ชายผู้หนึ่งเปิดบริษัทซอฟแวร์ เขาสามารถหาเงินจำนวนมากได้ แต่ลูกชายของเขากลับทำตัวเหมือนพวกลูกเศรษฐีทั่วไป ไม่ยอมเรียนรู้รหัสและขั้นตอนที่น่าเบื่อหน่ายเหล่านั้นกับพ่อ เอาแต่เที่ยวเสเพลและใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายกับเหล่าเพื่อนฝูงทุกวี่ทุกวัน
ต่อมาพ่อของเขาได้เสียชีวิตลง ก่อนเสียชีวิตเขาได้บอกกับลูกชายว่า "พ่อได้นำทรัพย์สมบัติทั้งหมดล็อคไว้ในตู้เซฟ ส่วนรหัสของตู้เซฟก็อยู่ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ หากลูกใช้กำลังเปิดตู้เซฟทนายความส่วนตัวของพ่อจะนำทรัพย์สมบัติที่อยู่ในตู้เซฟไปบริจาคให้องค์กรการกุศลทั้งหมด
หลังจากที่ลูกชายประกอบพิธีฝังศพของพ่อเรียบร้อยแล้ว จึงเปิดคอมพิวเตอร์ด้วยความตื่นเต้น ต้องการหาเลขรหัสของตู้เซฟ แต่กลับพบว่าโปรแกรมคอมพิวเตอร์ก็ได้ตั้งรหัสไว้เช่นกัน เขาเดารหัสอยู่นานก็ไม่สามารถเดาได้ถูก ครั้งแล้วจึงหาผู้ที่เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ต่างๆมากมายเพื่อมาไขรหัสผ่าน แต่คนเหล่านี้ก็ต้องล้มเลิกและกล่าวลาไปในที่สุด
ภายหลังลูกชายตัดสินใจลงมือไขรหัสผ่านด้วยตนเอง เขากล่าวลาเพื่อที่เอาแต่เที่ยวเล่นในอดีต และเริ่มลงมือศึกษาตั้งแต่ความรู้คอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐาน หลังจากนั้นได้เข้าไปเรียนหลักสูตรคอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐาน หลังจากนั้นก็ได้เข้าไปเรียนคอมพิวเตอร์ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง พร้อมทั้งทำการผูกมิตรกับผู้เชี่ยวชาญและศาสตร์จารย์ด้านคอมพิวเตอร์ต่างๆ อีกมากมาย หลังจากผ่านความมานะพยายามหลายปี ในที่สุดเขาก็สามารถไขรหัสลับของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้สำเร็จ
เมื่อลูกชายเปิดตู้เซฟออกมา กลับพบว่าในนั้นไม่มีเงินแม้แต่สตางค์แดงเดียว มีเพียงกระดาษสีขาวแผ่นหนึ่ง ในกระดาษแผ่นนั้นเขียนว่า "ลูกชาย เมื่อเห็นกระดาษแผ่นนี้เเล้วลูกอย่าได้ตกใจ เนื่องจากพ่อได้บริจาคทรัพย์สมบัติให้องค์กรการกุศลไปหมดแล้ว แต่ลูกก็ได้รับทรัพย์สมบัติอันล้ำค่าของพ่อไปแล้วเช่นกัน นั่นก็คือ ความรู้" ในสังคมแห่งนี้เงินเป็นเพียงตัวเลขเท่านั้น ในยุคของความรู้เชิงเศรษฐศาสตร์มันไม่สามารถเป็นตัวเเทนของทรัพย์สมบัติในชีวิตของมนุษย์ได้ มีเพียงความรู้เท่านั้นที่จะเป็นสมบัติที่ใช้ไม่มีวันหมด
ถึงตอนนี้ลูกชายได้เข้าใจในสิ่งที่พ่อคิดเผื่ออนาคต ไม่นานเมื่อเขามีอายุมากขึ้นความสามารถของเขาก็ยกระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดก็เก่งกาจยิ่งกว่าพ่อ และสร้างบริษัทซอฟแวร์ใหญ่ขึ้นมาแห่งหนึ่ง ความรู้นำมาซึ่งสติปัญญาและความสำเร็จของพวกเรา ในการเผชิญหน้ากับสภาพเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาในสังคมปัจจุบัน คุณจะต้องไม่หยุดที่จะเรียนรู้ ไม่หยุดสร้างความแข็งแกร่งให้ตนเอง มีเพียงเช่นนี้จึงจะสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้ จึงจะสามารถเอาชนะและควบคุมสถานการณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความรู้เป็นขุมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่ ก่อนที่คุณจะวิ่งหาเงินทองความร่ำรวยคุณต้องรู้และเข้าใจในตัวเองซะก่อนว่าเราก็เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น จากนั้นก็พัฒนาตัวเองไปเป็นอะไรก็ตามแต่ที่ใจเราปรารถนา "ในชีวิตของทุกคนล้วนมีบทบาทการแสดงที่แตกต่างกันไป บางทีวิถีแห่งความสำเร็จที่สำคัญก็คือการพบเข็มทิศนำทางชีวิต ผู้ที่ไม่มีหลักการจะลอยไปลอยมาไม่มีทิศทาง หากมีเข็มทิศที่ถูกต้องไม่ว่าเราจะแสดงบทบาทใดก็ยังสามารถรักษาตัวตนที่แท้จริงไว้ได้ ทำได้อย่างชำนาญคล่องแคล่ว มีระดับผลงานที่ต่างกันไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและยอดเยี่ยม "
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น