งย้อนนึกกลับเข้าไปในตัวเอง  ผมมักจะตั้งคำถามว่า  ผมเป็นใคร  และผมต้องการอะไรกันแน่กับการใช้ชีวิตนี้

ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าความสุขของผมคือ  การมีชีวิตที่อิสระ  ได้มีเวลาอยู่กับครอบครัว  ผมชอบการผจญภัย การท่องเที่ยว  การเรียนรู้ศึกษาวัฒนธรรมของท้องถิ่นต่างๆ  และชอบงานออกแบบ  ความฝันสูงสุดของผมก็คือ  "การเป็นเจ้าของรีสอร์ท"  สไตส์ที่ผมต้องการที่ไม่ซ้ำใครและไม่มีใครเหมือนด้วยการออกแบบของผมเอง  ผมอยากเห็นครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า กินข้าวด้วยกัน  และท่องเที่ยวร่วมกันแค่นี้ผมก็มีความสุขมากแล้ว  ไม่ว่าทางเดินจากนี้จะเป็นยังไงผมก็จะทำเป้าหมายของผมเป็นจริงให้ได้  เพราะชีวิตผมเดิมพันมันสูงครับ  

นิทานของพระเจ้า

เมื่อวานผมได้ฟังสัมภาษณ์ของอาจารย์  ดำรง พิณคุณ  เป็นบทสัมภาษณ์น่าจะหลายปีมาแล้วครับ  แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมประทับใจมาก เมื่อโอปอล์ถามว่า  อะไรบ้างที่ไม่ต้องใช้เงินซื้อ  อาจารย์แกก็เล่าเรื่องนิทานของพระเจ้าเรื่องหนึ่ง ให้ฟัง  เรื่องมีอยู่ว่า

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วพระเจ้าได้สร้างลูกกลมๆสีแดงขึ้นมา  เมื่อใครได้ครอบครองสิ่งนี้ก็จะทำให้คนที่ได้ครอบครองมีความสุข  ทั้งนี้พระเจ้าจึงได้หาที่ซ่อนลูกกลมๆนี้  สถานที่แรกพระเจ้าได้นำเอาลูกบอลไปซ่อนไว้ที่  "ทะเล" แต่ในที่สุดมนุษย์ก็หาจนเจอ  พระเจ้าจึงตัดสินใจหาที่ซ่อนใหม่ทีนี้กะว่าจะให้คนหาไม่เจอ  ก็ได้นำไปซ่อนที่ "ภูเขา" ปรากฎว่าก็ยังมีคนหาเจออีก  จนในสุดพระเจ้าก็ตัดสินว่าจะหาที่ซ่อนที่มนุษย์หายังไงก็หาไม่เจอ  ที่ซ่อนนั้นก็คือ "ใจของเราเอง"  อาจฟังเป็นนิทานหลอกเด็กแต่มันก็แฝงไปด้วยแง่คิดมากมายครับ  ตราบใดที่ใจเราไม่สงบ  ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรให้สำเร็จผลได้เป็นอย่างดีหรอกครับ  ความสุขอยู่รอบๆตัวเราเริ่มจากการที่เราเปิดใจของตัวเองก่อน  แล้วจักรวาลก็จะจัดสรรสิ่งดีๆให้กับเรา  จงเชื่อมั่นครับว่า  เราคือคนที่ยอดเยี่ยม  เราสามารถเป็นอะไรก็ได้ที่เราอยากจะเป็น  เราสามารถประสบความสำเร็จมากแค่ไหนก็ได้ตามที่ใจเราปรารถนา  ทำความสุขให้เกิดขึ้นกับใจเราก่อนครับ ความสุขภายใน มาก่อนความสุขภายนอก  สวัสดีครับ

Passion

            เมื่อวานผมไปอบรมการตลาด  รู้สึกว่ายุคนี้เป็นยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วมาก  มีหลายคนเลยครับที่พูดเกี่ยวกับ Passion  ผมก็แปลกใจมากเลยว่ามันเป็นศัพท์ใหม่ของยุคหรือเปล่า  แต่สิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่สำคัญอะไรหรอกครับ  ผมมีโอกาสได้คุยกับรุ่นพี่เข้าร่วมอบรบหลายคนรู้สึกขอบคุณมากๆครับที่ได้เข้าร่วมการอบรมในครั้งนี้  มีพี่คนหนึ่งที่พูดให้แง่คิดผมได้ดีมาก  ผมถามแกว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้เราประสบความสำเร็จได้ตามความต้องการ  พี่แกก็ให้คำแนะนำได้ดีมากครับแกพูดว่า  ก่อนที่เราจะทำอะไรเราต้องรู้จักตัวเองก่อน  Who am I ? เมื่อคนเรารู้จักตัวเองแล้ว ก็เริ่มตั้งเป้าหมายในชีวิตไว้ โดยโฟกัสไปในสิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่สิ่งที่สำคัญ คือ
     1.การศึกษาเล่าเรียนคือพื้นฐานไปสู่สิ่งที่เราต้องการได้ไม่ว่าจะการศึกษาในระบบหรือนอกระบบ        
     2.ความมุ่งมั่นและหมกมุ่นที่จะทำสิ่งนั้นให้ประสบความสำเร็จ
     3.การพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง
     4.ความสม่ำเสมอและการเตรียมความพร้อมอยู่ตลอดเวลา
เหล่านี้เป็นปัจจัยเบื้องต้น   ที่คนเราควรที่จะมีครับ  ผมไม่รู้ว่าปลายทางจะเป็นยังไง แต่ทั้งนี้ผมก็ให้สัญญากับตัวเองข้อหนึ่งแล้วว่า "ผมต้องการเป็นผู้ประกอบ มีความสุขกับชีวิต ครอบครัว ได้ท่องเที่ยวต่างประเทศ ได้เรียนรู้ภาษาวัฒนธรรมต่างๆ ประสบความสำเร็จทั้งการงานและการเงิน"  ใครที่มีความฝันอะไรก็ขออย่าได้ท้อนะครับ  เดินหน้าต่อไป

การไม่คาดหวังดีที่สุด

ช่วงหลังๆมานี้ หลังจากที่ได้เรียนรู้ชีวิตเยอะขึ้น  ได้เห็นอะไรต่างๆ มากมายทำให้ผมทราบดีแล้วว่า
                                                        
                                                           "การเดินสายกลาง" 

ตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนานั้นแหละดีที่สุดครับ  หลายครั้งที่คนเราคาดหวังกับบางเรื่องมากไปจนเราทุกข์ใจกินไม่ได้นอนไม่หลับ  ชีวิต สุขภาพเราก็แย่ตามไปด้วย  พอโตขึ้นการรู้จักใช้ชีวิต การเรียนรู้โลกมากขึ้นก็ทำให้เรามองเห็นอะไรมากขึ้น  ที่จริงแล้วการใช้ชีวิตในแต่ละวัน และทำมันให้ที่สุดโดยไม่ต้องไปคาดหวังกับผลลัพธ์นั้นแหละครับจะดีที่สุด  หรือทำไปถึงแม้จะได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการหรือไม่อย่าได้ท้อใจไป  มีคนเคยบอกว่า  ชีวิตก็คือการเดินทางไปบนถนนเส้นหนึ่ง  อาจมีล้มลุกคลุกคลานบ้างแต่ปลายทางแล้ว    หากบุคคลซึ่งไม่ย้อท้อต่อความยากลำบากย่อมไปถึงจุดหมายได้อย่างแน่นอน  ยังไงก็แล้วแต่นะครับ  เมื่อคุณมีหวังก็อย่าหมดหวังอย่าให้ใครมาทำลาย  ความหวัง ความฝัน ของคุณตัวคุณเท่านั้น คือ ผู้กำหนดชีวิต  ไม่ใช่คนอื่น  เลือกอยู่ใกล้คนที่มีพลังในตัวเองตลอดเวลาอย่าเอาตัวเองไปใกล้คนที่ทำให้เราหมดไฟ  สุขสันต์วันศุกร์ครับ

แล้วอะไรละคือการให้

ยุคนี้เป็นยุคของการให้จริงๆ ครับผมว่า  ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มีแต่

คนให้  หลายคนที่ผมรู้จักก็มักจะบอกว่าเพราะตัวเองรู้จักให้จึง

ประสบความสำเร็จได้ถึงทุกวันนี้  คำถามนี้มันก็ไม่มีอะไรแปลก

ใหม่หรอกครับ  แต่ที่ผมสงสัยคือ  การให้ที่แท้จริงคืออะไรกันแน่

เพราะโลกในยุคใหม่นิยามการให้ที่แตกต่างกันมาก  การที่มนุษย์

เกิดมาบนโลกใบนี้แล้วเป็นผู้ให้เป็นอะไรที่ดีมากแล้ว  แต่การให้

ยังไงละครับ  ที่ทำให้เราได้รับประโยชน์  เขาก็ได้รับประโยชน์

คำถามนี้น่าคิดนะครับ  ลองมองไปรอบตัวเราดูซิครับว่าอะไรบ้าง

ที่เราสามารถให้กับคนอื่นได้บ้าง  แล้วถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของ

ชีวิตคุณจะทำอะไรเพื่อคนอื่นได้บ้าง

หากมองถึงสิ่งที่มนุษย์ต้องการจริงๆ ในชีวิตก็ไม่ได้มีอะไรมาก

ไปกว่าความสุขสบายทางกายและใจ  การมองปัญหาให้เป็นโอกาส

การมองความทุกข์ให้เป็นความสุข  การทำเพื่อผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่ง

ตอบแทน ชีวิตคนเราจะสูงขึ้นหรือต่ำลง  ก็อยู่ที่ตัวเราแหละว่าเรา

จะยกตัวเองไปจุดไหน  หลายคนที่กำลังท้อแท้ หมดกำลังใจ 

เครียดกับปัญหาบางอย่างในชีวิต  ขอได้ลองมองปัญหาแบบใจ

ที่ปล่อยวาง  จำไว้ครับว่าไม่มีอะไรทำร้ายเราได้หรอกนอกจาก

ความคิดของเราเอง

มุ่งมั่น มุ่งมั่น มุ่งมั่น

บ่ายวันนี้ช่างเป็นวันที่ง่วงมากเลยอยากนอนเอามากเลยครับ  วันนี้ไปนั่งอ่าน blogger ของพี่ท่านหนึ่งอ่านแล้วไฟผมลุกไปทั้งตัวเลย  อยากทำมันซะตอนนี้เลย มีประโยคเด็ดมากเลยที่ผมชอบ  พี่เขา
พูดว่า

1.ผมไม่อยากเป็นมนุษย์เงินเดือนผมอยากเป็นนักธุรกิจ  นักลงทุน
2.อย่าหาสินค้าก่อนหาลูกค้าให้หาลูกค้าก่อนแล้วค่อยคิดว่าจะเอาอะไรไปขาย
3.ให้เราเลือกตลาดเฉพาะทางที่เราเจาะได้แล้วจ่ายไหว

การตั้งเป้าหมายเช่นนี้  เป็นเรื่องจริงมากเลยก่อนจะทำธุรกิจสำคัญที่สุดคือ "ลูกค้า"  แน่นอนครับเราต้องรู้ก่อนว่าลูกค้าของเราคือใคร  ก่อนที่จะลงมืออะไร  ความกลัวเป็นสิ่งที่อยู่ในใจของทุกคนอยู่แล้วเป็นปกติ  สิ่งที่เราต้องทำคือกล้าเปลี่ยนแปลงทำทั้งๆที่กลัวไปเลยครับ  ผลลัพธ์เป็นยังไงค่อยว่ากันอีกที  จำไว้ครับว่า  ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆหรอกครับ  ทุกอย่างคือการลงทุน  ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในธุรกิจ ลงทุนในตัวเราเอง หรืออะไรก็แล้วแต่  ต้องอาศัยปัจจัย เวลา และองค์ประกอบต่างๆทั้งนั้น  ลุยเลยครับ

ความสม่ำเสมอดีกว่า

โลกยุคใหม่นี้เต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่หลากหลาย

สินค้าต่างๆมากมายไหลทะลัก  เกินความต้องการ 

ตามกฏของ Demand/Supplier ไปแล้ว  สื่อใหญ่ๆ

เมื่อก่อนมีอิทธิพลต่อตลาดมาก  ตอนนี้โลกเปลี่ยน

ไป อินเตอร์เน็ตเข้ามามีอิทธิพลอย่างสูง  ใครที่คิด

จะทำอะไรก็แล้วแต่หากไม่เกี่ยวข้องกับอินเตอร์เน็ต

                                                    มีหวังคุณลอยแพแน่ครับ  

        วันนี้ผมแค่อยากจะนำเสนอสิ่งดีๆให้เพื่อนในอีกแง่มุมหนึ่งนั่นก็คือ   เรื่องของความสม่ำเสมอ  แท้จริงแล้วคนที่ประสบความสำเร็จมิใช่คนเก่งเสมอไป  แต่เขาอาศัยความสม่ำเสมอในการทำ  กฎนี้เป็นกฎที่ทุกท่านรู้ดีอยู่แล้ว เพราะการฝึกฝนทำอะไรซ้ำๆ ย่อมนำมาซึ่งประสบการณ์ที่ดีเยี่ยม  อย่าไปกลัวความล้มเหลว  คนที่ล้มเลิกต่างคือผู้แพ้  วันนี้เรายังไม่ใช่ผู้ชนะก็เพราะตัวเรายังอ่อนอะไรบางอย่าง  ฉะนั้นจงหมั่นฝึกฝนตัวเองเรื่อยๆ แล้วเมื่อถึงเวลาของมัน  คุณจะรู้เองว่าทุกอย่างไม่ใช่ความบังเอิญแต่มันเป็นสิ่งที่คุณได้ทำไว้อย่างสม่ำเสมอต่างหากละ  สวัสดีเช้าวันอังคาร

บททดสอบของชีวิต

สิ่งที่เราต้องการมากที่สุดก็คือ "เวลา"   การรักษาสมดุลเวลาให้พอเหมาะพอดี
เลือกทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์และจำเป็นกับชีวิตของเราเท่านั้น
การที่บุคคลจะก้าวจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งได้
มันต้องผ่านอะไรมากมายเพื่อเป็นบททดสอบของชีวิตเรา
หลายครั้งทำให้เราถึงกับล้มทั้งยืนเสียศูนย์ไปเลย
นั่นแหละคือ บทเรียน  แล้วอะไรละคือความพอดีของชีวิต
คำนิยามนี้ผมเองตอบแบบชัดเจนไม่ได้หรอกครับ
คนแต่ละคนมีเป้าหมายและทางเดินไม่เหมือนกัน
ทุกคนล้วนแล้วแต่ตามหากันทั้งนั้น  จริงๆแล้วมันอยู่ไม่ไกลเลย
หากย้อนกลับไปตอนเป็นเด็ก  เราใช้ชีวิตแบบเด็กที่ไม่คาด
หวังอะไรทำไมความสุขมันช่างมากมายขนาดนั้น
พอโตขึ้นกลับกลายเป็นเราโหยหาความสุข โหยหา
สิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ชื่อเสียง ความร่ำรวย ความสุขสบาย
แท้จริงแล้วสุดท้ายเราก็ไม่สามารถเอาอะไรไปได้สักอย่าง
เราลองมาหยุดทบทวนตัวเองดีไหมครับ
ว่าเราต้องการอะไรกันแน่ในชีวิต  ค่อยๆคิด
ก็ได้ครับ หาเวลาว่างๆ เข้าไปดูข้างในจิตใจตัวเอง
แล้วค้นหาทุกซอกทุกมุมของเราเอาแบบละเอียดจน
เห็นแก่นแท้ของชีวิตเราไปเลย  ก็ไม่มีอะไรมากครับ
แค่อยากจะบอกว่าชีวิตเราเลือกได้ครับ

ใครกำหนด

โลกยุคนี้เปลี่ยนไปมากมายแล้วครับเพื่อน
การก้าวตามเปลี่ยนแปลงตามโลกก่อน
เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งครับ  เราไม่สามารถ
กำหนดทุกสิ่งให้เป็นไปอย่างที่ใจเราหวังได้
แต่คุณสามารถกำหนดทางเดินของตัวเองได้

หลายคนที่กำลังรออะไรอยู่ก็รีบลงมือทำทันทีนะครับ
ไม่ต้องรออะไรพร้อมก่อน  ความไม่พร้อมผมว่ามันดีนะ
ทำให้เกิดการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆไปด้วย ขอเพียงแค่
โฟกัสในสิ่งที่เราต้องการเท่านั้น  พลังอำนาจ
แห่งการลงมือทำยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใดทั้งสิ้น

ฉลาดทำบุญ กับ ดวงตาเห็นธรรม

            เมื่อวานผมไปทำกิจกรรมอาสาที่สวนโมกข์ของท่านพุทธทาส  เป็นกิจกรรมอาสาแบบรวมมิตรจิตอาสาของโครงการพุทธิกา  ผู้คนที่เข้าร่วมกิจกรรมมีประมาณ 400 กว่าคน   การที่เราเห็นผู้คนมาทำความดีกันเยอะๆผมมองว่าเป็นเรื่องที่ดีมากครับ  การทำความดีไม่ใช่จำกัดอยู่แค่เอาเงินไปบริจาคเท่านั้นแต่ยังรวมถึงการทำความดีในรูปแบบต่างๆ เพื่อสังคมอย่างที่โครงการพุทธิกาได้ทำขึ้น
          ผมว่าการที่ชีวิตเราดำเนินไปโดยไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรที่แท้จริงถือเป็นเรื่องจริงที่น่าเศร้า  ยิ่งเราเกิดมาเป็นมนุษย์ถือว่าเราโชคดีที่สุด  พระพุทธองค์เคยตรัสไว้ว่า การเกิดเป็นมนุษย์ถือเป็นอะไรที่ยากยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น  เมื่อเรามีชีวิตอยู่จงหมั่นสะสมสร้างแต่กรรมดีให้มากๆ  อย่าไปหลงติดกับสิ่งภายนอก  การรักษาภายในของเราให้สะอาดบริสุทธิ์เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง
            ที่ผมเขียนมานี้ไม่ได้ต้องการจะเปลี่ยนใจอะไรใครครับ  แค่อยากเตือนสติของเพื่อนๆว่าชีวิตเรามันสั้น     เกินกว่าที่จะมัวทำอะไรที่ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นกับชีวิตเรา  ฉะนั้นจงตั้งเป้าหมายและทำสิ่งที่เป็นเป้าหมายของเราจริงๆ  อย่าไปหลงทางกับบางสิ่งที่ไม่ใช่ อย่าไปตามคนอื่นให้มากครับ  ลองหยุดทบทวนบางสิ่ง  และหาจุดที่เหมาะกับเราให้มากที่สุด ไม่ต้องไปฟังเสียงคนอื่นเสียงภายในของเราดีที่สุด  บุคคลที่ไม่กลัวความลำบากย่อมไปถึงจุดหมายได้อย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีต้นทุนอะไรมากมายก็ตาม  

ทีมเวริ์คสำคัญแค่ไหน

             เพื่อนๆ เคยเห็นภาพนกข้างบนนี้ไหมครับ  ภาพก็คือ  การบินของนกเป็นรูปตัว วี  จะช่วยให้นกตัวที่อยู่ข้างหลังใช้แรงในการบินน้อยลง 70%     วันก่อนผมได้มีโอกาสคุณกับรุ่นน้องคนหนึ่ง  รู้จักกันในงานสัมมนาครับ  ผมถามเขาว่าช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง  น้องเขาตอบผมได้ดีมากเลยครับ  เขาบอกว่า ทีมเวิร์คเป็นอะไรที่สำคัญมากครับพี่  ผมเข้าใจมันมากยิ่งขึ้นละ  ซึ่งผมก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง  ชีวิตจริงของเราก็เหมือนกันครับ  การทำงานเป็นทีมเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ  ถ้าหากคนที่มี Productivity  100% แล้วมีคนสองคนมาทำงานเพิ่มขึ้นอีกก็จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มเป็น  270% แทนที่จะเป็นที่ 200%    มนุษย์เราเป็นสัตว์สังคมครับ  ต่อให้เราเก่งขนาดไหนก็ไม่สามารถทำอะไรได้คนเดียวหรอก  เราไม่จำเป็นต้องแบกทุกอย่างไว้คนเดียว  เพราะสุดท้ายคุณจะเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์  รู้จักที่จะปล่อยวางเพราะเราจะได้ความสามารถของเพื่อนร่วมทีมของเราเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย
           ในมุมมองของผมทีมที่ดี  จะทำให้คุณภาพของงานและเวลาของคุณมึค่ามากยิ่งขึ้น  มันไม่ใช่แค่คุณด้วยแต่หมายถึงทีมงาน และองค์กรของคุณด้วย  แต่ในทางตรงกันข้าม  หากทีมไม่ดี  มีแต่แรงดึงลง  (Downforce) ก็จะผละตัวออกจากทีมนั้นเสีย  เพราะนอกจาก Producitivity ตัวคุณจะลดลงแล้ว  ความเครียดและผลดึงลงจะตามมาเต็มไปหมดเลย  วันนี้ขอให้ทุกคนพบแต่ความสำเร็จนะครับ

เวลาคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุด

          ช่วงนี้เป็นช่วงที่ผมทำกิจกรรมหลายอย่างพร้อมกันเยอะมากเลยครับ  ทั้งงานประจำ  งานนอกเวลา และกิจกรรมต่างๆ  เพื่อสังคม  และอื่นๆ  ผมรู้สึกว่าเวลามันผ่านไปอย่างรวดเร็วมาก  ยิ่งถ้าเราไม่รู้จักที่จะบริหารจัดการเวลาของเราด้วยแล้วยิ่งทำให้งานที่ทำก็ไม่สามารถสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี  
การที่เราได้ทำในสิ่งที่เรารักผมมองว่าเป็นสิ่งที่โชคดีเอามากๆครับ  เพราะหากเราได้ทำในสิ่งที่รักเราจะรู้สึกว่าเวลาเป็นสิ่งที่มีค่าและสำคัญมากที่สุด  บางครั้งการที่เราเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองให้ตรงกับความเป็นจริงให้มากที่สุด  ไม่ว่าจะเป็น การเงิน การงาน และสุขภาพ ถือว่าจำเป็นอย่างยิ่ง  เพราะสิ่งเหล่านี้ส่งผลทางด้านจิตใจของเราอย่างยิ่ง  เพราะถ้าจิตใจเราพร้อมการกำหนดเป้าหมายก็เป็นเรื่องต่อไปที่ต้องทำ   ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เป้าหมายเป็นจริงได้ก็คือ การลงมือทำมันครับ  หลายคนผมเชื่อว่ามีเป้าหมายในชีวิตมากมาย  ยังไงขอให้เลือกเป้าหมายที่จำเป็นกับตัวเรามากที่สุดนะครับ หากเป็นไปได้ลองฝึกกำหนดเป้าหมายในชีวิตประจำวันของเราในแต่ละวันได้จะดีมาก  เพราะทำให้เรารู้ได้ว่าแท้จริงแล้วตัวเราชอบทำอะไรและเวลาไหนที่เรารู้สึกถึงคุณค่าของตัวเองมากที่สุด  สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นพื้นฐานแต่องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดก็คือ  การรู้จักจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่เราทำ  จะทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นไม่ว่าจะทำงานหนักแค่ไหนก็ตามแต่  การรู้จักปฎิเสธกับบางสิ่งบางอย่างก็ถือเป็นสิ่งที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันนะครับ

           มีประโยคหนึ่งที่ท่านผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเคยพูดไว้ว่า  "คนเราต้องรู้จักเลือกสิ่งที่ทำให้เวลาเรามีค่ามากที่สุดนะ  หาเป้าหมายแล้วเดินไปอย่าให้อะไรมาขัดขวางเรา  รู้จักปฎิเสธสิ่งที่ทำให้เราไปถึงเป้าหมายไม่ได้  ไม่งั้นเราก็จะย้ำอยู่กับที่ หรือถูกหลอกใช้ไปวันๆ ศาสตร์แห่งการปฎิเสธนี่แหละยอดเยี่ยมและยากทีสุดแล้ว"
          ซึ่งมานั่งนึกถึงคำพูดนี่ผมว่ามันจริงนะครับ  บางครั้งสิ่งที่เข้ามาในชีวิตอาจไม่ได้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดเสมอไป  บางสิ่งที่เรามองว่าเป็นโอกาสมันอาจเป็นจอมมารที่แฝงอยู่ด้วย  บางครั้งการที่เราใจร้อนตกลงอะไรไปโดยที่ไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบซะก่อน  อาจทำให้เราเสียเวลาไปโดยไร้ค่า  ผมมีตัวช่วยในเรื่องการบริหารจัดการเวลาให้เพื่อนลองใช้ดูครับ  นั่นคือ Google Calender  เป็นโปรแกรมที่ช่วยบริหารภาพรวมทำให้เราสามารถบริหารจัดการเวลาตัวเองได้ดีขึ้นลองไปใช้กันดูนะครับ
บางอย่างที่มันไม่จำเป็นต่อชีวิตของเรา หรือไม่ส่งผลให้ชีวิตของเราดีขึ้นตัดทิ้งไปก็ดีซะ  ชีวิตไม่จำเป็นต้องสร้างภาพอะไรเพื่อให้ตัวเองดูดีหรอกครับ  เป็นตัวของเองนั่นแหละดีที่สุดมันคือเสน่ห์ของเราและไม่มีใครลอกเลียนแบบได้  ก็อย่างที่หนังสือ How to หลายเล่มพูดไว้ "ชีวิตเราเหมือนกับบุคคลที่เราคบ 5 คน"  อยากเป็นแบบไหนก็เลือกแบบนั้นให้กับตัวเองครับ  

ความมั่งคั่งที่แท้จริง

           ก่อนอื่นผมต้องขอสวัสดีพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ทุกท่านนะครับ  หลังจากวันหยุดยาวก็ไม่ได้นำเรื่องราวอะไรมาแบ่งปันให้เลย  วันหยุดหลายวันนี้ผมได้พบเจออะไรเยอะมากเลยครับ  สิ่งเเรกเลยก็คือ ความมั่งคั่ง  ความมั่งคั่งในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเงินทองนะครับ  แต่เป็นที่ใจเราต่างหาก  เมื่อจิตใจคุณมั่งคั่งก็จะมีแรงดึงดูดบางอย่างให้เราเป็นคนมั่งคั่งเองครับ    เช้าวันนี้มีพี่ที่รู้จักกันส่งลิงค์บางอย่างให้ผมอ่านดูซึ่งน่าสนใจมาก มีนิยามเกี่ยวกับความมั่งคั่ง ของโรเจอร์  แฮมิลตัน ผู้แต่งหนังสือ Wink and Grow  Rich ที่ว่า

Wealth is not how much money you have. 

Wealth is what you are left  you lose all you

ความมั่งคั่งไม่ได้วัดว่าคุณมีเงินอยู่เท่าไหร่ 

แต่มันวัดกันที่ว่าคุณหลงเหลืออะไรอยู่บ้าง  

ในวันที่คุณต้องเสียเงินทองไปทั้งหมด

        โดยส่วนตัวผมเห็นว่ามันจริงมากครับ  ความมั่งคั่งจริงๆแล้วเป็นอะไรมากกว่าที่ตาภายนอกเราสามารถจะมองเห็นได้  เพราะมันบอกไปถึงระดับความนึกคิดและจิตใต้สำนึกของเราด้วย  คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตเขาเข้าใจกฎเหล่านี้ดีมากครับ  หลายๆท่านจึงมักจะพูดว่าต้องทำตัวเองให้พร้อมกับสิ่งนั้นๆก่อน  แล้วสิ่งที่เราต้องการจึงจะมาหา   นั่นก็คือ ความมั่งคั่งภายในจิตใจเรานี่แหละครับ  ก่อนจากกันวันนี้ผมมีข้อคิดให้เพื่อนำไปปฎิบัติดูครับ ลองพูดกับตัวเองทุกวันว่า

"ความมั่งคั่งฉันเพิ่มขึ้นทุกวัน  ความมั่งคั่งสะสมอยู่ในตัวฉันเองมากขึ้น ความมั่งคั่งจะอยู่กับฉันตลอดไป ความมั่งคั่งไม่สามารถมองเห็นด้วยตา  แต่ฉันสามารถสัมผัสด้วยความคิด และความคิดที่มั่งคั่ง  ด้วยวิธีนี้ทำให้ฉันสามารถดึงดูดเงินทองกลับมาได้เสมออย่างไม่มีข้อจำกัด"