เดี๋ยวนี้ผมเห็นมีสถาบัน ผู้รู้ต่างๆ ในประเทศไทยเรามากมาย ที่บอกว่าตัวเองเป็นผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้น
เช่น เชี่ยวชาญในเรื่องการวางแผนการเงิน เชี่ยวชาญในเรื่องการวางแผนภาษี เชี่ยวชาญเรื่องหุ้น และอีกหลายๆเรื่อง จนไม่รู้ว่า อันไหนจริง อันไหนรู้ไม่จริง ที่ผมเขียนขึ้นมานี้ไม่ได้ต้องการจะพาดพิงถึงใครนะครับ แค่อยากจะเตือนสติ พวกเราคนไทยยุคใหม่ ควรจะคิดพิจารณาให้ดี และถี่ถ้วนก่อนว่า มันคุ้มไหมกับสิ่งที่เราต้องจ่ายไป บางทีอาจได้ในสิ่งที่เป็นของไม่จริงกลับมาหรือที่เสียเงินไปเปล่าๆ มีแต่น้ำๆ เนื้อหาแทบไม่มี
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนครับ ไม่มีใครจะเป็นที่พึ่งให้เราได้ทุกอย่าง ผมว่าถ้าคุณอยากรู้เรื่องอะไร ให้เริ่มจากศึกษาด้วยตัวเองก่อน หาหนังสือที่เกี่ยวกับเรื่องที่เราต้องการจะรู้มาอ่านทำความเข้าใจเอง หาแนวข้อสอบในเรื่องที่จะไปสอบพร้อมเฉลย เมื่อถึงจุดหนึ่งค่อยไปหาผู้รู้ขอคำปรึกษาดีกว่า ผมเชื่อว่าผู้รู้เหล่านั้นเขาพร้อมจะให้คำปรึกษาคุณอยุ่แล้ว ไม่แน่อาจไม่ต้องมานั่งเสียตังสักบาทก็ได้
เราเอาแต่วิ่งตามกระเเสค่านิยมต่างๆ หากว่าได้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้แล้วจะทำให้ชีวิตเราดีขึ้น เราจะประสบความสำเร็จ แท้จริง อาจไม่ได้เป็นไปในแบบที่เรากำลังคิดก็ได้ อยากให้คุณได้ลองทบทวนตัวเองดีๆ ก่อนนะครับ อย่าไปหลงเชื่อตามคนนั่น คนโน้น ถ้าดีจริงเขาคงไม่มาบอกเราหรอกครับ คำว่าผู้ให้จริงๆ เขาแทบไม่หวังผลตอบแทน อะไรที่มาในรูปของผลตอบเเทนย่อมไม่เรียกว่าการให้ ถ้าให้ดีต้องเรียกว่า การซื้อขาย แลกเปลี่ยนจะถูกกว่า
บางคนบอกว่าตัวเองเป็นผู้ให้ เอาเข้าจริงคุณก็คือ นักขายดีๆนั่นแหละครับ ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เห็นว่าใครจะเป็นสุดยอดได้ทุกอย่างหรอกครับ ทุกคนล้วนต้องเรียนรู้ และพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ เหนือฟ้าก็ยังมีฟ้า ไม่มีใครจะอยู่เหนือไปทุกอย่างได้ ทุกอย่างมีเกิดดับ ตามสัจจธรรมของมันเป็นเรื่องธรรมดาของโลก สิ่งที่เขาบอกว่าดีอย่างนั้น อย่างนี้อาจดีครับสำหรับเขา แต่อาจไม่ใช่สำหรับเรา ลองไปคิดทบทวนดีๆนะครับ ก่อนจะตัดสินใจอะไรลงไป ชีวิตเรา เรากำหนดเองดีกว่าไม่ต้องให้ใครมานั่งบงการเราหรอกว่าจะต้องทำอะไร เราเลือกได้ด้วยตัวเอง มนุษย์ที่หวังดีกับเรามากที่สุดก็คือ ตัวเอง จำไว้นะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น