วันอังคารที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2560

Vision Mission


ผมพยายามอ่านหนังสือเกี่ยวกับเรื่อง Vision Mission มาหลายเล่มนะครับ  บางทีก็บอกตามตรงว่าเข้าใจยากมากครับ  เพราะเนื้อหาบางอย่างก็อธิบายเป็นวิชาการมากเกินความเข้าใจได้  ผมมาอ่านเจอบทความหนึ่ง  ซึ่งพูดเรื่องนี้ได้อย่างน่าสนใจและเข้าใจแบบสรุปได้ง่ายมาก ดังนี้


Vision
วิสัยทัศน์  สิ่งที่องค์กร ต้องการจะเป็น ต้องการจะทำ นั่นคือ ความอยากเป็นอยากทำ กำหนดโดยหัวใจของผู้บริหาร หรือพนักงานขององค์กกร  เป็นดั่งเข็มทิศ เป็นดั่งดาวเหนือ ที่คอยนำทงให้ ทุกคนในองค์กรเดินตามไปในทิศทางเดียวกัน
สมองซีกขวา บอกว่า Vision คือ ความฝัน ของผู้บริหาร หรือผู้กำหนดวิสัยทัศน์ซึ่งอาจเป็นองค์กร หรือผู้ถือหุ้นก็ได้


เราสามารถกำหนด Vision ว่าจะทำให้ได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด อาจจะเป็น 3 5 10 หรือ 20 ปี ก็ได้

Mission
พันธกิจ วิธีการต่างๆ ที่จะทำให้บรรลุไปสู่ วิสัยทัศน์ Vision
สมองซึกขวา บอกว่า Mission คือ ทางสู่ ความฝันของผู้บริหารที่สำคัญ คือ ต้องมี วิธีการใดๆ ก็ตามที่สามารถทำให้เป็นจริงได้ตามความฝันนั้น ถ้ากำหนด vision ได้แต่ไม่เขียน mission ได้ก็แปลว่า
vision ที่คุณทำนั้น เกินความสามารถที่จะทำได้  ทำให้ vision จะกลายเป็นเรื่องไร้สาระทันที

ดั้งนั้น Vision และ Mission ที่ดีจะต้องสัมพันธ์กัน  ถ้าวิสัยทัศน์ เปรียบเหมือนเป้าหมาย พันธกิจ ก็เปรียบเสมือน Milestone ที่จะทำให้ไปสู่เป้าหมาย วิสัยทัศน์และจินตนาการ เป็นเรื่องเดียวกัน

 Milestone คือหลักกิโลเมตรที่ตั้้งอยู่ริมถนนสายหลัก  มีไว้เพื่อบอกระยะทางจากจังหวัดหนึ่งถึงจังหวัดหนึ่ง

อ่านแค่นี้ผมว่าผู้อ่านเข้าใจได้เลยนะครับ  บางทีการที่เราปล่อยให้ตัวเราเองคิดอะไรที่มันลึกลับซับซ้อนยากเกินไป  จนเราหาจุดจบของเรื่องนี้ไม่เจอมันพันก็ไปหมดนั่นก็เพราะ  มุมมองในการมองปัญหาต่างๆ  และมุมมองของชีวิตคุณนั่นเอง  ลองฝึกคิด ทำ อะไรง่ายๆดูครับ  ความสำเร็จมันเริ่มจากการเข้าใจพื้นฐานต่างๆนั่นเองครับ  ไม่ใช่การไปตีความอะไรที่มันยุ่งยากซับซ้อน

มองทุกอย่างให้เป็นเรื่องง่าย  อย่าไปคิดว่าเจอปัญหาติดนั่น โน่น นี่ แล้วชีวิตคุณก็ไปต่อไม่ได้แล้ว ความกลัวกับความกล้า  คือสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกัน  ชีวิตคุณเลือกได้ครับว่าจะทำแบบไหน  การไม่เลือกต่างหากที่จะทำให้ชีวิตคุณไม่ก้าวไปข้างหน้าต่อ  ในที่นี้ผมไม่ได้ต้องการให้คุณใจร้อนตัดสินใจรีบไปซะทุกอย่าง  บางทีเราก็ต้องรู้จังหวะในชีวิตด้วยครับ  ว่าเวลาไหนเหมาะสมที่สุด 

เพราะในที่สุดคุณก็ต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่างอยู่ดี  ไม่ช้าก็เร็วแต่กลับเรื่องที่มันไม่สามารถจัดการได้จริง ๆ  สิ่งที่ทำได้ก็คือปล่อยวาง  แต่ไม่ได้หมายถึงดูดายไปนะครับ  เรายังต้องแก้ปัญหาอยู่แค่ถอยออกจากมันไปทำอย่างอื่นก่อน  แก้ปัญหาอย่างอื่นก่อน  พอแก้ปัญหาไปทีละจุดแล้วคุณก็จะเข้าใจถึงความเรียบง่ายในชีวิตเองแหละครับ  จงเชื่อมั่นในตัวเองครับ  อย่าไปฟังเสียงคนอื่น


ไม่มีความคิดเห็น:

กล้าที่จะแตกต่างและเป็นตัวเอง

เรียกว่าห่างหายกันไปนานมากเลยครับ  ช่วงที่ไปพักกายพักจิตใจ  ทำให้เราสามารถแยกแยะได้ว่า  อะไรที่จำเป็นและสำคัญกับชีวิตของเรากันแน่   คนบางคนผ...