คุณเคยเป็นไหมครับ ทะเลาะกับพ่อแม่ หรือญาติผู้ใหญ่ เกี่ยวกับความคิดเห็นเกี่ยวกับอาชีพหรือการงาน
คนเราแต่ละ generation มีความแตกต่่างกันมาก (รายละเอียดศึกษาจากเวปทั่วไปได้ครับ)
การที่คนเราเกิดมาในยุคที่ต่างกัน ทำให้มุมมองความคิดและทัศนคิตแตกต่างกันมาก
ในยุคของ Gen X มักจะมองเรื่องของความมันคงในองค์กร ได้ทำงานราชการหรือองค์กรที่มั่นคง และจะไม่ค่อยเปลี่ยนงานบ่อย พูดง่ายๆก็คือ สามารถฝากผีฝากไข้ได้กับบริษัทหรือหน่วยงานนั้น การส่งลูกไปเรียนต่างประเทศทำให้กลับมาทำงานในตำแหน่งหน้าที่ๆ ใหญ่โตได้
ในยุคของ Gen Y เป็นยุคที่เกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยีเริ่มเข้ามามีบทบาททางสังคมมากขึ้น ผู้คนหันมาสนใจในธุรกิจใหม่ๆ เป็นต้นว่า ธุรกิจ Start up เป็นต้น ยุคนี้เป็นยุคที่เปลี่ยนงานกันบ่อยขึ้น และมองว่าการทำงานที่จะหวังพึ่งพา บริษัท และมีรายได้ทางเดียวนั้นไม่สามารถที่จะดำรงชีวิตได้ง่ายเลยในยุคสมัยนี้ และเชื่อว่าการเรียนให้สูงขึ้นเป็นการเปิดโอกาสใหม่ รวมถึงการเรียนภาษาต่างประเทศด้วย
ในยุคของ Gen X ยุคนี้เป็นเด็กรุ่นใหม่ไฟแรง พวกเขาเติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีเป็นตัวเชื่อมทุกอย่าง เด็กยุคนี้ฉลาดกว่าสองยุค และมีความคิดที่แหวกแนวออกไปมาก เขาไม่เชื่อว่าระบบการศึกษาจะทำให้ชีวิตพวกเขาเปลี่ยนไปได้ เขามองการทำงานที่ไม่จำเป็นต้องมีออฟฟิต สามารถทำงานที่ไหนก็ได้ และการทำงานบริษัทหรือหน่วยงานของภาครัฐก็ไม่ได้มั่นคงเสมอไป ยังมีโอกาสท้าทายใหม่ๆ เป็นพวกชอบเรียนรู้และลองกับสิ่งใหม่ เขาเชื่อว่าสามารถสร้างธุรกิจได้ และเรียนควบคู่ไปได้โดยไม่ยึดติดกับรูปแบบการศึกษาเดิมๆ
เราจะเห็นได้ว่าวิถึชีวิตคนเรามันเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย การทะเลาะกับผู้ใหญ่ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเราเติบโตมาในคนละยุค ต่างมีเหตุผลด้วยกันทั้งนั้น เราไม่สามารถมาตัดสินได้หรอกครับว่า สิ่งที่เราคิดนั้นมันถูกหรือผิด เหนือสิ่งอื่นใดผมว่าไม่ว่าจะยุคสมัยใด ทุกคนโดยเฉพาะคนที่ประสบความสำเร็จมากกว่าคนอื่น นั่นก็คือ เขามีความคิดที่แตกต่างมากกว่า เขาพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ไม่ปล่อยให้โอกาสดีๆ หลุดลอยไปจากชีิวิตของเขา อีกทั้งยังพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ให้กับตัวเขาเองอยู่ตลอดเวลา
-เตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนแปลง
-เตรียมพร้อมกับการรับมือกับปัญหาต่างๆ
-เตรียมพร้อมกับการเรียนรู้สิ่งใหม่
-เตรียมพร้อมกับการสร้างโอกาสใหม่ๆ และรับโอกาสใหม่โดยไม่ให้มันหลุดลอยไป
ความพร้อมจึงทำให้คนเราไปได้ไกลกว่ากัน ไม่มีประโยชน์ที่เราจะเอาตัวเราไปเปรียบเทียบกับใคร เพราะแต่ละคนต่างก็มีเป้าหมายในการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกันไป ทุกคนสามารถประสบความสำเร็จ ในสิ่งที่ตัวเองได้ตั้งใจเอาไว้ได้ หากไม่ยอมลดละและพยายามอยู่เรื่อยไปอย่างสม่ำเสมอ บางทีความกล้่าและบ้าบิ่นเท่านนั้นที่เปลี่ยนโลกใบนี้ คิดอะไรแต่ในกรอปทำให้คุณจำกัดตัวเองอยู่แต่ในกรอปเดิมๆ ไม่ก้าวไปข้างหน้าสักที
บางทีมันก็ต้องถึงเวลาเลือกอะไรบางอย่างให้กับตัวเองแล้วครับ บางทีโอกาสมันก็มาพร้อมกับความเสี่ยงในชีวิตนั่นแหละครับ เป็นไปไม่ได้ที่ชีวิตเราไม่เจอปัญหาอะไรเลย แล้วมันจะจบแบบละครน้ำเน่า เพราะมันคือชีวิต เราเลยต้องเจอบททดหนักๆ ยิ่งเป้าหมายใหญ่ ปัญหาและอุปสรรคก็จะยิ่งใหญ่ตาม เวลาที่คุณนึกอะไรไม่ออก ผมขอให้คุณลองคิดหลายๆมุม มองในสิ่งที่ต่างออกไป อย่าพยายามยึดติดสิ่งเดิม และแก้ปัญหาด้วยวิธีการเดิม อยู่ใกล้กับคนที่มีไฟเท่านั้น เพราะคนเหล่านี้จะมีพลังงานดึงดูดบางอย่าง ให้คุณกล้าและพร้อมปลุกไฟในตัวคุณขึ้นมา เสมือนมีเชื้อไฟอยู่ในตัว
อย่าให้ใครมาตัดสินอนาคตคุณ ด้วยการบอกว่าคุณทำอะไรก็ไม่ได้เรื่อง ไม่มีความอดทนทำอะไรก็จับช่ายไปเรื่อย เขาจะคิดอย่างไรปล่อยเขาไปครับ ไม่มีเวลาที่จะไปโกรธหรือโทษเขา หน้าที่ของเราคือเชือ่มั่นในสัญชาตญาตของตัวเราเอง มีความมุ่งมั่นและพยายามอย่างไม่ลดละ มีวินัยในการสร้างความสำเร็จอย่างสม่ำเสมอ
บางทีการที่เราล้มเหลวครั้งหนึ่ง นั่นก็เพื่อเตือนสติให้เราว่าต่อไปเราจะต้องไม่ประมาท และรู้จักประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าเอาไว้ เผื่อความผิดหวังและล้มเหลวไว้บ้าง ล้มได้แต่ต้องรีบลุกขึ้นมาใหม่ให้ไว้ โลกนี้ไม่มีอะไรยาก คุณอยากเป็นอะไร ทุกอย่างในโลกใบนี้ขอให้เชื่อว่าคุณเป็นได้หมดละครับ ลองศึกษาต้นแบบของคุณ ค่อยๆแกะวิธีการและรูปแบบความสำเร็จของเขา เดินตามรอยเขาแต่ก็รู้จักปรับเปลี่ยนวิธีการในแบบฉบับของเราเอง เชื่อว่าคุณมีความสามารถในการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์อยู่แล้วครับ หามิเช่นนั้นแล้ว คนอย่างคุณคงไม่กล้าเดินมาถึงจุดนี้ได้
บางทีเราก็มาไกลเกินกว่าจะถอยหลังกับไปแล้ว ชีวิตถ้าจะล้มก็ขอให้มันล้มไปข้างหน้าจะดีกว่า การจ่มปลัก มั่วแต่ปล่อยให้ตัวเองทุกข์ใจหรือเสียใจอะไรนานๆ ย่อมทำให้คุณหมดไฟ และอาจเป็นโรคซึมเศร้า นึกถึงคนที่อยู่ข้างหลังให้มากๆ ทำให้เขาภูมิใจให้ได้ ไม่ว่าเขาจะอยู่หรือไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้วก็ตาม เขาจะต้องภูมิใจในตัวของเราอย่างแน่นอน จำคำสอนเหล่านั้นของพวกท่านให้ดี แล้วมันจะพาชีวิตท่านให้เปลี่ยนไปตลอดกาล
สิ่งที่กำหนดทุกอย่างคือตัวคุณเอง ถ้าคุณมีความเชื่อที่มากพอ ความเชื่อเหล่านั้นก็จะเปลี่ยนชีวิตคุณอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่มีใครดับฝันคุณได้นอกจากตัวคุณนั่นแหละ ฉะนั้นจะก้าวไปด้วยกัน อย่าทรยศความฝันของตัวเอง ผมก็เป็นคนหนึ่งที่จะมุ่งมั่นและเดินตามความฝันของตัวเองให้จนได้ ทางจะยาวไกลแค่ไหนไม่สำคัญ ถ้าปลายทางมันคือสิ่งที่เรารัก สวัสดีปีใหม่เมืองครับ