ช่วงนี้ข่าวสารตามหน้าทีวีและเฟสบุ๊ค ต่างพูดถึง ม.44 ในเรื่องการแก้ไขข้อกฏหมายต่างๆที่เกิดขึ้นกับสังคมเราปัจจุบันนี้ หลายฝ่ายต่างมีความคิดเห็นที่ขัดแย้งกัน ถ้าเรามองให้ดีจริงๆ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวกฎหมายหรอกครับ แต่อยู่ที่ตัวบุคคลไปมากกว่า ผมจะไม่ไปนั่งโทษใครหรอกครับ ต่างฝ่ายต่างคิดเห็นไม่เหมือนกัน สุดท้ายก็ขอให้นึกถึงประโยชน์ฺที่ส่วนรวมจะได้รับก่อนแล้วกันครับ
ถ้าเราย้อนไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน กฎหมายมีไว้เพื่อ
คนเราเมื่ออยู่ร่วมกันมากๆ ต่างก็ต้องมีการตั้งกฎระเบียบต่างๆ ในการอยู่ร่วมกัน อย่างสันติสุข เอาเถอะครับผมว่า ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสังคมระบบไหน ประธิปไตย สังคมนิยม หรือคอมมิวนิสต์ หากเรามองถึงแก่นของมนุษย์ทุกคนก็คือ ต่างต้องการความสุข ความสงบ และสันติสุข กันทั้งนั้น
สงครามไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น มีแต่สร้างความเจ็บปวดจากรุ่นสู่รุ่น แล้วในที่สุด คุณก็เอาอะไรไปไม่ได้สักอย่าง ทุกอย่างไม่ใช่ของเรา มีแต่มนุษย์ต่างหากที่แบ่งแยก ไม่ว่าจะเป็น เพศ ศาสนา เชื้อชาติ สัญชาติ แท้จริงสิ่งเหล่านี้ไม่มีอยู่จริงเป็นการสมมติขึ้นมากทั้งนั้น เราอยู่บนโลกสมมติ บทบาทของเราก็คนมนุษย์คนหนึ่งที่ต้องดำรงชีวิตตามแบบแผนของแต่ละสังคมได้กำหนดไว้
ค่านิยม ได้ทำให้มนุษย์เราหลงลืมตัวตนของเราไปมาก เราถูกปลูกฝังด้วยค่านิยมใหม่ๆ ทั้งที่เราไม่ได้ต้องการมันจริงๆ เราอยากได้การยอมรับทั้งที่ตัวเรายังไม่รู้สึกภูมิใจจริงๆด้วยซ้ำ ที่ผมพูดประเด็นเหล่านี้อยากจะให้คุณลองมองชีวิต ในมุมกลับกันดูนะครับ มุมที่คนส่วนน้อยเขามองกัน มุมที่คนอื่นมองข้ามแต่เราเห็น บางทีชีวิตมันอาจให้คำตอบที่ดีสุดสำหรับคุณแล้วก็ได้
พื้นฐานสังคมที่คุณเป็นอยู่ต่างก็ถูกกำหนดด้วยสังคมแบบนั้น มันไม่ผิดเลยหากคุณไปอยู่ในสังคมที่คุณไม่คุ้นเคย ไม่ผิดถ้าคุณจะเดินออกมา เพราะมันไม่ใช่ที่ของคุณ บนสังคมที่มนุษย์ต่างแสดงหาผลประโยชน์ใ้หักับตัวเอง ความโลภ ความโกรธ ความหลง จึงค่อยๆกลืนกินจิตวิญญานของคุณเรื่อยๆ จนตัวคุณเอง ยังไม่กล้ามองกระจก ไม่กล้ายิ้ม ไม่กล้าหัวเราะรื่นเริงให้กับคนในกระจกนั้น ร่างที่ปราศจากวิญญานอันบริสุทธิ์ เป็นเพียงซาตานผู้โหยหา และเป็นนักล่าที่ไม่เคยพอ มัจจุราชกำลังรอรับตัวคุณอยู่ หากคุณยังปล่อยให้ตัวเองหลงอยู่ในเงาของ 3 สิ่งชั่วร้ายนี้ ไม่นานคุณก็ต้องพบจุดจบในทางเดียวกับคนส่วนใหญ่ มัจจุราชกำลังยิ้มเยอะมนุษย์เรา รอรับวิญญานอันชั่วร้ายไปสะสางคดีความเพื่อให้หลาบจำ
ความอยู่รอดในสังคมปัจจุบันนี้ก็คือ คุณต้องมีสติ หันเข้าหาธรรมมะเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงจิตใจ ธรรมมะอยู่รอบตัวเราไม่ต้องไปแสวงหาตามความเชื่อ ที่ว่า "เขาบอกว่า" นะครับ มีแต่ธรรมมะลวงโลกทั้งน้้น ผมแค่อยากจะบอกให้คุณได้รู้ว่า ความบริสุทธิ์ในจิตวิญญานเกิดจากการชำระภายในของเรา ไม่ใช่วิ่งทำบุญ ทำทานไปทั่ว ที่ไหนมีลุยหมด รักษาศีลให้ครบถ้วน บริสุทธิ์เข้าถึงการหลุดพ้น เมื่อนั้นแหละครับความสุขที่แท้จริงมันยิ่งว่าความสุขใดๆในโลก ขอให้ทุกท่านโชคดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น