วันจันทร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2561

โรคขี้เกียจ


ผมว่าทุกคนคงเคยเป็นโรคนี้กันทุกคนแน่นอนครับ  บางทีเราตั้งใจจะทำอะไรแต่ในที่สุด  ก็ล้มเลิกความตั้งใจไปกลางคัน  ไม่เป็นไปดังที่หวังทันที  สาเหตุก็เพราะว่า เป้าหมายที่เราทำมันอาจใหญ่เกินไป ยกตัวอย่างเช่น  คุณตั้งใจจะอ่านหนังสือเล่มหนาๆที่มีเป็นพันหน้าให้จบ  การที่คุณไปเร่งรัดมันสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณนั่นก็คือ ความเครียดจนทำให้รู้สึกท้อ  วิธีแก้ไม่ยากครับ

นั่นก็คืออย่าไปหนึ่งว่าเรากำลังอ่านหนังสือเล่มหนาพันหน้าซิครับ  แต่ให้ฝึกตัวเองอย่างน้อยวันละ 10 หน้าก็ยังดี  จะทำให้เราได้มีกำลังใจในการอ่านหนังสือมากขึ้น  และสามารถสำเร็จได้ดังที่เราปรารถนา  การที่เรามานั่งจมอยู่กับอะไรมากไป  โดยที่ไม่ได้เริ่มทำอะไรสักอย่าง สิ่งเหล่านั้นรังแต่จะทำให้เราทุกข์ใจเปล่า  การมองความสำเร็จโดยแบ่งเป็นขั้นๆ นั้นทำให้เรามองปัญหาได้ทะลุปรุโปร่ง  

การทำอะไรก็ตามแต่ต้องอาศัยความอดทน  มีน้ำใจเป็นนักกีฬามองทุกอย่าง แล้วหาทางแก้ปัญหาให้ได้  อย่าให้ใครมากำหนดดวงชะตาของคุณ   ตัวคุณเองต้องเป็นคนกำหนดทุกอย่าง  ใช้อารมณ์ในการแก้ปัญหาอย่าตีโพยตีพายไป  ใช้สติในการแก้ไขปัญหารู้จักมีเหตุผล  ต่อไปภายภาคหน้าทุกอย่างจะดีเอง  ต้องรู้จักการวางตัวที่ดี  แล้วใช้ความมานะพยายามอดทนผ่าฝันกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆ  เคยได้ยินไหมครับว่า  ปัญหามันก็คือยาดี  เมื่อเราได้รับยาต้านที่ดี  ก็ทำให้ร่างกายเราแข็งแรง  มีภูมิคุ้มกันที่ดีได้  

ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ทุกอย่างเอง  บางทีเรากลัวการไม่กล้าตัดสินใจออกไปทำอะไรใหม่ๆ  บางทีความกลัวก็ทำให้เราย่ำอยู่กับที่  บางทีความกลัวก็ทำให้เรารู้สึกอ่อนแอไปหมด  ทางที่ดีที่สุดก็คือ การหาทางออกให้กับความกลัว  ก็คือกล้าที่จะเดินออกจากความขึ้เกียจ  มองไปข้างหน้า คาดหวังถึงผลลัพธ์ที่ดีกว่านั้นอนาคต  บอกกับตัวเองเลยว่าวันพรุ่งนี้มันจะต้องดีกว่าเดิม  ฉันจะต้องเป็นคนใหม่  มีความหวัง และความปรารถนาที่จะประสบความสำเร็จอย่างแรงกล้า  อย่าให้ใครมาดูถูกคน  อย่าไปสนใจคำคนให้มาก  ยืนหยัดกับเป้าหมายและสิ่งที่คุณทำ  หนักแน่นกับมันและไม่ลดละกับมัน  ความสำเร็จมีให้กับคนที่ชนะเท่านั้น  ผมเชื่อว่าคุณจะผ่านมันไปได้ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

กล้าที่จะแตกต่างและเป็นตัวเอง

เรียกว่าห่างหายกันไปนานมากเลยครับ  ช่วงที่ไปพักกายพักจิตใจ  ทำให้เราสามารถแยกแยะได้ว่า  อะไรที่จำเป็นและสำคัญกับชีวิตของเรากันแน่   คนบางคนผ...