มนุษย์กลัวการเป็นเเปลงมาก แต่ก็ยังอยากได้สิ่งที่ดีกว่าให้ตัวเอง นั่นจึงเป็นสาเหตุให้มนุษย์เองไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ตัวเขาเองต้องการอะไรกันแน่ เพราะสังคมปัจจุบันมนุษย์ถูกสอนให้มองไปเเต่เรื่อง การหาเงินจนไม่มีเวลาไปคิดเรื่องเหล่านั้น ทั้งที่เรื่องเหล่านั้นจะเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไปตลอดชีวิตก็ได้
สังคมไทยเป็นสังคมที่เรามีวัฒนธรรมที่ยาวนานมาก เราก็ถุกปลูกฝังในเรื่องต่างๆมากมาย แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากก็คือ
1.ระบบการศึกษา
2.ระบบการรับคนเข้าทำงานในบริษัทหรือองค์กร
ค่านิยมสองสิ่งนี้มันก่อตัวขึ้นกับสังคมไทย ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่ทราบได้ แต่กลายเป็นกว่ามันเริ่มต้นจากระบบการศึกก่อน โดยเราจะเห็นได้ว่าโรงเรียน สถาบันการศึกษา ดังๆ มักจะได้เงินทุนสนับสนุนจากทางภาครัฐมากกว่า (การจัดสรรที่ไม่ค่อยเป็นธรรม) ผลที่ออกมาก็คือ คุณภาพของนักเรียนก็แตกต่างกันไปด้วย
แต่ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม ทุกที่ล้วนก็มีช้างเผือกของที่นั้น ไม่ว่าจะมาจากโรงเรียน หรือสถาบันการศึกษาที่โด่งดังหรือไม่ก็ตาม คำถามคือแล้วยังไงละ ?
มันต่างกันตรงพอเริ่มทำงานไงละครับ ระบบการรับคนเข้างานดันกลับไปล้อตามระบบสถาบันการศึกษา กล่าวคือ 1.ดูที่สถาบันการศึกษา 2.ดูที่เกรดเฉลี่ย มากกว่าความสามารถที่ทำได้จริงๆด้วยซ้ำ
จะว่าไปแล้วมันก็ไม่แปลกอะไรที่คนรุ่นใหม่เปลี่ยนงานกันบ่อย เพราะคุณใช้ระบบนี้ในการคัดเลือกคนกันไงครับ ยิ่งคนเก่งๆ จบมาจากสถาบันดังๆ พอได้ทำงานกับองค์กรใหญ่ๆ แต่กลับไม่มีเวทีให้เขาเลย เป็นแค่งาน Operation ที่ให้ทำตามระบบเเบบนี้ไปเรื่อยๆ เห็นแล้วก็เศร้าใจนะครับ แล้วแบบนี้องค์กรจะได้คนที่มีคุณภาพได้ยังไง
คำว่าคุณภาพในความหมายของผมไม่ได้หมายถึงการได้เกรดสูงๆนะครับ แต่หมายถึงการทำงานเป็น รู้วิธีแก้ปัญหาได้ มีความอดทนและตรงต่อเวลา และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ และอีกอย่างก็คือ เลิกเถอะครับที่ว่าใครเด่นเกินหน้าเกินตาตัวเอง ก็หาเรื่องขัดแข้ง ขัดขาเขา เพราะนั้นหมายถึงคุณกำลังทำลายบริษัททางอ้อม แทนที่จะสนับสนุนเขา บริษัทอยู่ได้เพราะคนที่มีความสามารถนะครับ ไม่ใช่คนที่คอยคำสั่ง และเอาใจนาย พอในท้ายที่สุดถ้าองค์กร ไม่มีผลกำไรเขาก็ไม่จำเป็นต้องเก็บคุณไว้หรอกครับ
ผมว่าเปลี่ยนแถอะครับโลกไม่ได้ต้องการคนเก่งแล้วทำงานตามระบบได้อีกแล้ว ต่อไปถ้า AI (ปัญญาประดิษฐ์) เข้ามาแบบเต็มรูปแบบ ระบบการศึกษาจะต้องเปลี่ยนแผนการสอนใหม่ โดยเน้นในเรื่องการสร้างนวัฒกรรมใหม่ๆ เรื่องความคิดสร้างสรรค์ เพราะสิ่งเหล่านี้ที่จะทำให้คุณแตกต่างจริงๆ หาไม่แล้วคุณก็จะกลายเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไปที่โลกลืมเท่านั้นเอง
สังคมไทยเป็นสังคมที่เรามีวัฒนธรรมที่ยาวนานมาก เราก็ถุกปลูกฝังในเรื่องต่างๆมากมาย แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากก็คือ
1.ระบบการศึกษา
2.ระบบการรับคนเข้าทำงานในบริษัทหรือองค์กร
ค่านิยมสองสิ่งนี้มันก่อตัวขึ้นกับสังคมไทย ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่ทราบได้ แต่กลายเป็นกว่ามันเริ่มต้นจากระบบการศึกก่อน โดยเราจะเห็นได้ว่าโรงเรียน สถาบันการศึกษา ดังๆ มักจะได้เงินทุนสนับสนุนจากทางภาครัฐมากกว่า (การจัดสรรที่ไม่ค่อยเป็นธรรม) ผลที่ออกมาก็คือ คุณภาพของนักเรียนก็แตกต่างกันไปด้วย
แต่ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม ทุกที่ล้วนก็มีช้างเผือกของที่นั้น ไม่ว่าจะมาจากโรงเรียน หรือสถาบันการศึกษาที่โด่งดังหรือไม่ก็ตาม คำถามคือแล้วยังไงละ ?
มันต่างกันตรงพอเริ่มทำงานไงละครับ ระบบการรับคนเข้างานดันกลับไปล้อตามระบบสถาบันการศึกษา กล่าวคือ 1.ดูที่สถาบันการศึกษา 2.ดูที่เกรดเฉลี่ย มากกว่าความสามารถที่ทำได้จริงๆด้วยซ้ำ
จะว่าไปแล้วมันก็ไม่แปลกอะไรที่คนรุ่นใหม่เปลี่ยนงานกันบ่อย เพราะคุณใช้ระบบนี้ในการคัดเลือกคนกันไงครับ ยิ่งคนเก่งๆ จบมาจากสถาบันดังๆ พอได้ทำงานกับองค์กรใหญ่ๆ แต่กลับไม่มีเวทีให้เขาเลย เป็นแค่งาน Operation ที่ให้ทำตามระบบเเบบนี้ไปเรื่อยๆ เห็นแล้วก็เศร้าใจนะครับ แล้วแบบนี้องค์กรจะได้คนที่มีคุณภาพได้ยังไง
คำว่าคุณภาพในความหมายของผมไม่ได้หมายถึงการได้เกรดสูงๆนะครับ แต่หมายถึงการทำงานเป็น รู้วิธีแก้ปัญหาได้ มีความอดทนและตรงต่อเวลา และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ และอีกอย่างก็คือ เลิกเถอะครับที่ว่าใครเด่นเกินหน้าเกินตาตัวเอง ก็หาเรื่องขัดแข้ง ขัดขาเขา เพราะนั้นหมายถึงคุณกำลังทำลายบริษัททางอ้อม แทนที่จะสนับสนุนเขา บริษัทอยู่ได้เพราะคนที่มีความสามารถนะครับ ไม่ใช่คนที่คอยคำสั่ง และเอาใจนาย พอในท้ายที่สุดถ้าองค์กร ไม่มีผลกำไรเขาก็ไม่จำเป็นต้องเก็บคุณไว้หรอกครับ
ผมว่าเปลี่ยนแถอะครับโลกไม่ได้ต้องการคนเก่งแล้วทำงานตามระบบได้อีกแล้ว ต่อไปถ้า AI (ปัญญาประดิษฐ์) เข้ามาแบบเต็มรูปแบบ ระบบการศึกษาจะต้องเปลี่ยนแผนการสอนใหม่ โดยเน้นในเรื่องการสร้างนวัฒกรรมใหม่ๆ เรื่องความคิดสร้างสรรค์ เพราะสิ่งเหล่านี้ที่จะทำให้คุณแตกต่างจริงๆ หาไม่แล้วคุณก็จะกลายเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไปที่โลกลืมเท่านั้นเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น