วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ความเหลื่ยมล้ำในสังคมไทย


เมื่อวานเพื่อนผมคนหนึ่งมาปรึกษา เรื่องเกี่ยวกับการหางานใหม่  ผมก็ลองถามหาสาเหตุที่เขาอยากเปลี่ยนงาน  ก็มาจากปัญหาทั่วไปที่มนุษย์เงินเดือนทุกคนต้องเจออยู่แล้วครับ  โดยส่วนตัวผมปัญหาของมนุษย์มักจะไม่ใช่เรื่องอะไรใหม่  มันก็จะวนอยู่กับเรื่องเดิม ๆ  นั่นแหละครับ

สิ่งที่ทุกคนกลัวกันมากที่สุดก็คือ  กังวลกับอนาคตที่มันยังมาไม่ถึง  มันก็ช่างน่าแปลกใจนะครับ  คนเราพอทำงานไปสักพัก  เริ่มมีความคิดแบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเอง  จึงเป็นเหตุให้สังคมไทยเลยหันหลังให้งานบริษัทเอกชนมากขึ้นทุกวัน  แล้วกลับผันตัวเองไปสอบเป็นข้าราชการแทน  ถึงแม้เงินเดือนจะน้อย  แต่ความรู้สึกมั่นคงในระยะยาว  มันดีกว่า  เพื่อนผมทำงานบริษัทญี่ปุ่นหลายคน  เงินเดือนสูง โบนัสก็เยอะก็ยังมีความคิดแบบนี้เลย 

กลับกลายเป็นว่าสังคมไทยคนเก่ง  แห่ไปทำงานราชการกันหมดแล้ว  ทั้งที่ก็รู้อยู่ว่าระบบราชการไทยเป็นอย่างไร  ตรงนี้ผมขอเว้นนะครับ  ในอนาคตก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร  ถ้าหากภาคเอกชนไทย  จำเป็นต้องจ้างต่างชาติ (เพื่อนบ้านในอาเซียนเข้ามาทำงานแทน)  ผมหมายถึงงานที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถเฉพาะทางนะครับ 

คนไทยจะมาบ่นกันไม่ได้  เพราะระบบสังคมสร้างกันมาแบบนี้เอง  ผมอยากให้ภาครัฐเข้ามาสนับสนุนภาคเอกชนมากกว่านี้  เพราะประเทศไทย อย่างที่ทุกท่านทราบ  ตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจจริง ๆ คือภาคเอกชนนะครับ  สังเกตุได้จากต่อให้การเมืองเราไม่นิ่ง  แต่ประเทศเราก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้  ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากนัก 

เหตุผลที่ผมคิดแบบนี้ก็เพราะว่า  คนไทยเป็นคนเก่ง  แต่คนเก่งกลับอยากสบาย  นั่นก็ไม่ผิด ก็เลยเลือกงานที่สบายและมั่นคงเป็นอันดับแรก  แต่ถ้ามองในระดับมหัพภาค  ตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจทุกวันนี้ก็คือ ภาคเอกชน  นับวันคนเก่งน้อยลงเพราะไปสอบเข้าราชการกันหมด  คุณก็ลองมองภาพจากปัจจุบันไปอนาคตก็พอทราบแล้วนะครับ  ว่าต่อไปจะเป็นยังไง

ค่านิยมทางสังคมเป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงกันยากจริง ๆ ครับ  ผมก็เข้าใจนะครับว่า ภาคเอกชนยังมีข้อจำกัด  ในหลายด้านที่ไม่มีผลในการจูงใจ  คนเก่งเข้ามาทำงานได้มากเท่าที่ควร  (ถ้าไม่มองไปถึงบริษัทใหญ่ ๆ นะครับ แต่มันก็ส่วนน้อยจากทั้งประเทศ)  จะว่ากันไปแล้วผมมีเรื่องขำ ๆ อย่างหนึ่งนะครับ

ที่คนส่วนใหญ่พูดว่าคนไทยอ่านหนังสือน้อยมาก  อันนี้มันก็มีส่วนจริงอยู่นะผมว่า ... แต่ในข้อเสียก็มีข้อดีอยู่ครับ  มันเลยทำให้คนไทยเป็นคนไม่ติดกรอบ  และมีความคิดสร้างสรรค์ที่สูงมาก  เรียกว่าบางทีหลุดจักรวาลไปเลย  จะสังเกตุได้ครับว่าคนอ่านหนังสือมากๆ  เป็นคนเก่งก็จริง  แต่ก็มีความกลัวซ่อนอยู่  ทำให้ไม่กล้าตัดสินใจกับบางเรื่อง  ทั้งที่มันเป็นเรื่องที่สำคัญกับชีวิต

ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วทุกประเทศต่างก็มีปัญหาของตัวเอง  ยังไงก็แก้ไขกันไปนะครับ  สิ่งสำคัญคือ  ตัวเราต้องรู้จักตัวเองนั่นแหละคือสิ่งที่ดีที่สุด  เราอาจไม่ใช่คนที่เยี่ยมที่สุด  แค่เราทำหน้าที่ของตัวเราเองให้ดีสุด  ผมก็มั่นใจว่าถึงเเม้ว่ามันอาจจะไม่เป็นไปอย่างที่ใจเราคิดทุกอย่าง  แต่ก็ทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นมากเลย


ไม่มีความคิดเห็น:

กล้าที่จะแตกต่างและเป็นตัวเอง

เรียกว่าห่างหายกันไปนานมากเลยครับ  ช่วงที่ไปพักกายพักจิตใจ  ทำให้เราสามารถแยกแยะได้ว่า  อะไรที่จำเป็นและสำคัญกับชีวิตของเรากันแน่   คนบางคนผ...