ผมเห็นตอนนี้มีผู้รู้หลายคนเลยนะครับ กูรู ในแต่ละทางต่างแนะนำ โน่น นั่่น นี่ ให้กับคุณ
ทางที่เขาแนะนำอาจดีสำหรับเขา แต่อาจไม่ใช่สำหรับเราก็ได้ ลองพิจารณาให้ดีครับ
บางคนใช้เงินเป็นที่ตั้ง โดยลืมไปว่าตัวเองไม่ได้มีความสามารถในด้านนั้นสักหน่อย แค่เห็นว่าได้ตังเยอะ จนในที่สุดก็ไปต่อไปไม่ หรือที่เขาเรียกทางตัน นั่นแหละครับ เพราะคุณไม่ได้เก่งจริงในเรื่องนั้นไง คุณแค่อยากรวยทางลัด
บนโลกนี้ไม่มีทางลัดจริงๆหรอกครับ คุณลองไปถามคนรวยก็ได้ว่ากว่าเขาจะมาถึงจุดที่เขาเป็นอยุ่นี่เขาผ่านอะไรมาบ้าง ทุกคนไม่ทราบ ทุกคนอยากทราบแต่ว่าเขาสำเร็จยังไง ซึ่งนั้นเป็นแค่ผลลัพธ์ ไม่ใช่วิธีการ สิ่งที่สำคัญกว่านั่น คือวิธีการต่างหากที่คุณต้องรู้ เพราะมันคือเส้นทางของความสำเร็จจริงๆ
บางคนก็บอก COPY ความสำเร็จเขาซิครับ โหบางทีผมอยากจะบอกมากครับว่า ถ้ามันง่ายอย่างงั้น คนทั้งโลกคงรวยกันไปหมดละครับ เพราะทุกคนก็รู้ ก็เห็นข้อมูลแบบที่เราเห็นเหมือนกันนิครับ ยิ่งอายุมากขึ้น ผมว่าธรรมมะของพระพุทธองค์มันเป็นอะไรที่วิเศษจริงๆ อริยสัจ 4 (หลักธรรมที่แท้จริง)
ธรรมมะเป็นเรื่องปัจตัง รู้ได้เฉพาะตน ไม่สามารถบอกกันได้ต้องอาศัยการลงมือปฎิบัติเพราะในความเป็นจริง ทุกคนต่างกรรมต่างวาระ ไม่มีใครที่จะปฎิบัติธรรมแล้วมีวิธีแบบเดียวกันหรอกครับ ผลลัพธ์หรือปลายทางอาจเหมือนกันได้ แต่วิธีการย่อมแตกต่างกันอย่างแน่นอนตามเหตุและปัจจัย
ทีนี้ผมก็เลยมองย้อนมาในแง่ของคนที่ต้องการประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ธุรกิจ หรืออะไรก็ตาม เราเห็นผู้รู้ต่างๆ มาแนะนำให้เรามากมาย แต่เอาเข้าจริงมันกลับนำไปใช้ในทางปฎิบัติได้น้อยมากเพราะอะไรเหรอ ทุกอย่่างคือ ปัจตังไงครับ รู้ได้เฉพาะตน ต้องฝึกฝนปฎิบัติหาแนวทางเอาเอง วิธีการหรือแบบแผนเราศึกษาได้แต่ไม่สามารถเอามาใช้กับเราจริงได้ทั้งหมดครับ เหมือนธรรมมะพระพุทธองค์ ที่ท่านกล่าวไว้ว่า "คำสอนของเราก็เท่ากับเศษใบไม้ในกำมือเท่านั้นถ้าเทียบกับเศษใบไม้ที่มีทั้งป่า" ก่อนจะทำอะไรให้คิดให้รอบคอบ ทุกคนต่างตัองการผลประโยชน์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง พิจารณาให้ดี ให้รอบคอบ ก่อนนะครับ อย่าไปหวังน้ำบ่อหน้า ระวังน้ำบ่อหน้าจะไม่มีอยู่จริง โปรดเข้าใจนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น