ในเรื่องบริบท ทางสังคมถ้าทุกคนต่างรู้หน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างดี ความวุ่นวาย ปัญหาต่างๆจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน บางทีนิสัยคนไทยเราเอาแต่เป็นกระต่ายตื่นตูมไปก่อนไม่พินิจพิจารณาให้ดีว่าสิ่งนั้นจริงหรือไม่ ความน่าเชื่อถือมีมากน้อยแค่ไหน
แต่ละุคนต่างล้ำเส้นกันและกัน อยากจะเป็นใหญ่เป็นโต ไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีไม่พอยังไปก้าวก่ายหน้าที่ของคนอื่นด้วย มองว่านั่นไม่ดี โน้นไม่ดี ให้กลับมาถามตัวเองก่อนนะครับว่าที่ไม่ดีนะเขาหรือเรากันแน่ ทุกอย่างมีกฎกติกาของมันอยู่แล้วครับ ไม่ต้องไปวุ่นวายมันให้มาก บางทีการปล่อยให้เขาได้ตัดสินใจกันเองอาจดีกว่าก็ได้
มนุษย์เรามีความคิดเห็นไม่เหมือนกัน เอาง่ายแค่ประเทศเพื่อนบ้านใกล้เรายังคิดไม่เหมือนเราเลย เพราะอะไรเหรอครับ ทัศนคติ สภาพแวดล้อมและสังคมเป็นตัวกำหนดให้คนมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไป เชื่อไหมครับคุณไปคุยกับคนที่ใช้ชีวิตแบบไม่เคยไปไหน กับพวกนักพจนภัยขอบอกเลยว่าความคิดเห็นช่างต่างกันลิบลับ
ส่วนตัวผมชอบพบปะผู้คน ชอบเรียนรู้ความคิด มุมมอง ทัศนคติของผู้คน การเป็นผู้ฟังมากๆ ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นให้มากทำให้เราได้ทราบความเป็นไปของชีวิตของคนในแต่ละคน คนไหนจะประสบความสำเร็จมันเห็นแววตั้งแต่ความคิดเขาแล้วครับ ฉะนั้นอย่าได้ไปอ้างว่าไม่มีโชคบ้างละ ไม่มีโอกาสบ้างละ โชค โอกาสเป็นสิ่งที่เราสร้างมันขึ้นมาเองได้ ไม่ต้องไปหวังพึ่งพาคนอื่น ศาสนาพุทธได้สอนเรื่องนี้เป็นอย่างดี ไม่ให้พึ่งพาคนอื่น แต่ให้เรารู้จักพึ่งพาตัวเอง หลักเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงก็ไม่เลวครับ หากทำได้มันมีประโยชน์จริงๆ
ปูรากฐานตัวเราเองตั้งแต่ยังเริ่มต้น เพราะในวันที่โอกาสวิ่งเข้ามาหาคุณ คนที่พร้อมเท่านั้นคือคนที่ได้รับโอกาสไม่ใช่เพราะโชคช่วยแต่เพราะตัวเขารู้ตัวเองดีว่า เขากำลังทำอะไรอยู่ต่างหาก วันนี้เราอาจไม่ใช่คนเก่งที่สุด แต่ไม่ได้หมายความว่าคนเก่งที่สุดคือ คนที่ประสบความสำเร็จที่สุดนะครับ มันเป็นคนละเรื่องกัน คนที่ไม่เคยท้อถอยและทำไม่หยุด ฝึกฝนพัฒนา ต่อยอดตัวเองไปเรื่อยๆ ในที่สุดเขาก็จะกลายเป็นคนเก่งเอง อยากจะไว้เป็นข้อคิดเตือนใจให้คนไทยนะครับ อย่าหลงไปตามกระแสวัฒนธรรมให้มาก ให้กลับเข้ามาอยู่กับตัวเอง กับรากเหง้าของเราจริงๆ เพราะในท้ายที่สุดมนุษย์ก็ต้องกลับคืนสู่สามัญเป็นธรรมดาของโลกครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น