เป็นมนุษย์หากรู้เพียงแค่ปฎิบัติตามกฎเกณฑ์ ไม่มีความคิดเป็นของตัวเองเขาจึงเป็นได้แค่หุ่นเชิด หากทำงานรู้เพียงขอบเขตหน้าที่ของตัวเอง แต่กลับไม่พลิกแพลงไปตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ก็ไม่ต่างกับการกระทำตามผู้อื่น
นั่นแหละครับจึงเป็นปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ เราเดินตามใครก็ไม่รู้ ซึ่งเป็นคนกำหนดทิศทางให้เราเดินไปตามนั้น เราเห็นคนอื่นมีโทรศัพท์รุ่นใหม่ ตัวเราก็อยากได้อยากที่จะมีแบบเขาบ้าง ค่านิยมสังคมหล่อหลอมให้คนยุคนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก จนหลงลืมรากเหง้าความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเรา บางทีเราเอาแต่ทุกข์ใจกับบางเรื่องทั้งที่เป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นเลยนิดเดียว ความคิดเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก เลือกคิดแต่สิ่งที่เป็นบวก คบคนที่คิดบวกเพื่อให้ความสุขกับตัวเราเอง
ถ้าคุณปล่อยให้ความคิดลบมากัดกินหัวใจคุณมากเกินไป ไม่นานคุณก็จะกลายเป็นคนที่คิดลบและยากที่คุณจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ บางที่ปัญหาที่อยู่ตรงหน้ามันเล็กน้อยมาก แต่สาเหตุก็เพราะว่าคนเรามองในมุมที่ต่างกันนั่นเอง เลยทำให้ความคิดในการเเก้ปัญหาจึงแตกต่างกันไปด้วย คนที่คิดใหญ่เขาก็สามารถมองปัญหาเป็นเรื่องเล็ก และแก้ไขมันได้ไม่ยาก คนที่คิดเล็กมองปัญหาเป็นเรื่องใหญ่ก็ยากที่จะแก้ปัญหานั้นได้สำเร็จ
นั่นจึงเป็นสิ่งที่ทำให้คนเราแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หลายคนมองว่าเพราะว่าเขาโชคดีแต่จริงๆไม่เลย เพราะเขาฝึกฝนตัวเองมาอย่างดีต่างหาก ซึ่งเรื่องนี้ผมก็พูดไว้หลายครั้งแล้วครับ การฝึกฝนตนเองอย่างสม่ำเสมอ รู้จักพลิกแพลงไปตามสถานการณ์ รู้จักแก้ปัญหาให้ถูกจุด เมื่อคุณมองทุกอย่างเป็นเรื่องง่าย ทุกอย่างก็จะดูง่ายไปหมดครับ
สถานการณ์บางอย่างมันเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมาก หน้าที่ของเราก็การตั้งรับมือกับปัญหา และในขณะเดียวกันก็ต้องฝึกฝนเรียนรู้การแก้ปัญหาในอนาคตด้วย การอยู่นิ่งๆเพื่อฝึกฝนแก้ปัญหา ฝึกวินัยและความอดทนในตัวเราเองนั้น ถือเป็นวิชาขั้นสุดยอดที่ทุกคนจะเกรงกลัวเราได้ มองปัญหาให้เป็นเรื่องตลก ท้าทาย แล้วชีวิตคุณก็จะได้ไม่ต้องทุกข์ใจกับปัญหาอีกต่อไป การยึดอยู่กับกรอบเดิมๆ ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตคุณไปข้างหน้าได้ เราต้องรู้จักคิดแก้ปัญหาในวิธีการที่แตกต่างกันออกไป ร่วมคิดร่วมทำ ช่วยกันแก้ปัญหากันไป ทุกอย่างล้วนเป็นไปได้ถ้าใจเราสู้ ขอให้สู้ต่อไปครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น