ใช่ครับมนุษย์เราพอเติบโตขึ้นมา นับวันเรายิ่งห่างไกลจากคำว่าจิตวิญญานของกันเป็นมนุษย์กันมากขึ้นทุกที อาจฟังดูยากนะครับ
สาเหตุที่ผมขอยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูดก็เพราะว่า มนุษย์ในยุคปัจจุบันมีความทุกข์กันมาก สาเหตุหลักๆก็คือ ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร เป็นโจทย์ยากนะครับ บางคนหาทั้งชีวิตยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองชอบอะไร นั่นก็เพราะไม่เข้าใจจิตวิญญานที่แท้จริงของเรานั่นเอง
การทำงานทุกอย่างเราสามารถประสบความสำเร็จจากงานนั้นได้ แต่สิ่งที่จะทำให้เราเหนือกว่าคนอื่นเสมอนั่นคือ การทุ่มเททั้งกายและจิตวิญญานเข้าไปในงานนั้นด้วย สิ่งนี้แหละครับที่ทำให้งานของเราสนุกและมีเสน่ห์ และประสบความสำเร็จกับงานชิ้นนั้น
ผมขอยกตัวอย่าง ธุรกิจอาหารแล้วกันครับ ธุรกิจนี้ดูแบบทั่วไปเป็นธุรกิจที่คู่แข่งแยะมาก ผู้คนยุคใหม่หันมาสนใจในการเปิดร้านอาหารกันมากขึ้น สาเหตุก็เพราะสังคมยุคนี้ไม่เอื้อต่อการมานั่งทำอาหารทานเองเหมือนยุคก่อน
การทำอาหารถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ทุกอย่างล้วนมีผลทำให้อาหารนั่นอร่อยหรือไม่อร่อย องค์ประกอบต่างๆ เช่น มีด อุปกรณ์ และวัตถุดิบ และที่ขาดไม่ได้ก็คือตัวพ่อครัว หรือเซฟ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งเกี่ยวเนื่องซึ่งกันและกันที่มีส่วนทำให้เราประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้
การใส่ใจในทุกรายละเอียด และการให้บริการที่เหนือความคาดหมายล้วนส่งผลให้ธุรกิจสามารถเติบโตไปอย่างรวดเร็ว เราจะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะธุรกิจอะไรล้วนอาศัยพื้นฐานเดียวกันทั้งนั้น
หลายคนที่เอาแต่นั่งมองชีวิตคนอื่น แล้วพร่ำรำพันไปว่าเมื่อไรเราจะโชคดีกับเขาบ้าง ผมไม่ใช่หมอดูนะแต่ขอตอบแทนได้เลยครับว่า ชาติหน้าแน่นอนครับ คุณต้องหันกลับมามองตัวเอง เลือกโฟกัสกับสิ่งที่คุณทำและทำมันให้ดีที่สุดก่อน เมื่อคุณอยู่กับมันได้ไม่ว่าคุณจะไปเจอโจทย์อะไรยากๆในชีวิตผมรับรองได้เลยว่า คุณจะผ่านมันไปได้อย่างสบายๆ ลองมองย้อนกลับไปดูทีผ่านมาเราผ่านมาได้อย่างไร หัดชื่นชมผู้อื่นจนเป็นนิสัย เริ่มจากการรักตัวเองก่อน หันมาใส่ใจตัวเองแล้วคุณจะพบว่าตัวคุณน่าค้นหามากแค่ไหน ลองดูครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น