เคยได้ยินเรื่องพวกนี้ไหมครับ ระหว่างรูปธรรม กับ นามธรรม
รูปธรรม คือ สิ่งที่จับต้องได้มองเห็นได้ด้วยตา
นามธรรม คือ สิ่งที่มองด้วยตาไม่ได้สัมผัสไม่ได้
ข้อแตกต่างเหล่านี้แหละครับ ที่เป็นตัวขับเคลื่อนเบื้องหลัง คอยเป็นพลังในการใช้ชีวิตให้กับเราได้ คนที่สามารถแยกนามกับรูปได้ ย่อมมองเห็นความแตกต่างข้อสิ่งไหนคือข้อเท็จจริง สิ่งไหนคือข้อคิดเห็น
ซึ่งมันสำคัญมากกับโลกในยุคนี้ ที่ทุกคนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้เท่ากันทุกคน และมีสิทธิบริโภคข่าวสารตามความสนใจที่แตกต่างกันออกไปตามชอบ ความคิดเห็น และทัศนคติของคุณ
ประเด็นก็คือ ไม่ใช่คนทุกคนที่จะรู้ได้ว่าข้อมูลที่เขาได้รับนั้นมีข้อเท็จจริงอยู่ในนั้นมากแค่ไหน มีความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับใด เรื่องของการฝึกคิดมองให้เห็นภาพ แยกนามรูปจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากครับ
บางข้อมูลไม่มีข้อเท็จจริงอยู่เลย
บางข้อมูลมีข้อเท็จจริงผสมกับข้อคิดเห็น
บางข้อมูลเป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด
บางข้อมูลเป็นแค่การเปรียบเปรยเพื่อเชื่อมโยงบางอย่างเพื่อนำไปสู่ข้อเท็จจริง
การฝึกคิดเป็นภาพจึงเป็นพื้นฐานที่ดีนะครับ ลองคิดซิครับถ้าเราสามารถให้คนทุกคนฝึกคิดเป็นภาพและมองเห็นในสิ่งเดียวกับความคิดของเรา มันจะวิเศษแค่ไหน เป็นเรื่องยากแต่ก็ไม่ยากเกินไปหากฝึกฝน การคิดเป็นภาพมันง่ายมากกว่าการฝึกเป็นระบบเชื่อมโยง เพราะเราไม่จำเป็นว่าคนทุกคนต้องเรียนจบสูง ทุกคนสามารถเข้าใจมันได้ เพราะในตัวมนุษย์ทุกคนมีจิตนาการและความคิดสร้างสรรค์ซ่อนอยู่แล้ว เพียงแค่ไม่รู้เท่านั้นเองว่าจะดึงพลังงานนั้นออกมาใช้มันได้อย่างไร
จึงเป็นเรื่องที่เราต้องฝึกจิตของเราให้แข็งก่อน ฝึกทักษะการคิดเชื่อมโยง คิดเป็นภาพและสามารถสร้างภาพของสิ่งที่เราคิด หรือต้องการให้ชัดเจนในความคิด ฝึกจนชำนาญเมื่อนั้นแหละครับ การกระทำ ผู้คน ทุกสิ่งจะดึงดูดเข้าหาคุณเอง โดยที่คุณไม่ต้องไปตามหามันหรอก ของบางอย่างตามหาทั้งชาติก็ไม่เจอ เราต้องอยู่กับสิ่งที่เป็นปัจจุบันให้แล้วเชื่อมโยงไปหาสิ่งที่เราคิด หรือต้องการให้เป็นในอนาคตได้ อนาคตก็อยู่ในมือเรา อยู่ที่เราสร้างปัจจุบันมันอย่างไร ขอให้เชื่อมั่นในตัวเอง และเชื่อมันในผู้คน เชื่อว่าการสร้างความสำเร็จเกิดจากความคิดที่ยิ่งใหญ่ ฉะนั้นคุณได้ไปต่อครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น