วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ใครก็สามารถเป็นที่หนึ่งได้


เสาร์ที่ผ่านมามีโอกาสได้ไปช่วยกิจกรรมงานอาสาช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำจากน้ำท่วม  กิจกรรมนี้จัดที่ Root Garden  ใจกลางเมืองหลวงย่านทองหล่อซอย 3 คงจะทราบกันดีแหละครับว่าทองหล่อเป็นสถานที่ที่ดินแพงมาก  ผมไม่คิดเลยว่าจะมีสถานที่แบบนี้ในตัวเมืองหลวง  ก่อนเล่ารายละเอียดกิจกรรม  ผมขอนำเสนอประวัติผู้ก่อตั้งก่อนนะครับ  ครูองุ่น  มาลิก  เจ้าของที่ดินแปลงนี้ ผมชอบสโลแกนของท่านมากกล่าวไว้ว่า  

“การทำงานเพื่อช่วยบุคคลที่ตกทุกข์และมีปัญหา เป็นปัจจัยชีวิตของข้าพเจ้า”  
ผลงานที่ท่านจัดทำไว้มีประโยชน์ต่อบุคคลเป็นจำนวนมากที่เห็นเด่นชัดคือ โครงการ มูลนิธิไชยวนา  ท่านได้ยกที่ดิน 371 ตาราวา ให้กับมูลนิธิ ปรีดี พนมยงค์  เพื่อขอบข่ายงานช่วยเหลือราษฏรให้กว้างขวางมากขึ้น
และนอกจากนั้นครูองุ่นยังยกหน้าบ้านที่จังหวัดเชียงใหม่ให้นักศึกษาใช้  เพื่อเผยแพร่ประชาธิปไตยสู่ชนบทผ่านกิจกรรมต่างๆ มากมาย นอกจากนี้ก็ได้ก่อตั้งสหพันธ์ชาวนา ชาวไร่ฯของภาคเหนือ
คนอายุ 20 ปีขึ้นไปตอนนี้ คงเคยดูละครหุ่นตอนเช้าเรื่อง “ เจ้าขุนทอง” ที่เคยออกอากาศทางช่อง 7 สีในวัยเด็กมาบ้าง นั่นล่ะคือส่วนหนึ่งจากผลิตผลของครูองุ่นที่ลูกศิษย์นำไปต่อยอดเผยแพร่ทางทีวี 
ตลอดระยะเวลา 30 กว่าปี ลูกศิษย์ลูกหาที่มีโอกาสแวะมาเยี่ยมเยียนครูองุ่นที่ซอยทองหล่อ มักพบครูในขณะที่หยิบไม้กวาดมากวาดพื้นท่ามกลางแมกไม้ร่มรื่นในสวนสมดังบทกวีที่ครูได้รจนาไว้ในช่วงบั้นปลายชีวิต 

ตอนที่ผมเข้าไปในงาน  รู้สึกถึงบรรยากาศที่ดีมาก  การจัดงานในวันนั้นมีการแบ่งประเภทไว้อย่างชัดเจน  การแบ่งพื้นที่ให้เหมาะสมกับการใช้สอยไว้ ดังนี้

ส่วนที่ 1  ใช้เป็นที่พักอาศัย
ส่วนที่ 2  ใช้เป็นที่ปลูกผัก
ส่วนที่ 3  ใช้ในการเลี้ยงสัตว์  เช่น แพะ  ไก่
ส่วนที่ 4  ใช้เป็นบ่อเลี้ยงปลา
ส่วนที่  5  เปิดเป็นร้านกาแฟ
ส่วนที่ 6  พื้นที่ว่างในการจัดกิจกรรม

ในวันนั้นมีการจัดกิจกรรม อาทิเช่น  การวาดรุปบนกระเป๋า  การตกแต่งโอ่งให้สวยงาม  และนอกจากนั้นยังมีการขายของพื้นบ้าน และอาหารพื้นบ้านต่างๆ ของประเทศพม่า  กิจกรรมในวันนั้นเด็กส่วนใหญ่ให้ความสนใจและความร่วมมือเป็นอย่างดี  โดยเฉพาะการเลี้ยงแพะ  ที่เป็นไฮไลน์ของบริเวณงานไปเลย  คุณลองนึกถึงบรรยากาศต่างจังหวัดที่ตอนคุณตื่นเช้ามาเจออากาศที่สดชื่น  และเป็นมิตรกับธรรมชาติ

เราจะเห็นได้ว่าถ้ามนุษย์  รู้จักกิน รู้จักใช้ รู้จักความพอเพียง  ชีวิตก็จะพบกับความพอดี  การเป็นบุคคลมีชื่อเสียงไม่ได้การันตีว่าคุณเป็นบุคคลที่มีความสุข  บางครั้งชื่อเสียงอาจมาพร้อมกับความสุขที่ลดน้อยลงก็เป็นไปได้  คำกล่าวของครูองุ่นที่ผมชอบมากประโยคหนึ่ง ดังนี้

“ฉันไม่คิดว่าการมีชีวิตอยู่เพียงแต่จะกินไปวันหนึ่ง และแสวงหาความสุขไปวันหนึ่ง แล้วก็รอวันเจ็บป่วยและตายนั้นเป็นสิ่งที่มีค่าอะไร ตามความเห็นของฉัน ชีวิตเช่นนั้นเป็นของว่างเปล่าเท่ากับไม่ได้เกิดมาเลยในโลกนี้ ชีวิตเฉยๆ ไม่มีความหมายสำหรับฉัน ถ้าฉันอยู่ ฉันต้องอยู่ในชีวิตที่ดีงาม และชีวิตที่ดีงามนั้นต้องมีอะไรมากกว่าการหากิน การแสวงหาความสนุก แล้วก็รอวันตาย ชีวิตที่ดีงามย่อมมีอยู่ และถูกใช้ไปเป็นคุณประโยชน์แก่คนอื่น”

ชีวิตมีแค่นี้ก็เพียงพอมากแล้วครับ.....

ไม่มีความคิดเห็น:

กล้าที่จะแตกต่างและเป็นตัวเอง

เรียกว่าห่างหายกันไปนานมากเลยครับ  ช่วงที่ไปพักกายพักจิตใจ  ทำให้เราสามารถแยกแยะได้ว่า  อะไรที่จำเป็นและสำคัญกับชีวิตของเรากันแน่   คนบางคนผ...